สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
นักประวัติศาสตร์พบว่า ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักทำเกษตรกรรม ทารกที่เพิ่งคลอดจากครรภ์ต้องดื่มนมแม่หรือนมสัตว์ ชาวสุเมเรียนเมื่อ 5,000 ปีก่อนนิยมเป็นแม่นม คือมีหน้าที่ดูแลทารกเกิดใหม่โดยการให้นมและร้องเพลงขับกล่อม ทั้ง Romulus และ Remus ซึ่งตำนานอ้างว่าคือผู้สร้างกรุงโรม ขณะเป็นทารกได้ดื่มนมสุนัขจิ้งจอก ชาวอียิปต์โบราณก็ตระหนักในความสำคัญของน้ำนม ดังปรากฏในภาพวาดเทพธิดา Isis กำลังให้นมทารก Horus ผู้ทรงเป็นฟาโรห์ในเวลาต่อมา และเวลาฟาโรห์มีรัชทายาองค์น้อย พระองค์จะทรงเลือกแม่นมจากบรรดานางสนมในวังมาให้การดูแลองค์รัชทายาท ดังนั้นแม่นมในสังคมอียิปต์โบราณจึงมีฐานะทางสังคมสูงมาก เพราะเป็นผู้ให้นมแก่รัชทายาท และลูกของแม่นมเองก็มีฐานะเกือบเทียบเท่าพระราชบุตร/บุตรีของกษัตริย์ด้วย เพราะได้ดื่มนมจากเต้าเดียวกัน
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้อาชีพแม่นมในอดีตรุ่งเรือง เพราะทุกคนมีความเชื่อว่าการให้ลูกดูดนมจากเต้าจะทำให้ร่างกายหญิงผู้นั้นทรุดโทรมจนไม่เป็นที่รักและที่ปรารถนาของสามี ด้วยเหตุนี้สังคมกรีกโบราณจึงจ้างทาสหญิงที่เรียกว่า duolo มาให้นมแก่บรรดาลูกๆ ของเจ้านายและบรรดาลูกของทาสหญิงคนอื่น เพื่อว่าทาสหญิงเหล่านั้นจะได้ตั้งครรภ์ในเวลาไม่นาน แล้วลูกที่เกิดมาก็จะเป็นทาสรับใช้เจ้านายต่อไป
ถึงปราชญ์ เช่น Aristotle, Pliny, Cicero และ Plutarch จะไม่เห็นด้วยและประณามประเพณีแม่นมว่าทำให้แม่-ลูกขาดความรักและความผูกพันกัน เพราะหน้าที่ธรรมชาติของมารดาคือต้องให้นมแก่ลูก แต่เหล่าสตรีชั้นสูงก็ไม่ปฏิบัติตามเพราะมีความเชื่อว่าครอบครัวที่มีแม่นมแสดงว่าครอบครัวนั้นร่ำรวย และสตรีคนใดให้ลูกดื่มนมตนเองแสดงว่าเธอยากจน
กรณีชาวตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลาม เชื่อว่าทารก Mohammad ที่ได้กำพร้ามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงต้องอาศัยแม่นมเลี้ยง อย่างไรก็ตาม ทั้งคัมภีร์กุรอานและปราชญ์ Avicenna ต่างก็ให้ความสำคัญกับการดื่มนมแม่ โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีแรกของชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายอิสลามยังห้ามคนที่ดื่มนมจากเต้าเดียวกันแต่งงานกัน เพราะถือว่าคนทั้งสองมีแม่คนเดียวกัน
