สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว pantip เราจะมารีวิวที่พัก 'ฟรี' ที่เกาหลี ฮิ้วววว มันเป็นยังไง น่ากลัวไหม เจ้าของบ้านนิสัยแบบไหน วันนี้เราจะมาเล่าให้อ่านแบบหมดเปลือกเลยนะคะ(ไม่รู้จะหมดไหมนะคะ)..บอกก่อนว่าเล่าไม่เก่งเลย อาจจะงงๆ บ้าง สงสัยตรงไหนหลังไมค์มาถามเพิ่มเติมได้นะคะ
หมายเหตุ :: รูปทุกรูปได้ขออนุญาตเจ้าของรูป เจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ
เราหาบ้านอยู่ฟรีได้จากที่ไหน ??
เกริ่นก่อนว่าเรามีเพื่อนต่างชาติเยอะมาก ได้จากการเดินทางคนเดียวทั้งนั้น TT จขกท.เป็นคนชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ไม่ชอบคุยกับคนรู้จัก เพราะขี้อายมาก มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ...เมื่อปีก่อนๆ เพื่อนชาวฮ่องกงของเราค่ะ เขาได้แนะนำเว็บๆ นึงมาให้เรารู้จัก ซึ่งเป็นเว็บหาที่พักฟรีสำหรับนักเดินทาง หลายๆคนน่าจะรู้จักกันแล้ว เพื่อนคนนี้เขารู้ว่าเราชอบเกาหลีมากๆ เขาเลยบอกว่าถ้าอยากลองฝึกใช้ภาษา หรืออยากรู้วัฒนธรรมและนิสัยที่แท้จริงของคนเกาหลีให้ลองไปพักบ้านคนเกาหลีดู ตอนแรกไม่ได้กะจะหาที่พักฟรีเลย แค่ลองส่งไปเล่นๆ ดูว่าจะมีคนรับไหม เราส่งไปประมาณ 9 คน โดนปฏิเสธไปถึง 6 คนเลยทั้งๆที่เขียนบรรยายถึงสรรพคุณตัวเองยาวเหยียด แต่ไม่มีใครเอาหนูเลย ปิดประตูใส่หน้ารัวๆ T^T
จนเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังจากส่งคำขอไป มีคนตอบกลับมาค่า .. โปรไฟล์เป็นรูปผู้ชายหันหลังถือกล้อง วิวยุโรป ซึ่งเราชอบโฮสต์คนนี้เพราะเขาระบุอาชีพว่าเป็นช่างภาพ(แถมทำงานที่คังนัมด้วย) เราเลยมโนไปเองว่าบ้านต้องเป็นสตูดิโอเก๋ๆ มีภาพถ่ายสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
ในส่วนของหน้าตาโอปป้าหน้าลุงท่านนี้ที่โชว์ในเว็บก็ตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ (ซึ่งตอนนี้ลบออกไปแล้ว คงเพราะเราไปบอกว่ารูปกับตัวจริงมัน...)
โอปป้าหน้าลุงท่านนี้ชื่อ จินซู อายุ 25 ขวบ ส่วนสูงและน้ำหนักไม่ทราบเลยค่ะ (?)
ด้วยความดีใจเราก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิดและไม่ลังเล พี่คะหนูขี้เกียจเข้าเว็บมาเช็คข้อความ รบกวนติดต่อกลับทาง kakao talk ทีนะคะ
ก็ปา ID ไป ผ่านไป 7 วัน .. ยังค่ะ .. ยังไม่มีใครทักมา T^T เริ่มใจหวิวๆ
จนประมาณ 10 กว่าวัน เสียง kakao talk ดังค่า รีบเปิดดูด้วยความตื่นเต้นและลุ้นมากๆ
โอปป้าหน้าลุง : สวัสดี
เรา : คุณจินซูหรอคะ
โอปป้าหน้าลุง : ใช่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็คุยรายละเอียดกัน เราก็ถามไปว่าเราจะไปที่พักได้ยังไง โอปป้านางก็ตอบกลับมาว่า 'นั่งรถไฟจากสนามบินมาจ้า'
เออ... ตูรู้แล้ว ตูหมายถึงจะไปบ้านลุงยังไงคะ เราก็เลยยิงคำถามใหม่ไปว่า 'บ้านอยู่แถวไหนคะ จากซับเวย์ไปบ้านยังไง ส่งแผนที่ให้ฉันได้ไหม'
นางก็ตอบมาว่า 'บ้านผมอยู่ที่ Hoegi ได้ๆ' แต่แล้วก็หายไปเป็นเดือน TT ใจเริ่มไม่ดี ใกล้จะบินแล้ว จะทวงก็ไม่กล้าทวง กลัวนางหาว่าเราจิก ไปอยู่ฟรีแล้วยังจะไปจิกเจ้าของบ้านอีก เราก็เลยได้แต่เงียบอย่างลุ้นๆ จนก่อนวันเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์ นางก็ทักมาพร้อมกับส่งรูปมาค่ะ
แท่น แทน แท๊นนนนน ...
