คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 75
อ่านคห.50แล้ว รู้สึกว่าตรรกะด้านความถูกผิดของเค้าคงเพี้ยนไปแล้ว ยิ่งมาอ่านที่คห.71-1 นี่ยิ่งย้ำถึงความมีอีโก้สูงที่ยึดเอาความคิดของตนเป็นใหญ่อย่างน่าเป็นห่วง
คงไม่มีใครสอนเค้ามั้งว่า การที่คุณได้มาเป็นแพทย์ ได้มาทำหน้าที่ที่มีคนอีกหลายๆคนอยากทำอยู่นั้น นั่นเป็นเพราะคุณมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ต่อให้ไม่มีคนอย่างคุณในโลกนี้ ก็มีคนทำหน้าที่นี้แทนคุณได้ เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเสียภาษีมากกว่าคนอื่นเพราะคุณมีรายได้มากกว่าคนทั่วไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะมีสิทธิ์เรียกร้องใดๆได้มากกว่าคนที่เสียภาษีน้อยกว่า ผมแนะนำว่าอย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนอีกเลย
ปัญหาการคอรัปชั่นที่มีลักษณะคล้ายกันในวงการอื่นๆเช่น การเรียกรับเงินของโรงเรียนดังๆ การต้องจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ได้งาน การให้เงินตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีไปตามที่ตนต้องการ และอีกหลายๆอย่าง ล้วนแต่มีมูลฐานเดียวกัน คือการยินยอมจ่ายเงินเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังที่ต้องการ หากยังมีคนที่คิดว่า สิ่งเหล่านี้มันมีมานานแล้ว และ มันก็อยู่กันไปได้ ไม่ควรไปเปลี่ยนแปลงอะไร ประเทศเราก็คงไม่มีทางพัฒนาไปเป็นอย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ได้เลย
นึกแล้วก็รู้สึกสงสารคนไข้ที่ไม่มีเงินจ่ายพิเศษให้กับหมอคนนี้ ไม่รู้ว่ามาตรฐานการดูแลคนไข้กลุ่มนี้ของเค้าจะเป็นอย่างไร
การที่คนไข้หนึ่งคนไปหาหมอที่มีสองมาตรฐานในการดูแลคนไข้ของตนแบบนี้ แม้คนไข้คนนี้จะไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ดีเมื่อเทียบกับคนไข้รายอื่นที่ยอมจ่ายเงินให้ ซึ่งดูเหมือนคนไข้ไม่ได้เสียอะไร แต่ความจริงแล้วคนไข้คนนี้เสียโอกาสที่จะได้พบกับหมอที่ดีกว่า ที่จะรักษาคนไข้ด้วยมาตรฐานตามวิชาชีพกับคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
คงไม่มีใครสอนเค้ามั้งว่า การที่คุณได้มาเป็นแพทย์ ได้มาทำหน้าที่ที่มีคนอีกหลายๆคนอยากทำอยู่นั้น นั่นเป็นเพราะคุณมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ต่อให้ไม่มีคนอย่างคุณในโลกนี้ ก็มีคนทำหน้าที่นี้แทนคุณได้ เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเสียภาษีมากกว่าคนอื่นเพราะคุณมีรายได้มากกว่าคนทั่วไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะมีสิทธิ์เรียกร้องใดๆได้มากกว่าคนที่เสียภาษีน้อยกว่า ผมแนะนำว่าอย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนอีกเลย
ปัญหาการคอรัปชั่นที่มีลักษณะคล้ายกันในวงการอื่นๆเช่น การเรียกรับเงินของโรงเรียนดังๆ การต้องจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ได้งาน การให้เงินตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีไปตามที่ตนต้องการ และอีกหลายๆอย่าง ล้วนแต่มีมูลฐานเดียวกัน คือการยินยอมจ่ายเงินเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังที่ต้องการ หากยังมีคนที่คิดว่า สิ่งเหล่านี้มันมีมานานแล้ว และ มันก็อยู่กันไปได้ ไม่ควรไปเปลี่ยนแปลงอะไร ประเทศเราก็คงไม่มีทางพัฒนาไปเป็นอย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ได้เลย
นึกแล้วก็รู้สึกสงสารคนไข้ที่ไม่มีเงินจ่ายพิเศษให้กับหมอคนนี้ ไม่รู้ว่ามาตรฐานการดูแลคนไข้กลุ่มนี้ของเค้าจะเป็นอย่างไร
การที่คนไข้หนึ่งคนไปหาหมอที่มีสองมาตรฐานในการดูแลคนไข้ของตนแบบนี้ แม้คนไข้คนนี้จะไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ดีเมื่อเทียบกับคนไข้รายอื่นที่ยอมจ่ายเงินให้ ซึ่งดูเหมือนคนไข้ไม่ได้เสียอะไร แต่ความจริงแล้วคนไข้คนนี้เสียโอกาสที่จะได้พบกับหมอที่ดีกว่า ที่จะรักษาคนไข้ด้วยมาตรฐานตามวิชาชีพกับคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ก็คุณแม่ทั้งหลายในพันทิปนี่แหละ ภูมิใจกันนักไม่ใช่เหรอ
ถ้าได้ฝากพิเศษกับหมอที่ ศิริราช จุฬา รามา แถมมาบอกราคากันในนี้ซะอีก
แต่ก็มีบางคนมาบ่นว่า ทำไมหมอไม่รับพิเศษ
ทีนี้คงเข้าใจกันแล้วนะ
จะคลอดในโรงพยาบาลรัฐ อย่าฝากพิเศษ หมอรับฝากไม่ผิดนะ แต่ถ้ารับเงินน่ะผิด
เดี๋ยวนี้ลามไปถึงสาขาอื่นแล้ว อยากได้คิวผ่าตัดเร็ว ไปติดต่อจ่ายเงินกันที่คลินิก ก็ได้ยินอยู่
อย่าติดสินบนให้หมอเสียนิสัยเลยนะ ต่อไปนี้
พระยังเสียเลย หมอกิเลสเต็ม ย่อมเสียง่ายกว่าพระ
ถ้าได้ฝากพิเศษกับหมอที่ ศิริราช จุฬา รามา แถมมาบอกราคากันในนี้ซะอีก
แต่ก็มีบางคนมาบ่นว่า ทำไมหมอไม่รับพิเศษ
ทีนี้คงเข้าใจกันแล้วนะ
จะคลอดในโรงพยาบาลรัฐ อย่าฝากพิเศษ หมอรับฝากไม่ผิดนะ แต่ถ้ารับเงินน่ะผิด
เดี๋ยวนี้ลามไปถึงสาขาอื่นแล้ว อยากได้คิวผ่าตัดเร็ว ไปติดต่อจ่ายเงินกันที่คลินิก ก็ได้ยินอยู่
อย่าติดสินบนให้หมอเสียนิสัยเลยนะ ต่อไปนี้
พระยังเสียเลย หมอกิเลสเต็ม ย่อมเสียง่ายกว่าพระ
