เนื่องจากตัวจขกทพึ่งได้รับเด็กกลุ่มหนึ่งมาฝึกงาน ซึ่งจะได้ที่ให้ลองฝึกทำงานกับลองพูดคุย
อะไรหลายๆอย่าง ก็ทำให้ได้เป็นข้อสรุปออกมาตามนี้ค่ะ
(ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าจขกทไม่ได้เป็นคนรับเด็กพวกนี้เข้ามาแต่เป็นเจ้าของบริษัทที่รับเข้ามาเพียงเพราะอยากได้คนเพิ่มเฉยๆ)
1.มาแล้วทำตัวให้เป็นประโยชน์ อย่าทำตัวเป็นภาระ
คือเราได้ลองให้เด็กทำงานดูผลปรากฎว่าเครื่องมือพื้นฐานง่ายๆใช้แทบจะไม่เป็นเลย
แถมความรู้พื้นฐานในสายงานแทบจะไม่มี จนเรียกได้ว่าแทนที่ได้มาฝึกเด็กให้รู้จักระบบการทำงาน
กลายเป็นเหมือนว่าต้องมาคอยสอนความรู้ที่เขาควรมีติดตัวแต่แรกแทน กลายเป็นว่าจากที่มีภาระในเรื่องงาน
ต้องมารับภาระสอนเด็กที่ทำอะไรแทบไม่เป็นขึ้นมาอีก ซึ่งขออยากฝากน้องๆในจุดนี้นะคะ
คือถ้าน้องไม่รู้อะไรที่มันซับซ้อนนิดนึงอันนี้พี่เข้าใจค่ะ ก็พอสอนให้ได้ แต่นี่ถ้าน้องเล่นมาแบบตัวเปล่าๆ
ไม่มีอะไรเลยแล้วต้องมาเป็นภาระให้พี่สอนให้ทั้งหมดเนี่ย ระวังพี่ๆบางคนเขารับไม่ไหวจนต้องส่งน้องกลับมหาลัยนะคะ
2.การเดินทาง
โอเค พี่เชื่อค่ะ ว่าน้องๆทุกคนก็อยากฝึกงานใกล้ๆบ้าน แต่เนื่องด้วยสายงานที่น้องเรียนมา มันดันไม่มีที่ฝึกงานแถวบ้านน้องเลย
จนต้องมาหาที่ฝึกไกลออกมาอีก ซึ่งๆที่น้องเจอใกล้ที่สุดมันดันไกลจากบ้านน้องมากๆ พี่ก็อยากจะฝากว่าน้องควรเช่าหออยู่เถอะนะคะ
ถ้าฝึกงานสั้นๆซํกเดือนสองเดือนอาจไม่จำเป็น แต่ถ้าน้องมาฝึก 4 เดือนขึ้นไปเนี่ย เช่าหออยู่เถอะค่ะ
เพราะการเดินทางเนี่ยมันทำให้ร่างกายเรารู้สึกล้ามากนะคะ ไหนกว่าจะถึงบ้านไหนต้องรีบตื่นเช้าเพื่อมาให้ทำงานทันในวันต่อไป
ถ้าร่างกายน้องไม่แน่จริง พี่บอกเลย พังค่ะพัง ไหนพอน้องตื่นมาทำงานไม่ทันหรือล้าจนมาทำงานไม่ได้
ก็ต้องลำบากพี่ HR เขาไปโทรตามอีก (เด็กฝึกงานของเราที่เจอคือนั่งรถ 3 ต่อจากบ้านเพื่อมาที่ทำงาน)
3.จงเข้าหางาน
ถ้าน้องอยู่ว่างๆ ทำงานที่พี่ให้เสร็จแล้วยังไม่มีงานอะไรมาเพิ่ม ก็ลองไปสอบถามพี่ๆแผนกอื่นเขาก็ได้ค่ะ
ว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย มันจะเป็นการฝึกให้น้องได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือถ้าไม่มีงานอะไรให้ทำจริงๆ
ก็เปิดหาอะไรศึกษาในเน็ตก็ได้ ไม่ใช่พองานหมดนั่งเปิด YouTube เล่น Facebook ฯลฯ
คือถ้าน้องคิดแค่ว่ากะจะรอให้พี่มาสอนหรือรอให้พี่เอางานมาให้อย่างเดียวล่ะก็
ชีวิตการทำงานในอนาคตน้องไปไม่รอดแน่นอนค่ะ
หลักๆที่คิดออกก็ตามนี้แหละค่ะ ก็ถ้าใครขัดใจข้อไหนก็แย้งได้นะคะ เพราะอันนี้เราก็สรุปจากสิ่งที่เราได้พบเจอมาน่ะค่ะ