ภาพค่ะ! พร้อมข้อความแนบมา 'วันนี้ผมไปถ่ายรูปมา มันดีไหม ช่วยดูให้หน่อย'
คือเดี๋ยววววว เดี๋ยวนะลุง.. คือไหนแผนที่ !!! map ค่ะ map ฉันต้องการแผนที่บ้าน หนูรู้ว่าลุงอาจจะเป็นคนตลก แต่หนูไม่คิดว่าลุงจะตลกขนาดนี้ แต่เราก็ไม่กล้าทวงอยู่ดี ก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า โห สวยมากเลยค่ะ บลา บลา อวยมันเข้าไป เผื่อมันจะให้กินฟรี และจบด้วยการฟอลโล่ว ig ค่ะ TT
ในส่วนของรูปโอปป้าในไอจีนั้นก็.. ผอมๆ แห้งๆ ดูเฉิ่มๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เราก็ดูรูปแท็ก เห็นมีรูปถ่ายกับคุณออมม่าที่บ้านด้วย เริ่มใจชื้นขึ้นมานิดๆ
โอปป้าหน้าลุงดูไม่ได้เรื่องเลย สงสัยต้องพึ่งพาออมม่าแทน เริ่มมโนว่าตอนเช้าตื่นมาจะได้กินกับข้าวที่ออมม่าทำให้ก่อนออกจากบ้าน
แล้วนางก็หายไปอีกค่ะ จนก่อนวันเดินทางประมาณ 7-8 วันเราเลยทักไปว่า
'พี่คะ อย่าลืมส่งแผนที่บ้านให้ฉันนะ' แต่ไม่เปิดอ่านค่ะ T^T เอ๊ะยังไง .. จะรอดไหม แต่ก็ยังหวังลึกๆ ในใจว่าต้องมีคนตอบกลับมาแหละ
จนช่วงเย็นๆ พี่แกก็ตอบกลับมา แชร์ที่อยู่บ้านมาให้ โอ้ยยยย ดีใจมากค่ะตอนนั้น แต่เป็นภาษาเกาหลีหมดเลย อ่านไม่ออกค่ะ ช่วยได้มาก !!
เราเลยถามกลับไปว่าถ้าเราหลงทางล่ะ พี่แกก็บอกถ้าหลงทางให้โทรมาและทิ้งเบอร์ไว้ให้เรา เราเลยถามต่อว่าฉันจะเข้าบ้านยังไงคะ ไปเอากุญแจที่ไหน แต่พี่แกไม่ตอบ ... แล้วพี่แกก็หายสาบสูญไป จนถึงวันเดินทาง เราเลยทักไปว่า
'พี่คะ พรุ่งนี้เจอกันนะ' แต่แล้วพี่แกก็อ่านและไม่ตอบตามเคย โห่ยยยย พี่คะ.. หนูใจคอไม่ดีเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร สงสัยออมม่าอยู่ที่บ้าน
จนกระทั่งเราเดินทางถึงประเทศเกาหลีใต้โดยสวัสดิภาพ เช่า wifi อะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็จัดการต่อ wifi เลย ..
พอต่อ wifi เท่านั้นแหละค่ะ แจ้งเตือนคาทกเด้ง พรึ่บๆๆๆ รูปเป็นสิบๆ รูป เด้งขึ้นมา ตั้งแต่ลงจากซับเวย์เดินไปทางไหน เจอป้ายอะไรบ้าง ตรงไหนมีร้านอะไรบ้าง ละเอียดมากๆ พร้อมกับ password ประตู (เอ้า ไม่ได้ใช้กุญแจหรอกหรอ แหะๆ)
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสถานี Hoegi ท่ามกลางความร้อนระอุและแสงแดดอันเจิดจ้าที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนจะเป็นลม..
