คือเรื่องมันมีอยู่ว่าเดินทางจากภูเก็ต-กรุงเทพ(ดอนเมือง) ไฟลท์11pm ห้าทุ่มนั่นแหละค่ะ พอมาถึงสนามบินภูเก็ตก็ทำการสแกนกระเป๋า ก่อนเข้า ตามปกติแล้วเขาต้องติดสติ๊กเกอร์ให้(สีแดงหรือสีเหลือง) แต่เราก็ไม่ได้เชคว่าติดหรือเปล่า แต่ทุกครั้งขึ้นสุวรรณภูมิก็ไม่ได้ติดและดอนเมืองบางครั้งก็ไม่ติด เราก็เดินไปที่เค้าท์เตอร์เชคอินของไลออนแอร์. และยื่นบัตรประชาชน
พนักงานกราวน์::...ก็เชคอินและก็มาพลิกกระเป๋าดู บอกว่าทำไมไม่ติดสติ้กเกอร์ ต้องติดสติ้กเกอร์สีเหลืองแบบนี้นะคะ
เรา: อ่าวหรอคะ นี่นู๋สแกนแล้วนะคะไม่เห็นเขาติดให้เลย (ด้วยความข้องใจ)
พนักงาน: ต้องติดค่ะ
เรา:ต้องเดินลงไปใหม่แล้วเข้าขึ้นมาหรอคะ (ซึ่งเราขึ้นมาจากชั้น1และด้วยความที่มาภูเก็ตครั้งแรก และคิดในใจจะทันมั้ยนะสี่ทุ่มจะยี่สิบแล้ว)
พนักงาน: ไม่ค่ะเดินทะลุไปเลยค่ะ ตรงไปเลย แล้วเบี่ยงซ้ายหรอขวาก็ได้แล้วอ้อมมาใหม่ หรือเดินย้อนมาก็ได้...
พนักงานอีกคนพูดแทรก:ไม่ๆต้องให้เขาเดินไปแล้วเดินเข้ามาใหม่
....เถียงกันอยู่พักนึง..แบบเถียงกัน...
พนักงานคนที่1:อ่าวก็มันย้อนได้ไม่ใช่หรอ
เรา:ตกลงไปทางไหนคะซ้ายหรือขวาต้องย้อนมาหรือไม่ย้อนคะ
พนักงานที่แทรกขึ้นมาพูด:ก็เดินไปเลยค่ะจะเลี้ยวซ้ายขวาก็ได้แล้วแต่ผู้โดยสารเลยค่ะ(เสียงแข็งกระชาก)
เรา:อ่อโอเคค่ะ (เริ่มของขึ้น). และกำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือ
พนักงานคนที่แทรก: (ยืนจนเท้าจะชิดกระเป๋า แล้วก้มลงไปมองแบบกระเป๋าเราเหมือนขยะและพูดว่า) หยิบกระเป๋าด้วยค่ะ
เรา:อ่อค่ะ ขอบัตรประชาชนคืนก่อนด้วยค่ะ
พนักงานคนที่1
ยื่นให้แบบมีซัมติง)
เรา:หยิบกระเป๋าแล้วก็เดินออกมาแสกนใหม่
.....ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มไม่โอเคละว่าทำไมไม่พูดดีๆหรืออธิบายดีๆ แล้วชักสีหน้าคืออะไร แต่!!!! เราก็คิดว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เราก็ไม่ได้ทำอะไร เราผิดเพราะเราถามเยอะรึเปล่า ก็ผ่านไป....
...ถึงติดสติ๊กเกอร์เสร็จ ก็กลับมาที่เค้าท์เตอร์เดิม....
