[CR] 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 3

Day Eight Drive to Paro
เราเดินทางออกจากที่พักมาถึง Bojo town ใน Wangdue ค่ะ เป็นเมืองเล็กๆที่กำลังจะเจริญเลยทีเดียว เราแวะที่นี่เพื่อซื้อ ราชู เพื่อใส่เข้า Punakha dzong ค่ะ Punakha Dzong ถือว่าเป็นซองที่สวยที่สุดในภูฏานเลยค่ะ เป็นซองแห่งที่สองที่สร้างขึ้นในภูฏาน ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม และยังเป็นสถานที่สำคัญที่กษัตริย์จิกมี่และพระราชินี Jetsun อภิเษกสมรสค่ะ โดยเมื่อไม่นานก็เพิ่งมีข่าวดี สมเด็จพระราชินี ทรงมีพระประสูติกาลพระราชโอรสในเดือนกุมภาที่ผ่านมาค่ะ

ในการที่เราจะสวมชุดประจำชาติเข้าซองนั้น จะต้องใส่ให้ถูกต้องและครบถ้วนค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจตราค่ะ


หลังจากนั้นเราก็อออกเดินทางไปยังวัด Chimi lhakang ค่ะ วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อเกี่ยวกับการขอลูก สำหรับใครที่มีลูกยาก สามารถมาขอลูกจากวัดนี้ค่ะ ไกด์ของเราได้โชว์อัลบั้มภาพคนที่มาขอแล้วมีลูกได้สมใจค่ะ เหมือนว่าเวลามาขอจะต้องมาด้วยกันทั้งสามีและภรรยาค่ะ



ระหว่างทางขากลับคนขับรถได้จอดรถแวะซื้อของกันค่ะ ไกด์บอกว่าเป็นแหล่งผักออแกนิคที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ตอนแรกเราก็จะซื้อพริกกลับไทย แต่คนขับรถบอกว่าให้กลับไปซื้อที่ Paro เอา เพราะว่าถ้าซื้อตอนนี้เกรงว่าจะเน่าก่อนค่ะ เนื่องจากเป็นผักออแกนิค ไม่มีสารเคมี ถ้าซื้อแล้วควรจะรับประทานภายใน 3 วันค่ะ

หลังจากที่ช้อปปิ้งกันเรียบร้อย เราก็ได้ไปพักทานข้าวที่ Dochula pass ค่ะ แล้วมุ่งหน้าไปยัง Paro ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปกันที่ Tamchoe Lhakang ค่ะ และวันนี้เเป็นวัดสุดท้ายของงาน The 2nd Royal Bhutan Flower Exhibition ที่ Ugyen Pelri Palace งานเทศกาลดอกไม้ที่พาโรค่ะ ตอนนั้นก็บ่ายแล้ว เราเลยต้องรีบทำเวลากันหน่อยเพื่อจะไปให้ทันงาน แต่หลังจากนั้นเราก็มารู้ทีหลังว่างานได้ขยายออกไปถึงวันที่ 10 ถ้าจำไม่ผิด ไหนๆก็มาแล้วไปชมกันสักหน่อยว่างานดอกไม้ภูฏานหน้าตาจะเป็นอย่างไร เราเสียค่าเข้าคนละ 700 nu สำหรับชาวต่างชาติค่ะ โดยวันเปิดงานวันแรก K4 และ พระราชินี Jetsun Pema พาเจ้าชายน้อยมาเยี่ยมชมค่ะ งานนี้โครงงานหลวงของไทยเราเองก็มาจัดบูธด้วยค่ะ งานจัดใกล้ๆกับ Paro dzong นี้เองค่ะ มี Paro chu ไหลผ่าน บรรยากาศดีมากเลยค่ะ งานค่อนข้างใหญ่พอสมควร เดินกันขาลากเลยค่ะงานนี้55



