เราก็เปิดดูรูปที่โอปป้าหน้าลุงส่งมาให้ .. และมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย งงมาก ร้านนี้อยู่ตรงไหน แล้วฉันควรจะเดินไปทางซ้ายหรือขวาดี TT
พึ่งพารูปคงไม่รอด เปิด GPS หาแล้วกัน
และแล้วว และแล้วววว.. เราก็หลงทางจนได้ เดินวนไปวนมาอยู่ประมาณ 15 นาที น้ำตาจะไหล แต่ในความซวยก็ยังมีความโชคดีอยู่ น้องโอปป้ามัธยมคนนี้คงเห็นว่าเราเดินวนๆ งงๆ อยู่นาน น้องยืนอยู่แถวร้านสะดวกซื้อ น้องเลยเข้ามาถาม เราเลยเอารูปกับที่อยู่บ้านให้ดู น้องชายผู้หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มก็เลยเดินไปส่งเราถึงซอยบ้านเลย ขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง ระหว่างทางที่เดินจูงจักรยานไปส่งผู้หญิงน่ารักๆ แบบเรานั้น(?) เราก็เลยได้คุยกับน้องนิดหน่อย น้องยังเรียน ม.ต้นอยู่เลย พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก น้องก็ถามว่าเรามาเที่ยวหรอ พักบ้านเพื่อนหรอ บลาบลา
ประมาณ 5 นาทีเราก็ถึงซอยบ้านค่ะ T^T ไม่แปลกใจเลยที่จะหลงทาง คือมันซับซ้อนมากๆ เป็นซอยเล็กๆ และบ้านแทบทุกหลังเหมือนกันหมด
และนี่คือภาพบ้านคร่าวๆ ค่ะ เป็นบ้านอิฐ 3 ชั้นเลย หลังไหนก็ไม่รู้ เดินวนๆ อยู่ในซอยกลับไปกลับมา จนหอบก็ยังหาไม่เจอ เราเลยตัดสินใจเข้าไปถามอาจอชีคนงานซ่อมบ้าน อาจอชีก็เลยพาเราเดินหาบ้านเลขที่ 29-22 อาจอชีใจดีมากๆ มีเปิดประตูรั้วให้และยกกระเป๋าช่วยด้วยค่ะ ซาบซึ้งมากๆ ส่งจนถึงหน้าประตูบ้านเลย
แต่ปรากฏว่าเราพยายามใส่รหัสประตูอยู่นานมาก ทั้งดึงประตู ทั้งผลักก็แล้วแต่เปิดไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น !!! เราเลยหยิบภาพที่โอปป้าส่งมาให้ขึ้นมาดู ... ไม่ใช่แล้วประตูคนละลาย ประตูไม่เหมือนในรูป อ้าว! แล้วทำไมมันผิดได้ ก็นี่มันบ้านเลขที่ 29-22 หนิ สักพักมีเสียงผู้หญิงตะโกนออกมาจากบ้าน
'มาหาใครคะ' เราเลยตอบกลับไป 'จินซูชี ออมม่า เปิดประตูให้หน่อยค่าาาา' และแล้วประตูก็เปิดออก พร้อมกับผู้หญิงที่หน้าไม่เหมือนออมม่าในรูป
O____O!!! ผู้หญิงคนนั้นถามเราว่า 'มาดูบ้านหรอคะ' ยืนสตั๊นสิบวิ คือผิดบ้านหรอหรือยังไง ?
'นี่ใช่บ้านคุณจินซูไหมคะ'
'ไม่ใช่ค่ะ'
ฮืออออออออออ.. น้ำตาจะไหล เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เราเลยแบกกระเป๋าเดินออกมาหาอาจอชีที่ยืนดูอยู่นอกรั้ว
'อาจอชี ช่วยโทรหาเบอร์นี้ให้ฉันทีได้ไหมคะ' ด้วยความสงสารหรือความสวยของเราก็ไม่รู้ อาจอชีก็เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาโอปป้าหน้าลุงให้แต่โดยดี อาจอชีก็คุยกับโอปป้าหน้าลุงสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามาลากกระเป๋าเราไปที่รั้วถัดไป และในที่สุดเราก็ตรัสรู้ว่า บ้าน 3 ชั้นที่ฉันเข้าใจว่ามันคือบ้านของโอปป้านั้น แท้จริงแล้วมันแบ่งเป็นสองฝั่งต่อหนึ่งหลัง มันมีหลายห้อง และมันมีเจ้าของหลายคน T^T
เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ ต่อไปจะพูดถึงความประทับใจแรกที่มีต่อบ้านและเจ้าของบ้าน ..
