สาวร้อง หมอมั่วอ้างเจอมะเร็ง ตัดมดลูก รังไข่ ช็อกซ้ำ เพิ่งรู้ ไตหาย
7 ธ.ค. 2561 16:55 น.
สาวโสดร้องศูนย์ดำรงธรรม โวย"หมอศัลยกรรมลำไส้"รพ.อุดรฯอ้างเจอก้อนคล้ายมะเร็งผ่าตัดโดยไม่มีหมอสูติฯร่วม ตัดรังไข่ มดลูก ก่อนบอกไม่เป็นมะเร็งแถมมารู้ทีหลัง ไตหายไป 1 ข้างต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
เวลา 10.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.อุดรธานี น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 บ้านไร่สวรรค์ หมู่ 5 ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี นำ น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี บุตรสาว และนายยิ่งศักดิ์ สิงหัดชัย ทนายความ เดินทางเข้าพบนายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.อุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความร้องทุกข์กับแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี โดยมีนายกฤษชานนท์ อุทัยเลี้ยง นักวิชาการนโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี มาเป็นผู้รับหนังสือ
น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี เล่าว่า
เป็น อสม. มีความรู้เรื่องสุขภาพอยู่บ้าง มี น.ส.ศินวพร ลูกสาวเป็นเสาหลักของบ้าน เคยทำงานอยู่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่ลาออกเพื่อเตรียมไปเปิดเนอสเซอรี่กับแฟนชาวสิงคโปร์ ที่ประเทศสิงคโปร์ ลูกสาวมีอาการปวดท้องจึงกลับมารักษาที่อุดรธานี หมอวินิจฉัยโรคผิดพลาดว่าเป็นมะเร็ง หมอได้ผ่าตัดลำไส้ รังไข่ และมดลูกออกทั้งหมด เคยร้องเรียนหลายหน่วยงานมาแล้ว และมีการใช้ ม.41 เยียวยามาเป็นเงิน 240,000 บาท แต่เรายังไม่พอใจจึงได้อุทธรณ์ ระหว่างรอผล พบว่าลูกสาวถูกตัดไตออกไปด้วย 1 ข้าง จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรมอีก
ด้าน น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนปีนี้ ตนมีอาการปวดท้องจึง
ไปหาหมอที่ รพ.หาดใหญ่ วินิจฉัยว่าลำไส้อุดตัน จะต้องพักรักษาตัวที่ รพ. เมื่อปรึกษาแม่จึงกลับมารักษาที่ จ.อุดรธานี โดยเดินทางมาถึง
อาการกำเริบ จึงเข้า รพ.ศูนย์อุดรธานีทันที ต้องนอนที่รพ.เพื่อตรวจหาสาเหตุ รับแจ้งว่าพบคล้ายๆ ก้อนที่รังไข่ และลำไส้ แต่หมอเวรบอกว่าไม่ต้องผ่าตัด จะฉีดยาให้ซีสช็อกโกแลตฝ่อหลุดไปเอง ตอนนั้นอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาหมอใหญ่ (ศัลยกรรมลำไส้) มาแจ้งว่
าเป็นมะเร็งแน่นอน 80 เปอร์เซ็นต์
“ได้ร้องขอให้หมอส่องกล้อง ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อความแน่ใจ ซึ่งเป็นวิธีที่ยังไม่ได้ตรวจ ก็ถูกปฏิเสธว่ากล้องมีไว้รักษาโรค ไม่ได้มีไว้ตรวจหาโรค ไม่ผ่าก็ได้ ถ้าไม่พร้อม คนไข้มีอีกเยอะ รอคนคนเดียวไม่ได้ จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเช้ามืดวันที่ 26 มิถุนายน โดยหมอใหญ่เป็นคนผ่าตัด ไม่มีหมอสูตินรีเวชมาร่วม ทั้งที่เคยแจ้งว่าจะมาร่วม จนรับแจ้งภายหลังว่ายกเอามดลูก และรังไข่ออกทั้งหมด มีการเปลี่ยนทางเดินไต ตัดลำไส้ และเปิดทวารใหม่ที่หน้าท้องซ้าย โดยไม่มีการแจ้งญาติหน้าห้องผ่าตัดรับรู้”