ช่วงเย็นเราขอไกด์ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ Take away cafeteria มื้อนี้เพื่อนเลี้ยงโมโม่เราค่ะ หลังจากอิ่มท้องก็ไปนั่งรถเล่นไปชมจุดชมวิวพาโรตอนกลางคืนที่ Paro Airport birds eye view เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่บรรยากาศสวยมากค่ะ คืนนี้นอนพักที่ Jigmeling hotel ใน Paro town ค่ะ

Day Nine Sightseeing in Paro
วันนี้เตรียมกายใจมาพร้อมสำหรับการพิชิต Tiger nest หรือตักซังนั้นเองค่ะ ถือเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของภูฏานเลยค่ะ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนต้องไปสักครั้งในชีวิต ครึ่งแรกเราสามารถใช้ม้าขึ้นไปได้ค่ะ ส่วนครึ่งหลังต้องเดินขึ้นไปเอง เนื่องจากม้าไม่สามารถขึ้นไปได้ค่ะ เนื่องจากทางที่แคบและชันมากๆ โดยเสียค่าบริการ 25$ ต่อคน แต่ จขกท ยังรุ่นๆค่ะ5555 คิดว่าไม่ต้องใช้ ก็เดินตัวปลิวเอาค่ะ ไม้เท้าก็มีค่ะ สำหรับผู้สูงอายุหรือไม่สูงอายุต้องการใช้เพื่อไต่เขา ไกด์จะคอยประกบเราในขณะเดินขึ้นค่ะ เพราะว่าหน้าผาค่อนข้างชัน จำเป็นต้องระมัดระวังกันหน่อยค่ะ ยิ่งสูงวิวยิ่งสวยค่ะ มีจุดให้นั่งพักเป็นระยะๆ ภายในวัดห้ามถ่ายรูปค่ะ เราจะต้องฝากกระเป๋าไว้ที่จุดรับฝาก จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนเข้าไปภายในวัดค่ะ








เราเดินขึ้นเขาประมาณเกือบๆเก้าโมงแล้วเดินลงเขามาถึงร้านอาหารประมาณบ่ายโมงกว่าๆค่ะ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดินขึ้นลง หลังจากนั้นเราไปแวะกินข้าวเที่ยงที่ Taktsang Cafeteria ช่วงบ่ายเราออกมาเดินสำรวจพาโรทาวน์ค่ะ ที่นี่มีสนามเด็กเล็ก ถนนเริ่มลาดยางเหมือนบ้านเราค่ะ ร้านขายของที่ระลึกมีอยู่เต็มไปหมด จขกท เลยแวะไปซื้อบัตรเติมเงินนิดหน่อยเพื่อต่อชีวิตเน็ตค่ะ5555 ที่นี่มีบริการเติมเงินออนไลน์ หรือบัตร VISA สามารถใช้ได้ค่ะ ค่าธรรมเนียมงานถอนเงินครั้งละ 150 nu พอดีเงินไม่พอ เลยแวะไปถอนตู้ของ BOB ค่ะ ร้านของที่ระลึกบางแห่งรับทั้งดอลลาร์และ VISA ค่ะ หลังจากที่เดินเล่นในเมืองก็บังเอิญไปเห็น คาเฟ่ของที่นี่ค่ะ หน้าตาก็คล้ายๆของบ้านเรา แต่อาจจะเล็กกว่านิดหน่อย จขกท เลยแวะไปลองชาไทยค่ะ อยากรู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ คิดถึงบ้านคิดมาทันที5555 หลังจากเดินเตร็ดเตร่ไปสักพัก นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนภูฏานบอกว่าให้มาลองพิซซ่าภูฏานค่ะ ตอนแรกเรากะจะกินของ Druk pizza ที่ทิมพู แต่ว่าเวลาไม่พอเลยขอมากินที่นี่แทนค่ะ ราคาไม่แพง แป้งบาง ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ ตอนเย็นพวกเราไปกันที่ Farm house เหมือนมาทัศนศึกษาบ้านดั้งเดิมของภูฏาน เราได้รับประทานอาหารเย็นกับคนพื้นเมืองเลยค่ะ เจอทัวร์ญี่ปุ่นที่พิ่งเจอที่ตักซัง คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะกลับไฟล์ทเดียวกันค่ะ