ปล.แก้คำผิดเยอะมากๆ พิมพ์ยาวแล้วมึนๆ งงๆ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
[ต่อค่ะ]
พอเปิดประตูเข้าบ้านได้สัมผัสแรกที่ลอยมาแตะที่จมูกคือ .. กลิ่นนมเปรี้ยว!! โอ้วม่ายยยยยย!! นี่มันบูดมากี่ชาติแล้ว สายตานี่สำรวจไปรอบๆ บ้านแทบจะล้มทั้งยืน ไม่ได้รังเกียจนะแค่เดินเขย่งเท้าสำรวจบ้านเฉยๆ T^T ด้านขวาเป็นห้องน้ำโล่งๆ ว่างๆ ขนาดไม่ใหญ่ ตรงกลางจะบอกว่าครัวก็คงไม่ใช่เรียกว่ามุมทำอาหารรกๆ จะดีกว่า ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้อง 2 ห้อง ห้องนึงเหมือนจะเป็นห้องนอนที่มีสภาพเหมือนห้องเก็บของ มีกองเสื้อผ้ารกๆ และซากกล้องหลายตัว อีกห้องดูเหมือนจะเป็นห้องทำงาน ทุกอย่างวางกองๆ กระจัดกระจายราวกับว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่มาก่อน
**หมายเหตุ รูปบ้านที่ถ่าย คือหลังจากที่เราทำความสะอาดบ้านให้แล้วนะคะ ตอนรกๆ ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้
พระเจ้า.. นี่มันเรื่องตลกร้ายอะไร ไหนออมม่าผู้ดูแลทุกอย่างในบ้านที่ฉันเคยวาดฝันไว้ ไหนสตูดิโอภาพถ่ายสุดหรูที่ฉันเคยเพ้อถึง นี่มันรังหนูชัดๆ เลย T^T ไม่มีเสื้อผ้าออมม่าสักตัว นี่ฉันต้องอยู่กับอิตาลุงนี่แค่สองคนหรอ มันจะน่ากลัวไหม มันจะลุกมาบีบคอฉันตอนกลางคืนหรือเปล่า ฮืออออออ... ความคิดเป็นร้อยเป็นพันเกิดขึ้นในหัวแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจค่ะ เวลาล่วงเลยไปเที่ยงแล้ว จะไปหาที่พักใหม่เดี๋ยวก็ไม่ได้เที่ยวกันพอดี เลยต้องยอมลากกระเป๋าเดินทางที่เน่าพอๆ กับบ้านเข้าไปในห้องทำงาน ในใจนี่คิดแต่ว่า ‘แกไม่หล่อ แล้วยังจะซกมกอีกด้วยหรอ ฉันไม่โอเค ฉันขอยึดห้องทำงานแกเลยแล้วกันนะ’ พอจัดของเสร็จเราก็อาบน้ำแล้วออกไปเที่ยวค่ะ ในหัวตอนนั้นคือที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี่
จนเวลาล่วงเลยมาจนประมาณ 1 ทุ่ม โอปป้านางทักมาค่ะ นางถามเราว่า ‘อยู่ไหน ถึงบ้านหรือยัง ดึกแล้ว รีบกลับ อย่ากลับดึกเดี๋ยวหลงทาง’ แหม ดูพูดซะฉันไม่กล้ารังเกียจเลยนะลุง จะเป็นคนดีไปไหน แต่เราก็ยังไม่หายช้ำค่ะ เลยเดินโต๋เต๋จนถึง 3 ทุ่มถึงกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านก็เลยทักไปถามว่า ‘ลุง ดื่มโซจูรสพีชไหม’ (เปลี่ยนสรรพนามที่เรียกนางตามสภาพบ้านค่ะ) ลุงแกก็ตอบกลับมาว่า ‘โอเค ถ้าเธออยากดื่ม’ T^T ไหนๆ ก็ขนาดนี้แล้วฉันจะเมาให้หลับไปโดยไม่ต้องเห็นสภาพบ้านก่อนนอนเลย
ระหว่างทางกลับบ้านนั้นก็เต็มไปด้วยเด็กมหาวิทยาลัย นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อบ้าง นั่งอยู่ตามร้านกาแฟบ้าง โหยยยย ขอสิงประตูร้านได้ไหมคะ ไม่กลับมันแล้วบงบ้านน่ะ อยากจะเข้าไปกระชากคอเสื้อโอปป้าหน้าร้านสะดวกซื้อแล้วถามว่า ‘พี่คะให้ฉันไปนอนที่บ้านพี่ได้ไหม’ T^T
ตัดภาพกลับมาที่ทางเดินมืดๆ ค่ะ เดินเพลินจนหลงทาง หลงทางอีกแล้วววว TT อยากจะบ้าตาย บ้านก็รก เจ้าของบ้านก็เป็นคุณพี่หน้าลุง แถมทางกลับบ้านยังยากลำบากอีก นี่มันอะไร .. เราเลยตัดสินใจเดินวนกลับไปตั้งหลักที่ร้านขายของชำอาจุมม่าแล้วเดินตามแผนที่ความทรงจำใหม่อีกรอบ
สภาพร่างกายตอนถึงบ้านเหนื่อยและเมื่อยล้าแบบสุดๆ หมดอารมณ์จะกดรหัสเข้าบ้าน (จริงๆ กดไม่เป็น เปิดก็ไม่เป็น อาจอชีทำให้หมด) เราเลยเคาะประตูเรียก สักพักลุงแกก็เปิดประตูให้ ..
O_________O เหย!!! เดี๋ยววว มาผิดบ้านอีกหรอ ก็ไม่ผิดนะ แต่นี่มันไม่ใช่คนในรูป !!
ผู้ชายตรงหน้าคือสูง ขาว หน้าตี๋ๆ เกาหลีๆ นางยิ้มให้แล้วเกาหัวเหมือนจะอายๆ มันบ่ช่ายยยย หลอกดาวทำไม!! เอาอิตาลุงไปซ่อนไว้ไหน !!
‘จินซูชี ?’
