1 กรกฎาคม
เริ่มวันใหม่ ในที่สุดวันที่ฉันต้องตื่นเช้าก็มาถึง เพราะวันนี้ฉันมีแพลนจะไปเที่ยวที่黄龙(หวงหลง) เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่เขาบอกกันว่าต้องไป แต่ว่าไม่สวยเท่าจิ่วไจ้โกว ก่อนที่ฉันจะไปก็มีการถามชาวจีนหลายๆคนว่าสวยไหม ฤดูนี้จะมีน้ำไหม บอกคนก็ว่าสวย บางคนก็เฉยๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครดี ก็เลยไปดูด้วยตาของตัวเองดีกว่าเนอะ
(ตรงนี้ขอเล่ายาวหน่อยน้า)
เมื่อวานคนขับรถนัดฉัน บอกว่ารถจะมารับตอน8.10 แต่คือฉันไม่ได้ส่งที่อยู่ไปให้ เลยตัดสินใจโทรไป แต่เนื่องจากสำเนียงเขาฟังยากมาก เราเลยสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาเลยบอกให้ฉันหาคนที่อยู่ใกล้ๆแล้วให้เขาคุยแทน ฉันในตอนนั้นก็มองหาจนกระทั่งเจอผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกจะเป็นคนขายของหรือพนักงานร้านอาหารนี่แหละ ก็ให้เขาคุยให้ พอเสร็จเรียบร้อยก็เขาก็บอกว่าให้ไปรอที่ถนนเส้นหลัก(เส้นนี้มีอยู่ทางเดียว คือทางที่ตอนมาจากเฉิงตูเราต้องผ่านค่ะ)ซึ่งเดินไม่ไกลเลย แล้วฉันก็รออยู่นานมาก เลยตัดสินใจโทรไปถามคนขับรถว่าให้รออยู่ฝั่งไหนกันแน่ เขาก็บอกว่าให้ข้ามถนนมาอีกฝั่ง เพื่อความชัวร์ฉันก็เลยถามตำรวจแล้วนั้นอีกครั้ง หลังจากที่ยืนรอรถนานมาก ก็พบว่ามีคุณลุงคนหนึ่งยืนรอรถอยู่เช่นกัน แล้วก็มีผู้หญิงเดินมาหา ฉันเลยถามว่าตรงนี้ยืนรอรถที่ไปหวงหลงใช่ไหม(ยังคงถาม ฮ่าๆ) เธอก็ตอบว่าใช่ โอเคตอนนั้นโล่งใจแล้ว ฉันเลยถามว่า คุณก็ไปหรอคะ เธอก็ตอบว่าไม่ใช่ มาส่งลูกค้าเฉยๆ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักพวกเขาก็เดินไป ฉันรอนานมากเลยโทรไปหาคนขับรถ เขาก็บอกว่ามีปัญหานิดหน่อย อาจจะช้าให้รอก่อน ฉันก็ยังคงรอต่อไปพร้อมอากาศที่เย็น สักพักคนขับรถก็โทรมา ถามว่ารออยู่ตรงไหน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีเพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองยืนอยู่เรียกว่าอะไร พอดีมีคุณลุงเก็บขยะคนหนึ่งเดินผ่านมาเลยถาม ลุงแกก็บอกว่า 彭丰(Pengfeng) คนขับรถเลยจอดรับถูก ก่อนขึ้นรถก็หันไปขอบคุณคุณลุงก่อน แล้วก็รีบขึ้นรถเพราะโดนกระเป๋ารถเร่งงง
ในส่วนของสภาพรถที่ไปหวงหลงนั้นพอรับได้ คือมันไม่ได้ดีอ่ะ แต่ส่วนตัวชินกับรถแบบนี้ของจีนแล้ว เลยคิดว่าพอรับได้ เอาจริงๆมันไม่ดีเพราะมันไม่สะอาดค่ะ รถก็ไม่ได้ใหญ่ เป็นรถบัสเล็กๆ แต่ก็นั่งไปเถอะค่ะแค่ 2 ชม.เอง หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นคุณลุงคนที่รอรถเมื่อกี้ขึ้นมา ก็เลยคิดว่าอ่อเมื่อกี้คือรอรถเที่ยวเดียวกับเรานี่หน่า แต่ต่างคนก็ต่างนั่งค่ะ เขานั่งข้างหน้าเยื้องฉันไป
