คำถามโหดมากพอดู ผมตอบคร่าวๆ ก่อนครับ เพราะเอาจริงๆ ถ้าตอบละเอียดแต่ละข้อนี่หลายหน้ากระดาษเลยหล่ะ
-----------------------------------------------------------
1.หลุมดำ มีจริงหรือ พิสูจน์ได้หรือไม่ เพราะวัตถุที่มีมวลมาก แต่ถูกอัดให้เล็กเท่าอะตอม มันเป็นไปได้หรือ หรือเป็นเพียงทฤษฎีในกระดาษ
ตอบ : หลุมดำมีจริง พิสูจน์ได้จากการคำนวน และการเฝ้าสังเกตุการณ์ความผิดปกติรอบหลุมดำ ที่เราเรียกว่าหลุมดำเพราะว่ามันมองไม่เห็นเลย
แต่มันมีการแผ่รังสีบางอย่างออกมาบ้าง ซึ่งการแผ่รังสีนี้ตัวมันเองก็ไม่ได้แผ่อะไรหรอก แต่เป็นผลจากความเปลี่ยนแปลงของมวลสาร หรือจะเรียกว่าปฏิกิริยาก็ได้ มันเกิดขึ้นที่เส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย คือการตกลงไปในหลุมดำ หรือการที่จะหลุดพ้นจากหลุมดำ ซึ่งมวลสารไม่ได้มีขนาดเล็กเสมอไป เมื่อมีแรงหนีในระดับหนึ่งผลการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจะฉีกมวลสารออกจากกันทำให้มีบางส่วนที่หนีออกจากหลุมดำในรูปของรังสี คนค้นพบนี้คือ ฮอว์คิง

แต่ ถ้าจะบอกว่าไม่มีจริงเป็นแค่มโนก็ได้เพราะยังไม่เคยมีใครเดินทางไปถึงหลุมดำ และยังไม่เคยมีใครเข้าไปสัมผัสหลุมดำ
คำตอบส่วนนี้ของผมก็เหมือนกับคำถามที่ว่า ดวงอาทิตย์มีจริงหรือเปล่าเพราะยังไม่มีคนบนโลกไปเหยียบดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์อาจจะเย็นก็ได้นะ!!!
-----
2.แสง มีความเร็ว 3x10^8 m/s คงที่ ด้วยความเร็วขนาดนั้น เขามีนาฬิกาจับเวลา ที่เที่ยงตรงจับเวลาเป็นเสี้ยวของเสี้ยววิขนาดนั้นเหรอครับ
ตอบ : เขาไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาอะไรมากมาย เขาแค่สะท้อนแสงไปกลับ ในฉากทดลอง ระยะ 1 เมตร แล้วนับรอบเอาก็ได้ ว่า 1 วินาทีสะท้อนไปกี่รอบ
-----
3.ทฤษฎีสัมพันธภาพบอกว่า แสงมีความเร็วคงที่เสมอโดยไม่ขึ้นกับความเร็วของผู้สังเกตุการณ์ ไม่ว่าเราจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง ก็จะเห็นแสงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม ผมไม่เข้าใจ ว่าเป็นไปได้ยังไง เหมือนกับ ถ้า B ขับรถด้วยความเร็ว 100 Km แต่ A อยู่นิ่ง A จะเห็น B ด้วยความเร็ว 100 Km แต่ถ้า A ขับด้วยความเร็วเท่ากับ B ก็จะเห็น B หยุดนิ่งแน่นอน ไม่น่าเป็นไปได้ถ้าแสงจะเร่งความเร็วหนี ตามผู้สังเกตุการณ์ ยกเว้นแสงใช้การบิดเบือนเวลา นั่นเท่ากับว่าเวลาไม่สามารถระบุการมีตัวตนของแสงได้

ตอบ : เพราะสมการของ ของไอสไตน์ยังคงเป็นจริงอยู่ ณ.เวลาปัจจุบันนี้ เราแค่ต้องทำความเข้าใจกับมิติอื่นที่นอกเหนือจากมิติที่ 3 ด้วยถึงจะพอที่จะร่างภาพมันออกมาได้ คือวัตถุใดๆ ที่จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง มวลจะเป็นอนันต์ครับ ซึ่งมันทำไม่ได้
การจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากๆ เราต้องจ่ายพลังงานให้กับสิ่งที่จะเคลื่อนที่ให้เข้าใกล้ความเร็วแสง และเมื่อเพิ่มพลังงานเข้าไปในมวลสาร