เมื่อความคิดของ Avicenna แพร่เข้าสู่ยุโรป ผู้คนได้พากันเชื่อความคิดนี้ ดังนั้นชาวยุโรปจึงได้วาดภาพพระนางมาเรียให้ทารกเยซูดูดนม เช่น ภาพ Madonna and Child with Angels โดย Jean Fouquet และภาพ Madonna del latte โดย Ambrogio Lorenzetti เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บรรดากษัตริย์ยุโรปก็ยังทรงนิยมประเพณีการมีแม่นมต่อไป เพราะทรงรู้ดีว่าถ้ามเหสีไม่ให้รัชทายาทดื่มพระกษิรธารา พระนางจะทรงมีทายาทได้อีกในเร็ววัน และเมื่อกษัตริย์มีพระราชประสงค์จะมีผู้สืบราชบัลลังก์ ดังนั้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 ทารกในราชสำนักฝรั่งเศสทุกพระองค์จึงต้องดื่มนมของแม่นม (ยกเว้นพระนาง Marie Antoinette ที่ทรงให้โอรสดื่มนมพระมารดา) ไม่เพียงแต่ในราชสำนักเท่านั้นที่อาชีพแม่นมเจริญรุ่งเรือง ครอบครัวชาวฝรั่งเศสเมื่อ 400 ปีก่อน ถ้าเป็นครอบครัวที่มีฐานะก็นิยมจ้างนางพยาบาลมาดูแลสุขภาพ เมื่อครอบครัวมีสมาชิกใหม่ นายจ้างจึงได้เพิ่มหน้าที่ของนางพยาบาล คือนอกจากต้องเลี้ยงดูทารกแล้วยังต้องให้นมทารกด้วย และเมื่อจำนวนทารกเพิ่มตลอดเวลา ความต้องการนางพยาบาลจึงเพิ่มขึ้นด้วย จนนางพยาบาลประจำการมีจำนวนไม่เพียงพอ ดังนั้นชาวฝรั่งเศสจึงหันไปจ้างหญิงชาวนายากจนมาทำหน้าที่แม่นม แล้วเวลาแม่นมเหล่านี้มีลูกก็จ้างผู้หญิงที่ยากจนกว่ามาเลี้ยงดูลูกของตนอีกทอดหนึ่ง
ตามปรกติคนที่เป็นแม่นมจำเป็นมักมีฐานะยากจน ดังนั้นนางจึงรับเลี้ยงทารกหลายคนพร้อมกัน และเพราะบ้านที่นางใช้ประกอบอาชีพแม่นมตั้งอยู่ไกลจากบ้านของทารก ดังนั้นบิดามารดาของทารกจึงไม่ได้เห็นหน้าค่าตาลูกของตนบ่อย จนเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ พ่อแม่อาจจำหน้าที่ลูกไม่ได้ ดังนั้นจึงมีข่าวการสับเปลี่ยนทารกในสถานรับเลี้ยงเด็กเนืองๆ และเมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลามาสนใจดูแลลูก ความผูกพันทางจิตใจระหว่างบิดามารดากับลูกจึงมีน้อย ทำให้เวลาลูกเสียชีวิต บิดามารดาจึงถือโอกาสไม่ไปร่วมในพิธีศพของลูก ....
คร่าวๆนะคะ ที่เหลือไปตามอ่านเองจ้า
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000106351
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้อาชีพแม่นมในอดีตรุ่งเรือง เพราะทุกคนมีความเชื่อว่าการให้ลูกดูดนมจากเต้าจะทำให้ร่างกายหญิงผู้นั้นทรุดโทรมจนไม่เป็นที่รักและที่ปรารถนาของสามี ด้วยเหตุนี้สังคมกรีกโบราณจึงจ้างทาสหญิงที่เรียกว่า duolo มาให้นมแก่บรรดาลูกๆ ของเจ้านายและบรรดาลูกของทาสหญิงคนอื่น เพื่อว่าทาสหญิงเหล่านั้นจะได้ตั้งครรภ์ในเวลาไม่นาน แล้วลูกที่เกิดมาก็จะเป็นทาสรับใช้เจ้านายต่อไป
ถึงปราชญ์ เช่น Aristotle, Pliny, Cicero และ Plutarch จะไม่เห็นด้วยและประณามประเพณีแม่นมว่าทำให้แม่-ลูกขาดความรักและความผูกพันกัน เพราะหน้าที่ธรรมชาติของมารดาคือต้องให้นมแก่ลูก แต่เหล่าสตรีชั้นสูงก็ไม่ปฏิบัติตามเพราะมีความเชื่อว่าครอบครัวที่มีแม่นมแสดงว่าครอบครัวนั้นร่ำรวย และสตรีคนใดให้ลูกดื่มนมตนเองแสดงว่าเธอยากจน
กรณีชาวตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลาม เชื่อว่าทารก Mohammad ที่ได้กำพร้ามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงต้องอาศัยแม่นมเลี้ยง อย่างไรก็ตาม ทั้งคัมภีร์กุรอานและปราชญ์ Avicenna ต่างก็ให้ความสำคัญกับการดื่มนมแม่ โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีแรกของชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายอิสลามยังห้ามคนที่ดื่มนมจากเต้าเดียวกันแต่งงานกัน เพราะถือว่าคนทั้งสองมีแม่คนเดียวกัน
เมื่อความคิดของ Avicenna แพร่เข้าสู่ยุโรป ผู้คนได้พากันเชื่อความคิดนี้ ดังนั้นชาวยุโรปจึงได้วาดภาพพระนางมาเรียให้ทารกเยซูดูดนม เช่น ภาพ Madonna and Child with Angels โดย Jean Fouquet และภาพ Madonna del latte โดย Ambrogio Lorenzetti เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บรรดากษัตริย์ยุโรปก็ยังทรงนิยมประเพณีการมีแม่นมต่อไป เพราะทรงรู้ดีว่าถ้ามเหสีไม่ให้รัชทายาทดื่มพระกษิรธารา พระนางจะทรงมีทายาทได้อีกในเร็ววัน และเมื่อกษัตริย์มีพระราชประสงค์จะมีผู้สืบราชบัลลังก์ ดังนั้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 ทารกในราชสำนักฝรั่งเศสทุกพระองค์จึงต้องดื่มนมของแม่นม (ยกเว้นพระนาง Marie Antoinette ที่ทรงให้โอรสดื่มนมพระมารดา) ไม่เพียงแต่ในราชสำนักเท่านั้นที่อาชีพแม่นมเจริญรุ่งเรือง ครอบครัวชาวฝรั่งเศสเมื่อ 400 ปีก่อน ถ้าเป็นครอบครัวที่มีฐานะก็นิยมจ้างนางพยาบาลมาดูแลสุขภาพ เมื่อครอบครัวมีสมาชิกใหม่ นายจ้างจึงได้เพิ่มหน้าที่ของนางพยาบาล คือนอกจากต้องเลี้ยงดูทารกแล้วยังต้องให้นมทารกด้วย และเมื่อจำนวนทารกเพิ่มตลอดเวลา ความต้องการนางพยาบาลจึงเพิ่มขึ้นด้วย จนนางพยาบาลประจำการมีจำนวนไม่เพียงพอ ดังนั้นชาวฝรั่งเศสจึงหันไปจ้างหญิงชาวนายากจนมาทำหน้าที่แม่นม แล้วเวลาแม่นมเหล่านี้มีลูกก็จ้างผู้หญิงที่ยากจนกว่ามาเลี้ยงดูลูกของตนอีกทอดหนึ่ง
ตามปรกติคนที่เป็นแม่นมจำเป็นมักมีฐานะยากจน ดังนั้นนางจึงรับเลี้ยงทารกหลายคนพร้อมกัน และเพราะบ้านที่นางใช้ประกอบอาชีพแม่นมตั้งอยู่ไกลจากบ้านของทารก ดังนั้นบิดามารดาของทารกจึงไม่ได้เห็นหน้าค่าตาลูกของตนบ่อย จนเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ พ่อแม่อาจจำหน้าที่ลูกไม่ได้ ดังนั้นจึงมีข่าวการสับเปลี่ยนทารกในสถานรับเลี้ยงเด็กเนืองๆ และเมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลามาสนใจดูแลลูก ความผูกพันทางจิตใจระหว่างบิดามารดากับลูกจึงมีน้อย ทำให้เวลาลูกเสียชีวิต บิดามารดาจึงถือโอกาสไม่ไปร่วมในพิธีศพของลูก ....
คร่าวๆนะคะ ที่เหลือไปตามอ่านเองจ้า
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000106351
แสดงความคิดเห็น
หญิงสูงศักดิ์สมัยโบราณจะไม่ให้นมลูกเองจริงหรือ?
ต้องมีแม่นมเอาไว้ให้นมลูกแทน เรื่องนี้เป็นความจริงหรอ?