นิยามของกีฬา คือใช้ร่างกาย แบบสมเหตุสมผล แม่แต่แข่ง รถ racing ก็ต้องใช้ร่างกาย ความคิด หลายส่วน
แต่แดร็กไบค์ บ้านเรา ?
บังเอิญบ้านผมอยู่ไกล้ๆ กับสนามบิน เก่าที่เลิกใช้งานแล้ว ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนจะมี พวกเด็กแว้น นักซิ่ง เอามอไซค์มาแข่งกัน เป็นเรื่องเป็นราว สนับสนุนโดย น้ำมันเครื่อง vel xxx ที่มักจะไม่ลงทุนโฆษณาทางทีวีเลย ก็ไม่ได้รำคาญหรืออะไรหรอกครับ มันเป็น สิทธ์ของเค้าและขออณุญาติแล้ว ผมก็เคยไปดูอยู่ 2-3 ครั้ง ส่วนตัว ไม่สนุกครับ เหมือนเอาเวลาไปทิ้งปล่าวๆ ก็ไม่รู้ว่า แค่ไอ้เอารถที่โม มาแข่งกันที่ 402 เมตร ทางตรง แบบนี้มันสนุกตรงไหน
แต่ก็มีคนไปดูเยอะพอสมควร ผมติดใจหลายอย่างมากทั้ง กติกาการแข่ง การโมดิฟายด์รถ ทำให้สับสน ว่า
จุดที่จะทำได้เหนือคู่แข่งมันอยู่ที่เครื่องหรือ คนขับ ?
ถ้าปัจจัยที่ทำให้ทำเวลามากกว่าคู่แข่งคือ engine แล้วมีกฏมาควบคุม ว่าทำโน่นนี่ได้ไม่เกินเท่าไหร่ ให้อยู่ในกติกา
แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร ?
ในเมื่อ ทางด้านวิศวกรรม เครื่องยนต์ที่ใช้ มันก็รูปแบบเดิมๆ เชื้อเพลิงเดิม ๆ ระบบส่งถ่ายกำลังก็เดิมๆ
แค่เอามาเปลี่ยนองศา ขยายนิด เจียรหน่อย พัตนาแค่ความแรง แต่หลักการสำคัญยังคงเดิม แบบนี้มันก็เพียงเป็นการแข่งขัน เอาสนุกเท่านั้น
ในเมื่อ ถ้าคุณเอาวิศวกร มาทำงานนี้
เค้าสามารถเรียกกำลังสูงสุด ตามกติกาได้แน่นอน เพราะ ใช่ว่าช่างธรรมดา จะ รู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ทั้งหมด บางคนก็มั่ว ตามสูตรสำเร็จ ขยายนั้น ลดนี่ แต่การคำนวณทางคณิตศาสตร์ ไม่มี อันนี้ผมบอกได้เลย มันเป็นเรื่องของกำลัง อัตราทดต่างๆ ถ้าช่างไม่รู้วิธีคำนวณ ของทุกองก์ประกอบ คุณก็ต้องลองมั่วเอาจนกว่าจะสำเร็จนั่นแหละ
แล้วแบบนี้มันจะเรียกการแข่งขันได้หรือ ในเมื่อ เครื่องจักร มันต่างจากร่างกายคนตรงที่ เครื่องจักร ทำงานอย่างไรก็ทำคงที่อยู่แบบนั้น นอกจากมีมนุษย์เข้ามาปรับ พัตนามัน แต่ร่างกายเป็นสิ่งที่พัตนาด้วยตัวเองได้ เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัด
ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเอารถมาโม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วถ้าโมสุด หรือ โมสุดตามกติกา รถคุณมันก็วิ่งได้เท่านั้น และถ้ามีคนทำรถแต่คนละสูตรกับคุณแต่วิ่งได้เท่าคุณ นั่นเรียกว่ากีฬาหรือครับ บางคนไม่เข้าใจที่ผมบอกนะครับ คือเรื่องแบบนี้มันอธิบายเป้นตัวหนังสือยากครับ ผมยอมรับเลย ผมจะเปรียบเทียบง่ายๆ
นักแข่งรถ
รถ ความแรงไล่เลี่ยกันตามกติกา ฝากฝีมือไว้ที่นักขับล้วนๆเลย อาจมีการแข่งบางรายการ ที่ต้องฝากความเร็วไว้กับ คนถอดล้อ ด้วย เมื่อการแข่งขันจบลงย่อมมีการพัตนา ใหม่ๆตามมา เช่นใช้โครงสร้าง นน.เบาขึ้น ระบบการเปลี่ยน ล้อที่เร็วขึ้น ระบบการทรงตัวที่ดีขึ่น โดยไม่ผิดกติกา เป็นผลดีต่อวงการวิศวกรรมยานยนต์ด้วย ที่จะเอาไปต่อยอด
แต่ของบ้านเรา เครื่องแบบไหนก็แบบนั้น แค่อาศัย เปลี่ยน ค่า deegree ของชิ้นส่วนต่างๆแค่นั้น ไม่ได้การพัตนาต่อวงการอะไรกลับมาเลย เช่นใช้ระบบประจุอากาศแบบใหม่ ท่อแบบใหม่ และสร้างกติกาขึ้นมาใหม่เลย
สั้นๆ คนอื่นเค้านำเราไปหมดแล้ว เรื่องเครื่องยนต์ แต่กลุ่มนั้น ยังคง โมไม่จบไม่สิ้น แค่คำนวณด้วยคณิตศาสตร์ดีๆ ถ้าคู่แข่ง ไม่รู้เรื่องก็ชนะ มันเป็นการแข่งกับข้อจำกัดที่มีอยู่แล้ว แบบนี้ไม่ควรเรียกว่าการแข่งขันเลย
อยากทราบว่าการแข่งขันแดร็กไบค์มันคือ กีฬาได้ยังไงครับ ?