‘ครับ’
แม่เจ้า จะเป็นลมค่ะ มันไม่ใช่แบบที่คิดไว้เลยสักนิด หน้าตาตรงข้ามกับสภาพบ้านมากๆ หน้างี้ใสอย่างกับก้นเด็ก
และนี่คือหน้าตาของเจ้าของบ้าน ..
[CR] [Review] ประสบการณ์เที่ยวเกาหลี พักฟรีบ้านคนเกาหลี ได้ญาติเป็นโอปป้าที่แสนดีเพิ่มหนึ่งคน
หมายเหตุ :: รูปทุกรูปได้ขออนุญาตเจ้าของรูป เจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ
เราหาบ้านอยู่ฟรีได้จากที่ไหน ??
เกริ่นก่อนว่าเรามีเพื่อนต่างชาติเยอะมาก ได้จากการเดินทางคนเดียวทั้งนั้น TT จขกท.เป็นคนชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ไม่ชอบคุยกับคนรู้จัก เพราะขี้อายมาก มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ...เมื่อปีก่อนๆ เพื่อนชาวฮ่องกงของเราค่ะ เขาได้แนะนำเว็บๆ นึงมาให้เรารู้จัก ซึ่งเป็นเว็บหาที่พักฟรีสำหรับนักเดินทาง หลายๆคนน่าจะรู้จักกันแล้ว เพื่อนคนนี้เขารู้ว่าเราชอบเกาหลีมากๆ เขาเลยบอกว่าถ้าอยากลองฝึกใช้ภาษา หรืออยากรู้วัฒนธรรมและนิสัยที่แท้จริงของคนเกาหลีให้ลองไปพักบ้านคนเกาหลีดู ตอนแรกไม่ได้กะจะหาที่พักฟรีเลย แค่ลองส่งไปเล่นๆ ดูว่าจะมีคนรับไหม เราส่งไปประมาณ 9 คน โดนปฏิเสธไปถึง 6 คนเลยทั้งๆที่เขียนบรรยายถึงสรรพคุณตัวเองยาวเหยียด แต่ไม่มีใครเอาหนูเลย ปิดประตูใส่หน้ารัวๆ T^T
จนเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังจากส่งคำขอไป มีคนตอบกลับมาค่า .. โปรไฟล์เป็นรูปผู้ชายหันหลังถือกล้อง วิวยุโรป ซึ่งเราชอบโฮสต์คนนี้เพราะเขาระบุอาชีพว่าเป็นช่างภาพ(แถมทำงานที่คังนัมด้วย) เราเลยมโนไปเองว่าบ้านต้องเป็นสตูดิโอเก๋ๆ มีภาพถ่ายสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
ในส่วนของหน้าตาโอปป้าหน้าลุงท่านนี้ที่โชว์ในเว็บก็ตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ (ซึ่งตอนนี้ลบออกไปแล้ว คงเพราะเราไปบอกว่ารูปกับตัวจริงมัน...)
โอปป้าหน้าลุงท่านนี้ชื่อ จินซู อายุ 25 ขวบ ส่วนสูงและน้ำหนักไม่ทราบเลยค่ะ (?)
ด้วยความดีใจเราก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิดและไม่ลังเล พี่คะหนูขี้เกียจเข้าเว็บมาเช็คข้อความ รบกวนติดต่อกลับทาง kakao talk ทีนะคะ
ก็ปา ID ไป ผ่านไป 7 วัน .. ยังค่ะ .. ยังไม่มีใครทักมา T^T เริ่มใจหวิวๆ
จนประมาณ 10 กว่าวัน เสียง kakao talk ดังค่า รีบเปิดดูด้วยความตื่นเต้นและลุ้นมากๆ
โอปป้าหน้าลุง : สวัสดี
เรา : คุณจินซูหรอคะ
โอปป้าหน้าลุง : ใช่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็คุยรายละเอียดกัน เราก็ถามไปว่าเราจะไปที่พักได้ยังไง โอปป้านางก็ตอบกลับมาว่า 'นั่งรถไฟจากสนามบินมาจ้า'
เออ... ตูรู้แล้ว ตูหมายถึงจะไปบ้านลุงยังไงคะ เราก็เลยยิงคำถามใหม่ไปว่า 'บ้านอยู่แถวไหนคะ จากซับเวย์ไปบ้านยังไง ส่งแผนที่ให้ฉันได้ไหม'
นางก็ตอบมาว่า 'บ้านผมอยู่ที่ Hoegi ได้ๆ' แต่แล้วก็หายไปเป็นเดือน TT ใจเริ่มไม่ดี ใกล้จะบินแล้ว จะทวงก็ไม่กล้าทวง กลัวนางหาว่าเราจิก ไปอยู่ฟรีแล้วยังจะไปจิกเจ้าของบ้านอีก เราก็เลยได้แต่เงียบอย่างลุ้นๆ จนก่อนวันเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์ นางก็ทักมาพร้อมกับส่งรูปมาค่ะ
แท่น แทน แท๊นนนนน ...