นั่งรถไปสักพักกระเป๋ารถ(เอ๊ะ!หน้าคล้ายพี่เวียร์ที่เป็นดาราเลยอ่ะ)ก็พูดมาว่า เขาจะเก็บค่ารถ แล้วก็เขาจะอาสาไปซื้อตั๋วให้ ให้เอาตังค์ให้เขา เพราะเขาบอกคนต่อแถวเยอะ จะได้เร็วๆ ตอนนั้นก็คิดแหละได้ส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากการทำแบบนี้หรือป่าว แต่เคยลองเช็คราคามาบ้างแล้ว ก็ตรงตามที่เขาบอกพอดี เลยให้เขาไปซื้อให้ดีกว่า แต่ก่อนกระเป๋ารถจะมาเก็บเงินฉัน ก็ต้องเก็บคุณลุงก่อน เอาแล้วค่ะ พวกเขาสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แล้วกระเป๋ารถเมล์ก็ถามคนข้างๆคุณลุงว่าพูดอังกฤษได้ไหม ถามหลายคนมาก แต่ทุกคนบอกว่าไม่ได้ ตอนนั้นฉันก็อึกอักอยู่นานพอสมควร เอาวะ!ช่วยเขาหน่อย เลยบอกกระเป๋าไปว่าพอพูดได้ กระเป๋าก็เลยให้ช่วย คุยกันนานมากจนในที่สุดก็เข้าใจกัน (โล่งไปป)
สำหรับค่ารถทั้งหมด90หยวนค่ะ(ขาไปและกลับ) ตกขาไป45หยวน ขากลับอีก 45 หยวน
อ่อ!ระหว่างทางมีจอดให้เข้าห้องน้ำหนึ่งที่นะคะ แล้วก็จะมีคนมาขายยา(ยาแก้เมาความสูงอะไรประมาณนี้ค่ะ) สำหรับคนที่คิดว่าไม่โอเคก็ซื้อได้เลยค่ะ เพราะว่าที่ที่จะไปสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่าที่จิ่วอีกค่ะ จะทำให้มึนแล้วก็อ้วกได้ สำหรับฉันได้ซื้อ ไม่ใช่เพราะเชื่อในร่างกายตัวเองนะ แต่ตอนนั้นเพิ่งตื่นเลยเบลอๆ
(วิวข้างทาง)
ถึงแล้ว 黄龙
พอมาถึงแล้วกระเป๋ารถก็นัดแนะเวลาว่าให้กี่ชม. ต้องมาถึงก่อนบ่ายสามห้าสิบ เพราะรถจะกลับตอนสี่โมงเย็นค่ะ ตอนนั้นไปถึงก็ประมาณ11โมงกว่าๆแล้วค่ะ ก็มีเวลาเที่ยวประมาณ4ชม.
(ต้องจำทะเบียนรถด้วย จะได้ขึ้นถูก)
หลังจากที่ฉันรับบัตรเข้าจากกระเป๋ารถแล้วก็พอคุณลุงชาวญี่ปุ่นไปที่ขายตั๋ว(คุณลุงไม่ซื้อกับกระเป๋าเพราะว่าคุณลุงเข้าฟรี เนื่องจากจีนเขาให้เข้าฟรีสำหรับคนที่อายุเกินหกสิบ ถ้าจำไม่ผิดนะ คุณลุงแกเจ็ดสิบเอ็ดแล้ว) พาแกไปซื้อบัตรขึ้นกระเช้า
(จะได้บัตร2ใบค่ะ บัตรหนึ่งคือบัตรเข้า ราคา 200หยวน ส่วนอีกบัตรเป็นบัตรค่ากระเช้า 80 หยวน เป็นแค่ขาขึ้นอย่างเดียว ขากลับเดินเอาค่ะ)
(หลังจากลงกระเช้าให้เดินทางลูกศรสีดำค่ะ จะวนไปจนถึงทางออก)
(กระเช้าขึ้นไป)
(หลังจากลงจากกระเช้าก็เดินต่ออีกหน่อย เป็นทางยาวมาเลย แล้วก็จะเจอที่ให้ชมวิว)
(ซูมเข้าไปใกล้ๆจะเห็นภูเขาที่ยังมีหิมะเหลืออยู่นิดหน่อย)
(วิวตรงกันข้ามก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง อยู่ใกล้ก้อนเมฆมากเลย แต่วันนี้ฟ้าไม่สดใส ดูเหมือนฝนจะตก)
หลังจากนั้นก็เดินต่อตามทางไป ก็จะเห็นว่าเข้าใกล้ภูเขาที่มีหิมะอยู่ขึ้นเรื่อยๆ
ก็มีแวะพักบ้าง เพราะคุณลุงเคนเดินแวะทานข้าว เราก็อยู่รอเป็นเพื่อน เพราะตอนที่อยู่จุดชมวิวเราบอกเขาว่าเราถ่ายรูปนานหน่อย ให้ลุงไปก่อนได้เลย แต่ลุงแกก็ยืนรอ
