ความเดิมตอนที่แล้ว* วันสุดท้ายของการพักที่ Yenaduak family homestay แห่งเกาะ batanta เราเดินทางไป snorkeling ที่เกาะใกล้ๆคือ Wai และ Urun ปะการังสีพาสเทลของทั้งสองเกาะตระการตาซะจนการมา Raja Ampat ในสามวันแรกนั้นเรียกได้ว่าคุ้มค่าไปเป็นที่เรียบร้อย
อ่านฉบับเต็ม EP3 ได้ที่
http://ppantip.com/topic/34784813
หรือสามารถเข้าไปย้อนอ่าน blog การเดินทางของผมอย่างละเอียดได้ที่
https://coralust.wordpress.com
(21/12/15)
เรานัดกับ Sammy แต่เช้าสำหรับการพาเราไปส่งที่ homestay ใหม่ชื่อ Nudubranch homestay บนเกาะ Gam ทางตอนเหนือของ Raja Ampat เมื่อวานเราได้กดดัน Sammy ให้เรายืมอุปกรณ์ snorkeling ตลอดทริปหลังจากนี้ เนื่องจากลูกน้องของ Sammy ทำของเราหายไปหมด(ย้อนเรื่องราวได้ที่
http://ppantip.com/topic/34730809) และสัญญาว่าจะคืนให้โดยจะฝาก Ronce ผู้ประสานงาน homestay ในเมือง Sorong ทีแรก Sammy ก็ทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะให้ เพราะเป็นห่วงว่าจะมีอุปกรณ์ไม่พอให้กับแขกที่จะมาพักต่อไป แต่เราทั้งสองคนยืนกรานว่าต้องให้ยืมเพราะถือเป็นความผิดของทาง homestay ครึ่งหนึ่งที่ของเราหาย ที่สำคัญเราขอยืมแค่อุปกรณ์ชุดเดียวเท่านั้น ตอนนั้นภรรยาผมน่ากลัวในการกดดันมากเลยที่เดียว(แต่ก็แอบเชียร์นะ ภรรยาดุเป็นบุญของสามี) ไม่อยากจะคิดว่าถ้า Sammy ไม่ให้ โลกคงจะแตกอีกรอบแน่ๆ Sammy เองก็คงทนรับรังสีจู่โจมของเราไม่ไหว เลยตกลงให้ยืมเมื่อเราสัญญาว่าจะคืนให้แน่นอน
เราร่ำลา Yenaduak homestay ที่เวลาประมาณสิบโมงเช้า นั่งเรือยาวข้าม Dampier strait กลับขึ้นเหนือกันเป็นชั่วโมงอีกรอบ ก่อนออกจากอาณาเขตของเกาะ Sammy ฝากขอช่วยผมให้ประชาสัมพันธ์ homestay ของเขาให้เพื่อนๆผมด้วย ผมบอกไปว่า ให้ช่วยจัดการเรื่องยุงด้วย แล้วจะแนะนำให้เพื่อนๆมากัน นั่นคือเทวดาด้านความดีบอกให้พูด แต่สมองฟากมารก็คิดในใจ “กุไม่คิดรีวิวบนเวปแบบเลวๆให้
ก็บุญโขแล้ว ทำของกุหาย บังกะโลทั้งมืดทั้งทึบทั้งร้อน ยุงก็โคตรโหด อาหารก็ไม่อร่อย”
แต่เอาจริงๆนะ เวลามาย้อนคิด ความทุกข์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับการมาพักที่ Yenaduak family homestay แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของ Sammy ซะทีเดียวหรอก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่เราเองก็สามารถเตรียมตัวมาให้ดีได้ เช่นเรื่องของหาย ถ้าเราไม่ประมาท ไว้ใจสถานการณ์ เช็คของทุกครั้งมันก็คงไม่หาย เรื่องอาหาร เราก็ควรซื้อของมาตุนไว้เองเยอะๆก่อนลงเกาะ ไม่ควรมาหวังกินดีจาก homestay เรื่องยุง ถ้าเปลี่ยนห้องนอนที่มีมุ้งดีๆตั้งแต่วันแรกก็คงไม่ต้องตัวลายกันขนาดนี้ แม้ Yenaduak จะตั้งอยู่ในที่ห่างไกล ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ แต่ความไกลนี้เองที่ทำให้ที่นี่มีปะการังน้ำตื้นที่แทบจะเรียกได้ว่าสวยที่สุดในโลก มันคุ้มสุดๆ และน้อยคนนักที่จะได้มาเห็น แม้แต่คนที่มาเที่ยว Raja Ampat ก็ตาม ผมคิดว่า ใครจะมาตามรอย ก็แนะนำให้มาเลย แค่เตรียมทุกอย่างมาให้ดีกว่าผม หาเวลา shopping ของกินของใช้ก่อนมา อย่าทำ passport หายเหมือนผม ทริปของคุณก็จะ perfect
เรานั่งเรือข้ามฟากสู่เกาะ Gam ระหว่างทางเราต้องผ่านช่องแคบระหว่างเกาะ Kri กับเกาพ Mansuar ซึ่งเป็นเกาะที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ Raja Ampat ถ้าเทียบกับของไทย มีหมู่เกาะตะรุเตา ก็มีเกาะลิเป๊ะเป็นศูนย์กลางอย่างนั้น แค่ Raja ampat ยังเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่าหลายเท่า มาถึงช่องแคบระหว่างสองเกาะนี้ ทำให้ผมตระหนักได้ว่า Batanta ที่ผมไปมายังไม่พีค ทางตอนบนถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมคนถึงต้องมากองกันแถบนี้ ความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลระหว่างสองเกาะนี้งดงามซะจนผมอดใจไม่ไหวที่จะกระโดดลงไปแล้วเก็บภาพมาฝากกัน ว่าแล้วก็ไปดูวิวกันเลยดีกว่า