ภาพค่ะ! พร้อมข้อความแนบมา 'วันนี้ผมไปถ่ายรูปมา มันดีไหม ช่วยดูให้หน่อย'
คือเดี๋ยววววว เดี๋ยวนะลุง.. คือไหนแผนที่ !!! map ค่ะ map ฉันต้องการแผนที่บ้าน หนูรู้ว่าลุงอาจจะเป็นคนตลก แต่หนูไม่คิดว่าลุงจะตลกขนาดนี้ แต่เราก็ไม่กล้าทวงอยู่ดี ก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า โห สวยมากเลยค่ะ บลา บลา อวยมันเข้าไป เผื่อมันจะให้กินฟรี และจบด้วยการฟอลโล่ว ig ค่ะ TT
ในส่วนของรูปโอปป้าในไอจีนั้นก็.. ผอมๆ แห้งๆ ดูเฉิ่มๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เราก็ดูรูปแท็ก เห็นมีรูปถ่ายกับคุณออมม่าที่บ้านด้วย เริ่มใจชื้นขึ้นมานิดๆ
โอปป้าหน้าลุงดูไม่ได้เรื่องเลย สงสัยต้องพึ่งพาออมม่าแทน เริ่มมโนว่าตอนเช้าตื่นมาจะได้กินกับข้าวที่ออมม่าทำให้ก่อนออกจากบ้าน
แล้วนางก็หายไปอีกค่ะ จนก่อนวันเดินทางประมาณ 7-8 วันเราเลยทักไปว่า
'พี่คะ อย่าลืมส่งแผนที่บ้านให้ฉันนะ' แต่ไม่เปิดอ่านค่ะ T^T เอ๊ะยังไง .. จะรอดไหม แต่ก็ยังหวังลึกๆ ในใจว่าต้องมีคนตอบกลับมาแหละ
จนช่วงเย็นๆ พี่แกก็ตอบกลับมา แชร์ที่อยู่บ้านมาให้ โอ้ยยยย ดีใจมากค่ะตอนนั้น แต่เป็นภาษาเกาหลีหมดเลย อ่านไม่ออกค่ะ ช่วยได้มาก !!
เราเลยถามกลับไปว่าถ้าเราหลงทางล่ะ พี่แกก็บอกถ้าหลงทางให้โทรมาและทิ้งเบอร์ไว้ให้เรา เราเลยถามต่อว่าฉันจะเข้าบ้านยังไงคะ ไปเอากุญแจที่ไหน แต่พี่แกไม่ตอบ ... แล้วพี่แกก็หายสาบสูญไป จนถึงวันเดินทาง เราเลยทักไปว่า
'พี่คะ พรุ่งนี้เจอกันนะ' แต่แล้วพี่แกก็อ่านและไม่ตอบตามเคย โห่ยยยย พี่คะ.. หนูใจคอไม่ดีเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร สงสัยออมม่าอยู่ที่บ้าน
จนกระทั่งเราเดินทางถึงประเทศเกาหลีใต้โดยสวัสดิภาพ เช่า wifi อะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็จัดการต่อ wifi เลย ..
พอต่อ wifi เท่านั้นแหละค่ะ แจ้งเตือนคาทกเด้ง พรึ่บๆๆๆ รูปเป็นสิบๆ รูป เด้งขึ้นมา ตั้งแต่ลงจากซับเวย์เดินไปทางไหน เจอป้ายอะไรบ้าง ตรงไหนมีร้านอะไรบ้าง ละเอียดมากๆ พร้อมกับ password ประตู (เอ้า ไม่ได้ใช้กุญแจหรอกหรอ แหะๆ)
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสถานี Hoegi ท่ามกลางความร้อนระอุและแสงแดดอันเจิดจ้าที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนจะเป็นลม..
