คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
โอ้...น่าเห็นใจนะคะแบบนี้ เจอเจ้าที่แรงทั้งสองที่เร้ย อืมม...เหมือนอันนี้จะเป็นปัญหาระดับชาติ (ไหน) เหมือนกันคะ
ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติของสังคมที่เขามีกลุ่มกันอยู่แล้ว และตัวเราเองมาเดี่ยวๆ ก้อจะกระเด็นได้ง่าย
ต้องทำตัวยิ่งกว่าไผ่ลู่ลมอีกอ่ะคะ อาจจะปรับที่ตัวเราก่อนครึ่งหนึ่ง และ ดูสังคมเดิมที่เขามีอยู่ก่อนแล้วอีกครึ่งหนึ่ง
เช่น เราอาจจะซื้อขนมเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก เพื่อเป็นการผูกมิตร เริ่มจากโต๊ะใกล้เคียง อะไรแบบเนี่ยอ่ะคะ
อย่าไปคิดว่าติดสินบนอะไร มันคือการให้ด้วยน้ำใจ อยากได้อะไรเราต้องให้สิ่งนั้นก่อน อย่างน้อยเราก้อทำดีที่สุดแล้วคะ
ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติของสังคมที่เขามีกลุ่มกันอยู่แล้ว และตัวเราเองมาเดี่ยวๆ ก้อจะกระเด็นได้ง่าย
ต้องทำตัวยิ่งกว่าไผ่ลู่ลมอีกอ่ะคะ อาจจะปรับที่ตัวเราก่อนครึ่งหนึ่ง และ ดูสังคมเดิมที่เขามีอยู่ก่อนแล้วอีกครึ่งหนึ่ง
เช่น เราอาจจะซื้อขนมเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก เพื่อเป็นการผูกมิตร เริ่มจากโต๊ะใกล้เคียง อะไรแบบเนี่ยอ่ะคะ
อย่าไปคิดว่าติดสินบนอะไร มันคือการให้ด้วยน้ำใจ อยากได้อะไรเราต้องให้สิ่งนั้นก่อน อย่างน้อยเราก้อทำดีที่สุดแล้วคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
เคยทำงานอยู่ที่หนึ่ง มีแต่คนรักใคร่ สนุกสนาน อยู่มาประมาณ 5 ปี มีเพื่อนเก่ามาชวนไปอีกที่เลยลองดู
ปรากฎว่าย้ายไปได้ไม่นาน มีปัญหากับลูกน้องคนหนึ่ง ภายหลังลุกลามไปเป็นเพื่อนในแก๊งค์อีกหลายคน
พยายามแก้ไขก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายก็มีปัญหากับผู้ใหญ่ด้วยกัน ดูท่าแล้วรู้สึกว่าไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างนั้น ให้เตรียมหางานใหม่สำรองไว้เรื่อยๆ เพราะเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากเรา แต่เป็นสภาพแวดล้อม
ต่อมาย้ายไปอีกที่หนึ่ง ก็มีปัญหาเหมือนเดิม คือ ลูกน้องไม่เชื่อฟัง เล่นแง่ต่างๆกับทุกคน เจ้านายก็ไม่มีเหตุผล
จนสุดท้ายถูกบีบให้ออกมาตกงานอยู่หนึ่งปี ก่อนหน้านั้น ได้เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินและลงทุนให้เช่าคอนโดไว้เผื่อแล้ว
ทุกวันนี้ เจ้านายเก่าแก่ เรียกตัวกลับมาช่วยก่อตั้งบริษัทใหม่ ทุกอย่างไปได้ด้วยดี เพื่อนร่วมงานรักใคร่กันดี
ลูกน้องมีสัมมาคารวะ ลูกพี่มีน้ำใจเมตตา เงินเดือนได้เพิ่มขึ้น มีเงินเก็บออมและลงทุนต่อยอดความฝันอีก..
