เข้าสู่หน้าฝนเมื่อไหร่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหน้าหนาวก็ใกล้เข้ามาเช่นกัน โดยเฉพาะใครที่ชอบเที่ยวภาคเหนือบอกเลยว่าปกติหน้าฝนก็ได้เห็นหมอกให้ฉ่ำใจแล้ว ยิ่งถ้าหน้าหนาวบอกเลยว่าฟินมากมาย แต่ถ้าจะพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์หนึ่งสำหรับหน้าหนาวนอกเหนือจากการชมดอกพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยแล้ว ก็ต้องวนอุทยานทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอที่จะเหลืองบานสะพรั่งไปทั่วเวิ้งภูเขา 1 ปี จะมีระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ระยะในการบานเต็มที่จริงๆน่าจะแค่ 2 อาทิตย์ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงไหลในทุ่งบัวตองที่นี่ ผมมีโอกาสเที่ยว 2 ครั้งกับน้องและพาคุณแม่ไปเที่ยว การเดินทางก็ไม่ยากครับจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนตามป้ายทางหลวงหมายเลข 108 ไปครับจากนั้นก็จะมีป้ายบอกไปทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอเป็นระยะ จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนผมใช้เวลาในการขับรถไป 2 ชั่วโมงนะครับ ออกประมาณตี 4 - 4.30 น. ถึงก็ประมาณ 6 โมงเช้า - 6.30 น. ได้ครับ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากขับรถเช้ามากก็แนะนำให้มานอนที่พักสวนดอยแม่อูคอที่นี่ก็ได้นะครับราคา 400-500 เช้าเห็นวิวทุ่งบัวตองลิบๆพร้อมหมอกลงสวยงามมากในช่วงหน้าหนาว อาหารอร่อยมากๆๆบอกเลยครับ ไม่กินนี่เสียดายแย่ รวมทั้งตลอดข้างทางก็จะมีดอกไม้และผลไม้จากชาวบ้านมาวางขายกันนะครับ ผมมีโอกาสเดินทางไปทุ่งดอกบัวตอง 2 ครั้งคือปี 57และ58 แต่ส่วนตัวปีแรกที่ไปกับน้องๆจะสวยมาก เพราะบานเต็มทุ่ง หนาวจริงๆ ในขณะที่ปี 58 ไปกับคุณแม่ โชคร้ายนิดนึงก่อนเดินทาง 1 อาทิตย์มีฝนหลงฤดูตกมาทำให้ดอกบัวตองร่วงไปบางส่วนทำให้วิวไม่สวยเยอะเท่าครั้งแรกเท่าไหร่นัก เมื่อเรามาถึงนะครับที่ทุ่งดอกบัวตองจะมีป้ายต้อนรับสำหรับถ่ายรูปนะครับบริเวณด้านหน้าและด้านในครับวนอุทยานทุ่งดอกบัวตองเมื่อมาถึงนะครับจะมีทางเดินขึ้นจากที่เราจอดรถเนี่ยเยอะมาก คือเดินขึ้นไป กับทางเดินด้านล่างแนะนำว่าให้ไปเช้าหน่อยแล้วขึ้นไปถ่ายด้านจุดสูงสุดก่อนนะครับ เพราะแสงยังมาไม่มากนักจะสวยกว่าตอนสายๆครับสำหรับจุดนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่ใครมาก็ต้องถ่าย ต้องปีนรั้วเหล็กนะครับ แล้วก็ยกแแขนขึ้นถ่ายไม่ได้มองวิวไฟเดอร์เลย มันสูงมากต้องเหยีบบนรั้วแล้วทรงตัวดีๆปรับชัตเตอร์เช็คแสงที่เหลือผมก็รัวชัตเตอร์อย่างเดียวครับแล้วมาเลือกเอา