(แอบถ่ายซะเลย)
ระหว่างทางก็ชวนลุงเคนคุยไปเรื่อยๆ แต่ก็แบบว่าไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะภาษาอังกฤษฉันก็ไม่ได้ดี
แต่ชื่นชมคุณลุงเคนมากเลย เพราะว่าเขาไปเที่ยวมาหลายประเทศแล้ว รวมถึงประเทศที่ฉันอยากไปมากที่สุด(สวิส)ลุงแกก็ไปมาแล้ว โห๋ คุณลุงแกเป็นนักเดินทางจริงๆ ยิ่งมาจีนทั้งๆที่พูดจีนไม่ได้ แล้วคนจีนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ๆก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาสื่อสารกันยังไง
มาถึงจุดบนสุดแล้ว
(มองมุมสูง)
เดินต่อไปจะเป็นวัดค่ะ
(มองออกจากวัดจะเป็นแบบนี้)
(มีความงดงาม)
เจอวัดอีกแล้ว
แล้วก็เจอออออ แบบข้างบนอีกหลายจุดเลย
สักภาพกับคุณลุงเคนเพื่อนร่วมทางชาวญี่ปุ่น
แล้วก็เจอแบบนี้
(ไม่มีน้ำ)
แล้วก็มาเจอน้ำตก ที่ไม่ค่อยจะมีน้ำ
(คุณลุงเคนเจอเพื่อนชาติเดียวกันเลยหยุดคุยกันสักพัก เป็นแก๊งเดินป่า มีแต่ผู้หญิงหมดเลย เขาทักฉันด้วย นึกว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่น พูดญี่ปุ่นใส่ฉันเลย ฉันก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่ทำเป็นคือโค้งตัวสุดความสามารถพร้อมพูดว่าHi ยังดีที่คุณลุงเคนบอกว่าฉันเป็นคนไทย )
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบเดิน เพราะใกล้จะหมดเวลาแล้ว ลุงเคนก็รีบนะแต่ก็ยังคงแวะถ่ายรูปอยู่ ฉันก็รอ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเถียงกันว่าจะทางออกอยู่ไหน คุณลุงแกก็ชี้ไปอีกทาง ฉันก็ชี้ไปอีกทาง ต่างคนต่างเชื่อตัวเอง เราเลยแยกกัน ส่วนฉันก็ถามคนจีนวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ตลกกันเองอยู่ตั้งนาน สงสัยเพราะฉันออกเสียงคำว่าทางออกไม่ชัด เขาเลยฟังไม่ออก ต้องพูดหลายทีมาก กว่าจะเข้าใจ หลังจากที่เชื่อว่าตัวเองถูกต้องแล้ว ก็หันไปหาลุงเคน แต่แกหายไปแล้ว ฉันเลยได้แต่เดินตามทางตัวเอง จนกระทั่งไปถึงทางออก แล้วก็รอลุงเคนอยู่ที่ ทางออก พอลุงเคนออกมาเราก็คุยกันว่ามันไปได้หลายทางแต่ทางของฉันใกล้กว่า หลังจากนั้นเราก็กลับไปที่รถ
(ทางออก ส่วนใครที่ไม่ขึ้นกระเช้าไปก็สามารถเดินเข้าทางนี้ได้เลยค่ะ ถือว่าเป็นทางเข้า)
ตอนนั่งรถกลับนั้นรถไปจอดตรงจุดพักที่ให้เข้าห้องน้ำ ตอนนั้นคุณลุงบอกว่าจะลงตรงนี้ เพราะคุณลุงเคนจะไปต่อที่松潘(Songpan) กระเป๋ารถก็ยังคงให้ฉันทำหน้าที่ต่อ คือไปคุยว่าคุณลุงจะไปซงพานต้องต่อรถตรงนี้ ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีรถบัสไป เป็นรถคล้าย黑车(แท็กซี่ที่รถไม่เหมือนแท็กซี่)เขาบอกว่าราคา10หยวน คุณลุงเคนก็โอเค หลังจากนั้นเราก็บอกลากัน ฉันก็นั่งรถกลับไปจิ่ว แต่ว่าระหว่างทางมีคนเกาหลีมานั่งข้างฉัน ซึ่งฉันจำได้ลางๆว่าเราเคยเจอกันที่หวงหลง แต่ที่น่าแปลกใจคือเราเคยเจอกันวันที่ฉันไปถึงเฉิงตู แต่เราก็ไม่ได้คุยกัน เพราะฉันกำลังเมาอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเมารถที่พร้อมจะอ้วกได้ตลอดเวลา (หลังจากนั้นถึงรู้ว่าเป็นผลจากที่มันอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล)
