[CR] ราจาอัมปัต… ที่สุดในโลก EP5: “12 ชม. ที่สุดแห่งความงาม”

ความเดิมตอนที่แล้ว* หลังจากตรากตรำมาอย่างยากลำบากแต่คุ้มค่าบนเกาะดงดิบแห่ง Batanta เราก็ได้เคลื่อนที่ย้ายที่พักมาอยู่ ณ หมู่บ้าน Sawinggrai บนเกาะ Gam ทางตอนเหนือของราจาอัมปัต
ณ ที่นี่ เป็นหมู่บ้านขนาดชุมชนที่สวยงาม และมีความพร้อมมากกว่าในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเพราะอยู่ใจกลางของราจาอัมปัต เราพักที่ Walking shark homestay ของ Nicolas น้องชายคนสุดท้องของ Paulus ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนและเจ้าของ Nudibranch homestay อันโด่งดัง ตั้งแต่วันแรก Paulus ได้พาเราไปดำน้ำตื้นในบริเวณใกล้เคียง เราได้เห็น mandarin fish ซึ่งเป็นปลาหายากที่ไม่ว่าคนรักทะเลคนไหนล้วนฝันอยากเห็นด้วยตาซักครั้งหนึ่งทั้งสิ้น

อ่านตอนที่แล้ว EP4 ได้ที่ http://ppantip.com/topic/34825126
หรือสามารถเข้าไปย้อนอ่าน blog การเดินทางของผมอย่างละเอียดได้ที่ https://coralust.wordpress.com

(22/12/2015)
หลังจากได้พักผ่อนอย่างสบายใน homestay ใหม่แห่งนี้เป็นคืนแรก ในช่วงคืนเมื่อวาน ผมได้เข้าไปนั่งคุยนัดหมายกับ Paulus ให้นำผมไปชม 3 สถานที่ที่อยู่ในแผนของผมในวันนี้ เป็นการนั่งคุยที่เป็นกันเอง และได้รับการต้อนรับอย่างดี ถึงแม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่า Paulus ดูยุ่งมาก ทั้งกับลูกทีมและแขกที่ล้น homestay อยู่ในขณะนั้น Paulus ต้องคอยดูแลศาสตาจารย์เยอรมันท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เขียนรวบรวมเรื่องของพันธุ์ปลาในแถบนี้ทั้งหมด เป็นผู้ให้กำเนิด Nudibranch homestay เสียด้วย ถือเป็นผู้มีพระคุณของ Paulus
แต่ด้วยสปิริทของไกด์ที่ดี Paulus เลือกที่จะนำทางผมไปดูชมสถานที่ต่างๆด้วยตนเอง ตลอดระยะเวลาที่เราพักที่นี่