เรา
วางกระเป๋า ไม่มีคำพูดและยื่นบัตรประชาชน) อ้อ วางเบานะคะ บางปกติด้วย
...มาถึงเค้าท์เตอร์ มีกราวน์อยู่อีกเค้าเตอร์นึงเขาพูดว่ามาละ แล้วยิ้มสอยะกับเพื่อน ตอนเราเชคอิน ผู้หญิงคนนี้ก็มองแบบดูถูก หัวจรดเท้า คือเค้าเตอร์มันไม่ได้ไกลกันมากเลยค่ะ เราเห็นด้วยหางตา เขาก็มองไม่หยุด. เราก็หันไปเจอสายตาเขาประมาณ2รอบ. แต่รอบที่3เราทนไม่ไหวเราก็มองเขากลับ คือคนเราอะความคิดมักจะออกมาทางสายตา. เรามองกลับจนเขาหลบสายตา(ยอมรับค่ะว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่)
....เช็คอินเสร็จยื่นตั๋วและบัตรปชชให้เราก็รับและเดินออกมา. แล้วแฟนเราก็โทรมาพอดีทางวีดีโอคอล ก็เล่าให้ฟัง แฟนเราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวโทรหาใหม่ แล้วถ่ายรูปให้ดูหน่อยเค้าท์เตอร์ไหนเราก็วาง และถ่ายรูปหน้าเรากับปป้ายประกาศเหนือเค้าท์เตอร์ แต่ตอนเรายกกล้องคือยังเดินไม่ห่างมากจากเค้าเตอร์เค้าก็สะกิดกันมองมาทางเราแล้วเอียงตัวเข้าหากัน. แต่ตอนเราถ่ายไม่ได้ถ่ายติดใครเลย
...........---เวลาผ่านไปจนใกล้บอร์ดดิ้ง---........
----------มีประกาศเรียกชื่อเราให้มาที่เกท6ซึ่งผู้โดยสารคนอื่นยืนต่อแถวกันเต็มแล้วแต่ยังไม่บอร์ดดิ้ง
เวลานั้นคือเราไม่ได้คิดอะไรแล้ว เราก็นั่งวีดีโอคอลคุยกับแฟนไปเรื่อยๆ. คิดว่าเรียกเราเพราะกระเป๋าเรามีปัญหาหรือเกี่ยวกับชื่อเราในไฟล์ทรึเปล่า
แต่!!!!!! ไม่ค่ะ. เราเดินไปแล้วพูดว่า ค่ะดิฉัน....ค่ะ
กรานด์บอร์ดดิ้ง: คุณ....คะเราได้รับแจ้งว่าคุณถ่ายรูปพนักงานของเรากำลังปฏิบัตรหน้าที่ค่ะ
เรา:ห๊ะ อะไรนะคะ ถ่ายตอนไหนคะ
กราวน์บอร์ดดิ้ง:ตอนเช็คอินค่ะ
เรา:ยืนนึกสักพัก อ่อ ใช่ค่ะดิฉันถ่ายรูปค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปพนักงาน ดิฉันถ่ายเค้าท์เตอร์ค่ะ
กราวน์บอร์ดดิ้ง:ไม่ได้ค่ะ ถ่ายไม่ได้ค่ะ พนักงานกำลังปฏิบัติหน้าที่ค่ะ
เรา:ทุกที่เลยหรอคะ ทำไมไม่มีป้ายติดว่าห้ามถ่ายรูปคะ และงี้จะถ่ายอัพเดตรก็ไม่ได้สิคะ สายการบินอื่นปกติเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องแบบนี้นะคะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีกรณีห้ามด้วยค่ะ และดิฉันก็ถ่ายส่งให้แฟนแล้วก็ลบไปแล้วด้วยค่ะ (คือส่งปุ้บก้ลบจริงๆอะค่ะ เป็นคนไม่เก็บรูปมั่วซั่วอยู่แล้วค่ะ)
กราวน์บอร์ดดิ้ง:งั้นขอเชคโทรศัพท์เชครูปได้ไหมคะ