ตอนจะลงต้องบอกเขาว่าจะลงตรงไหนด้วยนะ เพราะถ้าไม่บอกก็ต้องไปลงปลายทางเลย ถ้าบอกเขาจะจอดให้ลง ส่วนฉันก็ลงที่ใกล้ๆโฮสเทล แล้วเดินต่อไป
พอกลับที่พักก็พบว่าเจ๊คนที่เคยเป็นรูมเมทกับฉันกลับมาแล้ว(หลังจากที่คืนก่อนไปนอนในอุทยาน) เราก็ยังคงคุยกันไม่มาก เจ๊แกก็ยังคงถามรายละเอียดเรื่องหวงหลงกับฉันเหมือนที่ถามเรื่องจิ่วเป๊ะ หลังจากนั้นก็ตัดบนสนทนาไปด้วยเหตุที่ว่า ฉันหลับ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าบัตรเข้าชมและกระเช้า 280 หยวน
ค่ารถไปกลับจิ่วหวง 90 หยวน
ค่าอาหาร 10 หยวน
ทั้งหมด 380 หยวน
สำหรับpartหน้า ฉันจะไปเดินเที่ยวชิวๆในเฉิงตูค่ะ แล้วพบกันกับpartสุดท้ายในทริปนี้ค่ะ...
成都+九寨沟+黄龙 เที่ยวคนเดียวก็ฟินได้ (รีวิว) part4
1 กรกฎาคม
เริ่มวันใหม่ ในที่สุดวันที่ฉันต้องตื่นเช้าก็มาถึง เพราะวันนี้ฉันมีแพลนจะไปเที่ยวที่黄龙(หวงหลง) เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่เขาบอกกันว่าต้องไป แต่ว่าไม่สวยเท่าจิ่วไจ้โกว ก่อนที่ฉันจะไปก็มีการถามชาวจีนหลายๆคนว่าสวยไหม ฤดูนี้จะมีน้ำไหม บอกคนก็ว่าสวย บางคนก็เฉยๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครดี ก็เลยไปดูด้วยตาของตัวเองดีกว่าเนอะ
(ตรงนี้ขอเล่ายาวหน่อยน้า)
เมื่อวานคนขับรถนัดฉัน บอกว่ารถจะมารับตอน8.10 แต่คือฉันไม่ได้ส่งที่อยู่ไปให้ เลยตัดสินใจโทรไป แต่เนื่องจากสำเนียงเขาฟังยากมาก เราเลยสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาเลยบอกให้ฉันหาคนที่อยู่ใกล้ๆแล้วให้เขาคุยแทน ฉันในตอนนั้นก็มองหาจนกระทั่งเจอผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกจะเป็นคนขายของหรือพนักงานร้านอาหารนี่แหละ ก็ให้เขาคุยให้ พอเสร็จเรียบร้อยก็เขาก็บอกว่าให้ไปรอที่ถนนเส้นหลัก(เส้นนี้มีอยู่ทางเดียว คือทางที่ตอนมาจากเฉิงตูเราต้องผ่านค่ะ)ซึ่งเดินไม่ไกลเลย แล้วฉันก็รออยู่นานมาก เลยตัดสินใจโทรไปถามคนขับรถว่าให้รออยู่ฝั่งไหนกันแน่ เขาก็บอกว่าให้ข้ามถนนมาอีกฝั่ง เพื่อความชัวร์ฉันก็เลยถามตำรวจแล้วนั้นอีกครั้ง หลังจากที่ยืนรอรถนานมาก ก็พบว่ามีคุณลุงคนหนึ่งยืนรอรถอยู่เช่นกัน แล้วก็มีผู้หญิงเดินมาหา ฉันเลยถามว่าตรงนี้ยืนรอรถที่ไปหวงหลงใช่ไหม(ยังคงถาม ฮ่าๆ) เธอก็ตอบว่าใช่ โอเคตอนนั้นโล่งใจแล้ว ฉันเลยถามว่า คุณก็ไปหรอคะ เธอก็ตอบว่าไม่ใช่ มาส่งลูกค้าเฉยๆ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักพวกเขาก็เดินไป ฉันรอนานมากเลยโทรไปหาคนขับรถ เขาก็บอกว่ามีปัญหานิดหน่อย อาจจะช้าให้รอก่อน ฉันก็ยังคงรอต่อไปพร้อมอากาศที่เย็น สักพักคนขับรถก็โทรมา ถามว่ารออยู่ตรงไหน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีเพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองยืนอยู่เรียกว่าอะไร พอดีมีคุณลุงเก็บขยะคนหนึ่งเดินผ่านมาเลยถาม ลุงแกก็บอกว่า 彭丰(Pengfeng) คนขับรถเลยจอดรับถูก ก่อนขึ้นรถก็หันไปขอบคุณคุณลุงก่อน แล้วก็รีบขึ้นรถเพราะโดนกระเป๋ารถเร่งงง
ในส่วนของสภาพรถที่ไปหวงหลงนั้นพอรับได้ คือมันไม่ได้ดีอ่ะ แต่ส่วนตัวชินกับรถแบบนี้ของจีนแล้ว เลยคิดว่าพอรับได้ เอาจริงๆมันไม่ดีเพราะมันไม่สะอาดค่ะ รถก็ไม่ได้ใหญ่ เป็นรถบัสเล็กๆ แต่ก็นั่งไปเถอะค่ะแค่ 2 ชม.เอง หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นคุณลุงคนที่รอรถเมื่อกี้ขึ้นมา ก็เลยคิดว่าอ่อเมื่อกี้คือรอรถเที่ยวเดียวกับเรานี่หน่า แต่ต่างคนก็ต่างนั่งค่ะ เขานั่งข้างหน้าเยื้องฉันไป
นั่งรถไปสักพักกระเป๋ารถ(เอ๊ะ!หน้าคล้ายพี่เวียร์ที่เป็นดาราเลยอ่ะ)ก็พูดมาว่า เขาจะเก็บค่ารถ แล้วก็เขาจะอาสาไปซื้อตั๋วให้ ให้เอาตังค์ให้เขา เพราะเขาบอกคนต่อแถวเยอะ จะได้เร็วๆ ตอนนั้นก็คิดแหละได้ส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากการทำแบบนี้หรือป่าว แต่เคยลองเช็คราคามาบ้างแล้ว ก็ตรงตามที่เขาบอกพอดี เลยให้เขาไปซื้อให้ดีกว่า แต่ก่อนกระเป๋ารถจะมาเก็บเงินฉัน ก็ต้องเก็บคุณลุงก่อน เอาแล้วค่ะ พวกเขาสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แล้วกระเป๋ารถเมล์ก็ถามคนข้างๆคุณลุงว่าพูดอังกฤษได้ไหม ถามหลายคนมาก แต่ทุกคนบอกว่าไม่ได้ ตอนนั้นฉันก็อึกอักอยู่นานพอสมควร เอาวะ!ช่วยเขาหน่อย เลยบอกกระเป๋าไปว่าพอพูดได้ กระเป๋าก็เลยให้ช่วย คุยกันนานมากจนในที่สุดก็เข้าใจกัน (โล่งไปป)
สำหรับค่ารถทั้งหมด90หยวนค่ะ(ขาไปและกลับ) ตกขาไป45หยวน ขากลับอีก 45 หยวน
อ่อ!ระหว่างทางมีจอดให้เข้าห้องน้ำหนึ่งที่นะคะ แล้วก็จะมีคนมาขายยา(ยาแก้เมาความสูงอะไรประมาณนี้ค่ะ) สำหรับคนที่คิดว่าไม่โอเคก็ซื้อได้เลยค่ะ เพราะว่าที่ที่จะไปสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่าที่จิ่วอีกค่ะ จะทำให้มึนแล้วก็อ้วกได้ สำหรับฉันได้ซื้อ ไม่ใช่เพราะเชื่อในร่างกายตัวเองนะ แต่ตอนนั้นเพิ่งตื่นเลยเบลอๆ
(วิวข้างทาง)
ถึงแล้ว 黄龙
พอมาถึงแล้วกระเป๋ารถก็นัดแนะเวลาว่าให้กี่ชม. ต้องมาถึงก่อนบ่ายสามห้าสิบ เพราะรถจะกลับตอนสี่โมงเย็นค่ะ ตอนนั้นไปถึงก็ประมาณ11โมงกว่าๆแล้วค่ะ ก็มีเวลาเที่ยวประมาณ4ชม.