น.ส.ศินวพร เล่าต่อว่า 2 สัปดาห์ต่อมาหมอใหญ่มาแจ้งว่า “ผลชิ้นเนื้อออกมา ไม่อ่านค่าของมะเร็ง” ตนเองไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถูกหมอศัลยกรรมลำไส้ ตัดเอามดลูกและรังไข่ออกไปหมด โดยไม่มีสูตินรีเวชร่วมผ่าด้วย ต่อมาแม่ได้ไปติดต่อเรื่องให้ฮอร์โมน ตามขั้นตอนของผู้หญิงถูกตัดมดลูก หลังจากอยู่โรงพยาบาล 1 เดือน 7 วัน จึงรู้ว่าประวัติคนไข้เพียงผ่าตัดเท่านั้น ไม่มีการตัดมดลูกและรังไข่ออก แต่กลับถูกหมอใหญ่มาตัดมดลูก รังไข่ออก แถมไตยังเหลือเพียง 1 ข้าง จึงตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรม วันที่ 22 ตุลาคม สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี ให้ ม.41 เยียวยา 240,000 บาท ซึ่งเรายังอุทธรณ์และรอผลอยู่
ผู้เสียหาย กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เตรียมย้ายทวารกลับที่เดิม เพราะถุงทวารใหม่ยังห้อยอยู่ที่เดิม หลังตรวจร่างกายหมอบอกว่า ให้ระมัดระวัง รักษาตัวให้ดี เพราะมีไตเพียงข้างเดียว หากทำงานหนักจะไม่มีอีกข้างช่วย ทำให้รู้ว่านอกจากมดลูกและรังไข่ถูกตัด ยังมีไตอีกข้างถูกตัดออกไปด้วย ซึ่งเราจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต นอกจากจะมีบุตรไม่ได้ ยังต้องมีสภาพทำงานหนักไม่ได้ จากเดิมเป็นหลักให้ครอบครัว ตอนนี้เรามาเป็นภาระให้ครอบครัว และแฟนชาวสิงคโปร์จะแต่งงานปีหน้าก็ดูจะถอยห่าง มันท้อใจจนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนเลือกมาร้องขอความเป็นธรรม”
น.ส.ศินวพร กล่าวตอนท้ายว่า การกระทำของหมอศัลยกรรม รพ.ศูนย์อุดรธานี นอกจากกรณีการวินิจฉัยโรคผิดพลาด ยังมีการ “ตัดไต” ไปหนึ่งข้าง โดยตนและญาติไม่เคยให้คำยินยอม หลังการรักษาก็ไม่เคยแจ้ง คิดไปเองว่าการกระทำของหมอ เจตนาเพื่อเอาไตไปหาประโยชน์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชน หากยังปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยอยู่ จะนำมาซึ่งความเสียหายต่อชื่อเสียงโรงพยาบาล ที่ประชาชนทั่วไปให้การยอมรับ อีกทั้งอาจกระทำการยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอให้ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี มีคำสั่งพักงานหมอรายนี้ พร้อมดำเนินการทางวินัยและคดีอาญา
ด้านนายแพทย์ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ชี้แจงว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปหลายส่วน รวมทั้งร้องเรียนไปสำนักนายกรัฐมนตรี ทางโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีได้ดำเนินการตามขั้นตอน รายงานไปยัง สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี และมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากมีการเยียวยาตาม ม.41 ผู้เสียหายได้อุทธรณ์ขอความเป็นธรรมต่อ ซึ่งการสอบสวนครั้งนั้นไม่มีกรณี “ไต” เมื่อมีการร้องเรียนในประเด็นนี้ จะต้องมีกรรมการไปสอบสวนเพิ่มเติม
https://www.thairath.co.th/content/1439830
สาวร้อง หมอมั่วอ้างเจอมะเร็ง ตัดมดลูก รังไข่ ช็อกซ้ำ เพิ่งรู้ ไตหาย
7 ธ.ค. 2561 16:55 น.