แต่สวยจริงๆครับซึ่งส่วนตัวปีแรกที่มาสวยจริงๆทั้งแสง ดอกบัวตองที่บานมันพอดีมากครับ ระหว่างทางเดินลงไปยังมุมต่างๆเราก็จะได้เห็นวิวในมุมมองที่แตกต่างกันนะครับ ถ้าโชคดีก็จะเห็นชาวบ้านพาลูกมาเดินเล่นแบบนี้จากที่จอดรถเมื่อเรามองย้อนลงไปจะเป็นมุมมองแบบนี้ครับ เห็นไกลๆตรงหน้านั้นจะเป็นเหมือนจุดชมวิวลานกว้างๆและเป็นจุดจำหน่ายประกาศนียบัตรผู้พิชิตที่มาถึงทุ่งบัวตองนะครับ พร้อมทั้งสติ๊กเกอร์ และเสื้อ ใครสนใจเชิญได้เลยครับ
สำหรับใครที่อยากจะมานอนที่วนอุทยานแห่งนี้เลยก็ได้นะครับจะอยู่บริเวณลานกางเตันท์ถ้าเดินขึ้นมาไม้ต้องขึ้นบันไดจะอยู่ทางขวามือ เหมือนที่เราเห็นในรูปทางซ้ายมือนั่นละครับ ห้องน้ำรวมครับ ซึ่งบริเวณทางเข้าจะเป็นจุดจำหน่ายกาแฟห้วยห้อมซึ่งถือว่าเป็นกาแฟที่ผลิตเอง ปลูกเองจากบ้านห้วยห้อมซึ่งอร่อยรึเปล่าไม่รู้แต่ Starbuck มาขอซื้อไปจำหน่ายนะครับ ผมเองก็ซื้อมาทานครับอร่อยดี อยากรู้ต้องลองครับ ส่วนจุดถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งที่ผมว่ามันสวยนะ แต่ไม่ค่อยเห็นคนมายืนถ่ายคือบริเวณด้านล่างที่เดินเข้ามาแล้วจะเลี้ยวขวาไปลานกางเต้นท์นะครับ สวยมาก เมื่อเรายืนจะเห็นทุ่งบัวตองเหลืองอร่ามแบบนี้ครับแนะนำว่าถ่ายเถอะครับ มันสวยจริงๆเห็นทางเข้าจากที่จอดรถไหมครับจะมีป้ายต้อนรับ 2 ที่ด้านนอกและด้านใน เราเข้าตรงนั้น แต่จุดที่ถ่ายผมเดินลงมาอีกจุด ทางเดินจะมีอยู่รอบๆถ้าขยันเดินหน่อยก็จะได้มุมที่ต่างกันครับ ส่วนจุดจำหน่ายกาแฟห้วยห้อยและผลไม้จากชาวบ้านก็อยู่ตรงทางเข้าซ้ายมือข้างๆป้ายทุ่งบัวตองด้านในนั่นละครับตรงนี้เป็นบริเวณทางที่เราขับเข้ามาก่อนถึงโค้งที่นิยมจอดรถกันนะครับ จะเห็นทางเดินเข้าไปได้อีกทางขวามือของภาพนะครับทางเดินถึงกันหลายทางมากสำหรับวนอุทยานทุ่งบัวตองจะมีพิธีเปิดช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนะครับ และดอกบัวตองจะบานและเริ่มโรยจนถึงวันที่ 5 ธันวาคมโดยประมาณ ส่วนตัวผมไปวันที่ 24 หรือ 25 พฤศจิกานยนตลอดเพราะเป็นช่วงที่ทุ่งบัวตองจะบานเหลืองเกือบเต็มที่ทั้งดอยแล้วครับอีกจุดชมวิวนะครับ มีทั้งเสื้อ สติ๊กเกอร์ ใบประกาศนียบัตรผู้พิชิตทุ่งบัวตองจำหน่ายนะครับ ส่วนอันนี้เป็นวิวด้านล่างซึ่งเราสามารถเดินลงไปได้อีกถ้ามีเวลาก็ลองเดินดูกันได้ถ้าไม่เมื่อยซะก่อนนะครับ 55สำหรับวนอุทยานทุ่งดอกบัวตองยังมีสถานที่ใกล้เคียงกันที่น่าสนใจก็คือ น้ำตกแม่สุรินทร์ และจุดชมวิวภูชี้เพ้อซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน ไว้มีโอกาสจะมารีวิวให้ได้ชมกันใหม่นะครับ