15 วัน กับ ภูฏาน ดินแดนในตำนาน #PARO
ความเดิม ตอนที่แล้ว >>
15 วัน กับ ภูฏาน ดินแดนในตำนาน #Thimphu :: http://ppantip.com/topic/31864652
15 วัน กับ ภูฏาน ดินแดนในตำนาน #Punakha + Wangdue Phodrang :: http://ppantip.com/topic/31868921
15 วัน กับ ภูฏาน ดินแดนในตำนาน #Phobjika :: http://ppantip.com/topic/31885866
15 วัน กับ ภูฏาน ดินแดนในตำนาน #BUMTHANG :: http://ppantip.com/topic/32187095

มาอัพตอนสุดท้ายใน Bhutan แล้วค่ะ หลังจากหายไปแบบลึกลับ
ก็ไม่นานเท่าไหร่แค่ไปมาตั้งแค่ มีนาคม 57 จนนี่เดือน สิงหาคม 57 ได้ฤกษ์ทำให้จบก่อนที่มันจะข้ามปี -"-
ตอนเก่าๆก็เข้าไปชมกันได้ตาม link ข้างบนนะคะ
หรือว่าจะแวะไปสอบถามที่นั่นโน่นนี่ใน FB ก็ได้ https://www.facebook.com/Paiitogo



กระทู้นี้เป็นภาพที่ PARO ค่ะ เมืองดังสถานที่เด่น อย่าง Tiger's Nest Monastery, Paro, Bhutan
ซึ่งวัดนี้ติดอันดับตามกระทู้ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายแบบไม่ต้องสงสัย

" This 17th century temple sits on the edge of a cliff 3,000 feet above the Paro valley. The holy site was built to protect the cave in which Guru Padmasambhava, a leader of Buddhism, meditated for three years, three months, three weeks, three days and three hours."
อ้างอิงจาก http://news.distractify.com/culture/rather-unknown-but-really-special-places-on-earth/?v=1


เราไปเที่ยว Taksang หรือ Tiger's Nest Monastery ก่อนวันกลับ 1 วันค่ะ เพื่อที่ว่าเราจะเหนื่อยเฮือกสุดท้ายของทริป
และกลับมาร่างร้าวที่ประเทศไทย โดยออกจาก Thimphu กันตอนเช้า(จริงๆก็สายแล้ว) ระหว่างทางก็เป็นทิวทัศน์ ภูเขา ต้นไม้
ตามสไตล์เมืองที่ราบสูง พร้อมกับเห็นหิมะที่ตกเมื่อคืนเกาะอยู่บนยอดเขา เป็นหิมะทิ้งท้ายหน้าหนาวแล้วค่ะ







บ้านเรือนและอาชีพก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆมากนัก แต่อาจจะน้อยกว่า ด้วยภูมิอากาศ / ภูมิประเทศ / ความสูงของแต่ละเมือง
ก็ทำให้แตกต่างกันไป แต่เท่าที่สังเกตุผู้คนเค้าก็ใช้ชีวิตกันง่ายๆ เหมือนๆกัน






จากเมือง Thimphu เราจะผ่านสนามบินที่เราลงและจะต้องขึ้นเครื่องในวันต่อไป และผ่านพระราชวัง Paro
ก่อนจะไปถึงตีนเขาที่เป็นทางขึ้นวัด เราไม่มีโอกาสแวะที่พระราชวัง Paro ค่ะ เพราะเวลาไม่พอแล้ว



แอบเห็นวัดอยู่ไกลๆ



ทางขึ้นก็มีของขาย แต่ก็มีแค่ตรงลานก่อนขึ้นที่เดียว ขายของกระจุกระจิกทั่วไป แล้วก็มีลานให้ม้ากินหญ้าด้วย
ใครเดินไม่ไหวก็ติดต่อ นั่งม้าขึ้นไปได้ค่ะ ราคาเท่าไหร่ไม่ทราบ เพราะว่า พยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อนแล้ว
ว่าอยากนั่งม้า แต่เพื่อนไม่สนใจ บอกให้เดินต่อไป







ทางขึ้นไปวัด

อยากจะเล่าความรู้สึกตอนเดินขึ้นไปมาก ว่ามันท้อ มันเหนื่อย มันขาจะหลุด และหมดแรงมาก
เดินสวนม้าหลายตัวก็ได้แค่ทำตาละห้อยใส่ ความรู้สึกตอนนั้นคือ ฉันอยากขึ้นม้า...
จนเดินมาได้ครึ่งทางเป็นที่ขายอาหาร และกาแฟ คนส่วนมากเค้าจะมากันแต่เช้าค่ะ แล้วก็มาพักตรงนี้ เพื่อทานอาหาร ทานน้ำ ก่อนจะเดินขึ้นไปต่อ
แต่ด้วยเวลาที่เรามาช้าและมีจำกัด (จากที่เค้าเดินกันจนถึงวัด ไปกลับ ประมาน 7 ชม. มนุษย์พื้นราบอย่างเราและเพื่อน ทำกันไปกลับ 4 ชม.!!!!!)
เลยไม่ได้พักทานอาหาร ทำแค่เข้าห้องน้ำ ตอนนั้นเรายืนมองไปที่วัด แล้วก็คิดในใจว่าเอาไงดี ไปต่อดีไหม ร่างกายไหวรึเปล่า
ถ้ารออยู่ตรงนั้นต้องรอคนเดียว กี่ชม.ไม่รู้ ..แล้วมาทำไม?? คิดจบหันไปบอกเพื่อนว่า ไปต่อ ทันที



จากจุดในภาพเป็นจุดพักและมีมนตราให้หมุนค่ะ จุดนี้อยู่ก่อนจะถึงจุดพักทานอาหาร



จากจุดพักทานอาหารก็จะพบกับวัด และหันหลังกับก็จะเจอกับจุดพักที่มีมนตรา





บางช่วงของทางเดินจะเป็นมุมที่เราสามารถเห็นวัดได้ไกลๆ



ช่วงที่เราขึ้นไป คนส่วนมากจะทยอยลงมาแล้วค่ะ
ถือว่าดีตรงที่ตอนเราไปถึงวัด คนจะน้อยมาก ยิ่งเงียบสงบและเย็นขึ้นเป็นเท่าตัว
(คือวัดที่นั่น บ้านที่นั่น..ข้างในมันไม่อุ่นเลยจ้าาาาา ยิ่งไม้ยิ่งเย็น T^T)