เรา:ห๊ะ ต้องถึงขั้นเชคโทรศัพท์หรอคะ
----...ในเวลานั้นคนก็มองเราแบบเราสร้างความเดือดร้อนให้ไฟล์ทนี้___
ตอนนั้นเราไม่โอเคมากๆทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ
พนักงานบอร์ดดิ้ง:ต้องเช็คค่ะเพราะเราได้รับแจ้งมา
เรา:ยื่นโทรศัพท์ให้
มีผู้ชายอีกคนเป็นกราวน์:ดึงโทรศัพท์ไปแล้วเข้าไปเชคและเลื่อนดูอยู่นานมาก
เรา
ดึงมา) คุณค่ะมันจะเกินไปแล้วนะ นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้วนะคะ คุณต้องการอะไร
ผู้ชายกราวน์:ผมรู้น่าว่าต้องเข้าไปดูตรงไหน
เรา:คราวหน้าถ้าไม่อยากให้ใครถ่ายคุณควรเอาป้ายติดไว้ด้วยนะคะและขอโทษนะคะถ้าดิฉันจะโทรไปสอบถามสำนักงานใหญ่
(ทั้งสองทำหน้าสะดุดสักพัก)
------ผ่านไป รอถึงคิวบอร์ดดิ้ง ______
!!!ถึงคิวเรา สแกนบาร์โค๊ดแล้วมีพนักงานบอร์ดดิ้งผู้หญิงที่เรียกเรา พูดว่า
บอร์ดดิ้งผู้หญิง: ขอโทษด้วยนะคะเรื่องเมื่อกี้
เรา: คะ????!!!( คือคุยกับแฟนเรื่องนี้อยู่เหมือนกันและคิดในใจ นี่ตบหัวแล้วลูบหลัง??)
บอร์ดดิ้งผู้หญิง:คือเรามีแจ้งขึ้นมาน่ะค่ะว่าผู้โดยสารถ่ายรูปพนักงานเชคอิน
เรา:ทำไมต้องถ่ายล่ะคะ
บอร์ดดิ้งผู้หญิง:เขาบอกว่าตอนเช็คอินผู้โดยสารไม่พอใจเลยถ่ายรูปค่ะ
เรา:ทำไมถึงต้องไม่พอใจคะ
บอร์ดดิ้งหญิง:ก็ตอนที่ให้ไปติดสติ๊กเกอร์อะค่ะ
เรา:แล้วดิฉันทำอะไรผิดคะ ไม่ได้ทำอะไรให้เดือดร้อนเลย ไม่พอใจยังไงคะ แทบจะไม่พูดด้วยเลยการกระทำก็ไม่ได้ประชดหรืออะไรไม่เชื่อคุณขอเปิดกล้องดูได้เลยค่ะ อ่อมีอย่างนึงดิฉันแอบไปสบตาและจ้องตากับผู้หญิงคนนึงด้วยค่ะ ทำไมเขาต้องสะกิดกันมองแบบดูถ฿กและซุบซิบนินทา. ดิฉันเฉยมากแล้วนะคะ. ซึ่งคิดไปแค่ว่าวันนี้คงเป็นวันดวงไม่ดี ก็แล้วไปแต่นี่ยังตามมาจนต้องประกาศชื่อให้ขายหน้าไปอีกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีก คุณต้องการอะไรกันแน่
บอร์ดดิ้งหญิง:นู๋ก็ไม่ทราบเหมือนกันนู๋อยู่ข้างบนไม่เห็นตอนเกิดเหตุการณ์แต่เขาวอมาให้ตามอะค่ะ ซึ่งนู๋ก็คิดว่าผู้โดยสารก็ไม่ได้โวยวายอะไรก็ไม่มีท่าทีโกรธถ้าผู้โดยสารไม่พอใจคงมาติดต่อที่เค้าท์เตอร์แล้วค่ะ. ขอโทษด้วยนะคะ