Day Ten Depart from Paro Airport
ในที่สุดเวลาที่ไม่ได้รอคอยก็มาถึง วันที่เราต้องจากลาดินแดนแห่งนี้ TT ลงทุนตื่นเช้าตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมาเดินเล่นในเมืองเพื่อซึมซับภูฏานไว้ให้ได้เยอะที่สุดค่ะ หาซื้อของกินไปพลางๆ  เราได้ขนม โค้ก น้ำแอปเปิ้ลมา เลย์อินเดียกลับไทยค่ะ ส่วนของฝากนั้นเราแวะซื้อกันตั้งแต่อยู่ที่ทิมพูเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานัดเราก็ออกเดินทางไปยังสนามบิน กินลมชมวิวความสวยงามให้เข้ามาอยู่ในความทรงจำ

แถวข้างๆของเราเป็นทัวร์ญี่ปุ่นที่เราเจอที่ตักซังค่ะ กลับไฟล์ทเดียวกันจริงๆด้วย ขากลับไม่เจอคนไทยเลยค่ะ ทั้งเครื่องคงฉายเดี่ยวคนไทยกันแค่สองคน5555




ภาพของเจ้าชายน้อยค่ะ


ความเดียวดายนี้555 ขากลับได้นั่งที่ๆเดียวกับขามาเลยค่ะ มุมเดิม ที่เดิม เพิ่มเติมคือคนไทยข้างๆหายไป55 แต่เป็นป้าฝรั่งจากUKแทนค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นป้าฝรั่ง UN เวอร์ชั่น2หรือเปล่าหนอ55


หน้าตาอาหารบนเครื่องขากลับค่ะ รอบนี้เป็นเมนูไก่

จบแล้วค่ะ ทริปภูฏาน ดินแดนแห่งความฝันที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป หลังจากถึงไทยมาได้1วัน เราก็คิดถึงมากๆค่ะ ประทับใจกับประเทศนี้จริงๆ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวภูฏาน ขึ้นอยู่กับฤดูกาล จำนวนวันที่เราจะไปค่ะ ถ้าเดินทางในช่วง High season (มีนา,เมษา, พฤษภา, กันยา, ตุลาและพฤศจิกา) มากกว่า 3 คนขึ้นไป ราคาจะอยู่ที่ $250 ต่อคืนต่อคน ถ้า Low season (มกรา,กุมภา,มิถุนา,กรกฎา,สิงหา,ธันวา) ราคาจะอยู่ที่ $200 ค่ะ โดยราคาข้างต้นจะรวมโรงแรมมาตรฐาน3ดาวขึ้นไป ไกด์ คนขับรถ รถ อาหาร3มื้อ เรียบร้อยแล้ว ค่าวีซ่า $40 ถ้าไปเป็นกลุ่มเล็ก 1-2 คนต้องบวกเพิ่มค่ะ ถ้า 1 คน $40 2 คน $30ต่อคืนค่ะ ถ้าไปเป็นกลุ่มใหญ่จะได้รถมินิบัส ถ้าไปเป็นกลุ่มเล็กจะได้รถ 4WD ค่ะ ราคาตั๋วเครื่องบินจะลดราคาในช่วง Low season ค่ะ ถ้าไปกับทัวร์ท้องถิ่น ราคาจะถูกลงมาหน่อยค่ะ (ข้อมูลจากสภาการท่องเที่ยวภูฏาน TCB http://goo.gl/UfUTIO)

***สรุปค่าใช้จ่ายกับทัวร์ท้องถิ่น***
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   ภูฏาน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่