(ต้องจำทะเบียนรถด้วย จะได้ขึ้นถูก)
หลังจากที่ฉันรับบัตรเข้าจากกระเป๋ารถแล้วก็พอคุณลุงชาวญี่ปุ่นไปที่ขายตั๋ว(คุณลุงไม่ซื้อกับกระเป๋าเพราะว่าคุณลุงเข้าฟรี เนื่องจากจีนเขาให้เข้าฟรีสำหรับคนที่อายุเกินหกสิบ ถ้าจำไม่ผิดนะ คุณลุงแกเจ็ดสิบเอ็ดแล้ว) พาแกไปซื้อบัตรขึ้นกระเช้า
(จะได้บัตร2ใบค่ะ บัตรหนึ่งคือบัตรเข้า ราคา 200หยวน ส่วนอีกบัตรเป็นบัตรค่ากระเช้า 80 หยวน เป็นแค่ขาขึ้นอย่างเดียว ขากลับเดินเอาค่ะ)
(หลังจากลงกระเช้าให้เดินทางลูกศรสีดำค่ะ จะวนไปจนถึงทางออก)
(กระเช้าขึ้นไป)
(หลังจากลงจากกระเช้าก็เดินต่ออีกหน่อย เป็นทางยาวมาเลย แล้วก็จะเจอที่ให้ชมวิว)
(ซูมเข้าไปใกล้ๆจะเห็นภูเขาที่ยังมีหิมะเหลืออยู่นิดหน่อย)
(วิวตรงกันข้ามก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง อยู่ใกล้ก้อนเมฆมากเลย แต่วันนี้ฟ้าไม่สดใส ดูเหมือนฝนจะตก)
หลังจากนั้นก็เดินต่อตามทางไป ก็จะเห็นว่าเข้าใกล้ภูเขาที่มีหิมะอยู่ขึ้นเรื่อยๆ
ก็มีแวะพักบ้าง เพราะคุณลุงเคนเดินแวะทานข้าว เราก็อยู่รอเป็นเพื่อน เพราะตอนที่อยู่จุดชมวิวเราบอกเขาว่าเราถ่ายรูปนานหน่อย ให้ลุงไปก่อนได้เลย แต่ลุงแกก็ยืนรอ
(แอบถ่ายซะเลย)
ระหว่างทางก็ชวนลุงเคนคุยไปเรื่อยๆ แต่ก็แบบว่าไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะภาษาอังกฤษฉันก็ไม่ได้ดี
แต่ชื่นชมคุณลุงเคนมากเลย เพราะว่าเขาไปเที่ยวมาหลายประเทศแล้ว รวมถึงประเทศที่ฉันอยากไปมากที่สุด(สวิส)ลุงแกก็ไปมาแล้ว โห๋ คุณลุงแกเป็นนักเดินทางจริงๆ ยิ่งมาจีนทั้งๆที่พูดจีนไม่ได้ แล้วคนจีนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ๆก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาสื่อสารกันยังไง
มาถึงจุดบนสุดแล้ว
(มองมุมสูง)
เดินต่อไปจะเป็นวัดค่ะ
(มองออกจากวัดจะเป็นแบบนี้)
(มีความงดงาม)
เจอวัดอีกแล้ว
แล้วก็เจอออออ แบบข้างบนอีกหลายจุดเลย
สักภาพกับคุณลุงเคนเพื่อนร่วมทางชาวญี่ปุ่น
แล้วก็เจอแบบนี้
(ไม่มีน้ำ)
แล้วก็มาเจอน้ำตก ที่ไม่ค่อยจะมีน้ำ
(คุณลุงเคนเจอเพื่อนชาติเดียวกันเลยหยุดคุยกันสักพัก เป็นแก๊งเดินป่า มีแต่ผู้หญิงหมดเลย เขาทักฉันด้วย นึกว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่น พูดญี่ปุ่นใส่ฉันเลย ฉันก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่ทำเป็นคือโค้งตัวสุดความสามารถพร้อมพูดว่าHi ยังดีที่คุณลุงเคนบอกว่าฉันเป็นคนไทย )
