แดนบวก
แดนลบ
* ซื้อหุ้นตอน SET 1600 จุด ณ ตอนนั้นคือหุ้นที่อยู่ใน SET50 เป็นหลักนะ (ซื้อตอนประมาณกลาง-ปลายปี 2014)
** ช่วงหลังจากนั้นสักระยะ ซื้อหุ้นใน SET100 เพิ่มมาอีก 50 หุ้น + หุ้นตัวเล็กบางตัว เพื่ออยากจะทดสอบบางอย่างเพิ่มเติม
ข้อคิดที่ฝากไปพิจารณาต่อ
1. เพื่อนๆ จะเห็นได้เลยว่า ถ้าซื้อตอน SET 1600 จุด(หรือใกล้ๆยอดภูเขา ณ ตอนนั้น) อะไรจะเกิดขึ้น? ผลลัพธ์ได้แสดงออกมาแล้ว....
2. ทำไมหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ยังเขียวอยู่ อย่าง AOT BDMS ซื้อตอน 1600 จุด ก็ยังไม่ติดดอย สาเหตุเพราะอะไร?
3. แล้วอีกด้านนึง ทำไมหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่แดงหนักมาก อย่าง DTAC BANPU PTTEP ทำไมถึงติดลบมากขนาดนั้น? เพราะอะไร??
4. น้องสี่ประมาณคร่าวๆ หุ้นในแดนบวกมีประมาณ 30 หุ้น หุ้นในแดนลบมีประมาณ 90 หุ้น = หุ้นรวมทั้งหมดคือ 120 หุ้น
คิดเป็น
% การอยู่รอด (30/120) * 100 = 25% ,
% การติดหุ้น (90/120) * 100 = 75%
ถ้าตีความง่ายๆ เลยก็คือ
"โอกาสเจ๊ง > โอกาสรวย" หรือถ้าจะให้ดูนุ่มนวล
"โอกาสขาดทุน > โอกาสได้กำไร" อย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น ณ จุดๆ นี้
Timing ในการเข้าซื้อหุ้นมึความสำคัญต่อเรามากๆ อยากให้จำข้อนี่ให้ขึ้นใจ เพราะถ้าเราไป
เข้า Timing ที่ผิด
คำตอบที่ได้ง่ายๆ เลยก็คือ
ต้นทุนคุณจะอยู่สูง ถึง สูงมากๆ + ถ้า
"หุ้นที่คุณเลือก ไม่ได้เจ๋งจริงมันเหนื่อยนะ"
ซึ่งน้องสี่ไม่อยากให้เพื่อนๆ มาเจอแบบในรูปภาพนี้เลย มันทำใจยากนะ น้องสี่เข้าใจเลยล่ะ
5. จะแก้ไขอย่างไร? เพื่อที่ Port ของเราจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้
- อย่าไปเป็น VI ตอน SET 1600 จุด เด็ดขาด หรือในช่วงที่ข่าวดีล้นตลาด ลองไปสังเกตดูได้ (ช่วงนั้นเชียร์ไป 1800 จุด)
เพราะ ผลที่จะได้กลับไม่ได้ แถมเสียมากกว่าเดิมอีกต่างหาก!! (ยกเว้นจะ VI ถูกตัว ทำการบ้านมาดี ก็รอดไป แต่ถ้าเป็นมือใหม่ไม่แนะนำให้ทำ)
- ถ้ามองในมุมที่ว่า นำความรู้ด้าน Technical ด้านกราฟหุ้น เข้ามาช่วยจะดีมาก
การ Stop Loss + เรียนรูข้อผิลพลาด โอกาสกลับมาเริ่มต้นใหม่จะง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ยังรักษาทุน/เงินต้นของเราเอาไว้ได้อยู่
ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ เช่น ถ้าคุณมีเงินอยู่ 1,000,000 บาท ซื้อหุ้น DTAC ไปตามรูปเลย แล้วถือไม่ขายไม่ขาดทุน
ผลออกมาก็คือ เงินหายไป 70% แปลว่า เงินต้นคุณจะเหลือเพียง 300,000 บาท
แล้วคุณ ลองคิดดูละกันว่า ถ้าขายทิ้ง ณ ตอนนี้ ได้เงินมา 300,000 บาท แล้วจะทำเงินกลับไปที่ 1,000,000 บาท คุณต้องใช้กี่เด้ง!!!