[ถึงน้องๆฝึกงาน] เรื่องที่อยากจะฝากไว้
อะไรหลายๆอย่าง ก็ทำให้ได้เป็นข้อสรุปออกมาตามนี้ค่ะ
(ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าจขกทไม่ได้เป็นคนรับเด็กพวกนี้เข้ามาแต่เป็นเจ้าของบริษัทที่รับเข้ามาเพียงเพราะอยากได้คนเพิ่มเฉยๆ)
1.มาแล้วทำตัวให้เป็นประโยชน์ อย่าทำตัวเป็นภาระ
คือเราได้ลองให้เด็กทำงานดูผลปรากฎว่าเครื่องมือพื้นฐานง่ายๆใช้แทบจะไม่เป็นเลย
แถมความรู้พื้นฐานในสายงานแทบจะไม่มี จนเรียกได้ว่าแทนที่ได้มาฝึกเด็กให้รู้จักระบบการทำงาน
กลายเป็นเหมือนว่าต้องมาคอยสอนความรู้ที่เขาควรมีติดตัวแต่แรกแทน กลายเป็นว่าจากที่มีภาระในเรื่องงาน
ต้องมารับภาระสอนเด็กที่ทำอะไรแทบไม่เป็นขึ้นมาอีก ซึ่งขออยากฝากน้องๆในจุดนี้นะคะ
คือถ้าน้องไม่รู้อะไรที่มันซับซ้อนนิดนึงอันนี้พี่เข้าใจค่ะ ก็พอสอนให้ได้ แต่นี่ถ้าน้องเล่นมาแบบตัวเปล่าๆ
ไม่มีอะไรเลยแล้วต้องมาเป็นภาระให้พี่สอนให้ทั้งหมดเนี่ย ระวังพี่ๆบางคนเขารับไม่ไหวจนต้องส่งน้องกลับมหาลัยนะคะ
2.การเดินทาง
โอเค พี่เชื่อค่ะ ว่าน้องๆทุกคนก็อยากฝึกงานใกล้ๆบ้าน แต่เนื่องด้วยสายงานที่น้องเรียนมา มันดันไม่มีที่ฝึกงานแถวบ้านน้องเลย
จนต้องมาหาที่ฝึกไกลออกมาอีก ซึ่งๆที่น้องเจอใกล้ที่สุดมันดันไกลจากบ้านน้องมากๆ พี่ก็อยากจะฝากว่าน้องควรเช่าหออยู่เถอะนะคะ
ถ้าฝึกงานสั้นๆซํกเดือนสองเดือนอาจไม่จำเป็น แต่ถ้าน้องมาฝึก 4 เดือนขึ้นไปเนี่ย เช่าหออยู่เถอะค่ะ
เพราะการเดินทางเนี่ยมันทำให้ร่างกายเรารู้สึกล้ามากนะคะ ไหนกว่าจะถึงบ้านไหนต้องรีบตื่นเช้าเพื่อมาให้ทำงานทันในวันต่อไป
ถ้าร่างกายน้องไม่แน่จริง พี่บอกเลย พังค่ะพัง ไหนพอน้องตื่นมาทำงานไม่ทันหรือล้าจนมาทำงานไม่ได้
ก็ต้องลำบากพี่ HR เขาไปโทรตามอีก (เด็กฝึกงานของเราที่เจอคือนั่งรถ 3 ต่อจากบ้านเพื่อมาที่ทำงาน)
3.จงเข้าหางาน
ถ้าน้องอยู่ว่างๆ ทำงานที่พี่ให้เสร็จแล้วยังไม่มีงานอะไรมาเพิ่ม ก็ลองไปสอบถามพี่ๆแผนกอื่นเขาก็ได้ค่ะ
ว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย มันจะเป็นการฝึกให้น้องได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือถ้าไม่มีงานอะไรให้ทำจริงๆ
ก็เปิดหาอะไรศึกษาในเน็ตก็ได้ ไม่ใช่พองานหมดนั่งเปิด YouTube เล่น Facebook ฯลฯ
คือถ้าน้องคิดแค่ว่ากะจะรอให้พี่มาสอนหรือรอให้พี่เอางานมาให้อย่างเดียวล่ะก็
ชีวิตการทำงานในอนาคตน้องไปไม่รอดแน่นอนค่ะ
หลักๆที่คิดออกก็ตามนี้แหละค่ะ ก็ถ้าใครขัดใจข้อไหนก็แย้งได้นะคะ เพราะอันนี้เราก็สรุปจากสิ่งที่เราได้พบเจอมาน่ะค่ะ