บริษัทนรกที่เราเคยอยู่แล้วกลัดกลุ้มใจทั้งสองที่ ทุกวันนี้ไล่คู่กรณีของเราออกไปหลายคนแล้ว
คนใหม่เข้ามาก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะผู้บริหารก็ไม่เก่งงาน ไม่เก่งคน มือขวามือซ้ายก็พากันออก บริษัทก็ไม่ได้เจริญไปไหน
สรุปจากประสบการณ์ทำงานมายี่สิบปี คือ ให้ยึดว่าเราทำงานให้ถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดกับใคร
ถ้าบริษัทมีปัญหา หรือมีคนกลั่นแกล้ง ให้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้
คนอื่นเราเปลี่ยนไม่ได้ แต่ตัวเรา เรารักษาตัวเองได้ ใช้วิธีเต่ามีกระดอง ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ถ้าเสียเปรียบ
ถ้าโชคร้ายเหมือนมีกรรมบัง แต่เรามีมาตราฐานการทำงานดี ให้ถือว่าบริษัทนั้นซวยที่เราจะอยู่ไม่ได้นาน
บริษัทดีๆ ผู้บริหารดีๆจะไม่มีปัญหาเหล่านี้ เพราะเขาจะจัดการให้คนเก่งๆอยู่ได้เอง
แล้ววันนึงเราจะได้ไปอยู่บริษัทอย่างนั้นถ้ารักษาความดีของตัวไว้ได้
ขอให้อดทน และตั้งสติ สงบนิ่งอยู่ในความดีด้วยศรัทธาในอนาคตข้างหน้าไว้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนอื่นที่เราไม่ได้เป็น ถ้าตัวตนของเราไม่ได้ทำสิ่งไม่ดีอะไร ขอให้เป็นบททดสอบอันมีค่าที่จะทำให้เราพบกับคนที่ดีกว่ามาช่วยเหลือเมื่อเวลานั้นมาถึงครับ

ปล. ไม่ต้องไปดูดวง แก้เคล็ดอะไร เคยทำมาแล้ว ผลาญเงินเปล่าๆ
เอาเวลาไปศึกษาธรรมะ คุยกับกัลยาณมิตร ทำกิจกรรมกับคนดีๆช่วยสังคมในวันหยุด และศึกษากฏหมายแรงงานอย่าให้ถูกโกงค่าแรง จะดีกว่า
ปรากฎว่าย้ายไปได้ไม่นาน มีปัญหากับลูกน้องคนหนึ่ง ภายหลังลุกลามไปเป็นเพื่อนในแก๊งค์อีกหลายคน
พยายามแก้ไขก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายก็มีปัญหากับผู้ใหญ่ด้วยกัน ดูท่าแล้วรู้สึกว่าไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างนั้น ให้เตรียมหางานใหม่สำรองไว้เรื่อยๆ เพราะเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากเรา แต่เป็นสภาพแวดล้อม
ต่อมาย้ายไปอีกที่หนึ่ง ก็มีปัญหาเหมือนเดิม คือ ลูกน้องไม่เชื่อฟัง เล่นแง่ต่างๆกับทุกคน เจ้านายก็ไม่มีเหตุผล
จนสุดท้ายถูกบีบให้ออกมาตกงานอยู่หนึ่งปี ก่อนหน้านั้น ได้เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินและลงทุนให้เช่าคอนโดไว้เผื่อแล้ว
ทุกวันนี้ เจ้านายเก่าแก่ เรียกตัวกลับมาช่วยก่อตั้งบริษัทใหม่ ทุกอย่างไปได้ด้วยดี เพื่อนร่วมงานรักใคร่กันดี
ลูกน้องมีสัมมาคารวะ ลูกพี่มีน้ำใจเมตตา เงินเดือนได้เพิ่มขึ้น มีเงินเก็บออมและลงทุนต่อยอดความฝันอีก..
บริษัทนรกที่เราเคยอยู่แล้วกลัดกลุ้มใจทั้งสองที่ ทุกวันนี้ไล่คู่กรณีของเราออกไปหลายคนแล้ว
คนใหม่เข้ามาก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะผู้บริหารก็ไม่เก่งงาน ไม่เก่งคน มือขวามือซ้ายก็พากันออก บริษัทก็ไม่ได้เจริญไปไหน
สรุปจากประสบการณ์ทำงานมายี่สิบปี คือ ให้ยึดว่าเราทำงานให้ถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดกับใคร
ถ้าบริษัทมีปัญหา หรือมีคนกลั่นแกล้ง ให้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้
คนอื่นเราเปลี่ยนไม่ได้ แต่ตัวเรา เรารักษาตัวเองได้ ใช้วิธีเต่ามีกระดอง ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ถ้าเสียเปรียบ