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบเดิน เพราะใกล้จะหมดเวลาแล้ว ลุงเคนก็รีบนะแต่ก็ยังคงแวะถ่ายรูปอยู่ ฉันก็รอ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเถียงกันว่าจะทางออกอยู่ไหน คุณลุงแกก็ชี้ไปอีกทาง ฉันก็ชี้ไปอีกทาง ต่างคนต่างเชื่อตัวเอง เราเลยแยกกัน ส่วนฉันก็ถามคนจีนวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ตลกกันเองอยู่ตั้งนาน สงสัยเพราะฉันออกเสียงคำว่าทางออกไม่ชัด เขาเลยฟังไม่ออก ต้องพูดหลายทีมาก กว่าจะเข้าใจ หลังจากที่เชื่อว่าตัวเองถูกต้องแล้ว ก็หันไปหาลุงเคน แต่แกหายไปแล้ว ฉันเลยได้แต่เดินตามทางตัวเอง จนกระทั่งไปถึงทางออก แล้วก็รอลุงเคนอยู่ที่ ทางออก พอลุงเคนออกมาเราก็คุยกันว่ามันไปได้หลายทางแต่ทางของฉันใกล้กว่า หลังจากนั้นเราก็กลับไปที่รถ
(ทางออก ส่วนใครที่ไม่ขึ้นกระเช้าไปก็สามารถเดินเข้าทางนี้ได้เลยค่ะ ถือว่าเป็นทางเข้า)
ตอนนั่งรถกลับนั้นรถไปจอดตรงจุดพักที่ให้เข้าห้องน้ำ ตอนนั้นคุณลุงบอกว่าจะลงตรงนี้ เพราะคุณลุงเคนจะไปต่อที่松潘(Songpan) กระเป๋ารถก็ยังคงให้ฉันทำหน้าที่ต่อ คือไปคุยว่าคุณลุงจะไปซงพานต้องต่อรถตรงนี้ ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีรถบัสไป เป็นรถคล้าย黑车(แท็กซี่ที่รถไม่เหมือนแท็กซี่)เขาบอกว่าราคา10หยวน คุณลุงเคนก็โอเค หลังจากนั้นเราก็บอกลากัน ฉันก็นั่งรถกลับไปจิ่ว แต่ว่าระหว่างทางมีคนเกาหลีมานั่งข้างฉัน ซึ่งฉันจำได้ลางๆว่าเราเคยเจอกันที่หวงหลง แต่ที่น่าแปลกใจคือเราเคยเจอกันวันที่ฉันไปถึงเฉิงตู แต่เราก็ไม่ได้คุยกัน เพราะฉันกำลังเมาอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเมารถที่พร้อมจะอ้วกได้ตลอดเวลา (หลังจากนั้นถึงรู้ว่าเป็นผลจากที่มันอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล)
ตอนจะลงต้องบอกเขาว่าจะลงตรงไหนด้วยนะ เพราะถ้าไม่บอกก็ต้องไปลงปลายทางเลย ถ้าบอกเขาจะจอดให้ลง ส่วนฉันก็ลงที่ใกล้ๆโฮสเทล แล้วเดินต่อไป
พอกลับที่พักก็พบว่าเจ๊คนที่เคยเป็นรูมเมทกับฉันกลับมาแล้ว(หลังจากที่คืนก่อนไปนอนในอุทยาน) เราก็ยังคงคุยกันไม่มาก เจ๊แกก็ยังคงถามรายละเอียดเรื่องหวงหลงกับฉันเหมือนที่ถามเรื่องจิ่วเป๊ะ หลังจากนั้นก็ตัดบนสนทนาไปด้วยเหตุที่ว่า ฉันหลับ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าบัตรเข้าชมและกระเช้า 280 หยวน
ค่ารถไปกลับจิ่วหวง 90 หยวน
ค่าอาหาร 10 หยวน
ทั้งหมด 380 หยวน
สำหรับpartหน้า ฉันจะไปเดินเที่ยวชิวๆในเฉิงตูค่ะ แล้วพบกันกับpartสุดท้ายในทริปนี้ค่ะ...