ความคิดเห็นที่ 11
หมอที่ญี่ปุ่นเป็นแบบคุณหมอ Dr OG ข้างบนเลยค่ะ
ดิฉันเคยตั้งครรภ์ที่ญี่ปุ่นและมาหาข้อมูลในพันทิป
พอเห็นข้อมุลแล้วตกใจมาก (บังเอิญโลกสวย)
เพราะข้อมูลของเกือบทุกคนคือฝากพิเศษและจ่ายคุณหมออย่างต่ำๆแปดพันบาท (นี่คืออัตราเมื่อสิบปีก่อน)
ที่ตกใจเพราะเราไม่คิดว่าจะต้องมีการให้เงินอะไรอีกในเมื่อมันเป็นงานของหมอ และหมอได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานอยู่แล้ว
แต่การได้เห็นข้อมูลแบบนี้เยอะๆก็ทำให้ไขว้เขว เริ่มหาซื้อขนมซื้อของฝากไปให้หมอพยาบาลที่ดูแลเรา
แต่ปรากฎว่าทีมแพทย์พยาบาลญี่ปุ่นบอกอย่างชัดเจนเลยว่ารับไม่ได้ แค่ขนมไม่กี่ชิ้นก็รับไม่ได้
ถ้าอยากให้จริงๆก็เขียนเป็นการ์ดขอบคุณมาก็พอ
…วัฒนธรรมบ้านเราเห็นแล้วบางทีเศร้าใจ เอามือชี้หน้าด่านักการเมืองว่าโกงกินแต่เอาเข้าจริงก็เป็นกันหมดทุกคนทุกวงการ
ดิฉันเคยตั้งครรภ์ที่ญี่ปุ่นและมาหาข้อมูลในพันทิป
พอเห็นข้อมุลแล้วตกใจมาก (บังเอิญโลกสวย)
เพราะข้อมูลของเกือบทุกคนคือฝากพิเศษและจ่ายคุณหมออย่างต่ำๆแปดพันบาท (นี่คืออัตราเมื่อสิบปีก่อน)
ที่ตกใจเพราะเราไม่คิดว่าจะต้องมีการให้เงินอะไรอีกในเมื่อมันเป็นงานของหมอ และหมอได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานอยู่แล้ว
แต่การได้เห็นข้อมูลแบบนี้เยอะๆก็ทำให้ไขว้เขว เริ่มหาซื้อขนมซื้อของฝากไปให้หมอพยาบาลที่ดูแลเรา
แต่ปรากฎว่าทีมแพทย์พยาบาลญี่ปุ่นบอกอย่างชัดเจนเลยว่ารับไม่ได้ แค่ขนมไม่กี่ชิ้นก็รับไม่ได้
ถ้าอยากให้จริงๆก็เขียนเป็นการ์ดขอบคุณมาก็พอ
…วัฒนธรรมบ้านเราเห็นแล้วบางทีเศร้าใจ เอามือชี้หน้าด่านักการเมืองว่าโกงกินแต่เอาเข้าจริงก็เป็นกันหมดทุกคนทุกวงการ
ความคิดเห็นที่ 19
เป็นหมอสูติ ไม่ได้รับฝากพิเศษค่ะ แต่เข้าใจทุกฝ่ายค่ะ
- ฝากพิเศษ ผิดยังไง
ผิดเพราะเป็นการว่าจ้างให้มีการดูแลพิเศษนอกเหนือจากปกติ
(ไม่ได้อยู่เวรก็มา แต่ถ้าเคสปกติคลอดเองได้หมอก็ไม่ต้องมาแม้อยู่เวร)
ถึงจะคลอดเองก็เถอะ แต่คนที่ฝากพิเศษมักมีแนวโน้มได้ผ่าคลอดสูงกว่าเคสทั่วไป
โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากร (คน เงิน ของ เวลา) ของรัฐ แสวงหาประโยชน์ส่วนตน
บางครั้งเลือกที่จะเอาเคสฝากพิเศษไปผ่าก่อนเคสที่มีเหตุผลด้วย
ตรงนี้หมอดมยา หมอเด็ก จะรู้สึกมากกกก ในเกือบทุก รพ.
ถึงแม้คุณหมอละเหี่ยศักดิ์ กับ คุณหมอจ่าพิชิต ใน drama addict จะบอกว่าไม่น่าผิดถ้าคนไข้คลอดเอง
เพราะไม่ได้ใช้ทรัพยากรใดๆมากกว่าปกติ แต่!!!
1.โอกาสได้ไปผ่ามันสูงกว่า เพราะหมอสูติมักจะ set threshold ของเคสเหล่านี้ไว้ต่ำ
มีปัญหานิดๆหน่อย เช่น น้ำคร่ำน้อย ตัวค่อนข้างโต เกินกำหนด ก็เอาไปผ่าละ
(แม้แต่เด็กตายไปแล้ว ยังผ่าเลยค่ะ เหตุผลเพราะคนไข้เครียด!!!)
2.เป็นการทุจริตด้านเวลา หากในวันนั้นคุณไม่ได้เฝ้าห้องคลอด แต่ต้องออก OPD ล่ะ
เคสฝากพิเศษมาคุณก็ต้องไปทำ ไม่งั้นจะมีเสียงลือปากต่อปากไปอีกว่าคุณไม่มาดูเคส
- ทำไมแม่ๆถึงอยากฝากพิเศษในรพ.รัฐ คือทำไมไม่ไปเอกชน ได้เจอหมอแน่ๆ สะดวกด้วย ไม่ผิดระเบียบด้วย
เพราะใช้สิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลได้ (เบิกได้ กับ 30 บ.)
จ่ายแค่ค่าหมอ ที่เหลือก็ฟรี แต่ถ้าไปคลอดเอกชน ก็ต้องเสียทั้งหมด ยังไงก็หลักหมื่น
อีกมุมหนึ่ง ที่เห็นใจคนฝากและคนรับฝากคือ
- แม่ทุกคน ความปราถนาสูงสุดคือความปลอดภัย
ถ้าเลือกได้อยากให้สูติแพทย์เป็นผู้ดูแล โดยเฉพาะในยามวิกฤต
รองลงมาต้องการความมั่นใจ อยากได้หมอที่ดูแลต่อเนื่อง รู้ข้อมูลของเราและลูกเป็นอย่างดีแต่แรก
ถ้าไม่ฝากพิเศษ วันคลอดเจอหมอคนไหนก็ไม่รู้ ต้องวัดดวงเอา ก็รู้สึกไม่สบายใจ
ถัดมาคือความสะดวกสบายเป็นอันดับสุดท้าย
ดังนั้นหากเลือกได้ ฝากพิเศษคือคำตอบ
-หมอสูติ งานหลักคือดูแลคนท้องตั้งแต่ฝากครรภ์จนคลอด
หากไม่รับทำคลอด รับฝากท้องอย่างเดียว ไม่ทำคลอดให้
แล้วคลินิกจะเปิดได้เหรอคะ ก็ต้องรับเอกชนอย่างเดียว
มันก็จะวนไปตรงที่ แม่ๆเขาไม่อยากเข้าเอกชนเพราะมันแพงกว่า
จริงๆอันนี้ก็ลักษณะเดียวกับศัลย์หรือออร์โธนะคะ ไม่ทราบว่าเปิดคลินิกกันยังไงเหมือนกัน?
แต่ออร์โธก็น่าจะมีเคสที่ไม่ต้องผ่า แบบปวดนู่นนี่มาเยอะเหมือนกัน
ส่วนศัลย์นี่ นึกไม่ออกจริงๆว่าเปิดคลินิกทำอะไร น่าจะยากกว่าสูติอีก
(เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยเปิดคลินิก มีรับเอกชนบ้าง แล้วก็ DF ในเวรค่อนข้างเยอะ ผ่ากันทั้งคืนอยู่แล้ว)
- หมอๆที่ตั้งต้นมา คิดว่าจะไม่รับฝากพิเศษแต่สุดท้ายก็ต้องรับ เพราะอะไร?
