ณ จุดหนึ่งความอยากมี อยากได้ มันทำให้เราต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
แล้วจุดไหนละที่เรียกว่าสุข มันขึ้นอยู่ที่มุมมองแต่ละคนว่าจุดไหนจะเพียงพอ
"พื้นฐานชีวิต" ที่อยู่อาศัย ยา อาหาร เสื้อผม แน่นอนใครมีสิ่งเหล่านี้ มันเป็นพื้นฐานที่ดี
แต่สังคมปัจจุบัน ต้องมีองค์ประกอบเพิ่มเติ่มคือ รถ โทรศัพท์ อินเตอร์เนต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีก็ได้แต่ก็จำเป็นต้องมี (ดูวุ่นวายสับสน)
และถ้าเราไม่มีในสิ่งที่ว่ามาละ ทำไง
1. หารายได้
2. หาเงินกู้
แล้วมนุษย์ยุคสมัยนี้เลือกอะไรที่มันง่ายที่สุดอยู่แล้ว "เงินกู้" ปัญหาชีวิตจึงบังเกิด การเข้าไปอยู่ในวงจรนี้แสนง่าย แต่การที่จะออกมานั้นยากนัก ทุกข์จึงเกิดแน่นอนถ้าเทียบแล้วมันทำให้เรามีความสุข ณ ตอนนั้น มนุษย์เลือกกันอยู่แล้ว
กลับมาเข้าเรื่องรายได้ ทุกคนต้องทำงานเพื่อหาเงิน แต่เราจะทำอย่างไรให้เงินที่หามานั้นมันเป็นเงินที่ทำให้เรามีความสุขอย่างยั่งยืน
ดื่มสุราหรอ แน่นอนสุขมาก สุขทั้งคืนแล้วเช้ามา คุณก็ทุกข์ทันทีใช่ไหม
ซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆหรอ แน่นอน ของเหล่านี้บางชิ้น 1 ปี บางชิ้น2ปีเสีย หรือโดยเฉลี่ยน 10ปีเสีย แต่เรามั่งจะใช้เงินกับสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างมาก ทำงานมีเงินเก็บ 200,000 บาท ไปดาวรถ ผ่อนอีก 5 ปี ผ่อนเสร็จออกคันใหม่ต่อ วัฐจักรเหล่านี้เมื่อไหร่จะหมดไป
มีบ้านหลังใหม่ใหญ่กว่าเดิม.... คุณต้องผ่อนอีก 30 ปี คุณเริ่มทำงานอายุ 25 ปี แสดงว่าคุณผ่อนหมดก็ปาไปอายุ 55 ปี อีก 5 ปี เกษียร โอ้....
ทำอย่างไรละให้เราสุขกับรายได้ของเรา "เพียงพอ" คำพุดง่ายๆ แต่ช่างทำยากซะเหลือเกิน
ปัจจุบันหากถามคนที่มีบ้าน มีรถ ไม่มีหนี้ ถามว่าสุขไหม ก็คงตอบว่าสุข แต่จะมีซักกี่คนที่มีสิ่งเหล่านี้ครบก่อนอายุ 30ปี
แต่หากถามว่าที่บ้านเกิด มีบ้านไหม มีรถไหม อาจจะมีคนตอบว่ามีมากขึ้น แต่ถามต่ออีกว่าแล้วมีหนี้ไหม ส่วนใหญ่น่าจะตอบว่า "มี"
สิ่งเหล่านี้เราจะตอบว่าเป็นความผิดของพ่อและแม่ ส่วนหนึ่งมันก็ถูก และมันจึงต้องย้อนถามตัวเราเอง ในปัจจุบันว่าเราจะทำให้ลูกๆเราเป็นเหมือนเราอีกไหม
GEN Y เป็นคนเข้าใจเทคโนโลยี เรียนรู้ง่าย อยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง มุ่งมันสูง แต่ข้อเสียคืนขี้เกียจ ไม่ขยัน ความอดทนต่ำ เรามาช่วยกันเปลี่ยนทฤษฎีนี้กันเถอะ รายได้ โบนัสเข้ามา เก็บก่อนที่เหลือค่อยเอามาใช้จ่าย หากที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้วก็ควรรีบสานต่อ หากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเองให้เริ่มจาก 0 และค่อยๆก้าวไปอย่างมั่นคง อย่าไม่หลงเชื่อว่าต้องขยายตลาดให้เร็วเพราะเร็วไปใช้จะดี มีล้มให้เห็นเยอะไป เพราะธุรกิจเดี๋ยวนี้แข่งขันกันสูง ขายสบู่จนต้องใช้ตัวเข้าแลกก็เยอะไป
สุขให้ได้กับปัจจุบัน และอย่าลืมเก็บไว้เผื่ออนาคตบ้าง
กระทู้นี้นั่งพิมพ์เพลินๆ จะพิมพ์ให้จบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในหนังคงเป็นไปได้ยากเพราะไม่รู้จะจบยังไงจริงๆ ก็คนเรามันคิดและใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน
การใช้ชีวิตให้มีความสุข สำคัญกว่าใช้ชีวิตเพื่อหาเงิน
แล้วจุดไหนละที่เรียกว่าสุข มันขึ้นอยู่ที่มุมมองแต่ละคนว่าจุดไหนจะเพียงพอ
"พื้นฐานชีวิต" ที่อยู่อาศัย ยา อาหาร เสื้อผม แน่นอนใครมีสิ่งเหล่านี้ มันเป็นพื้นฐานที่ดี
แต่สังคมปัจจุบัน ต้องมีองค์ประกอบเพิ่มเติ่มคือ รถ โทรศัพท์ อินเตอร์เนต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีก็ได้แต่ก็จำเป็นต้องมี (ดูวุ่นวายสับสน)
และถ้าเราไม่มีในสิ่งที่ว่ามาละ ทำไง
1. หารายได้
2. หาเงินกู้
แล้วมนุษย์ยุคสมัยนี้เลือกอะไรที่มันง่ายที่สุดอยู่แล้ว "เงินกู้" ปัญหาชีวิตจึงบังเกิด การเข้าไปอยู่ในวงจรนี้แสนง่าย แต่การที่จะออกมานั้นยากนัก ทุกข์จึงเกิดแน่นอนถ้าเทียบแล้วมันทำให้เรามีความสุข ณ ตอนนั้น มนุษย์เลือกกันอยู่แล้ว
กลับมาเข้าเรื่องรายได้ ทุกคนต้องทำงานเพื่อหาเงิน แต่เราจะทำอย่างไรให้เงินที่หามานั้นมันเป็นเงินที่ทำให้เรามีความสุขอย่างยั่งยืน
ดื่มสุราหรอ แน่นอนสุขมาก สุขทั้งคืนแล้วเช้ามา คุณก็ทุกข์ทันทีใช่ไหม
ซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆหรอ แน่นอน ของเหล่านี้บางชิ้น 1 ปี บางชิ้น2ปีเสีย หรือโดยเฉลี่ยน 10ปีเสีย แต่เรามั่งจะใช้เงินกับสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างมาก ทำงานมีเงินเก็บ 200,000 บาท ไปดาวรถ ผ่อนอีก 5 ปี ผ่อนเสร็จออกคันใหม่ต่อ วัฐจักรเหล่านี้เมื่อไหร่จะหมดไป
มีบ้านหลังใหม่ใหญ่กว่าเดิม.... คุณต้องผ่อนอีก 30 ปี คุณเริ่มทำงานอายุ 25 ปี แสดงว่าคุณผ่อนหมดก็ปาไปอายุ 55 ปี อีก 5 ปี เกษียร โอ้....
ทำอย่างไรละให้เราสุขกับรายได้ของเรา "เพียงพอ" คำพุดง่ายๆ แต่ช่างทำยากซะเหลือเกิน
ปัจจุบันหากถามคนที่มีบ้าน มีรถ ไม่มีหนี้ ถามว่าสุขไหม ก็คงตอบว่าสุข แต่จะมีซักกี่คนที่มีสิ่งเหล่านี้ครบก่อนอายุ 30ปี
แต่หากถามว่าที่บ้านเกิด มีบ้านไหม มีรถไหม อาจจะมีคนตอบว่ามีมากขึ้น แต่ถามต่ออีกว่าแล้วมีหนี้ไหม ส่วนใหญ่น่าจะตอบว่า "มี"
สิ่งเหล่านี้เราจะตอบว่าเป็นความผิดของพ่อและแม่ ส่วนหนึ่งมันก็ถูก และมันจึงต้องย้อนถามตัวเราเอง ในปัจจุบันว่าเราจะทำให้ลูกๆเราเป็นเหมือนเราอีกไหม
GEN Y เป็นคนเข้าใจเทคโนโลยี เรียนรู้ง่าย อยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง มุ่งมันสูง แต่ข้อเสียคืนขี้เกียจ ไม่ขยัน ความอดทนต่ำ เรามาช่วยกันเปลี่ยนทฤษฎีนี้กันเถอะ รายได้ โบนัสเข้ามา เก็บก่อนที่เหลือค่อยเอามาใช้จ่าย หากที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้วก็ควรรีบสานต่อ หากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเองให้เริ่มจาก 0 และค่อยๆก้าวไปอย่างมั่นคง อย่าไม่หลงเชื่อว่าต้องขยายตลาดให้เร็วเพราะเร็วไปใช้จะดี มีล้มให้เห็นเยอะไป เพราะธุรกิจเดี๋ยวนี้แข่งขันกันสูง ขายสบู่จนต้องใช้ตัวเข้าแลกก็เยอะไป
สุขให้ได้กับปัจจุบัน และอย่าลืมเก็บไว้เผื่ออนาคตบ้าง
กระทู้นี้นั่งพิมพ์เพลินๆ จะพิมพ์ให้จบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในหนังคงเป็นไปได้ยากเพราะไม่รู้จะจบยังไงจริงๆ ก็คนเรามันคิดและใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน