สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวพันทิป
ห่างหายไปนานสำหรับการเขียนบทความลงในพันทิป วันนี้ผมขอมาพูดคุยในเรือง Vitamin C เข้าใจว่า หนุ่ม สาว สายอาหารเสริมต้องเคยกินกันทุกคน เพราะเชื่อว่ามันน่าจะขาว มันน่าจะใส ตามที่คนเค้าพูดกันมา แต่แล้วจริงๆๆ มันเป็นแบบนั้น ??? แล้วจะกินเวลาไหน กินอย่างไร ต้องผสมกับอะไร ??? และจะมีวิธีการเลือกซื้อ Vitamin C ได้อย่างไร ผมเชื่อว่า ข้อมูลที่ผมจะพูดจะคุยต่อไปนี้ หลายท่านไม่เคยทราบมาก่อน และ ไม่เคยรู้มาก่อน ต่อไปหวังว่า หนุ่มสาวในห้องแป้งจะเลือกซื้อ Vitamin C และ เลือกกินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนะครับ
มาสรุปสาระสำคัญเบื่องต้นของ Vitamin C
วิตามินซี หรือที่เรียกว่า Ascorbic acid เป็นวิตามิน ที่ละลายในน้ำ คนเราไม่สามารถสร้างได้และต้องได้จากการกินเข้าไป
บทบาทของวิตามินซีในร่างกาย อาทิ ช่วยการสร้างคอลลาเจน , ช่วยให้แผลหายได้ดีขึ้น , สังเคราะห์ bile acid ช่วยในการสร้างสื่อประสาท รวมสร้างฮอร์โมน และ เป็น antioxidant เป็นต้น
ปริมาณการกินต่อวัน
ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับตามปกติในแต่ละวันสำหรับเด็กคือ 35-45 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ 50-60 มิลลิกรัม
การดูดซึม
200 mg --> 100% bioavailable
500-mg --> 75% bioavailable
1,250-mg -- > 40% bioavailable
ดังนั้นการกินที่ดีที่เหมาะสมกินเพียง 200-500 mg 2 เวลาน่าจะอยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดครับ
ชนิดของ Vitamin C
# การกินวิตามินซีรูปปกติ และ รูปแบบค่อยๆปล่อยสาร จากการศึกษาพบว่า ระดังวิตามินซี ในเลือด ไม่แตกต่างกัน ที่ 4 อาทิตย์
ต่อมาจะมาพูดถึง Mineral ascorbates (Buffer) ที่ขายกันทั่วๆไป ที่เรียกว่าเกลือของวิตามินซี ชนิดนี้จะมีความเป็นกรดน้อยกว่า Ascorbic acid จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหากระเพาะอาหาร หรือ ท้องร่วง ต่อไปเราจะมาพูดถึงเหลือวิตามินชนิดที่เจอบ่อยๆในท้องตลาดนะครับ
1. Sodium ascorbate: 1,000 mg จะมี Sodium 111 mg ระวังในเคสที่ต้องคุม ระดับ Sodium ด้วยนะครับ
2. Calcium ascorbate: 1,000 mg จะมี Calcium 90-111 mg
สำหรับคนที่ชอบสรรหา vitamin C จะคุ้นเคยกับ Ester-C® ที่ประกอบไปด้วย calcium ascorbate +/- oxidized ascorbic acid + calcium threonate + xylonate + lyxonate แม้มีการศึกษาของแบรนที่เคลมมาว่าดีกว่ารูปทั่วไป แต่จากการศึกษาในคนพบว่า Ester-C® กับ Ascorbic acid ปกติ ไม่แตกต่างกันในเรืองการดูดซึม และ การขับออกทางปัสสาวะ
vitamin C ester เป็นอีกรูปหนึ่งที่เจอได้ในฉลากและควรรู้ไว้ครับในกลุ่มนี้ได้แก่ ( ไม่เหมือน Ester-C® )
Ascorbyl palmitate รูปชนิดนี้จะละลายในน้ำมันได้ดีขึ้น ตัวมันเองก็เป็น amphipathic molecule มีปลายที่ชอบทั้งน้ำมัน และ น้ำ นั้นเอง ซึ่งเชื่อว่าข้อดีนี้ทำให้เข้าเซลล์เมมเเบรนได้ง่ายขึ้น
ผมจะขอพูดถึงความคาดหวังในการกิน vitamin C เพือประโยชน์อื่นๆ เช่น เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด ช่วยปัญหาผิวพรรณ
Vitamin C กับ เสริมภูมิคุ้มกัน
- เป็นอีกอย่างที่คนชอบบอกว่า กิน vit C จะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เราแข็งแรง จริงๆแล้ว Vitamin C นี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างและหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว และจากการศึกษาพบว่า เม็ดเลือดขาวที่มีการสะสมของ Vitamin C เยอะก็จะช่วยให้เซลล์จาก oxidative stress ได้ ฟังดูดีนะครับ แต่จากการศึกษาในมนุษย์จริงๆยังไม่สรุปแบบนั้นนะครับ เพราะใน clinical trials เองในมนุษย์ก็ยังชัดเจนว่า Vitamin C เสริมภูมิขึ้นได้ในแต่ละคนหรือไม่ ??? อาจจะต้องศึกษากันต่อไปครับ
Vitamin C กับ ไขหวัด
- แน่นอนหลายคนมักจะได้กิน เวลาป่วยก็จะให้กินวิตามิน ซี โดยจริงๆแล้วมันช่วยได้จริง ???? จิงๆๆเรืองนี้มีการศึกษามายาวนานกว่า 30 + ปีเลยก็ว่าได้ครับ ว่า Vitamin C นี้จะป้องกันไข้หวัดได้หรือไม่ จากการรีวิว Mela-analysis เกี่ยวกับเรื่องนี้มีถึง 53 งานวิจัยเลยทีเดียว จำนวน 23 งานวิจัยพบว่า การกิน vitamin C 250 - 2000 mg / วัน ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดได้ แต่การกิน Vitamin C นั้นสามารถลดระยะเวลาที่เป็นไข้หวัดได้นั้นเอง และ ได้ผลดีในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ นะครับ ดังนั้น การกิน Vitamin C ไม่ได้ช่วยป้องกันไข้หวัดแต่ถ้าเป็นไข้จะลดระยะเวลาเป็นไข้ได้นะครับ เข้าใจตรงกันนะครับ ;) สำหรับ dose ที่ศึกษานี้ 1-2 g นะครับ แต่แนะนำให้แบ่งกิน 500 mg เช้า เย็น ดีกว่าครับ
Vitamin C กับ ผิว *** อันนี้คงเป็๋นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยากรู้ว่าจริงๆมันช่วยมากน้อยขนาดไหน ***
รู้ไหมครับว่า Vitamin C เราจริงๆก็มีอยู่ใน ผิวหนังนะครับทั้งผิวชั้น epidermis และ dermis เรานั้นละครับ ดังนั้นเวลเวลาโดน UV หรือ มลภาวะ อาทิอย่างบุหรี่ ก็จะลดระดับ vitamin C ที่ผิวชั้นบน( Epidermis ) ได้นั้นเอง แล้ว vitamin c มาที่ผิวได้อย่างไร ก็ตอบว่ามาทางเส้นเลือดที่มีโปรตีนขนส่งที่จำเพาะนั้นเอง การกิน Vitamin C สามารถเพิ่มระดับ Vitamin C ในผิวได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อระดับ Vitamin C ในเลือดอิ่มตัวก็จะไม่ได้ไปเพิ่มที่ชั้นผิวเพิ่มขึ้นดังนั้นไม่ต้องไปกินเยอะครับ เสียเปล่าประโยชน์ อะไรที่เยอะก็ไม่ใช้จะได้ใช้ทั้งหมด
สำหรับเรืองผิว ในรูปกินที่เชื่อและมีหลักฐานพอก็คือ ช่วยปกป้องผิวจาก UV ได้ครับ แต่เค้าแนะนำว่าให้กินคู่กับ Vitamin E เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นครับ
สำหรับเรืองผิวเสียก่อนวัย/ริ้วรอย -- จริงๆแล้วถ้าดูจากการศึกษาในหลอดทดลอง(cell culture models)ดูเหมือนจะดีไปทั้งหมดเพราะเค้าพบว่า vitamin c ช่วยความสมดุล mRNA เพิ่มการแบ่งตัวของ fibroblast พร้อมท้งยังกระตุ้นการซ่อมแซม DNA ใน fibroblasts cell ด้วยครับ ดูจาก โมเดล นี้ฟังแล้วน่าจะดี ทีนี้มาพูดถึงการกิน Vitamin C ในคน พบว่ามี 2 งานวิจัยพี่พบว่ากิน vit c แล้วสังเหตุเห็นได้ว่ามันลดลง ( Cosgrove MC, Franco OH, Granger SP, Murray PG, Mayes AE. Dietary nutrient intakes and skin-aging appearance among middle-aged American women. Am J Clin Nutr 2007;86:1225-1231. / Purba MB, Kouris-Blazos A, Wattanapenpaiboon N, et al. Skin wrinkling: can food make a difference? J Am Coll Nutr 2001;20:71-80 ) แต่ก็มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่าได้ผลน้อยอีกเช่นกัน แต่การศึกษาที่พบว่าช่วยก็ยังมีข้อสงสัยอีกเช่นกันในการประเมิน ดงนั้นการกิน Vit C ในเรื่องริ้วรอย ก็ยังสรุปได้ไม่ชัดเจนครับ
สำหรับคำถามยอดฮิต แล้ว กิน Vitamin C แล้วจะขาวไหม ??????? บอกได้เลยครับ ว่าไม่ขาว แม้พวกที่ไปฉีดเข้าเส้นตาม clinic ความงามก็ไม่ได้ให้ขาว และเยอะมากที่ฉีดไปแล้วเฉยๆๆ ครับ การกิน vitamin c แล้วขาวขึ้นนั้นบอกเลย ว่าณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ ยังไม่มีอะไรมายืนยันว่าจะขาว บางครั้งหลักการของมันแม้จะเป็น copper chelator แต่นั้นเป็น cell model ไม่ใช้เอามากินผ่านกระเพาะ ดูดซึมแล้วเข้าไปเซลล์ครับ มันไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นการกิน Vitamin C ไม่ได้ใช้ให้ขาวโดยตรง แต่เนืองจากมันช่วย ปกป้องผิวจากแสงแดด ในบางคนที่ผิวเสียจากแสงแดดเวลากินเข้าไปก็เหมือนมีตัวกรองช่วยทำให้ผิวเสียจากแสงแดดลดลง เลยทำให้แลดูผิวดีขึ้นครับ แต่ไม่ใช้จากตัว vit c เข้าไปช่วยให้ขาวโดยตรง
อ้าวแล้วก็จะมีคำถาม ว่าทำกิน กิน Vit C จาก acerola cherry / acai berry แล้วทำไมดูผิวดีขึ้น จริงๆมันไม่ได้ดีจาก vitamin c เท่าไหรหรอกครับ มันดีจาก สารอื่นๆที่อยู่ใน Acerola cherry ด้วยครับ เพราะอะไร เพราะจากการวิเคราะห์ HPLC ดูเทียบ vit C กับ acerola cherry พบว่า acerola cherry มี peak มากกว่า ตัว Vit C ที่สังเหคราะห์นั้นคือมีสารอื่นๆที่จะมาช่วยเสริมกันนั้นเอง
แถมให้นะครับสำหรับ Vitamin C รูปฉีด
มาพูดถึง Vitamin C กันหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการยับยังเม็ดสีเมลานิน เจ้า Vitamin C ( Ascorbic acid ) จะไปยับยังเอนไซม์การสร้างเม็ดสี มีการศึกษาในมหาวิทยาลัยใต้หวัน พบว่าการฉีด วิตามิน ซี เข้าร่างกาย สามารถช่วยลดเม็ดสีผิวเข้มในคนที่ล้างไตได้ --> จุดนี้เลยพากันเอามาฉีดเพื่อผิวขาวกัน
และจริงๆมีการศึกษาไหมว่า ถ้าฉีดแล้วจะช่วยในเรือง Cosmetic ได้ มีเพียง 1 รายงานจาก 1 คนไข้ที่ฉีด Vitamin C ปริมาณสูงพบว่าให้รอยดำจากการทำ Laser ดีขึ้น แต่เดียวก่อนมีรายงานแค่ เคส เดียวนะครับ ยังไงก็อาจจะต้องรอดูกันต่อไป หลายๆ คนที่รู้จักไปฉีดมา ก็มีทั้งว่าดี ไม่ดี เฉยๆๆ แต่ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ได้ขาวขึ้นจากเดิม ดังนั้นใครจะฉีดก็อย่าคาดหวังผลเยอะนะครับ
ขนาดฉีดยัง ??? แล้วกินอาจจะคาดหวังได้น้อยลงเลยละครับเรื่องขาว
Q&A
Q : กินวิตามินซี อย่างไรให้ผลดีสุด ???
A : เนื่องจากมีการจำกัดการดูดซึมต่อครั้ง ดังนั้น การแบ่งกินในปริมาณที่ไม่เกิน 500 mg นับว่าทำได้ง่ายสุด จากการศึกษาพบว่าที่ 200 mg สามารถดูดซึมได้เกือบหมด และ แนะนำให้กิน ทุก 2 ชม ตลอดทั้งวัน แต่ความเป็นจริงทำได้ยาก ดังนั้น การกิน 500 mg 2 เวลา ย่อมเหมาะสมกว่า
Q : อาหารเสริมวิตามิน ซี ที่ใส่ในรูป liposome หรือ time-release มีประโยชน์กว่ารูปปกติ จริงไหม ??
A : No No No จากงานวิจัยที่มียังไม่มียืนยันว่า Vitamin C liposome จะดีกว่ารูปปกติ แม้ว่าทางแบรนจะเคลมเพือเพิ่มมูลค่าแต่หากดูงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์แทบจะหายากยิ่งกว่า ไข่เห็บในท้องทะเล และงานวิจัยทางแบรนก็ยังไม่น่าเชื่อถือพออีกด้วย ดังนั้น อาหารเสริมกลุ่มนี้จะแพงมาก ดังนั้น เลือกกิน รูปปกติ ปริมาณไม่มาก แบ่งกินเอา เห็นผลแน่นอนและถูกกว่าครับ
Q : กินวิตามิน ซี ตอนไหนดีสุด
A : หากกินในรูป ascorbic acid หากมีปัญหาที่กระเพาะ แนะนำอย่ากินตอนท้องว่าง แต่ถ้าเป็นรูปของเกลือ วิตามิน ก็แล้วแต่สะดวก แต่ให้กินน้ำตาม 1-2 แก้ว การกินพร้อมอาหารหรือเดียวๆๆเอาตรงๆๆไม่มีใครมาศึกษาครับ ว่ากินแบบไหน ระดับ vitamin C ในเลือดจะสูงกว่ากัน ดังนั้น นักโภชนาการจึงบอกว่า กินก่อน พร้อมอาหาร หรือหลังก็ได้ แต่ต้องดูรูป และ โรคกระเพาะอาหารที่เป็นเพื่อความเหมาะสมมากกว่าครับ
Q :วิตามินซี รูปสังเคราะห์กับจาก ธรรมชาติ จะให้ผลการดูดซึม แตกต่างกันไหม ???
A : ไม่ครับ จากงานวิจัย ณ ปัจจุบันพบว่าไม่แตกต่างกันครับ มีการศึกษาในคน อย่างน้อย 2 งานวิจัย สรุปแล้วก็ไม่แตกต่างครับ ดังนั้นจะรูปไหนก็ได้ครับ
Q : มีแบรนเค้าบอกว่า กิน vitamin C คู่กับ flavonoids จะช่วยให้การดูดซึม Vitamin C ดีขึ้น จริงไหม
A : No No No ณ ตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการกิน Vitamin C คู่กับ Flavonoids / Bioflavonoids จะดูดซึมดีขึ้น มีการรายงานว่าการกิน คู่กับ quercetin ที่อยู่ใน rose hip ยับยังการดูดซึมด้วยซ้ำไปครับ ดังนั้น การจะมีหรือไม่มีก็ไม่ซีเรียสครับ
จริงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ต้องกล่าวถึง Albert Szent-Györgyi ที่พบว่า การกิน วิตามินซี กับ Flavonoids มีผลแต่การศึกษาก็ทำในหมู ไม่ใช้คน
Q : กินวิตามินซี เป็นนิ่วในไตได้ไหม ???
A : มีการศึกษาการได้วิตามินซี > 1 กรัมต่อวันพบว่ามีบางรายงานการเกิดนิ่วในไตจากมีการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะในรูปออกซาเลตและกรดยูริกมากกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อมีรายงานก็ป้องกันไว้การกิน แบ่งโดส หลายเวลา ตามที่แนะนำ ย่อมปลอดภัยกว่าครับและได้ประสิทธิภาพที่ดีด้วย
ต่อไป part 2 จะเอา อาหารเสริม Vitamin C ในไทย มารีวิวให้ฟังนะครับ ว่าแต่ละตัวดีอย่างไร บางครั้งของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปครับ
หากใครมีข้อสงสัยสอบถามได้เลยครับ
หากพิมพ์ผิดหรือข้อมูลตกหล่นสามารถแจ้งและต้องขออภัยด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/Darkmanfitandwell/
อย่าตกเป็นเหยือการตลาดจากการกิน vitamin C จริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร กินให้ถูก รู้ให้ทัน ก็จบครับ
ห่างหายไปนานสำหรับการเขียนบทความลงในพันทิป วันนี้ผมขอมาพูดคุยในเรือง Vitamin C เข้าใจว่า หนุ่ม สาว สายอาหารเสริมต้องเคยกินกันทุกคน เพราะเชื่อว่ามันน่าจะขาว มันน่าจะใส ตามที่คนเค้าพูดกันมา แต่แล้วจริงๆๆ มันเป็นแบบนั้น ??? แล้วจะกินเวลาไหน กินอย่างไร ต้องผสมกับอะไร ??? และจะมีวิธีการเลือกซื้อ Vitamin C ได้อย่างไร ผมเชื่อว่า ข้อมูลที่ผมจะพูดจะคุยต่อไปนี้ หลายท่านไม่เคยทราบมาก่อน และ ไม่เคยรู้มาก่อน ต่อไปหวังว่า หนุ่มสาวในห้องแป้งจะเลือกซื้อ Vitamin C และ เลือกกินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนะครับ
มาสรุปสาระสำคัญเบื่องต้นของ Vitamin C
วิตามินซี หรือที่เรียกว่า Ascorbic acid เป็นวิตามิน ที่ละลายในน้ำ คนเราไม่สามารถสร้างได้และต้องได้จากการกินเข้าไป
บทบาทของวิตามินซีในร่างกาย อาทิ ช่วยการสร้างคอลลาเจน , ช่วยให้แผลหายได้ดีขึ้น , สังเคราะห์ bile acid ช่วยในการสร้างสื่อประสาท รวมสร้างฮอร์โมน และ เป็น antioxidant เป็นต้น
ปริมาณการกินต่อวัน
ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับตามปกติในแต่ละวันสำหรับเด็กคือ 35-45 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ 50-60 มิลลิกรัม
การดูดซึม
200 mg --> 100% bioavailable
500-mg --> 75% bioavailable
1,250-mg -- > 40% bioavailable
ดังนั้นการกินที่ดีที่เหมาะสมกินเพียง 200-500 mg 2 เวลาน่าจะอยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดครับ
ชนิดของ Vitamin C
# การกินวิตามินซีรูปปกติ และ รูปแบบค่อยๆปล่อยสาร จากการศึกษาพบว่า ระดังวิตามินซี ในเลือด ไม่แตกต่างกัน ที่ 4 อาทิตย์
ต่อมาจะมาพูดถึง Mineral ascorbates (Buffer) ที่ขายกันทั่วๆไป ที่เรียกว่าเกลือของวิตามินซี ชนิดนี้จะมีความเป็นกรดน้อยกว่า Ascorbic acid จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหากระเพาะอาหาร หรือ ท้องร่วง ต่อไปเราจะมาพูดถึงเหลือวิตามินชนิดที่เจอบ่อยๆในท้องตลาดนะครับ
1. Sodium ascorbate: 1,000 mg จะมี Sodium 111 mg ระวังในเคสที่ต้องคุม ระดับ Sodium ด้วยนะครับ
2. Calcium ascorbate: 1,000 mg จะมี Calcium 90-111 mg
สำหรับคนที่ชอบสรรหา vitamin C จะคุ้นเคยกับ Ester-C® ที่ประกอบไปด้วย calcium ascorbate +/- oxidized ascorbic acid + calcium threonate + xylonate + lyxonate แม้มีการศึกษาของแบรนที่เคลมมาว่าดีกว่ารูปทั่วไป แต่จากการศึกษาในคนพบว่า Ester-C® กับ Ascorbic acid ปกติ ไม่แตกต่างกันในเรืองการดูดซึม และ การขับออกทางปัสสาวะ
