อย่าตกเป็นเหยือการตลาดจากการกิน vitamin C จริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร กินให้ถูก รู้ให้ทัน ก็จบครับ

สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวพันทิป  



ห่างหายไปนานสำหรับการเขียนบทความลงในพันทิป  วันนี้ผมขอมาพูดคุยในเรือง Vitamin C เข้าใจว่า หนุ่ม สาว สายอาหารเสริมต้องเคยกินกันทุกคน เพราะเชื่อว่ามันน่าจะขาว  มันน่าจะใส  ตามที่คนเค้าพูดกันมา  แต่แล้วจริงๆๆ มันเป็นแบบนั้น ???   แล้วจะกินเวลาไหน กินอย่างไร  ต้องผสมกับอะไร ???  และจะมีวิธีการเลือกซื้อ Vitamin C ได้อย่างไร  ผมเชื่อว่า ข้อมูลที่ผมจะพูดจะคุยต่อไปนี้ หลายท่านไม่เคยทราบมาก่อน และ ไม่เคยรู้มาก่อน  ต่อไปหวังว่า  หนุ่มสาวในห้องแป้งจะเลือกซื้อ Vitamin C และ เลือกกินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนะครับ

มาสรุปสาระสำคัญเบื่องต้นของ Vitamin C  

วิตามินซี หรือที่เรียกว่า Ascorbic acid เป็นวิตามิน ที่ละลายในน้ำ คนเราไม่สามารถสร้างได้และต้องได้จากการกินเข้าไป  

บทบาทของวิตามินซีในร่างกาย อาทิ  ช่วยการสร้างคอลลาเจน , ช่วยให้แผลหายได้ดีขึ้น , สังเคราะห์ bile acid ช่วยในการสร้างสื่อประสาท รวมสร้างฮอร์โมน  และ เป็น antioxidant เป็นต้น

ปริมาณการกินต่อวัน
ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับตามปกติในแต่ละวันสำหรับเด็กคือ 35-45 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ 50-60 มิลลิกรัม

การดูดซึม
200 mg  -->  100% bioavailable
500-mg  -->  75%  bioavailable
1,250-mg -- > 40% bioavailable

ดังนั้นการกินที่ดีที่เหมาะสมกินเพียง 200-500 mg 2 เวลาน่าจะอยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดครับ

ชนิดของ Vitamin C

# การกินวิตามินซีรูปปกติ และ รูปแบบค่อยๆปล่อยสาร จากการศึกษาพบว่า ระดังวิตามินซี ในเลือด ไม่แตกต่างกัน ที่ 4 อาทิตย์  

ต่อมาจะมาพูดถึง Mineral ascorbates (Buffer) ที่ขายกันทั่วๆไป  ที่เรียกว่าเกลือของวิตามินซี  ชนิดนี้จะมีความเป็นกรดน้อยกว่า Ascorbic acid  จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหากระเพาะอาหาร หรือ ท้องร่วง   ต่อไปเราจะมาพูดถึงเหลือวิตามินชนิดที่เจอบ่อยๆในท้องตลาดนะครับ

1. Sodium ascorbate: 1,000 mg จะมี Sodium 111 mg  ระวังในเคสที่ต้องคุม ระดับ Sodium ด้วยนะครับ
2. Calcium ascorbate: 1,000 mg จะมี Calcium  90-111 mg

สำหรับคนที่ชอบสรรหา vitamin C จะคุ้นเคยกับ Ester-C® ที่ประกอบไปด้วย calcium ascorbate +/- oxidized ascorbic acid + calcium threonate +  xylonate +  lyxonate แม้มีการศึกษาของแบรนที่เคลมมาว่าดีกว่ารูปทั่วไป แต่จากการศึกษาในคนพบว่า  Ester-C®  กับ Ascorbic acid ปกติ ไม่แตกต่างกันในเรืองการดูดซึม และ การขับออกทางปัสสาวะ

vitamin C ester เป็นอีกรูปหนึ่งที่เจอได้ในฉลากและควรรู้ไว้ครับในกลุ่มนี้ได้แก่ ( ไม่เหมือน Ester-C® )

Ascorbyl palmitate  รูปชนิดนี้จะละลายในน้ำมันได้ดีขึ้น  ตัวมันเองก็เป็น amphipathic molecule  มีปลายที่ชอบทั้งน้ำมัน และ น้ำ นั้นเอง ซึ่งเชื่อว่าข้อดีนี้ทำให้เข้าเซลล์เมมเเบรนได้ง่ายขึ้น

ผมจะขอพูดถึงความคาดหวังในการกิน vitamin C เพือประโยชน์อื่นๆ เช่น เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด ช่วยปัญหาผิวพรรณ

Vitamin C กับ เสริมภูมิคุ้มกัน

- เป็นอีกอย่างที่คนชอบบอกว่า กิน vit C จะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เราแข็งแรง  จริงๆแล้ว Vitamin C นี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างและหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว  และจากการศึกษาพบว่า  เม็ดเลือดขาวที่มีการสะสมของ Vitamin C เยอะก็จะช่วยให้เซลล์จาก oxidative stress ได้ ฟังดูดีนะครับ แต่จากการศึกษาในมนุษย์จริงๆยังไม่สรุปแบบนั้นนะครับ เพราะใน clinical trials เองในมนุษย์ก็ยังชัดเจนว่า  Vitamin C เสริมภูมิขึ้นได้ในแต่ละคนหรือไม่ ??? อาจจะต้องศึกษากันต่อไปครับ



Vitamin C  กับ ไขหวัด
- แน่นอนหลายคนมักจะได้กิน เวลาป่วยก็จะให้กินวิตามิน ซี โดยจริงๆแล้วมันช่วยได้จริง ???? จิงๆๆเรืองนี้มีการศึกษามายาวนานกว่า 30 + ปีเลยก็ว่าได้ครับ ว่า Vitamin C นี้จะป้องกันไข้หวัดได้หรือไม่  จากการรีวิว Mela-analysis เกี่ยวกับเรื่องนี้มีถึง 53 งานวิจัยเลยทีเดียว  จำนวน 23 งานวิจัยพบว่า การกิน vitamin C  250 - 2000 mg / วัน ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดได้ แต่การกิน Vitamin C นั้นสามารถลดระยะเวลาที่เป็นไข้หวัดได้นั้นเอง และ ได้ผลดีในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ นะครับ  ดังนั้น การกิน Vitamin C ไม่ได้ช่วยป้องกันไข้หวัดแต่ถ้าเป็นไข้จะลดระยะเวลาเป็นไข้ได้นะครับ  เข้าใจตรงกันนะครับ ;) สำหรับ dose ที่ศึกษานี้ 1-2 g นะครับ แต่แนะนำให้แบ่งกิน 500 mg เช้า เย็น ดีกว่าครับ



Vitamin C  กับ ผิว  *** อันนี้คงเป็๋นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยากรู้ว่าจริงๆมันช่วยมากน้อยขนาดไหน ***

รู้ไหมครับว่า Vitamin C เราจริงๆก็มีอยู่ใน ผิวหนังนะครับทั้งผิวชั้น epidermis และ dermis เรานั้นละครับ  ดังนั้นเวลเวลาโดน UV หรือ มลภาวะ อาทิอย่างบุหรี่ ก็จะลดระดับ vitamin C ที่ผิวชั้นบน( Epidermis ) ได้นั้นเอง แล้ว vitamin c มาที่ผิวได้อย่างไร ก็ตอบว่ามาทางเส้นเลือดที่มีโปรตีนขนส่งที่จำเพาะนั้นเอง   การกิน Vitamin C สามารถเพิ่มระดับ Vitamin C ในผิวได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อระดับ Vitamin C ในเลือดอิ่มตัวก็จะไม่ได้ไปเพิ่มที่ชั้นผิวเพิ่มขึ้นดังนั้นไม่ต้องไปกินเยอะครับ เสียเปล่าประโยชน์  อะไรที่เยอะก็ไม่ใช้จะได้ใช้ทั้งหมด

สำหรับเรืองผิว ในรูปกินที่เชื่อและมีหลักฐานพอก็คือ ช่วยปกป้องผิวจาก UV ได้ครับ แต่เค้าแนะนำว่าให้กินคู่กับ Vitamin E เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นครับ

สำหรับเรืองผิวเสียก่อนวัย/ริ้วรอย  -- จริงๆแล้วถ้าดูจากการศึกษาในหลอดทดลอง(cell culture models)ดูเหมือนจะดีไปทั้งหมดเพราะเค้าพบว่า vitamin c  ช่วยความสมดุล mRNA เพิ่มการแบ่งตัวของ fibroblast พร้อมท้งยังกระตุ้นการซ่อมแซม DNA ใน fibroblasts cell ด้วยครับ ดูจาก โมเดล นี้ฟังแล้วน่าจะดี   ทีนี้มาพูดถึงการกิน Vitamin C ในคน พบว่ามี 2 งานวิจัยพี่พบว่ากิน vit c แล้วสังเหตุเห็นได้ว่ามันลดลง ( Cosgrove MC, Franco OH, Granger SP, Murray PG, Mayes AE. Dietary nutrient intakes and skin-aging appearance among middle-aged American women. Am J Clin Nutr 2007;86:1225-1231.  /  Purba MB, Kouris-Blazos A, Wattanapenpaiboon N, et al. Skin wrinkling: can food make a difference? J Am Coll Nutr 2001;20:71-80 )  แต่ก็มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่าได้ผลน้อยอีกเช่นกัน  แต่การศึกษาที่พบว่าช่วยก็ยังมีข้อสงสัยอีกเช่นกันในการประเมิน ดงนั้นการกิน Vit C ในเรื่องริ้วรอย ก็ยังสรุปได้ไม่ชัดเจนครับ

สำหรับคำถามยอดฮิต แล้ว กิน Vitamin C แล้วจะขาวไหม ???????   บอกได้เลยครับ ว่าไม่ขาว  แม้พวกที่ไปฉีดเข้าเส้นตาม clinic ความงามก็ไม่ได้ให้ขาว และเยอะมากที่ฉีดไปแล้วเฉยๆๆ  ครับ    การกิน vitamin c แล้วขาวขึ้นนั้นบอกเลย ว่าณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ ยังไม่มีอะไรมายืนยันว่าจะขาว  บางครั้งหลักการของมันแม้จะเป็น copper chelator แต่นั้นเป็น cell model ไม่ใช้เอามากินผ่านกระเพาะ ดูดซึมแล้วเข้าไปเซลล์ครับ มันไม่เหมือนกันเลย  ดังนั้นการกิน  Vitamin C ไม่ได้ใช้ให้ขาวโดยตรง  แต่เนืองจากมันช่วย ปกป้องผิวจากแสงแดด ในบางคนที่ผิวเสียจากแสงแดดเวลากินเข้าไปก็เหมือนมีตัวกรองช่วยทำให้ผิวเสียจากแสงแดดลดลง เลยทำให้แลดูผิวดีขึ้นครับ  แต่ไม่ใช้จากตัว vit c เข้าไปช่วยให้ขาวโดยตรง

อ้าวแล้วก็จะมีคำถาม ว่าทำกิน กิน Vit C จาก acerola cherry / acai berry แล้วทำไมดูผิวดีขึ้น   จริงๆมันไม่ได้ดีจาก vitamin c เท่าไหรหรอกครับ  มันดีจาก สารอื่นๆที่อยู่ใน Acerola cherry ด้วยครับ เพราะอะไร เพราะจากการวิเคราะห์ HPLC ดูเทียบ vit C  กับ acerola cherry พบว่า acerola cherry มี peak มากกว่า ตัว Vit C ที่สังเหคราะห์นั้นคือมีสารอื่นๆที่จะมาช่วยเสริมกันนั้นเอง

แถมให้นะครับสำหรับ Vitamin C รูปฉีด

มาพูดถึง Vitamin C  กันหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการยับยังเม็ดสีเมลานิน  เจ้า Vitamin C ( Ascorbic acid )  จะไปยับยังเอนไซม์การสร้างเม็ดสี  มีการศึกษาในมหาวิทยาลัยใต้หวัน พบว่าการฉีด วิตามิน ซี เข้าร่างกาย สามารถช่วยลดเม็ดสีผิวเข้มในคนที่ล้างไตได้ --> จุดนี้เลยพากันเอามาฉีดเพื่อผิวขาวกัน  

และจริงๆมีการศึกษาไหมว่า  ถ้าฉีดแล้วจะช่วยในเรือง Cosmetic ได้   มีเพียง 1 รายงานจาก 1 คนไข้ที่ฉีด Vitamin C  ปริมาณสูงพบว่าให้รอยดำจากการทำ Laser ดีขึ้น   แต่เดียวก่อนมีรายงานแค่ เคส เดียวนะครับ  ยังไงก็อาจจะต้องรอดูกันต่อไป หลายๆ คนที่รู้จักไปฉีดมา ก็มีทั้งว่าดี ไม่ดี เฉยๆๆ แต่ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ได้ขาวขึ้นจากเดิม ดังนั้นใครจะฉีดก็อย่าคาดหวังผลเยอะนะครับ