เราเอง เป็นหมอสูติมา 7 ปี ไม่ได้รับฝากพิเศษ แต่ยอมรับว่า ต้องจิตแข็งมาก
จนท.มาขอฝากพิเศษ และที่ร้ายคือเอาญาติมาฝาก
คือเราทำให้ จนท.เพราะบางคนเราต็มใจจริงๆ คือรู้จัก สนิทสนมกัน
แต่ประเภทญาติ หรือเพื่อน อะไรงี้ เราก็ว่ามันเกินไป
เพราะเราไม่มีนโยบายเชียร์ผ่า แต่พอคลอดเองก็แปลว่าเราต้องพร้อมเสมอไม่ว่าเวลาไหน
(แต่ถ้าเป็นคนที่เกรงใจเราจริงๆ เขาก็จะไม่เรียกให้เรามาตอนดึกๆ)
สุดท้ายก็ให้เลือกเลยค่ะ จะผ่าจะคลอด ไม่เชียร์ไปทางไหน แต่ถ้าขอผ่าจะดีใจมาก
และสุดท้ายพอเราบอกไม่เอาเงิน ก็จะยัดเยียด
เคยเจอแบบ คห.16 ครั้งนึง คือซุกไว้ในตะกร้า เราเห็นก็รีบเอาไปคืน
จากนั้นได้ตะกร้ามา ต้องรื้อทันทีทุกครั้งค่ะ
- ฝากพิเศษ ผิดยังไง
ผิดเพราะเป็นการว่าจ้างให้มีการดูแลพิเศษนอกเหนือจากปกติ
(ไม่ได้อยู่เวรก็มา แต่ถ้าเคสปกติคลอดเองได้หมอก็ไม่ต้องมาแม้อยู่เวร)
ถึงจะคลอดเองก็เถอะ แต่คนที่ฝากพิเศษมักมีแนวโน้มได้ผ่าคลอดสูงกว่าเคสทั่วไป
โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากร (คน เงิน ของ เวลา) ของรัฐ แสวงหาประโยชน์ส่วนตน
บางครั้งเลือกที่จะเอาเคสฝากพิเศษไปผ่าก่อนเคสที่มีเหตุผลด้วย
ตรงนี้หมอดมยา หมอเด็ก จะรู้สึกมากกกก ในเกือบทุก รพ.
ถึงแม้คุณหมอละเหี่ยศักดิ์ กับ คุณหมอจ่าพิชิต ใน drama addict จะบอกว่าไม่น่าผิดถ้าคนไข้คลอดเอง
เพราะไม่ได้ใช้ทรัพยากรใดๆมากกว่าปกติ แต่!!!
1.โอกาสได้ไปผ่ามันสูงกว่า เพราะหมอสูติมักจะ set threshold ของเคสเหล่านี้ไว้ต่ำ
มีปัญหานิดๆหน่อย เช่น น้ำคร่ำน้อย ตัวค่อนข้างโต เกินกำหนด ก็เอาไปผ่าละ
(แม้แต่เด็กตายไปแล้ว ยังผ่าเลยค่ะ เหตุผลเพราะคนไข้เครียด!!!)
2.เป็นการทุจริตด้านเวลา หากในวันนั้นคุณไม่ได้เฝ้าห้องคลอด แต่ต้องออก OPD ล่ะ
เคสฝากพิเศษมาคุณก็ต้องไปทำ ไม่งั้นจะมีเสียงลือปากต่อปากไปอีกว่าคุณไม่มาดูเคส
- ทำไมแม่ๆถึงอยากฝากพิเศษในรพ.รัฐ คือทำไมไม่ไปเอกชน ได้เจอหมอแน่ๆ สะดวกด้วย ไม่ผิดระเบียบด้วย
เพราะใช้สิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลได้ (เบิกได้ กับ 30 บ.)