เรา:คุณคะ คุณเข้าไปดูโทรศัพท์ดิฉันแล้วด่าฉันแล้ว ทำให้ฉันอับอายแล้ว คิดว่าฉันต้องทำยังไงคะ แล้วถ้าถ่ายไม่ได้จริงๆทำไมไม่เดินมากบอกตอนนั้นหรือติดป้ายแต่ดิฉันเชื่อว่าไม่มีการห้ามถ่ายหรอกค่ะแล้วถ้าคนอื่นๆหรือใครก็ตามอยากถ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก จะชม หรือแท้กล่ะก็ไม่ได้หรอคะ อ้อแล้วช่วยไปคิดด้วยนะคะว่าถ้าผู้หญิงที่คุณบอกว่าดิฉันไปถ่ายรูปเค้าน่ะ. ถ้าเค้าคิดดีทำดีบริการดี เขาจะกลัวทำไมคะถ้ามีคนถ่ายรูปเขาจริงๆ
บอร์ดดิ้งหญิง:.......(เงียบ) ค่ะขอโทษจริงๆค่ะ
เรา:จริงๆแล้วมันเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะคะแต่พวกคุณทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แทนที่จะเอาเวลาไปใส่ใจผู้โดยสารแต่กลับใส่ใจเรื่องของตัวเองมากกว่า
บอร์ดดิ้ง:ค่ะขอโทษนะคะ
เราก็เดินไปที่เครื่องด้วยความโมโห. คือเราทั้งงงและโมโหมากว่าเราทำผิดจริงหรอที่ถ่ายรูปเรากับเค้าท์เตอร์(คือถ้ารูปยังอยู่ความคิดเรามันจะดีมาก) แล้วทำไมถึงขึ้นต้องประกาศออกไมค์ไม่รอให้เราบอร์ดดิ้งแล้วดึงเรามาคุยก็ได้ แล้วมีสิทธ์ที่จะค้นหรือใช้หรือเลื่อนดูรูปภาพหรือใช้ของส่วนตัวของผู้โดยสารด้วยหรอ แล้วทำไมคนที่วอไม่มาขอโทษ แล้วผู้ชายคนนั้นไปไหนที่เลื่อนดูโทรศัพท์เราตั้งนานสองนาน- แต่ก็นะ ครั้งแรกและครั้งเดียว
~~~~เวลานั้นคนที่ต่อแถวก็มองกันทั้งหมดเพราะส่วนน้อยที่เป็นคนไทย คงคิดว่าเราเป็นพวกก่อการร้ายหรืออะไรสักอย่าง--
ขอความเห็นด้วยนะคะ. ถ้าดิฉันผิดจริงก็ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่รู้มาก่อนว่าห้ามถ่ายรูปเค้าท์เตอร์ ----และขอโทษด้วยนะคะที่บางคำอาจพิมพ์ผิดหรือใช้คำผิด ไม่รู้จะปรึกษาใคร จะโทรไปสำนักงานใหญ่ก็คงไม่ใช่เวลา
...และขอบคุณมากค่ะที่อ่านจนจบ
สายการบินไทยไลออนแอร์มีสิทธิ์ขอเชครูปในมือถือของผู้โดยสารได้ด้วยหรอคะ
พนักงานกราวน์::...ก็เชคอินและก็มาพลิกกระเป๋าดู บอกว่าทำไมไม่ติดสติ้กเกอร์ ต้องติดสติ้กเกอร์สีเหลืองแบบนี้นะคะ
เรา: อ่าวหรอคะ นี่นู๋สแกนแล้วนะคะไม่เห็นเขาติดให้เลย (ด้วยความข้องใจ)
พนักงาน: ต้องติดค่ะ
เรา:ต้องเดินลงไปใหม่แล้วเข้าขึ้นมาหรอคะ (ซึ่งเราขึ้นมาจากชั้น1และด้วยความที่มาภูเก็ตครั้งแรก และคิดในใจจะทันมั้ยนะสี่ทุ่มจะยี่สิบแล้ว)
พนักงาน: ไม่ค่ะเดินทะลุไปเลยค่ะ ตรงไปเลย แล้วเบี่ยงซ้ายหรอขวาก็ได้แล้วอ้อมมาใหม่ หรือเดินย้อนมาก็ได้...
พนักงานอีกคนพูดแทรก:ไม่ๆต้องให้เขาเดินไปแล้วเดินเข้ามาใหม่
....เถียงกันอยู่พักนึง..แบบเถียงกัน...
พนักงานคนที่1:อ่าวก็มันย้อนได้ไม่ใช่หรอ
เรา:ตกลงไปทางไหนคะซ้ายหรือขวาต้องย้อนมาหรือไม่ย้อนคะ
พนักงานที่แทรกขึ้นมาพูด:ก็เดินไปเลยค่ะจะเลี้ยวซ้ายขวาก็ได้แล้วแต่ผู้โดยสารเลยค่ะ(เสียงแข็งกระชาก)
เรา:อ่อโอเคค่ะ (เริ่มของขึ้น). และกำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือ
พนักงานคนที่แทรก: (ยืนจนเท้าจะชิดกระเป๋า แล้วก้มลงไปมองแบบกระเป๋าเราเหมือนขยะและพูดว่า) หยิบกระเป๋าด้วยค่ะ
เรา:อ่อค่ะ ขอบัตรประชาชนคืนก่อนด้วยค่ะ
พนักงานคนที่1ยื่นให้แบบมีซัมติง)
เรา:หยิบกระเป๋าแล้วก็เดินออกมาแสกนใหม่
.....ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มไม่โอเคละว่าทำไมไม่พูดดีๆหรืออธิบายดีๆ แล้วชักสีหน้าคืออะไร แต่!!!! เราก็คิดว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เราก็ไม่ได้ทำอะไร เราผิดเพราะเราถามเยอะรึเปล่า ก็ผ่านไป....
...ถึงติดสติ๊กเกอร์เสร็จ ก็กลับมาที่เค้าท์เตอร์เดิม....
เราวางกระเป๋า ไม่มีคำพูดและยื่นบัตรประชาชน) อ้อ วางเบานะคะ บางปกติด้วย
...มาถึงเค้าท์เตอร์ มีกราวน์อยู่อีกเค้าเตอร์นึงเขาพูดว่ามาละ แล้วยิ้มสอยะกับเพื่อน ตอนเราเชคอิน ผู้หญิงคนนี้ก็มองแบบดูถูก หัวจรดเท้า คือเค้าเตอร์มันไม่ได้ไกลกันมากเลยค่ะ เราเห็นด้วยหางตา เขาก็มองไม่หยุด. เราก็หันไปเจอสายตาเขาประมาณ2รอบ. แต่รอบที่3เราทนไม่ไหวเราก็มองเขากลับ คือคนเราอะความคิดมักจะออกมาทางสายตา. เรามองกลับจนเขาหลบสายตา(ยอมรับค่ะว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่)
....เช็คอินเสร็จยื่นตั๋วและบัตรปชชให้เราก็รับและเดินออกมา. แล้วแฟนเราก็โทรมาพอดีทางวีดีโอคอล ก็เล่าให้ฟัง แฟนเราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวโทรหาใหม่ แล้วถ่ายรูปให้ดูหน่อยเค้าท์เตอร์ไหนเราก็วาง และถ่ายรูปหน้าเรากับปป้ายประกาศเหนือเค้าท์เตอร์ แต่ตอนเรายกกล้องคือยังเดินไม่ห่างมากจากเค้าเตอร์เค้าก็สะกิดกันมองมาทางเราแล้วเอียงตัวเข้าหากัน. แต่ตอนเราถ่ายไม่ได้ถ่ายติดใครเลย
...........---เวลาผ่านไปจนใกล้บอร์ดดิ้ง---........
----------มีประกาศเรียกชื่อเราให้มาที่เกท6ซึ่งผู้โดยสารคนอื่นยืนต่อแถวกันเต็มแล้วแต่ยังไม่บอร์ดดิ้ง
เวลานั้นคือเราไม่ได้คิดอะไรแล้ว เราก็นั่งวีดีโอคอลคุยกับแฟนไปเรื่อยๆ. คิดว่าเรียกเราเพราะกระเป๋าเรามีปัญหาหรือเกี่ยวกับชื่อเราในไฟล์ทรึเปล่า
แต่!!!!!! ไม่ค่ะ. เราเดินไปแล้วพูดว่า ค่ะดิฉัน....ค่ะ
กรานด์บอร์ดดิ้ง: คุณ....คะเราได้รับแจ้งว่าคุณถ่ายรูปพนักงานของเรากำลังปฏิบัตรหน้าที่ค่ะ
เรา:ห๊ะ อะไรนะคะ ถ่ายตอนไหนคะ
กราวน์บอร์ดดิ้ง:ตอนเช็คอินค่ะ
เรา:ยืนนึกสักพัก อ่อ ใช่ค่ะดิฉันถ่ายรูปค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปพนักงาน ดิฉันถ่ายเค้าท์เตอร์ค่ะ
กราวน์บอร์ดดิ้ง:ไม่ได้ค่ะ ถ่ายไม่ได้ค่ะ พนักงานกำลังปฏิบัติหน้าที่ค่ะ
เรา:ทุกที่เลยหรอคะ ทำไมไม่มีป้ายติดว่าห้ามถ่ายรูปคะ และงี้จะถ่ายอัพเดตรก็ไม่ได้สิคะ สายการบินอื่นปกติเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องแบบนี้นะคะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีกรณีห้ามด้วยค่ะ และดิฉันก็ถ่ายส่งให้แฟนแล้วก็ลบไปแล้วด้วยค่ะ (คือส่งปุ้บก้ลบจริงๆอะค่ะ เป็นคนไม่เก็บรูปมั่วซั่วอยู่แล้วค่ะ)
กราวน์บอร์ดดิ้ง:งั้นขอเชคโทรศัพท์เชครูปได้ไหมคะ
เรา:ห๊ะ ต้องถึงขั้นเชคโทรศัพท์หรอคะ
----...ในเวลานั้นคนก็มองเราแบบเราสร้างความเดือดร้อนให้ไฟล์ทนี้___
ตอนนั้นเราไม่โอเคมากๆทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ
พนักงานบอร์ดดิ้ง:ต้องเช็คค่ะเพราะเราได้รับแจ้งมา
เรา:ยื่นโทรศัพท์ให้
มีผู้ชายอีกคนเป็นกราวน์:ดึงโทรศัพท์ไปแล้วเข้าไปเชคและเลื่อนดูอยู่นานมาก
เราดึงมา) คุณค่ะมันจะเกินไปแล้วนะ นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้วนะคะ คุณต้องการอะไร
ผู้ชายกราวน์:ผมรู้น่าว่าต้องเข้าไปดูตรงไหน
เรา:คราวหน้าถ้าไม่อยากให้ใครถ่ายคุณควรเอาป้ายติดไว้ด้วยนะคะและขอโทษนะคะถ้าดิฉันจะโทรไปสอบถามสำนักงานใหญ่
(ทั้งสองทำหน้าสะดุดสักพัก)
------ผ่านไป รอถึงคิวบอร์ดดิ้ง ______
!!!ถึงคิวเรา สแกนบาร์โค๊ดแล้วมีพนักงานบอร์ดดิ้งผู้หญิงที่เรียกเรา พูดว่า
บอร์ดดิ้งผู้หญิง: ขอโทษด้วยนะคะเรื่องเมื่อกี้
เรา: คะ????!!!( คือคุยกับแฟนเรื่องนี้อยู่เหมือนกันและคิดในใจ นี่ตบหัวแล้วลูบหลัง??)