สาวโสดร้องศูนย์ดำรงธรรม โวย"หมอศัลยกรรมลำไส้"รพ.อุดรฯอ้างเจอก้อนคล้ายมะเร็งผ่าตัดโดยไม่มีหมอสูติฯร่วม ตัดรังไข่ มดลูก ก่อนบอกไม่เป็นมะเร็งแถมมารู้ทีหลัง ไตหายไป 1 ข้างต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
เวลา 10.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.อุดรธานี น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 บ้านไร่สวรรค์ หมู่ 5 ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี นำ น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี บุตรสาว และนายยิ่งศักดิ์ สิงหัดชัย ทนายความ เดินทางเข้าพบนายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.อุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความร้องทุกข์กับแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี โดยมีนายกฤษชานนท์ อุทัยเลี้ยง นักวิชาการนโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี มาเป็นผู้รับหนังสือ
น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี เล่าว่า เป็น อสม. มีความรู้เรื่องสุขภาพอยู่บ้าง มี น.ส.ศินวพร ลูกสาวเป็นเสาหลักของบ้าน เคยทำงานอยู่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่ลาออกเพื่อเตรียมไปเปิดเนอสเซอรี่กับแฟนชาวสิงคโปร์ ที่ประเทศสิงคโปร์ ลูกสาวมีอาการปวดท้องจึงกลับมารักษาที่อุดรธานี หมอวินิจฉัยโรคผิดพลาดว่าเป็นมะเร็ง หมอได้ผ่าตัดลำไส้ รังไข่ และมดลูกออกทั้งหมด เคยร้องเรียนหลายหน่วยงานมาแล้ว และมีการใช้ ม.41 เยียวยามาเป็นเงิน 240,000 บาท แต่เรายังไม่พอใจจึงได้อุทธรณ์ ระหว่างรอผล พบว่าลูกสาวถูกตัดไตออกไปด้วย 1 ข้าง จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรมอีก
ด้าน น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนปีนี้ ตนมีอาการปวดท้องจึงไปหาหมอที่ รพ.หาดใหญ่ วินิจฉัยว่าลำไส้อุดตัน จะต้องพักรักษาตัวที่ รพ. เมื่อปรึกษาแม่จึงกลับมารักษาที่ จ.อุดรธานี โดยเดินทางมาถึงอาการกำเริบ จึงเข้า รพ.ศูนย์อุดรธานีทันที ต้องนอนที่รพ.เพื่อตรวจหาสาเหตุ รับแจ้งว่าพบคล้ายๆ ก้อนที่รังไข่ และลำไส้ แต่หมอเวรบอกว่าไม่ต้องผ่าตัด จะฉีดยาให้ซีสช็อกโกแลตฝ่อหลุดไปเอง ตอนนั้นอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาหมอใหญ่ (ศัลยกรรมลำไส้) มาแจ้งว่าเป็นมะเร็งแน่นอน 80 เปอร์เซ็นต์
“ได้ร้องขอให้หมอส่องกล้อง ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อความแน่ใจ ซึ่งเป็นวิธีที่ยังไม่ได้ตรวจ ก็ถูกปฏิเสธว่ากล้องมีไว้รักษาโรค ไม่ได้มีไว้ตรวจหาโรค ไม่ผ่าก็ได้ ถ้าไม่พร้อม คนไข้มีอีกเยอะ รอคนคนเดียวไม่ได้ จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเช้ามืดวันที่ 26 มิถุนายน โดยหมอใหญ่เป็นคนผ่าตัด ไม่มีหมอสูตินรีเวชมาร่วม ทั้งที่เคยแจ้งว่าจะมาร่วม จนรับแจ้งภายหลังว่ายกเอามดลูก และรังไข่ออกทั้งหมด มีการเปลี่ยนทางเดินไต ตัดลำไส้ และเปิดทวารใหม่ที่หน้าท้องซ้าย โดยไม่มีการแจ้งญาติหน้าห้องผ่าตัดรับรู้”