เราก็เปิดดูรูปที่โอปป้าหน้าลุงส่งมาให้ .. และมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย งงมาก ร้านนี้อยู่ตรงไหน แล้วฉันควรจะเดินไปทางซ้ายหรือขวาดี TT
พึ่งพารูปคงไม่รอด เปิด GPS หาแล้วกัน
และแล้วว และแล้วววว.. เราก็หลงทางจนได้ เดินวนไปวนมาอยู่ประมาณ 15 นาที น้ำตาจะไหล แต่ในความซวยก็ยังมีความโชคดีอยู่ น้องโอปป้ามัธยมคนนี้คงเห็นว่าเราเดินวนๆ งงๆ อยู่นาน น้องยืนอยู่แถวร้านสะดวกซื้อ น้องเลยเข้ามาถาม เราเลยเอารูปกับที่อยู่บ้านให้ดู น้องชายผู้หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มก็เลยเดินไปส่งเราถึงซอยบ้านเลย ขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง ระหว่างทางที่เดินจูงจักรยานไปส่งผู้หญิงน่ารักๆ แบบเรานั้น(?) เราก็เลยได้คุยกับน้องนิดหน่อย น้องยังเรียน ม.ต้นอยู่เลย พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก น้องก็ถามว่าเรามาเที่ยวหรอ พักบ้านเพื่อนหรอ บลาบลา
ประมาณ 5 นาทีเราก็ถึงซอยบ้านค่ะ T^T ไม่แปลกใจเลยที่จะหลงทาง คือมันซับซ้อนมากๆ เป็นซอยเล็กๆ และบ้านแทบทุกหลังเหมือนกันหมด
และนี่คือภาพบ้านคร่าวๆ ค่ะ เป็นบ้านอิฐ 3 ชั้นเลย หลังไหนก็ไม่รู้ เดินวนๆ อยู่ในซอยกลับไปกลับมา จนหอบก็ยังหาไม่เจอ เราเลยตัดสินใจเข้าไปถามอาจอชีคนงานซ่อมบ้าน อาจอชีก็เลยพาเราเดินหาบ้านเลขที่ 29-22 อาจอชีใจดีมากๆ มีเปิดประตูรั้วให้และยกกระเป๋าช่วยด้วยค่ะ ซาบซึ้งมากๆ ส่งจนถึงหน้าประตูบ้านเลย
แต่ปรากฏว่าเราพยายามใส่รหัสประตูอยู่นานมาก ทั้งดึงประตู ทั้งผลักก็แล้วแต่เปิดไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น !!! เราเลยหยิบภาพที่โอปป้าส่งมาให้ขึ้นมาดู ... ไม่ใช่แล้วประตูคนละลาย ประตูไม่เหมือนในรูป อ้าว! แล้วทำไมมันผิดได้ ก็นี่มันบ้านเลขที่ 29-22 หนิ สักพักมีเสียงผู้หญิงตะโกนออกมาจากบ้าน
'มาหาใครคะ' เราเลยตอบกลับไป 'จินซูชี ออมม่า เปิดประตูให้หน่อยค่าาาา' และแล้วประตูก็เปิดออก พร้อมกับผู้หญิงที่หน้าไม่เหมือนออมม่าในรูป
O____O!!! ผู้หญิงคนนั้นถามเราว่า 'มาดูบ้านหรอคะ' ยืนสตั๊นสิบวิ คือผิดบ้านหรอหรือยังไง ?
'นี่ใช่บ้านคุณจินซูไหมคะ'
'ไม่ใช่ค่ะ'
ฮืออออออออออ.. น้ำตาจะไหล เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เราเลยแบกกระเป๋าเดินออกมาหาอาจอชีที่ยืนดูอยู่นอกรั้ว
'อาจอชี ช่วยโทรหาเบอร์นี้ให้ฉันทีได้ไหมคะ' ด้วยความสงสารหรือความสวยของเราก็ไม่รู้ อาจอชีก็เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาโอปป้าหน้าลุงให้แต่โดยดี อาจอชีก็คุยกับโอปป้าหน้าลุงสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามาลากกระเป๋าเราไปที่รั้วถัดไป และในที่สุดเราก็ตรัสรู้ว่า บ้าน 3 ชั้นที่ฉันเข้าใจว่ามันคือบ้านของโอปป้านั้น แท้จริงแล้วมันแบ่งเป็นสองฝั่งต่อหนึ่งหลัง มันมีหลายห้อง และมันมีเจ้าของหลายคน T^T
เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ ต่อไปจะพูดถึงความประทับใจแรกที่มีต่อบ้านและเจ้าของบ้าน ..
ปล.แก้คำผิดเยอะมากๆ พิมพ์ยาวแล้วมึนๆ งงๆ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
[ต่อค่ะ]