vitamin C ester เป็นอีกรูปหนึ่งที่เจอได้ในฉลากและควรรู้ไว้ครับในกลุ่มนี้ได้แก่ ( ไม่เหมือน Ester-C® )
Ascorbyl palmitate รูปชนิดนี้จะละลายในน้ำมันได้ดีขึ้น ตัวมันเองก็เป็น amphipathic molecule มีปลายที่ชอบทั้งน้ำมัน และ น้ำ นั้นเอง ซึ่งเชื่อว่าข้อดีนี้ทำให้เข้าเซลล์เมมเเบรนได้ง่ายขึ้น
ผมจะขอพูดถึงความคาดหวังในการกิน vitamin C เพือประโยชน์อื่นๆ เช่น เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด ช่วยปัญหาผิวพรรณ
Vitamin C กับ เสริมภูมิคุ้มกัน
- เป็นอีกอย่างที่คนชอบบอกว่า กิน vit C จะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เราแข็งแรง จริงๆแล้ว Vitamin C นี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างและหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว และจากการศึกษาพบว่า เม็ดเลือดขาวที่มีการสะสมของ Vitamin C เยอะก็จะช่วยให้เซลล์จาก oxidative stress ได้ ฟังดูดีนะครับ แต่จากการศึกษาในมนุษย์จริงๆยังไม่สรุปแบบนั้นนะครับ เพราะใน clinical trials เองในมนุษย์ก็ยังชัดเจนว่า Vitamin C เสริมภูมิขึ้นได้ในแต่ละคนหรือไม่ ??? อาจจะต้องศึกษากันต่อไปครับ
Vitamin C กับ ไขหวัด
- แน่นอนหลายคนมักจะได้กิน เวลาป่วยก็จะให้กินวิตามิน ซี โดยจริงๆแล้วมันช่วยได้จริง ???? จิงๆๆเรืองนี้มีการศึกษามายาวนานกว่า 30 + ปีเลยก็ว่าได้ครับ ว่า Vitamin C นี้จะป้องกันไข้หวัดได้หรือไม่ จากการรีวิว Mela-analysis เกี่ยวกับเรื่องนี้มีถึง 53 งานวิจัยเลยทีเดียว จำนวน 23 งานวิจัยพบว่า การกิน vitamin C 250 - 2000 mg / วัน ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดได้ แต่การกิน Vitamin C นั้นสามารถลดระยะเวลาที่เป็นไข้หวัดได้นั้นเอง และ ได้ผลดีในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ นะครับ ดังนั้น การกิน Vitamin C ไม่ได้ช่วยป้องกันไข้หวัดแต่ถ้าเป็นไข้จะลดระยะเวลาเป็นไข้ได้นะครับ เข้าใจตรงกันนะครับ ;) สำหรับ dose ที่ศึกษานี้ 1-2 g นะครับ แต่แนะนำให้แบ่งกิน 500 mg เช้า เย็น ดีกว่าครับ
Vitamin C กับ ผิว *** อันนี้คงเป็๋นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยากรู้ว่าจริงๆมันช่วยมากน้อยขนาดไหน ***
รู้ไหมครับว่า Vitamin C เราจริงๆก็มีอยู่ใน ผิวหนังนะครับทั้งผิวชั้น epidermis และ dermis เรานั้นละครับ ดังนั้นเวลเวลาโดน UV หรือ มลภาวะ อาทิอย่างบุหรี่ ก็จะลดระดับ vitamin C ที่ผิวชั้นบน( Epidermis ) ได้นั้นเอง แล้ว vitamin c มาที่ผิวได้อย่างไร ก็ตอบว่ามาทางเส้นเลือดที่มีโปรตีนขนส่งที่จำเพาะนั้นเอง การกิน Vitamin C สามารถเพิ่มระดับ Vitamin C ในผิวได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อระดับ Vitamin C ในเลือดอิ่มตัวก็จะไม่ได้ไปเพิ่มที่ชั้นผิวเพิ่มขึ้นดังนั้นไม่ต้องไปกินเยอะครับ เสียเปล่าประโยชน์ อะไรที่เยอะก็ไม่ใช้จะได้ใช้ทั้งหมด
สำหรับเรืองผิว ในรูปกินที่เชื่อและมีหลักฐานพอก็คือ ช่วยปกป้องผิวจาก UV ได้ครับ แต่เค้าแนะนำว่าให้กินคู่กับ Vitamin E เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นครับ