จ่ายแค่ค่าหมอ ที่เหลือก็ฟรี แต่ถ้าไปคลอดเอกชน ก็ต้องเสียทั้งหมด ยังไงก็หลักหมื่น
อีกมุมหนึ่ง ที่เห็นใจคนฝากและคนรับฝากคือ
- แม่ทุกคน ความปราถนาสูงสุดคือความปลอดภัย
ถ้าเลือกได้อยากให้สูติแพทย์เป็นผู้ดูแล โดยเฉพาะในยามวิกฤต
รองลงมาต้องการความมั่นใจ อยากได้หมอที่ดูแลต่อเนื่อง รู้ข้อมูลของเราและลูกเป็นอย่างดีแต่แรก
ถ้าไม่ฝากพิเศษ วันคลอดเจอหมอคนไหนก็ไม่รู้ ต้องวัดดวงเอา ก็รู้สึกไม่สบายใจ
ถัดมาคือความสะดวกสบายเป็นอันดับสุดท้าย
ดังนั้นหากเลือกได้ ฝากพิเศษคือคำตอบ
-หมอสูติ งานหลักคือดูแลคนท้องตั้งแต่ฝากครรภ์จนคลอด
หากไม่รับทำคลอด รับฝากท้องอย่างเดียว ไม่ทำคลอดให้
แล้วคลินิกจะเปิดได้เหรอคะ ก็ต้องรับเอกชนอย่างเดียว
มันก็จะวนไปตรงที่ แม่ๆเขาไม่อยากเข้าเอกชนเพราะมันแพงกว่า
จริงๆอันนี้ก็ลักษณะเดียวกับศัลย์หรือออร์โธนะคะ ไม่ทราบว่าเปิดคลินิกกันยังไงเหมือนกัน?
แต่ออร์โธก็น่าจะมีเคสที่ไม่ต้องผ่า แบบปวดนู่นนี่มาเยอะเหมือนกัน
ส่วนศัลย์นี่ นึกไม่ออกจริงๆว่าเปิดคลินิกทำอะไร น่าจะยากกว่าสูติอีก
(เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยเปิดคลินิก มีรับเอกชนบ้าง แล้วก็ DF ในเวรค่อนข้างเยอะ ผ่ากันทั้งคืนอยู่แล้ว)
- หมอๆที่ตั้งต้นมา คิดว่าจะไม่รับฝากพิเศษแต่สุดท้ายก็ต้องรับ เพราะอะไร?
เราเอง เป็นหมอสูติมา 7 ปี ไม่ได้รับฝากพิเศษ แต่ยอมรับว่า ต้องจิตแข็งมาก
จนท.มาขอฝากพิเศษ และที่ร้ายคือเอาญาติมาฝาก
คือเราทำให้ จนท.เพราะบางคนเราต็มใจจริงๆ คือรู้จัก สนิทสนมกัน
แต่ประเภทญาติ หรือเพื่อน อะไรงี้ เราก็ว่ามันเกินไป
เพราะเราไม่มีนโยบายเชียร์ผ่า แต่พอคลอดเองก็แปลว่าเราต้องพร้อมเสมอไม่ว่าเวลาไหน
(แต่ถ้าเป็นคนที่เกรงใจเราจริงๆ เขาก็จะไม่เรียกให้เรามาตอนดึกๆ)
สุดท้ายก็ให้เลือกเลยค่ะ จะผ่าจะคลอด ไม่เชียร์ไปทางไหน แต่ถ้าขอผ่าจะดีใจมาก
และสุดท้ายพอเราบอกไม่เอาเงิน ก็จะยัดเยียด
เคยเจอแบบ คห.16 ครั้งนึง คือซุกไว้ในตะกร้า เราเห็นก็รีบเอาไปคืน
จากนั้นได้ตะกร้ามา ต้องรื้อทันทีทุกครั้งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 51
ถ้าขอให้หมออยู่ในกฏ ข้อบังคับ หมอขออยู่กฏทุกอย่างเลย มั้ยครับ
- ทำงาน40ชม. ต่อ สัปดาห์
-ไม่ปฏิบัติหน้าเกินกว่า 12 ชม. ติดต่อกัน เว้นระยะ อย่างน้อย 8-10 ชม.