ผลกระทบต่อมวลสารนั้นคือเวลาของมวลสารนั้นจะยืดออกครับ คำว่าเวลายืดออกต้องศึกษากันอีกยาวมาก ผมเปรียบเทียบก็คล้ายๆ กับเมื่ออะตอมเคลื่อนที่เร็วมากใกล้แสง การเคลื่อนไหวภายในอะตอมมันจะช้าลงน่ะสิครับ
แล้วเมื่อภายในอะตอมโคจรช้าลงก็คือเวลาภายในตัวมันก็ช้าลงด้วย ดังนั้นต่อให้ตัวคนเคลื่อนที่เร็วเท่าแสง แต่กลายเป็นว่าเราไม่สามารถไปถึง "แสง" ได้ เพราะแสงมันไม่มีผลกระทบภายใน

เมื่อความเข้าใจของเจ้าของกระทู้ผิดตั้งแต่ต้น คำถามที่แทรกอยู่ในข้อนี้จึงเป็นคำถามที่ผิดด้วย เพราะว่าเวลาสามารถระบุการมีตัวตนของแสงได้
แสงไม่ได้บิดเบือนอะไรเวลาเลย แต่เมื่อเราจะวิ่งไปให้เท่าแสงเวลาของตัวเราตะหากที่ถูกบิดเบือน

หากเราไม่ได้วิ่งไล่แสง แสงต้องใช้เวลา 8 นาทีเดินทางจากดวงอาทิตย์มาถึงโลกเราครับ
เวลาจึงพิสูจน์การมีตัวตนของแสงได้ครับ
-----
4.ทฤษฎีสัมพันธภาพระบุว่าแสงสามารถถูกโน้มเอียงด้วยแรงโนมถ่วงได้ จริงหรือ? เท่ากับว่าแสงเป็นอนุภาค ไม่ใช่เป็นคลื่น?
ตอบ : โจทย์ข้อนี้มีคำตอบมานานแล้วครับว่า แสงเป็นสิ่งพิเศษ มีคุณสมบัติทั้งคลื่นและอนุภาคครับ
แต่คำตอบที่มากกว่านี้คือ แสงไม่ได้ถูกแรงโน้มถ่วงดูดครับ แสงยังคงวิ่งไปเป็นเส้นตรง แต่ถูกบังคับเลี้ยวจากขอบของ space time
ให้นึกถึงรถไฟที่วิ่งเป็นเส้นตรง แต่ถูกบังคับเลี้ยวจากรางรถไฟนะครับ บริเวณที่มี ค่าโน้มถ่วงสูง จะมีกรอบของ space-time หรือในตอนนี้ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่ามิติที่ 4
-----
5.ทฤษฎีสัมพันธภาพ พิสูจน์ได้จริงไหม หรือเป็นเพียงทฤษฎีในกระดาษ?
ตอบ : ณ. เวลานี้ทฤษฏีสัมพันธภาพ สามารถพิสูจน์ได้เฉพาะ มวลสารขนาดใหญ่เท่านั้น คำว่า "ใหญ่" ไม่ได้หมายถึงว่าต้องขนาดดาวพฤหัส แค่มัน "ใหญ่" กว่า อนุภาค ทฤษฏีสัมพันธภาพไม่ครอบคลุมถึง "อนุภาค"ครับ จึงต้องมีทฤษฏี "ควอนตั้ม" มาใช้เสริม
-----
6.ถ้าทฤษฎีสัมพันธภาพ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็เท่ากับว่าการบิดเบือนกาลเวลาไม่มีอยู่จริง เพราะ Wormhole อะไรนั่น ยังไม่เคยมีใครพบเลย
ตอบ : กาลเวลาไม่ได้บิดเบือนอยู่แล้วครับมันเป็นไปตาม "กฏ" ของจักรวาลอยู่แล้ว