สำหรับเรืองผิวเสียก่อนวัย/ริ้วรอย -- จริงๆแล้วถ้าดูจากการศึกษาในหลอดทดลอง(cell culture models)ดูเหมือนจะดีไปทั้งหมดเพราะเค้าพบว่า vitamin c ช่วยความสมดุล mRNA เพิ่มการแบ่งตัวของ fibroblast พร้อมท้งยังกระตุ้นการซ่อมแซม DNA ใน fibroblasts cell ด้วยครับ ดูจาก โมเดล นี้ฟังแล้วน่าจะดี ทีนี้มาพูดถึงการกิน Vitamin C ในคน พบว่ามี 2 งานวิจัยพี่พบว่ากิน vit c แล้วสังเหตุเห็นได้ว่ามันลดลง ( Cosgrove MC, Franco OH, Granger SP, Murray PG, Mayes AE. Dietary nutrient intakes and skin-aging appearance among middle-aged American women. Am J Clin Nutr 2007;86:1225-1231. / Purba MB, Kouris-Blazos A, Wattanapenpaiboon N, et al. Skin wrinkling: can food make a difference? J Am Coll Nutr 2001;20:71-80 ) แต่ก็มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่าได้ผลน้อยอีกเช่นกัน แต่การศึกษาที่พบว่าช่วยก็ยังมีข้อสงสัยอีกเช่นกันในการประเมิน ดงนั้นการกิน Vit C ในเรื่องริ้วรอย ก็ยังสรุปได้ไม่ชัดเจนครับ
สำหรับคำถามยอดฮิต แล้ว กิน Vitamin C แล้วจะขาวไหม ??????? บอกได้เลยครับ ว่าไม่ขาว แม้พวกที่ไปฉีดเข้าเส้นตาม clinic ความงามก็ไม่ได้ให้ขาว และเยอะมากที่ฉีดไปแล้วเฉยๆๆ ครับ การกิน vitamin c แล้วขาวขึ้นนั้นบอกเลย ว่าณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ ยังไม่มีอะไรมายืนยันว่าจะขาว บางครั้งหลักการของมันแม้จะเป็น copper chelator แต่นั้นเป็น cell model ไม่ใช้เอามากินผ่านกระเพาะ ดูดซึมแล้วเข้าไปเซลล์ครับ มันไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นการกิน Vitamin C ไม่ได้ใช้ให้ขาวโดยตรง แต่เนืองจากมันช่วย ปกป้องผิวจากแสงแดด ในบางคนที่ผิวเสียจากแสงแดดเวลากินเข้าไปก็เหมือนมีตัวกรองช่วยทำให้ผิวเสียจากแสงแดดลดลง เลยทำให้แลดูผิวดีขึ้นครับ แต่ไม่ใช้จากตัว vit c เข้าไปช่วยให้ขาวโดยตรง
อ้าวแล้วก็จะมีคำถาม ว่าทำกิน กิน Vit C จาก acerola cherry / acai berry แล้วทำไมดูผิวดีขึ้น จริงๆมันไม่ได้ดีจาก vitamin c เท่าไหรหรอกครับ มันดีจาก สารอื่นๆที่อยู่ใน Acerola cherry ด้วยครับ เพราะอะไร เพราะจากการวิเคราะห์ HPLC ดูเทียบ vit C กับ acerola cherry พบว่า acerola cherry มี peak มากกว่า ตัว Vit C ที่สังเหคราะห์นั้นคือมีสารอื่นๆที่จะมาช่วยเสริมกันนั้นเอง
แถมให้นะครับสำหรับ Vitamin C รูปฉีด
มาพูดถึง Vitamin C กันหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการยับยังเม็ดสีเมลานิน เจ้า Vitamin C ( Ascorbic acid ) จะไปยับยังเอนไซม์การสร้างเม็ดสี มีการศึกษาในมหาวิทยาลัยใต้หวัน พบว่าการฉีด วิตามิน ซี เข้าร่างกาย สามารถช่วยลดเม็ดสีผิวเข้มในคนที่ล้างไตได้ --> จุดนี้เลยพากันเอามาฉีดเพื่อผิวขาวกัน
และจริงๆมีการศึกษาไหมว่า ถ้าฉีดแล้วจะช่วยในเรือง Cosmetic ได้ มีเพียง 1 รายงานจาก 1 คนไข้ที่ฉีด Vitamin C ปริมาณสูงพบว่าให้รอยดำจากการทำ Laser ดีขึ้น แต่เดียวก่อนมีรายงานแค่ เคส เดียวนะครับ ยังไงก็อาจจะต้องรอดูกันต่อไป หลายๆ คนที่รู้จักไปฉีดมา ก็มีทั้งว่าดี ไม่ดี เฉยๆๆ แต่ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ได้ขาวขึ้นจากเดิม ดังนั้นใครจะฉีดก็อย่าคาดหวังผลเยอะนะครับ
ขนาดฉีดยัง ??? แล้วกินอาจจะคาดหวังได้น้อยลงเลยละครับเรื่องขาว
Q&A
Q : กินวิตามินซี อย่างไรให้ผลดีสุด ???