มีสองสามสิ่งที่ถ้าหากมา Raja Ampat แล้วจะพลาดไปไม่ได้เลย และเป็นแผนของผมที่การมาในครั้งนี้ต้องเห็นให้ได้:
1. ฝูงกระเบนราหู(Manta ray) ณ site ดำน้ำชื่อ Manta sandy อันโด่งดัง ที่นี่เราจะได้เห็นฝูงกระเบนราหูอย่างน้อยๆก็ห้าตัวขึ้นไปในเวลาเดียวกัน
2. ปะการังอ่อนสีสดที่ดันไปขึ้นได้ท่าเรือของเกาะ Aborek เป็นวิวที่เฉพาะตัวมาก หายากเหลือเกินในยุคนี้ที่เราจะได้เห็นปะการังอ่อนกอใหญ่ๆใต้ท่าเรือตื้นๆขนาดนั้น เป็นวิวที่ไม่เพียงแต่สวย แต่ดูมีพลังมากด้วย
และ
3. ผมต้องการแวะชมโฮมสเตย์แห่งหนึ่งชื่อ Kobekwan homestay ผมเห็นภาพของที่แห่งนี้บนเนต พบว่าปะการังใต้ homestay ที่ยื่นไปในทะเลนี้ดูแน่น และสวยงามมาก นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งของ blue water mangrove ซึ่งหมายความว่า ผมจะได้เห็นปะการังอยู่ใต้ป่าโกงกาง เป็นอีกวิวหนึ่งที่หาที่อื่นใดในโลกไม่ได้เช่นกัน
วันนี้ เราจะเคลียร์ checklist ด้านบนให้หมด!
ผมเริ่มต้นวัน ด้วยการลงน้ำหน้า homestay เพื่อทดสอบความพร้อมของอุปกรณ์ถ่ายภาพใต้น้ำเช่นทุกวันที่ผ่านมา ปล่อยตัวเองลอยตามกระแสน้ำจากป่าโกงกางของ Nudibranch homestay จากตะวันออกสู่ตะวันตกให้ไปสิ้นสุดที่ jetty หรือท่าเรือของหมู่บ้าน มันเป็นเช้าที่วิเศษยิ่งนัก มันเริ่มต้นด้วยการได้เห็น walking shark ตัวเป็นๆอยู่ภายใต้รากโกงกาง เป็นฉลามขนาดเล็กที่ปรับตัวให้ใช้ครีบแทนเท้าเดินไปบนพื้นทะเลได้ เป็นของหายากมาก แต่กลับเจอได้ง่ายๆหน้าที่พักแห่งนี้ ตลอดแนวปะการังเลียบฝั่งของหมู่บ้าน บวกกับแสงเช้าอันอ่อนนุ่ม ทำให้ได้ภาพใต้น้ำที่งดงามจับใจ มีปลาปะการังอยู่กระจุกกันเป็นฝูง ปะการังสีสดเป็นกอใหญ่หลากสี ฝูงปลากระมงนับร้อยๆว่ายต้านกระแสนน้ำอยู่ใต้ท่าเรือ อลังการเพียงแค่เอาหน้าจุ่มน้ำเท่านั้น เป็นเช้ามหัศจรรย์ เป็นนิมิตหมายอันดียิ่งในการเริ่มต้นวันที่งดงามที่สุดในชีวิตนักท่องเที่ยวอย่างผม

























