ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและระบายเบาๆ ค่ะ
เราเคยเป็นคนโลกสวยแบบมากๆ มาก่อน เชื่อว่าถ้าเราเป็นคนดีไม่คิดร้ายกับใคร เราก็จะสามารถอยู่ในสังคมไหนก็ตามอย่างมีความสุข ตอนเรียนจบใหม่ๆ เป็นช่วงที่เพื่อนสนิทมหาลัยของเรามีกัน 5 คนต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อต่างประเทศกันเกือบหมด ที่เหลือก็มีแฟนบ้าง อินดี้บ้าง เลยห่างๆ กันไป พอเข้าทำงานที่แรกเจอสังคมวัยทำงานแล้วหายโลกสวยเลยค่ะ ตอนแรกก็แค่รู้สึกว่าคนที่นั่นแปลกๆ แบ่งก๊กแบ่งฝ่ายชัดเจน ขัดแข้งขัดขากันตลอดเวลา เราเข้าไปใหม่เหมือนเป็นส่วนเกิน ไม่ได้เข้าพวกใคร ไม่มีใครสนใจจะดึงเป็นพวก สุดท้ายกลายเป็นไม่มีเพื่อนเลย นอกจากมีศัตรูแล้วยังไม่มีคนช่วยอีก พยายามเข้ากลุ่มไปกินข้าวด้วยอะไรด้วย ก็ไม่สนิทใจ ช่วงนั้นรู้สึกแย่มากค่ะ เพื่อนคนหนึ่งเลยสอนว่า"เพื่อนร่วมงานมันไม่ใช่เพื่อนจริงๆ หรอกแก อยู่คนเดียวสบายใจกว่า" เราก็อยู่คนเดียวอย่างเพื่อนว่าค่ะ แต่ละวันผ่านไปแบบโคตรไม่มีความสุข เหงามาก เพื่อนเก่าก็ไม่อยู่เพื่อนใหม่ก็ไม่มี
ต่อมาได้งานใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ระดับมหาชน ก็ทำใจไว้แล้วนะว่าคงจะไม่ค่อยต่าง นี่ยิ่งบริษัทใหญ่คนแข่งกันทำงาน ปรากฏว่าทีมที่เราไปอยู่คนในทีมดีมากๆ ค่ะ ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนสมัยเรียน เป็นเพื่อนที่ทำงานที่สามารถปรึกษาปัญหาชีวิตได้ นัดไปเที่ยวหลังเลิกงาน หรือไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันก็ไปมาแล้ว ซึ่งเราแฮปปี้มากเลย แต่ความสุขก็อยู่กับเราไม่นาน จากปัญหาเรื่องโหลดงานและปัญหาใหญ่กว่า(คือหัวหน้า555) ทำให้เพื่อนร่วมทีมทยอยลาออกกันไปทีละคนสองคน จนเปลี่ยนเจเนอเรชั่นเกือบเกลี้ยงในเวลา 2 ปี คนที่เข้ามาใหม่ดันจูนกันไม่ติด ไปๆ มาๆ ไปสนิทกันเองแบบไม่เอาคนอื่น แยกตัว (อีกแล้ว ทำไมคนแบบนี้เยอะจัง) หรือคนเก่าๆ บางคนที่ออกไป เคยสนิทกันม้ากมาก แต่พอลาออกไปปุ๊บ หายไปเลยค่ะ เลิกติดต่อไปดื้อๆ ก็มี ก็งงๆ นะว่าที่ผ่านมาคืออะไร
ตอนนี้เหลือคนเก่าแค่คนเดียวที่ยังคงสนิทสนมกับเรา เค้าลาออกแล้วค่ะ ทำงานวันสุดท้ายกลางเดือนนี้ เลยหมดเวลาโลกสวยอีกรอบ คำพูดเพื่อนในวันนั้นเลยลอยกลับมาเข้าหัว ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอเนี่ย ก็เข้าใจความเปลี่ยนแปลงนะคะแต่อดนอยไม่ได้เหมือนกัน
เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่เพื่อนจริงๆ คิดยังไงกับคำพูดนี้คะ
เราเคยเป็นคนโลกสวยแบบมากๆ มาก่อน เชื่อว่าถ้าเราเป็นคนดีไม่คิดร้ายกับใคร เราก็จะสามารถอยู่ในสังคมไหนก็ตามอย่างมีความสุข ตอนเรียนจบใหม่ๆ เป็นช่วงที่เพื่อนสนิทมหาลัยของเรามีกัน 5 คนต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อต่างประเทศกันเกือบหมด ที่เหลือก็มีแฟนบ้าง อินดี้บ้าง เลยห่างๆ กันไป พอเข้าทำงานที่แรกเจอสังคมวัยทำงานแล้วหายโลกสวยเลยค่ะ ตอนแรกก็แค่รู้สึกว่าคนที่นั่นแปลกๆ แบ่งก๊กแบ่งฝ่ายชัดเจน ขัดแข้งขัดขากันตลอดเวลา เราเข้าไปใหม่เหมือนเป็นส่วนเกิน ไม่ได้เข้าพวกใคร ไม่มีใครสนใจจะดึงเป็นพวก สุดท้ายกลายเป็นไม่มีเพื่อนเลย นอกจากมีศัตรูแล้วยังไม่มีคนช่วยอีก พยายามเข้ากลุ่มไปกินข้าวด้วยอะไรด้วย ก็ไม่สนิทใจ ช่วงนั้นรู้สึกแย่มากค่ะ เพื่อนคนหนึ่งเลยสอนว่า"เพื่อนร่วมงานมันไม่ใช่เพื่อนจริงๆ หรอกแก อยู่คนเดียวสบายใจกว่า" เราก็อยู่คนเดียวอย่างเพื่อนว่าค่ะ แต่ละวันผ่านไปแบบโคตรไม่มีความสุข เหงามาก เพื่อนเก่าก็ไม่อยู่เพื่อนใหม่ก็ไม่มี
ต่อมาได้งานใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ระดับมหาชน ก็ทำใจไว้แล้วนะว่าคงจะไม่ค่อยต่าง นี่ยิ่งบริษัทใหญ่คนแข่งกันทำงาน ปรากฏว่าทีมที่เราไปอยู่คนในทีมดีมากๆ ค่ะ ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนสมัยเรียน เป็นเพื่อนที่ทำงานที่สามารถปรึกษาปัญหาชีวิตได้ นัดไปเที่ยวหลังเลิกงาน หรือไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันก็ไปมาแล้ว ซึ่งเราแฮปปี้มากเลย แต่ความสุขก็อยู่กับเราไม่นาน จากปัญหาเรื่องโหลดงานและปัญหาใหญ่กว่า(คือหัวหน้า555) ทำให้เพื่อนร่วมทีมทยอยลาออกกันไปทีละคนสองคน จนเปลี่ยนเจเนอเรชั่นเกือบเกลี้ยงในเวลา 2 ปี คนที่เข้ามาใหม่ดันจูนกันไม่ติด ไปๆ มาๆ ไปสนิทกันเองแบบไม่เอาคนอื่น แยกตัว (อีกแล้ว ทำไมคนแบบนี้เยอะจัง) หรือคนเก่าๆ บางคนที่ออกไป เคยสนิทกันม้ากมาก แต่พอลาออกไปปุ๊บ หายไปเลยค่ะ เลิกติดต่อไปดื้อๆ ก็มี ก็งงๆ นะว่าที่ผ่านมาคืออะไร
ตอนนี้เหลือคนเก่าแค่คนเดียวที่ยังคงสนิทสนมกับเรา เค้าลาออกแล้วค่ะ ทำงานวันสุดท้ายกลางเดือนนี้ เลยหมดเวลาโลกสวยอีกรอบ คำพูดเพื่อนในวันนั้นเลยลอยกลับมาเข้าหัว ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอเนี่ย ก็เข้าใจความเปลี่ยนแปลงนะคะแต่อดนอยไม่ได้เหมือนกัน