A : เนื่องจากมีการจำกัดการดูดซึมต่อครั้ง ดังนั้น การแบ่งกินในปริมาณที่ไม่เกิน 500 mg นับว่าทำได้ง่ายสุด จากการศึกษาพบว่าที่ 200 mg สามารถดูดซึมได้เกือบหมด และ แนะนำให้กิน ทุก 2 ชม ตลอดทั้งวัน แต่ความเป็นจริงทำได้ยาก ดังนั้น การกิน 500 mg 2 เวลา ย่อมเหมาะสมกว่า
Q : อาหารเสริมวิตามิน ซี ที่ใส่ในรูป liposome หรือ time-release มีประโยชน์กว่ารูปปกติ จริงไหม ??
A : No No No จากงานวิจัยที่มียังไม่มียืนยันว่า Vitamin C liposome จะดีกว่ารูปปกติ แม้ว่าทางแบรนจะเคลมเพือเพิ่มมูลค่าแต่หากดูงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์แทบจะหายากยิ่งกว่า ไข่เห็บในท้องทะเล และงานวิจัยทางแบรนก็ยังไม่น่าเชื่อถือพออีกด้วย ดังนั้น อาหารเสริมกลุ่มนี้จะแพงมาก ดังนั้น เลือกกิน รูปปกติ ปริมาณไม่มาก แบ่งกินเอา เห็นผลแน่นอนและถูกกว่าครับ
Q : กินวิตามิน ซี ตอนไหนดีสุด
A : หากกินในรูป ascorbic acid หากมีปัญหาที่กระเพาะ แนะนำอย่ากินตอนท้องว่าง แต่ถ้าเป็นรูปของเกลือ วิตามิน ก็แล้วแต่สะดวก แต่ให้กินน้ำตาม 1-2 แก้ว การกินพร้อมอาหารหรือเดียวๆๆเอาตรงๆๆไม่มีใครมาศึกษาครับ ว่ากินแบบไหน ระดับ vitamin C ในเลือดจะสูงกว่ากัน ดังนั้น นักโภชนาการจึงบอกว่า กินก่อน พร้อมอาหาร หรือหลังก็ได้ แต่ต้องดูรูป และ โรคกระเพาะอาหารที่เป็นเพื่อความเหมาะสมมากกว่าครับ
Q :วิตามินซี รูปสังเคราะห์กับจาก ธรรมชาติ จะให้ผลการดูดซึม แตกต่างกันไหม ???
A : ไม่ครับ จากงานวิจัย ณ ปัจจุบันพบว่าไม่แตกต่างกันครับ มีการศึกษาในคน อย่างน้อย 2 งานวิจัย สรุปแล้วก็ไม่แตกต่างครับ ดังนั้นจะรูปไหนก็ได้ครับ
Q : มีแบรนเค้าบอกว่า กิน vitamin C คู่กับ flavonoids จะช่วยให้การดูดซึม Vitamin C ดีขึ้น จริงไหม
A : No No No ณ ตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการกิน Vitamin C คู่กับ Flavonoids / Bioflavonoids จะดูดซึมดีขึ้น มีการรายงานว่าการกิน คู่กับ quercetin ที่อยู่ใน rose hip ยับยังการดูดซึมด้วยซ้ำไปครับ ดังนั้น การจะมีหรือไม่มีก็ไม่ซีเรียสครับ
จริงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ต้องกล่าวถึง Albert Szent-Györgyi ที่พบว่า การกิน วิตามินซี กับ Flavonoids มีผลแต่การศึกษาก็ทำในหมู ไม่ใช้คน
Q : กินวิตามินซี เป็นนิ่วในไตได้ไหม ???
A : มีการศึกษาการได้วิตามินซี > 1 กรัมต่อวันพบว่ามีบางรายงานการเกิดนิ่วในไตจากมีการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะในรูปออกซาเลตและกรดยูริกมากกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อมีรายงานก็ป้องกันไว้การกิน แบ่งโดส หลายเวลา ตามที่แนะนำ ย่อมปลอดภัยกว่าครับและได้ประสิทธิภาพที่ดีด้วย
ต่อไป part 2 จะเอา อาหารเสริม Vitamin C ในไทย มารีวิวให้ฟังนะครับ ว่าแต่ละตัวดีอย่างไร บางครั้งของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปครับ
หากใครมีข้อสงสัยสอบถามได้เลยครับ
หากพิมพ์ผิดหรือข้อมูลตกหล่นสามารถแจ้งและต้องขออภัยด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้