ประมาณเกือบเที่ยง Paulus ก็มารับผมเพื่อออกเดินทางไปดำน้ำ โดยสถานีแรกที่เราต้องแวะคือเกาะ Aborek นั่นเอง เพื่อไปรับถังดำน้ำจาก dive center บนเกาะ เนื่องจาก homestay ของ Paulus ไม่ได้มี dive center เป็นของตัวเอง(ซึ่งนั่นทำให้ราคาแต่ละ dive แพงขึ้นด้วย ดังนั้นใครกะจะมาดำน้ำ ควรวางแผนให้ดีๆ หมายถึงควรมาพัก homestay ที่มี dive center ในตัวด้วยครับ) ระหว่างรอขนถังดำน้ำขึ้นเรือยาวอันแสนจะโคลงเคลงของ Paulus ผมก็ได้เก็บภาพเด็กชายแก่นๆอันโด่งดังของ Aborek มาพอสมควร
เมื่อเราขนอุปกรณ์ขึ้นเรือครบแล้ว เราก็เริ่มบึ่งสู่ manta sandy ทันที มีผมคนหนึ่ง เด็กเรือคนหนึ่ง(เด็กมากๆ)และ Paulus โดยแผนของเราคือ จะใช้ถังดำน้ำสองถังของสองคนนี่แหละ ลงไปดำน้ำชมมันตะที่จะว่ายเวียนอยู่รอบๆกอปะการังในจุดดำน้ำนี้ ลักษณะของ manta sandy dive site เหมือนเป็นพื้นทรายเรียบๆใต้ทะเลไม่ลึกมากนัก บางจุดแทบจะเรียกได้ว่าไปยืนอยู่ได้ ความลึกของน้ำทะเลครึ่งตัว แต่รอบๆก็คือทะเลลึกนั่นเอง ถ้ามองจากทางอากาศ ก็จะเห็นเป็นสีสว่างสลับมืดซึ่งเป็นสีของทรายตื้นสลับกับทะเลลึกรอบด้าน
จาก Aborek ใช้เวลานั่งเรือยาวโคลงเคลงของเราใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที และเป็นโชคดีอย่างยิ่ง วันนี้ฝูงกระเบนราหูไม่ดำลึก แต่กลับว่ายเล่นกันอยู่บนผิวน้ำ เห็นครีบมาแต่ไกล เรือจอดปุ๊บ ผมกระโดดลงน้ำกลางเนินทราย รีบตีฟินเข้าไปหากลุ่มครีบใหญ่ๆนั่นทันที หัวใจเต้นแรง เพราะความรู้สึกเหมือนกำลังว่ายเดี่ยวไปกลางเวิ้งทะเลลึก เข้าไปกลางฝูงของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ไม่รู้จะต้อนรับขับสู้เราดีขนาดไหน ที่น่ากลัวคือ กระแสน้ำหล่ะแรงแค่ไหน จะพัดเราหลุดจากฝูงไปหรือไม่?
ผมว่ายตีฟินออกไปสู่ความมืดลิบๆ กะเอาว่าตีไปเป็นเส้นตรง ไปชนเข้ากลางฝูงนั่นหล่ะ ยิ่งตียิ่งมืดยิ่งน่าหวาดเสียว และวินาทีนั้น เงารางๆของสัตว์ตัวใหญ่ทะมึนบางชนิดก็เริ่มปรากฎให้เห็น ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ชัดเจน โอก็อด! มันตะทีดำ! มันใหญ่อะไรขนาดนั้น กะๆคว้างกว้างระยะประชิดก็ 4 เมตรเป็นอย่างต่ำ เคยเห็นแต่ในวิดีโอ ไม่นึกว่ามันจะมโหฬารขนาดนี้ ทั้งๆที่เรารู้ดีว่าสัตว์ชนิดนี้ไม่มีอันตรายกินแพลงค์ตอน แต่ด้วยความใหญ่ สันหลังผมกลับเย็นวาบ รู้สึกขนลุก เมื่อผมเข้าใกล้เกินไป เจ้ายักษ์ก็เบี่ยงตัวหลีก ว่ายวน และแล้วจากหนึ่ง ก็เป็นสองสามและสี่ ในน้ำขุ่นๆนั้น โผล่มาทางนู้นทีทางนี้ที บ้างก็ว่ายหายเวียน ว่ายลอดใต้ผม บางทีก็หายไปในความมืด แล้วก็โผล่มาใหม่เหมือนมีซักสิบตัว ด้วยความขุ่น และกระแสน้ำแรง บางครั้งผมก็หยุดรอ มองไปรอบๆ บางครั้งก็ว่ายกวดไล่ตามหลังเจ้ายักษ์เหล่านั้นไป สุดแล้วแต่ความสะดวก เพราะรู้ดีว่า มีเวลาไม่มากนัก และต้องเก็บภาพความทรงจำในครั้งนี้ไว้ให้ดีที่สุดในสถานการณ์อันเร่งรีบและตื้นเต้นนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ รื่นรมพร้อมๆกับเลือดสูบฉีดอะดรินาลีนหลั่งประเภทนานๆทีจะมีครั้ง ประมาณครึ่งชั่วโมงฝนเริ่มตั้งเค้า ผมต้องรีบตีฟินกลับเข้าเรือ และนี่คือภาพที่ได้