แต่แดร็กไบค์ บ้านเรา ?
บังเอิญบ้านผมอยู่ไกล้ๆ กับสนามบิน เก่าที่เลิกใช้งานแล้ว ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนจะมี พวกเด็กแว้น นักซิ่ง เอามอไซค์มาแข่งกัน เป็นเรื่องเป็นราว สนับสนุนโดย น้ำมันเครื่อง vel xxx ที่มักจะไม่ลงทุนโฆษณาทางทีวีเลย ก็ไม่ได้รำคาญหรืออะไรหรอกครับ มันเป็น สิทธ์ของเค้าและขออณุญาติแล้ว ผมก็เคยไปดูอยู่ 2-3 ครั้ง ส่วนตัว ไม่สนุกครับ เหมือนเอาเวลาไปทิ้งปล่าวๆ ก็ไม่รู้ว่า แค่ไอ้เอารถที่โม มาแข่งกันที่ 402 เมตร ทางตรง แบบนี้มันสนุกตรงไหน
แต่ก็มีคนไปดูเยอะพอสมควร ผมติดใจหลายอย่างมากทั้ง กติกาการแข่ง การโมดิฟายด์รถ ทำให้สับสน ว่า
จุดที่จะทำได้เหนือคู่แข่งมันอยู่ที่เครื่องหรือ คนขับ ?
ถ้าปัจจัยที่ทำให้ทำเวลามากกว่าคู่แข่งคือ engine แล้วมีกฏมาควบคุม ว่าทำโน่นนี่ได้ไม่เกินเท่าไหร่ ให้อยู่ในกติกา
แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร ?
ในเมื่อ ทางด้านวิศวกรรม เครื่องยนต์ที่ใช้ มันก็รูปแบบเดิมๆ เชื้อเพลิงเดิม ๆ ระบบส่งถ่ายกำลังก็เดิมๆ
แค่เอามาเปลี่ยนองศา ขยายนิด เจียรหน่อย พัตนาแค่ความแรง แต่หลักการสำคัญยังคงเดิม แบบนี้มันก็เพียงเป็นการแข่งขัน เอาสนุกเท่านั้น
ในเมื่อ ถ้าคุณเอาวิศวกร มาทำงานนี้
เค้าสามารถเรียกกำลังสูงสุด ตามกติกาได้แน่นอน เพราะ ใช่ว่าช่างธรรมดา จะ รู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ทั้งหมด บางคนก็มั่ว ตามสูตรสำเร็จ ขยายนั้น ลดนี่ แต่การคำนวณทางคณิตศาสตร์ ไม่มี อันนี้ผมบอกได้เลย มันเป็นเรื่องของกำลัง อัตราทดต่างๆ ถ้าช่างไม่รู้วิธีคำนวณ ของทุกองก์ประกอบ คุณก็ต้องลองมั่วเอาจนกว่าจะสำเร็จนั่นแหละ
แล้วแบบนี้มันจะเรียกการแข่งขันได้หรือ ในเมื่อ เครื่องจักร มันต่างจากร่างกายคนตรงที่ เครื่องจักร ทำงานอย่างไรก็ทำคงที่อยู่แบบนั้น นอกจากมีมนุษย์เข้ามาปรับ พัตนามัน แต่ร่างกายเป็นสิ่งที่พัตนาด้วยตัวเองได้ เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัด
ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเอารถมาโม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วถ้าโมสุด หรือ โมสุดตามกติกา รถคุณมันก็วิ่งได้เท่านั้น และถ้ามีคนทำรถแต่คนละสูตรกับคุณแต่วิ่งได้เท่าคุณ นั่นเรียกว่ากีฬาหรือครับ บางคนไม่เข้าใจที่ผมบอกนะครับ คือเรื่องแบบนี้มันอธิบายเป้นตัวหนังสือยากครับ ผมยอมรับเลย ผมจะเปรียบเทียบง่ายๆ
นักแข่งรถ
รถ ความแรงไล่เลี่ยกันตามกติกา ฝากฝีมือไว้ที่นักขับล้วนๆเลย อาจมีการแข่งบางรายการ ที่ต้องฝากความเร็วไว้กับ คนถอดล้อ ด้วย เมื่อการแข่งขันจบลงย่อมมีการพัตนา ใหม่ๆตามมา เช่นใช้โครงสร้าง นน.เบาขึ้น ระบบการเปลี่ยน ล้อที่เร็วขึ้น ระบบการทรงตัวที่ดีขึ่น โดยไม่ผิดกติกา เป็นผลดีต่อวงการวิศวกรรมยานยนต์ด้วย ที่จะเอาไปต่อยอด
แต่ของบ้านเรา เครื่องแบบไหนก็แบบนั้น แค่อาศัย เปลี่ยน ค่า deegree ของชิ้นส่วนต่างๆแค่นั้น ไม่ได้การพัตนาต่อวงการอะไรกลับมาเลย เช่นใช้ระบบประจุอากาศแบบใหม่ ท่อแบบใหม่ และสร้างกติกาขึ้นมาใหม่เลย
สั้นๆ คนอื่นเค้านำเราไปหมดแล้ว เรื่องเครื่องยนต์ แต่กลุ่มนั้น ยังคง โมไม่จบไม่สิ้น แค่คำนวณด้วยคณิตศาสตร์ดีๆ ถ้าคู่แข่ง ไม่รู้เรื่องก็ชนะ มันเป็นการแข่งกับข้อจำกัดที่มีอยู่แล้ว แบบนี้ไม่ควรเรียกว่าการแข่งขันเลย