-ตรวจคนไข้ตามเวลา มาตรฐาน guildline คนละ ~25-30นาที
-ตรวจคนไข้ไม่เกิน วันละ20 คน
นี่ๆไง มาตรฐานแบบญี่ปุ่นที่คุณถวินหา คุณอย่าเอาเเต่ได้ เห็นเเก่ตัว บอกให้คนอื่นเป็นคนดีทำเพื่อคนอื่น เเต่ตัวเองเอาเเต่นั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กอยู่หน้าคีย์บอร์ด ไม่ทำไรให้ใคร
- ทำงาน40ชม. ต่อ สัปดาห์
-ไม่ปฏิบัติหน้าเกินกว่า 12 ชม. ติดต่อกัน เว้นระยะ อย่างน้อย 8-10 ชม.
-ตรวจคนไข้ตามเวลา มาตรฐาน guildline คนละ ~25-30นาที
-ตรวจคนไข้ไม่เกิน วันละ20 คน
นี่ๆไง มาตรฐานแบบญี่ปุ่นที่คุณถวินหา คุณอย่าเอาเเต่ได้ เห็นเเก่ตัว บอกให้คนอื่นเป็นคนดีทำเพื่อคนอื่น เเต่ตัวเองเอาเเต่นั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กอยู่หน้าคีย์บอร์ด ไม่ทำไรให้ใคร
ความคิดเห็นที่ 10
เป็นหมอสูติก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ทำคลินิกนอกเวลา ไม่รับฝากพิเศษ
ใครอยากให้ทำคลอดให้ ถ้าพอรับได้ก็รับ บอกเลยว่าอย่าเอาซองมาให้นะ โกรธ
ก็จะได้ของขวัญนานาชนิด ทองคำก็มี กระเป๋าแบรนด์เนมทั้งจริงและปลอม (บ่องตง ดูไม่เป็นและไม่กล้าถือถ้าไม่ได้ซื้อเอง)
ทองคำก็มี ผ้าตัดเสื้อ ไหมไทย ผ้าพันคอ งี้เยอะเชียว
ผลไม้ ขนม ไวน์ กาแฟ พวกของกินนี่ ไม่เอากลับบ้าน
แบบนี้ จะโดนว่ารับสินบนไหมเนี่ย
แต่มีระเบียบว่า ถ้ามูลค่าไม่เกิน 3,000 ไม่ผิดนะ
ใครอยากให้ทำคลอดให้ ถ้าพอรับได้ก็รับ บอกเลยว่าอย่าเอาซองมาให้นะ โกรธ
ก็จะได้ของขวัญนานาชนิด ทองคำก็มี กระเป๋าแบรนด์เนมทั้งจริงและปลอม (บ่องตง ดูไม่เป็นและไม่กล้าถือถ้าไม่ได้ซื้อเอง)
ทองคำก็มี ผ้าตัดเสื้อ ไหมไทย ผ้าพันคอ งี้เยอะเชียว
ผลไม้ ขนม ไวน์ กาแฟ พวกของกินนี่ ไม่เอากลับบ้าน
แบบนี้ จะโดนว่ารับสินบนไหมเนี่ย
แต่มีระเบียบว่า ถ้ามูลค่าไม่เกิน 3,000 ไม่ผิดนะ
แสดงความคิดเห็น
งานเข้าหมอสูติทั้งประเทศ
คราวนี้ แหล่งรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีสักบาท คงหมดไป
หากใครต้องการเห็นความโปร่งใสในวงการแพทย์ให้ปราศจากผลประโยชน์แอบแฝงแบบนี้ ก็ช่วยกันร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละจังหวัดกันเยอะๆนะ
และถ้าจังหวัดไหนที่มีหมอที่ชอบแอบไปนั่งตรวจรพ.เอกชนหรือคลินิกส่วนตัวในเวลราชการ ก็ช่วยร้องเรียนไปด้วย
ผมว่าพวกนี้ น่ารังเกียจกว่าหมอสูติที่รับเป๊กซะอีก