พอเปิดประตูเข้าบ้านได้สัมผัสแรกที่ลอยมาแตะที่จมูกคือ .. กลิ่นนมเปรี้ยว!! โอ้วม่ายยยยยย!! นี่มันบูดมากี่ชาติแล้ว สายตานี่สำรวจไปรอบๆ บ้านแทบจะล้มทั้งยืน ไม่ได้รังเกียจนะแค่เดินเขย่งเท้าสำรวจบ้านเฉยๆ T^T ด้านขวาเป็นห้องน้ำโล่งๆ ว่างๆ ขนาดไม่ใหญ่ ตรงกลางจะบอกว่าครัวก็คงไม่ใช่เรียกว่ามุมทำอาหารรกๆ จะดีกว่า ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้อง 2 ห้อง ห้องนึงเหมือนจะเป็นห้องนอนที่มีสภาพเหมือนห้องเก็บของ มีกองเสื้อผ้ารกๆ และซากกล้องหลายตัว อีกห้องดูเหมือนจะเป็นห้องทำงาน ทุกอย่างวางกองๆ กระจัดกระจายราวกับว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่มาก่อน
**หมายเหตุ รูปบ้านที่ถ่าย คือหลังจากที่เราทำความสะอาดบ้านให้แล้วนะคะ ตอนรกๆ ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้
พระเจ้า.. นี่มันเรื่องตลกร้ายอะไร ไหนออมม่าผู้ดูแลทุกอย่างในบ้านที่ฉันเคยวาดฝันไว้ ไหนสตูดิโอภาพถ่ายสุดหรูที่ฉันเคยเพ้อถึง นี่มันรังหนูชัดๆ เลย T^T ไม่มีเสื้อผ้าออมม่าสักตัว นี่ฉันต้องอยู่กับอิตาลุงนี่แค่สองคนหรอ มันจะน่ากลัวไหม มันจะลุกมาบีบคอฉันตอนกลางคืนหรือเปล่า ฮืออออออ... ความคิดเป็นร้อยเป็นพันเกิดขึ้นในหัวแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจค่ะ เวลาล่วงเลยไปเที่ยงแล้ว จะไปหาที่พักใหม่เดี๋ยวก็ไม่ได้เที่ยวกันพอดี เลยต้องยอมลากกระเป๋าเดินทางที่เน่าพอๆ กับบ้านเข้าไปในห้องทำงาน ในใจนี่คิดแต่ว่า ‘แกไม่หล่อ แล้วยังจะซกมกอีกด้วยหรอ ฉันไม่โอเค ฉันขอยึดห้องทำงานแกเลยแล้วกันนะ’ พอจัดของเสร็จเราก็อาบน้ำแล้วออกไปเที่ยวค่ะ ในหัวตอนนั้นคือที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี่
จนเวลาล่วงเลยมาจนประมาณ 1 ทุ่ม โอปป้านางทักมาค่ะ นางถามเราว่า ‘อยู่ไหน ถึงบ้านหรือยัง ดึกแล้ว รีบกลับ อย่ากลับดึกเดี๋ยวหลงทาง’ แหม ดูพูดซะฉันไม่กล้ารังเกียจเลยนะลุง จะเป็นคนดีไปไหน แต่เราก็ยังไม่หายช้ำค่ะ เลยเดินโต๋เต๋จนถึง 3 ทุ่มถึงกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านก็เลยทักไปถามว่า ‘ลุง ดื่มโซจูรสพีชไหม’ (เปลี่ยนสรรพนามที่เรียกนางตามสภาพบ้านค่ะ) ลุงแกก็ตอบกลับมาว่า ‘โอเค ถ้าเธออยากดื่ม’ T^T ไหนๆ ก็ขนาดนี้แล้วฉันจะเมาให้หลับไปโดยไม่ต้องเห็นสภาพบ้านก่อนนอนเลย
ระหว่างทางกลับบ้านนั้นก็เต็มไปด้วยเด็กมหาวิทยาลัย นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อบ้าง นั่งอยู่ตามร้านกาแฟบ้าง โหยยยย ขอสิงประตูร้านได้ไหมคะ ไม่กลับมันแล้วบงบ้านน่ะ อยากจะเข้าไปกระชากคอเสื้อโอปป้าหน้าร้านสะดวกซื้อแล้วถามว่า ‘พี่คะให้ฉันไปนอนที่บ้านพี่ได้ไหม’ T^T
ตัดภาพกลับมาที่ทางเดินมืดๆ ค่ะ เดินเพลินจนหลงทาง หลงทางอีกแล้วววว TT อยากจะบ้าตาย บ้านก็รก เจ้าของบ้านก็เป็นคุณพี่หน้าลุง แถมทางกลับบ้านยังยากลำบากอีก นี่มันอะไร .. เราเลยตัดสินใจเดินวนกลับไปตั้งหลักที่ร้านขายของชำอาจุมม่าแล้วเดินตามแผนที่ความทรงจำใหม่อีกรอบ
สภาพร่างกายตอนถึงบ้านเหนื่อยและเมื่อยล้าแบบสุดๆ หมดอารมณ์จะกดรหัสเข้าบ้าน (จริงๆ กดไม่เป็น เปิดก็ไม่เป็น อาจอชีทำให้หมด) เราเลยเคาะประตูเรียก สักพักลุงแกก็เปิดประตูให้ ..
O_________O เหย!!! เดี๋ยววว มาผิดบ้านอีกหรอ ก็ไม่ผิดนะ แต่นี่มันไม่ใช่คนในรูป !!
ผู้ชายตรงหน้าคือสูง ขาว หน้าตี๋ๆ เกาหลีๆ นางยิ้มให้แล้วเกาหัวเหมือนจะอายๆ มันบ่ช่ายยยย หลอกดาวทำไม!! เอาอิตาลุงไปซ่อนไว้ไหน !!
‘จินซูชี ?’
‘ครับ’
แม่เจ้า จะเป็นลมค่ะ มันไม่ใช่แบบที่คิดไว้เลยสักนิด หน้าตาตรงข้ามกับสภาพบ้านมากๆ หน้างี้ใสอย่างกับก้นเด็ก
และนี่คือหน้าตาของเจ้าของบ้าน ..