คำตอบคือ 3 เด้งกว่า!! (333.33% โดยที่ไม่เติมเงินไปนะ) แม่เจ้า แค่คิดก็เหนื่อนแล้ว เห็นไหม??
ซึ่งในทางกลับกัน หากคุณเข้าไปผิดทาง แล้วยอมรับความเจ็บปวดเพื่อที่จะเรียนรู้กับมัน แล้วออกมานั่งไตร่ตรองใหม่ มันจะง่ายกว่าไหม?
เช่น ผิดทาง Stop Loss ที่ 10% แปลว่า เงินที่คุณมี 1 ล้านบาท จะเหลืออยู่ 9 แสนบาท ขาดทุนไป 1 แสนบาท
คุณก็ยังมีเงินต้น 9 แสนบาท เพื่อที่จะนำไปแก้ตัวใหม่ในจุดที่ผิดพลาดนั้น
และโอกาสที่จะหาเงินทุนกลับไปที่ 1 ล้านบาทก็จะไม่เหนื่อยมากเท่ากรณีด้านบน
6. หุ้นที่เป็น Commodities เช่น กลุ่มน้ำมัน ถ้าคุณติดอยู่ในหุ้นกลุ่มนี้ คุณอาจจะไม่ต้องขายก็ได้ เพราะหุ้นเหล่านี้มักมีรอบการกลับมา
(แต่ก็มีค่าเสียโอกาสในการลงทุนเหมือนกันนะ ถ้ามองรอบไม่แม่นพอ แนะนำว่าเอากราฟเข้าไปช่วยจะดีที่สุด ถือยาวอาจไม่คุ้ม)
สุดท้ายนี้
น้องสี่เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลยนะครับ ถ้าสำเร็จแล้วก็แบ่งปันกัน ถ้ายังก็พยายามเรียนรู้กันไป + เก็บประสบการณ์ให้มากๆ ครับ
▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ Review Port 1 หุ้น ซื้อหุ้นตอน SET 1600 จุด ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง? มาดูกันครับ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
แดนลบ
* ซื้อหุ้นตอน SET 1600 จุด ณ ตอนนั้นคือหุ้นที่อยู่ใน SET50 เป็นหลักนะ (ซื้อตอนประมาณกลาง-ปลายปี 2014)
** ช่วงหลังจากนั้นสักระยะ ซื้อหุ้นใน SET100 เพิ่มมาอีก 50 หุ้น + หุ้นตัวเล็กบางตัว เพื่ออยากจะทดสอบบางอย่างเพิ่มเติม
ข้อคิดที่ฝากไปพิจารณาต่อ
1. เพื่อนๆ จะเห็นได้เลยว่า ถ้าซื้อตอน SET 1600 จุด(หรือใกล้ๆยอดภูเขา ณ ตอนนั้น) อะไรจะเกิดขึ้น? ผลลัพธ์ได้แสดงออกมาแล้ว....
2. ทำไมหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ยังเขียวอยู่ อย่าง AOT BDMS ซื้อตอน 1600 จุด ก็ยังไม่ติดดอย สาเหตุเพราะอะไร?
3. แล้วอีกด้านนึง ทำไมหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่แดงหนักมาก อย่าง DTAC BANPU PTTEP ทำไมถึงติดลบมากขนาดนั้น? เพราะอะไร??