น.ส.ศินวพร เล่าต่อว่า 2 สัปดาห์ต่อมาหมอใหญ่มาแจ้งว่า “ผลชิ้นเนื้อออกมา ไม่อ่านค่าของมะเร็ง” ตนเองไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถูกหมอศัลยกรรมลำไส้ ตัดเอามดลูกและรังไข่ออกไปหมด โดยไม่มีสูตินรีเวชร่วมผ่าด้วย ต่อมาแม่ได้ไปติดต่อเรื่องให้ฮอร์โมน ตามขั้นตอนของผู้หญิงถูกตัดมดลูก หลังจากอยู่โรงพยาบาล 1 เดือน 7 วัน จึงรู้ว่าประวัติคนไข้เพียงผ่าตัดเท่านั้น ไม่มีการตัดมดลูกและรังไข่ออก แต่กลับถูกหมอใหญ่มาตัดมดลูก รังไข่ออก แถมไตยังเหลือเพียง 1 ข้าง จึงตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรม วันที่ 22 ตุลาคม สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี ให้ ม.41 เยียวยา 240,000 บาท ซึ่งเรายังอุทธรณ์และรอผลอยู่
ผู้เสียหาย กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เตรียมย้ายทวารกลับที่เดิม เพราะถุงทวารใหม่ยังห้อยอยู่ที่เดิม หลังตรวจร่างกายหมอบอกว่า ให้ระมัดระวัง รักษาตัวให้ดี เพราะมีไตเพียงข้างเดียว หากทำงานหนักจะไม่มีอีกข้างช่วย ทำให้รู้ว่านอกจากมดลูกและรังไข่ถูกตัด ยังมีไตอีกข้างถูกตัดออกไปด้วย ซึ่งเราจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต นอกจากจะมีบุตรไม่ได้ ยังต้องมีสภาพทำงานหนักไม่ได้ จากเดิมเป็นหลักให้ครอบครัว ตอนนี้เรามาเป็นภาระให้ครอบครัว และแฟนชาวสิงคโปร์จะแต่งงานปีหน้าก็ดูจะถอยห่าง มันท้อใจจนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนเลือกมาร้องขอความเป็นธรรม”
น.ส.ศินวพร กล่าวตอนท้ายว่า การกระทำของหมอศัลยกรรม รพ.ศูนย์อุดรธานี นอกจากกรณีการวินิจฉัยโรคผิดพลาด ยังมีการ “ตัดไต” ไปหนึ่งข้าง โดยตนและญาติไม่เคยให้คำยินยอม หลังการรักษาก็ไม่เคยแจ้ง คิดไปเองว่าการกระทำของหมอ เจตนาเพื่อเอาไตไปหาประโยชน์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชน หากยังปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยอยู่ จะนำมาซึ่งความเสียหายต่อชื่อเสียงโรงพยาบาล ที่ประชาชนทั่วไปให้การยอมรับ อีกทั้งอาจกระทำการยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอให้ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี มีคำสั่งพักงานหมอรายนี้ พร้อมดำเนินการทางวินัยและคดีอาญา
ด้านนายแพทย์ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ชี้แจงว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปหลายส่วน รวมทั้งร้องเรียนไปสำนักนายกรัฐมนตรี ทางโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีได้ดำเนินการตามขั้นตอน รายงานไปยัง สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี และมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากมีการเยียวยาตาม ม.41 ผู้เสียหายได้อุทธรณ์ขอความเป็นธรรมต่อ ซึ่งการสอบสวนครั้งนั้นไม่มีกรณี “ไต” เมื่อมีการร้องเรียนในประเด็นนี้ จะต้องมีกรรมการไปสอบสวนเพิ่มเติม
https://www.thairath.co.th/content/1439830