แล้วเราก็กลับมา dive กันต่อที่ Aborek jetty อีกหนึ่งใน site ที่ใครมาราจาอัมปัต จะพลาดไม่ได้ และเพราะเจ้ายักษ์มันตะมาว่ายกันบนผิวน้ำ ถังที่กะจะใช้ที่ Manta sandy เลยได้เอามาใช้ที่นี่แทน ถือว่ากำไร
ผมว่า สำหรับ Aborek jetty ไม่จำเป็นต้องพรรณนาอะไรมากมาย ให้ภาพฟ้องความงามอันจะพลาดไปเสียไม่ได้ของสถานที่แห่งนี้เลยดีกว่า















เราดำน้ำที่ Aborek เสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยเต็มที นั่งพักบน Jetty สนทนากับ Paulus อยู่พักใหญ่ คุยกันสัพเพเหระ นั่งดูนักท่องเที่ยวอินโดที่มาเที่ยวกับ speed boat ไปเรื่อย
Paulus นั่งดูดใบจาก ดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก บอกว่านักท่องเที่ยวชาวชวา(อินโดที่ไม่ใช่ปาปัว) เที่ยวดูโหวกเหวกเสียงดัง ไม่ค่อยมีวินัยในการท่องเที่ยวเท่าใดนัก ผมฟังดูก็เห็นใจในฐานะที่ Paulus เป็นคนพื้นถิ่น ก็คงต้องจำใจนั่งดูนักท่องเที่ยวหลากหลายที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง ไปจับนั่นนี่เหยียบนั่นนี่ เสี่ยงต่อทรัพยากรอันบอบบางของราจาอัมปัตอย่างยิ่ง เป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติมด้วยว่าคนปาปัวมองว่าตนเป็นชนอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ไม่ควรอยู่ภายใต้คนชวา
เมื่อเราคืนอุปกรณ์ดำน้ำคืนให้ dive center บนเกาะ Aborek เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเดินทางถึงที่หมายสุดท้ายที่ผมร้องขอ Paulus ให้พาผมไปเห็นด้วยตาตนเองให้ได้ สู่ Kobekwan homestay โฮมสเตย์โดดเดี่ยวขอบเกาะ Gam ที่มีประการังน้ำตื้นภายใต้ป่าโกงกางในน้ำใส
ประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็มาถึง Paulus ปล่อยให้ผมลงน้ำตรงป่าโกงกางทางด้านตะวันออก แล้วว่ายตามกระแสน้ำไปทางตะวันตก ทิศที่โฮมสเตย์ตั้งอยู่ ไม่ผิดหวัง! ดำน้ำตื้นที่นี่ เหมือนหลุดเข้ามาในแดนสนธยา มีทั้งความงาม มีชีวิต ลึกลับ น่ากลัว(จระเข้ ซึ่งแถบนี้คงไม่มี) ไปในเวลาเดียวกัน เป็นวิวอีกประเภทหนึ่งที่ชีวิตนี้ต้องมาเห็นซักครั้งเป็นบุญตา





















ปะการังของ Kobekwan homestay มีเอกลักษณ์ มีความหลากหลาย สวยงามมากจริงๆ ผมว่ายดูจนพอใจ แล้วจึงขึ้นมาเดินเล่นชมวิวบน Jetty ของ homestay
ลักษณะในวันนี้ ดูเหมือนที่นี้จะถูกทิ้งร้าง คงเพราะความไกลจากชุมชนอื่นๆ ทำให้กิจการ homestay นี้ไม่ค่อยคุ้มนัก ผมเดินเล่น นั่งชิวกับ Paulus ซักพัก ก็เย็นย่ำ ถึงเวลากลับซะที พร้อมความอิ่มใจกับการเก็บภารกิจครบตามที่วางแผนไว้ เป็นวันมหัศจรรย์ของชีวิต ที่ถึงอยากจะลืม ก็คงลืมไม่ลง







EP5 จบแล้ว แต่การผจญภัยในหมู่เกาะมหัศจรรย์นี้ยังไม่จบ เจอกันใหม่ใน EP6 ครับ!
ชื่อสินค้า:   Nudibranch & Walking shark homestay, Raja Ampat
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่