ขนาดฉีดยัง ??? แล้วกินอาจจะคาดหวังได้น้อยลงเลยละครับเรื่องขาว  

Q&A  

Q : กินวิตามินซี อย่างไรให้ผลดีสุด ???
A : เนื่องจากมีการจำกัดการดูดซึมต่อครั้ง ดังนั้น  การแบ่งกินในปริมาณที่ไม่เกิน 500 mg นับว่าทำได้ง่ายสุด จากการศึกษาพบว่าที่ 200 mg สามารถดูดซึมได้เกือบหมด และ แนะนำให้กิน ทุก 2 ชม ตลอดทั้งวัน  แต่ความเป็นจริงทำได้ยาก ดังนั้น การกิน 500 mg 2 เวลา ย่อมเหมาะสมกว่า

Q : อาหารเสริมวิตามิน ซี ที่ใส่ในรูป liposome หรือ time-release มีประโยชน์กว่ารูปปกติ จริงไหม ??
A :  No No No จากงานวิจัยที่มียังไม่มียืนยันว่า Vitamin C liposome จะดีกว่ารูปปกติ  แม้ว่าทางแบรนจะเคลมเพือเพิ่มมูลค่าแต่หากดูงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์แทบจะหายากยิ่งกว่า ไข่เห็บในท้องทะเล  และงานวิจัยทางแบรนก็ยังไม่น่าเชื่อถือพออีกด้วย  ดังนั้น อาหารเสริมกลุ่มนี้จะแพงมาก  ดังนั้น เลือกกิน รูปปกติ ปริมาณไม่มาก แบ่งกินเอา เห็นผลแน่นอนและถูกกว่าครับ

Q : กินวิตามิน ซี ตอนไหนดีสุด
A :  หากกินในรูป ascorbic acid  หากมีปัญหาที่กระเพาะ แนะนำอย่ากินตอนท้องว่าง   แต่ถ้าเป็นรูปของเกลือ วิตามิน ก็แล้วแต่สะดวก  แต่ให้กินน้ำตาม 1-2 แก้ว   การกินพร้อมอาหารหรือเดียวๆๆเอาตรงๆๆไม่มีใครมาศึกษาครับ ว่ากินแบบไหน ระดับ vitamin C ในเลือดจะสูงกว่ากัน ดังนั้น นักโภชนาการจึงบอกว่า กินก่อน พร้อมอาหาร หรือหลังก็ได้  แต่ต้องดูรูป และ โรคกระเพาะอาหารที่เป็นเพื่อความเหมาะสมมากกว่าครับ

Q :วิตามินซี รูปสังเคราะห์กับจาก ธรรมชาติ  จะให้ผลการดูดซึม แตกต่างกันไหม ???
A :  ไม่ครับ    จากงานวิจัย ณ ปัจจุบันพบว่าไม่แตกต่างกันครับ  มีการศึกษาในคน อย่างน้อย 2 งานวิจัย สรุปแล้วก็ไม่แตกต่างครับ ดังนั้นจะรูปไหนก็ได้ครับ

Q : มีแบรนเค้าบอกว่า กิน vitamin C คู่กับ flavonoids จะช่วยให้การดูดซึม Vitamin C ดีขึ้น จริงไหม
A :  No No No  ณ ตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการกิน Vitamin C  คู่กับ Flavonoids / Bioflavonoids จะดูดซึมดีขึ้น มีการรายงานว่าการกิน คู่กับ quercetin ที่อยู่ใน rose hip ยับยังการดูดซึมด้วยซ้ำไปครับ  ดังนั้น การจะมีหรือไม่มีก็ไม่ซีเรียสครับ

จริงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ต้องกล่าวถึง  Albert Szent-Györgyi ที่พบว่า การกิน วิตามินซี กับ Flavonoids มีผลแต่การศึกษาก็ทำในหมู ไม่ใช้คน

Q :  กินวิตามินซี เป็นนิ่วในไตได้ไหม ???
A : มีการศึกษาการได้วิตามินซี >  1 กรัมต่อวันพบว่ามีบางรายงานการเกิดนิ่วในไตจากมีการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะในรูปออกซาเลตและกรดยูริกมากกว่าปกติ  ดังนั้นเมื่อมีรายงานก็ป้องกันไว้การกิน แบ่งโดส หลายเวลา ตามที่แนะนำ ย่อมปลอดภัยกว่าครับและได้ประสิทธิภาพที่ดีด้วย

ต่อไป part 2 จะเอา อาหารเสริม Vitamin C ในไทย มารีวิวให้ฟังนะครับ ว่าแต่ละตัวดีอย่างไร บางครั้งของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปครับ

หากใครมีข้อสงสัยสอบถามได้เลยครับ

หากพิมพ์ผิดหรือข้อมูลตกหล่นสามารถแจ้งและต้องขออภัยด้วยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่