บอร์ดดิ้งผู้หญิง:คือเรามีแจ้งขึ้นมาน่ะค่ะว่าผู้โดยสารถ่ายรูปพนักงานเชคอิน
เรา:ทำไมต้องถ่ายล่ะคะ
บอร์ดดิ้งผู้หญิง:เขาบอกว่าตอนเช็คอินผู้โดยสารไม่พอใจเลยถ่ายรูปค่ะ
เรา:ทำไมถึงต้องไม่พอใจคะ
บอร์ดดิ้งหญิง:ก็ตอนที่ให้ไปติดสติ๊กเกอร์อะค่ะ
เรา:แล้วดิฉันทำอะไรผิดคะ ไม่ได้ทำอะไรให้เดือดร้อนเลย ไม่พอใจยังไงคะ แทบจะไม่พูดด้วยเลยการกระทำก็ไม่ได้ประชดหรืออะไรไม่เชื่อคุณขอเปิดกล้องดูได้เลยค่ะ อ่อมีอย่างนึงดิฉันแอบไปสบตาและจ้องตากับผู้หญิงคนนึงด้วยค่ะ ทำไมเขาต้องสะกิดกันมองแบบดูถ฿กและซุบซิบนินทา. ดิฉันเฉยมากแล้วนะคะ. ซึ่งคิดไปแค่ว่าวันนี้คงเป็นวันดวงไม่ดี ก็แล้วไปแต่นี่ยังตามมาจนต้องประกาศชื่อให้ขายหน้าไปอีกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีก คุณต้องการอะไรกันแน่
บอร์ดดิ้งหญิง:นู๋ก็ไม่ทราบเหมือนกันนู๋อยู่ข้างบนไม่เห็นตอนเกิดเหตุการณ์แต่เขาวอมาให้ตามอะค่ะ ซึ่งนู๋ก็คิดว่าผู้โดยสารก็ไม่ได้โวยวายอะไรก็ไม่มีท่าทีโกรธถ้าผู้โดยสารไม่พอใจคงมาติดต่อที่เค้าท์เตอร์แล้วค่ะ. ขอโทษด้วยนะคะ
เรา:คุณคะ คุณเข้าไปดูโทรศัพท์ดิฉันแล้วด่าฉันแล้ว ทำให้ฉันอับอายแล้ว คิดว่าฉันต้องทำยังไงคะ แล้วถ้าถ่ายไม่ได้จริงๆทำไมไม่เดินมากบอกตอนนั้นหรือติดป้ายแต่ดิฉันเชื่อว่าไม่มีการห้ามถ่ายหรอกค่ะแล้วถ้าคนอื่นๆหรือใครก็ตามอยากถ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก จะชม หรือแท้กล่ะก็ไม่ได้หรอคะ อ้อแล้วช่วยไปคิดด้วยนะคะว่าถ้าผู้หญิงที่คุณบอกว่าดิฉันไปถ่ายรูปเค้าน่ะ. ถ้าเค้าคิดดีทำดีบริการดี เขาจะกลัวทำไมคะถ้ามีคนถ่ายรูปเขาจริงๆ
บอร์ดดิ้งหญิง:.......(เงียบ) ค่ะขอโทษจริงๆค่ะ
เรา:จริงๆแล้วมันเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะคะแต่พวกคุณทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แทนที่จะเอาเวลาไปใส่ใจผู้โดยสารแต่กลับใส่ใจเรื่องของตัวเองมากกว่า
บอร์ดดิ้ง:ค่ะขอโทษนะคะ
เราก็เดินไปที่เครื่องด้วยความโมโห. คือเราทั้งงงและโมโหมากว่าเราทำผิดจริงหรอที่ถ่ายรูปเรากับเค้าท์เตอร์(คือถ้ารูปยังอยู่ความคิดเรามันจะดีมาก) แล้วทำไมถึงขึ้นต้องประกาศออกไมค์ไม่รอให้เราบอร์ดดิ้งแล้วดึงเรามาคุยก็ได้ แล้วมีสิทธ์ที่จะค้นหรือใช้หรือเลื่อนดูรูปภาพหรือใช้ของส่วนตัวของผู้โดยสารด้วยหรอ แล้วทำไมคนที่วอไม่มาขอโทษ แล้วผู้ชายคนนั้นไปไหนที่เลื่อนดูโทรศัพท์เราตั้งนานสองนาน- แต่ก็นะ ครั้งแรกและครั้งเดียว
~~~~เวลานั้นคนที่ต่อแถวก็มองกันทั้งหมดเพราะส่วนน้อยที่เป็นคนไทย คงคิดว่าเราเป็นพวกก่อการร้ายหรืออะไรสักอย่าง--
ขอความเห็นด้วยนะคะ. ถ้าดิฉันผิดจริงก็ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่รู้มาก่อนว่าห้ามถ่ายรูปเค้าท์เตอร์ ----และขอโทษด้วยนะคะที่บางคำอาจพิมพ์ผิดหรือใช้คำผิด ไม่รู้จะปรึกษาใคร จะโทรไปสำนักงานใหญ่ก็คงไม่ใช่เวลา
...และขอบคุณมากค่ะที่อ่านจนจบ