ถ้าโชคร้ายเหมือนมีกรรมบัง แต่เรามีมาตราฐานการทำงานดี ให้ถือว่าบริษัทนั้นซวยที่เราจะอยู่ไม่ได้นาน
บริษัทดีๆ ผู้บริหารดีๆจะไม่มีปัญหาเหล่านี้ เพราะเขาจะจัดการให้คนเก่งๆอยู่ได้เอง
แล้ววันนึงเราจะได้ไปอยู่บริษัทอย่างนั้นถ้ารักษาความดีของตัวไว้ได้
ขอให้อดทน และตั้งสติ สงบนิ่งอยู่ในความดีด้วยศรัทธาในอนาคตข้างหน้าไว้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนอื่นที่เราไม่ได้เป็น ถ้าตัวตนของเราไม่ได้ทำสิ่งไม่ดีอะไร ขอให้เป็นบททดสอบอันมีค่าที่จะทำให้เราพบกับคนที่ดีกว่ามาช่วยเหลือเมื่อเวลานั้นมาถึงครับ

ปล. ไม่ต้องไปดูดวง แก้เคล็ดอะไร เคยทำมาแล้ว ผลาญเงินเปล่าๆ
เอาเวลาไปศึกษาธรรมะ คุยกับกัลยาณมิตร ทำกิจกรรมกับคนดีๆช่วยสังคมในวันหยุด และศึกษากฏหมายแรงงานอย่าให้ถูกโกงค่าแรง จะดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 11
กินข้าวคนเดียวเหมือนกัน แต่คิดว่าเร็วดี สะดวกดี ประหยัดดี พยายามมองมันว่ามีข้อดีอ่ะคะ
เรื่องงานทำเองแทบจะคนเดียว พยายามไม่รบกวนใคร เวลามีปัญหาติดขัดเรื่องคน แก้ไม่ตก ก็คุยกับเจ้านายก่อน (ไม่พยายามเคลียร์กับคนที่สัมผัสได้ว่าไม่ชอบเรา) แต่จะบอกเจ้านายว่ากังวลใจ (ไม่ได้ปักใจว่าเค้าจะไม่ชอบเราอย่างที่คิด) และขอให้เจ้านายเคลียร์ให้ เพื่อให้โฟลงานดีขึ้น เค้าก็จะรู้เองว่าเรื่องเป็นยังไง ผับริหารก็น่าจะฉลาดนะ เราไม่ต้องบอกเค้าทั้งหมดหรอกค่ะ
การเป็นคนเงียบมันไม่เหนื่อยดี
การแกล้งโง่ เราก็ทำบ่อยค่ะ
คงเพราะคิดว่าเหนื่อยกับการไหลไปตามกระแสแล้วด้วย อยากเป็นคนที่ไม่ทำร้าย ไม่ให้ร้ายใคร มากกว่าจะมีศัตรูไปเรื่อยๆ
ที่ทำงานทุกวันนี้ไม่หวังสังคมอะไรอีกแล้ว ทำตัวโนบอดี้สุด ๆ
รีบทำงานตัวเองให้เสร็จรีบกลับบ้าน อยู่กับครอบครัว ต้นไม้ หนังสือ เพื่อนสนิทก็โทรคุยนาที 2 นาทีก็วาง
ส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับออฟฟิศ การเดินทางอยู่แล้ว ไม่อยากจะเครียด อย่าอยู่กับปัญหา
มองมันแบบพร้อมจะปล่อยวาง
คนเราทำดีได้ดีอยู่แล้ว
จงเชื่อในความดีค่ะ
เรื่องงานทำเองแทบจะคนเดียว พยายามไม่รบกวนใคร เวลามีปัญหาติดขัดเรื่องคน แก้ไม่ตก ก็คุยกับเจ้านายก่อน (ไม่พยายามเคลียร์กับคนที่สัมผัสได้ว่าไม่ชอบเรา) แต่จะบอกเจ้านายว่ากังวลใจ (ไม่ได้ปักใจว่าเค้าจะไม่ชอบเราอย่างที่คิด) และขอให้เจ้านายเคลียร์ให้ เพื่อให้โฟลงานดีขึ้น เค้าก็จะรู้เองว่าเรื่องเป็นยังไง ผับริหารก็น่าจะฉลาดนะ เราไม่ต้องบอกเค้าทั้งหมดหรอกค่ะ
การเป็นคนเงียบมันไม่เหนื่อยดี
การแกล้งโง่ เราก็ทำบ่อยค่ะ
คงเพราะคิดว่าเหนื่อยกับการไหลไปตามกระแสแล้วด้วย อยากเป็นคนที่ไม่ทำร้าย ไม่ให้ร้ายใคร มากกว่าจะมีศัตรูไปเรื่อยๆ
ที่ทำงานทุกวันนี้ไม่หวังสังคมอะไรอีกแล้ว ทำตัวโนบอดี้สุด ๆ
รีบทำงานตัวเองให้เสร็จรีบกลับบ้าน อยู่กับครอบครัว ต้นไม้ หนังสือ เพื่อนสนิทก็โทรคุยนาที 2 นาทีก็วาง
ส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับออฟฟิศ การเดินทางอยู่แล้ว ไม่อยากจะเครียด อย่าอยู่กับปัญหา
มองมันแบบพร้อมจะปล่อยวาง
คนเราทำดีได้ดีอยู่แล้ว
จงเชื่อในความดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยมีประสบการณ์เพื่อนร่วมงานไม่ชอบบ้างไหม แล้วเพื่อนๆทำอย่างไรกัน