4. น้องสี่ประมาณคร่าวๆ หุ้นในแดนบวกมีประมาณ 30 หุ้น หุ้นในแดนลบมีประมาณ 90 หุ้น = หุ้นรวมทั้งหมดคือ 120 หุ้น
คิดเป็น % การอยู่รอด (30/120) * 100 = 25% , % การติดหุ้น (90/120) * 100 = 75%
ถ้าตีความง่ายๆ เลยก็คือ "โอกาสเจ๊ง > โอกาสรวย" หรือถ้าจะให้ดูนุ่มนวล "โอกาสขาดทุน > โอกาสได้กำไร" อย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น ณ จุดๆ นี้ Timing ในการเข้าซื้อหุ้นมึความสำคัญต่อเรามากๆ อยากให้จำข้อนี่ให้ขึ้นใจ เพราะถ้าเราไปเข้า Timing ที่ผิด
คำตอบที่ได้ง่ายๆ เลยก็คือ ต้นทุนคุณจะอยู่สูง ถึง สูงมากๆ + ถ้า "หุ้นที่คุณเลือก ไม่ได้เจ๋งจริงมันเหนื่อยนะ"
ซึ่งน้องสี่ไม่อยากให้เพื่อนๆ มาเจอแบบในรูปภาพนี้เลย มันทำใจยากนะ น้องสี่เข้าใจเลยล่ะ
5. จะแก้ไขอย่างไร? เพื่อที่ Port ของเราจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้
- อย่าไปเป็น VI ตอน SET 1600 จุด เด็ดขาด หรือในช่วงที่ข่าวดีล้นตลาด ลองไปสังเกตดูได้ (ช่วงนั้นเชียร์ไป 1800 จุด)
เพราะ ผลที่จะได้กลับไม่ได้ แถมเสียมากกว่าเดิมอีกต่างหาก!! (ยกเว้นจะ VI ถูกตัว ทำการบ้านมาดี ก็รอดไป แต่ถ้าเป็นมือใหม่ไม่แนะนำให้ทำ)
- ถ้ามองในมุมที่ว่า นำความรู้ด้าน Technical ด้านกราฟหุ้น เข้ามาช่วยจะดีมาก
การ Stop Loss + เรียนรูข้อผิลพลาด โอกาสกลับมาเริ่มต้นใหม่จะง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ยังรักษาทุน/เงินต้นของเราเอาไว้ได้อยู่
ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ เช่น ถ้าคุณมีเงินอยู่ 1,000,000 บาท ซื้อหุ้น DTAC ไปตามรูปเลย แล้วถือไม่ขายไม่ขาดทุน
ผลออกมาก็คือ เงินหายไป 70% แปลว่า เงินต้นคุณจะเหลือเพียง 300,000 บาท
แล้วคุณ ลองคิดดูละกันว่า ถ้าขายทิ้ง ณ ตอนนี้ ได้เงินมา 300,000 บาท แล้วจะทำเงินกลับไปที่ 1,000,000 บาท คุณต้องใช้กี่เด้ง!!!
คำตอบคือ 3 เด้งกว่า!! (333.33% โดยที่ไม่เติมเงินไปนะ) แม่เจ้า แค่คิดก็เหนื่อนแล้ว เห็นไหม??
ซึ่งในทางกลับกัน หากคุณเข้าไปผิดทาง แล้วยอมรับความเจ็บปวดเพื่อที่จะเรียนรู้กับมัน แล้วออกมานั่งไตร่ตรองใหม่ มันจะง่ายกว่าไหม?
เช่น ผิดทาง Stop Loss ที่ 10% แปลว่า เงินที่คุณมี 1 ล้านบาท จะเหลืออยู่ 9 แสนบาท ขาดทุนไป 1 แสนบาท
คุณก็ยังมีเงินต้น 9 แสนบาท เพื่อที่จะนำไปแก้ตัวใหม่ในจุดที่ผิดพลาดนั้น
และโอกาสที่จะหาเงินทุนกลับไปที่ 1 ล้านบาทก็จะไม่เหนื่อยมากเท่ากรณีด้านบน
6. หุ้นที่เป็น Commodities เช่น กลุ่มน้ำมัน ถ้าคุณติดอยู่ในหุ้นกลุ่มนี้ คุณอาจจะไม่ต้องขายก็ได้ เพราะหุ้นเหล่านี้มักมีรอบการกลับมา
(แต่ก็มีค่าเสียโอกาสในการลงทุนเหมือนกันนะ ถ้ามองรอบไม่แม่นพอ แนะนำว่าเอากราฟเข้าไปช่วยจะดีที่สุด ถือยาวอาจไม่คุ้ม)
สุดท้ายนี้
น้องสี่เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลยนะครับ ถ้าสำเร็จแล้วก็แบ่งปันกัน ถ้ายังก็พยายามเรียนรู้กันไป + เก็บประสบการณ์ให้มากๆ ครับ