หลังจากแวะถ่ายภาพที่เกาะ Kri เราก็เดินทางต่อสู่ Nudibranch ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านชื่อ Sawinggrai บนเกาะ Gam เราพบว่าระหว่างทาง Sammy ลืมตำแหน่งของหมู่บ้านนี้และนำเราไปผิด จนเราต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่เหมือนในภาพที่เราเช็คบนเนตก่อนมา โชคดีที่แถวๆนั้นมีคุณตาชาวประมงปาปัวแท้กำลังหาปลาอยู่บนเรือแบบปาปัวแท้ๆเช่นกัน ท่านช่วยบอกทางไปหมู่บ้าน Sawinggrai และด้วยความที่ท่านดูเป็นคนปาปัวแบบโคตรๆ เราจึงเก็บภาพท่านมาด้วยให้ดูว่าชาติพันธุ์ปาปัวแบบที่ในสารคดีชอบถ่ายให้เราดูกันตัวจริงเป็นอย่างไร
หลังจากได้รับการนำทางจากกูรูปาปัว เราก็มาถึง Nudibranch เดิมเราทราบว่าเจ้าของชื่อ Paulus เป็นชาวปาปัวแท้หนึ่งในผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวของ Raja ampat แต่คนที่มาต้อนรับเรานั้นเป็นอีกคนชื่อ Christian ก็ได้ความว่า Nudibranch homestay เต็ม(อ้าว!?) แต่เมื่อคุยๆไปก็เข้าใจ เนื่องจากแต่เดิม Nudubranch homestay ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสถานีวิจัยของศาสตราจารย์ทางทะเลท่านหนึ่งจากเยอรมัน และช่วงนี้เขากับลูกศิษย์ดันมาพอดีทำให้เต็ม แต่จริงๆแล้ว Nudibranch homestay บริหารโดยสามพี่น้องคือ Paulus, Christian และ Nicolas ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ทั้งสามได้แยกกันทำ homstay คนละอัน แต่อยู่ติดกันหมด ผมก็ได้มาพักที่ Walking shark homestay ที่ดูแลโดย Nicolas ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าพี่ชายทั้งสอง สาเหตุที่ homestay แถบนี้ชื่อ Nudibranch บ้างหล่ะ Walking shark บ้างหล่ะ เพราะที่ตั้งของ homestay อยู่ในป่าโกงกางที่เต็มไปด้วยนูดี้(ทากเปลือยสีสวยๆ) และ walking shark ฉลามพันธุ์หนึ่งที่เป็น hightlight ของราจาอัมปัต แต่มีอีกเหตุผลนึงที่ผมเลือกมาพักที่นี่ เป็นอาวุธลับที่จะเผยในตอนถัดไป
ที่นี่ให้ความรู้สึกต่างกับที่พักก่อนหน้านี้มาก ไม่มียุง โปร่ง เย็นสบาย และมีผู้คนรายล้อม ดูแล้วอบอุ่นน่าพักเป็นที่สุด เราก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจท่าเรือของ Sawinggrai อันโด่งดัง เป็นท่าเรือที่มีปะการังและปลาหลากสีเช่นปลานกแก้วเต็มไปหมด ไม่ว่าทัวร์ไหนมา Raja ampat ก็ต้องมาแวะ ไม่ใช่แค่มาดูวิว แต่มาเล่นกับเด็กๆในหมู่บ้านด้วย เป็นหมู่บ้านสวรรค์ของ Raja ampat อย่างแท้จริง
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายโมง ด้วยความร้อนของแดด ผมกับภรรยาจึงกลับที่พักไปทานข้าว ซึ่งทาง homestay จัดเมนูพื้นฐานอย่างเมนูไข่ให้ แต่รู้สึกว่ามันอร่อยดีนะ หลังผ่านวิบากกรรมที่ Batanta มา
ช่วงบ่ายภรรยาผมพักผ่อน ผมนัดกับ Nicolas ให้ไปนำผม snorkeling ดูของดีรอบๆ homestay ซึ่งมีทั้งทากเปลือย โกงกางและปะการัง นอกจากนั้นผมยังนัด Paulus ในช่วงเย็นให้พาไปดูของดีใน Gam bay
Paulus บอกว่าจะพาไปดู Mandarinfish ซึ่งเป็นปลาสวยงามขนาดเล็กหายากมากๆ มีแค่ในแถบอินโดนี่แหละ ก่อนตกเย็นตามที่สัญญากันไว้ ผมเลยออกไปสำรวจปะการังแถว homestay ซะก่อน
เจอหลายอย่างทีเดียวครับ ทั้ง nudibrach ทั้งงูทะเล ทั้ง walking shark รวมถึงฝูงปลากระมงขนาดใหญ่ ผมพบว่า แถบนี้ถ้าพูดเรื่องสัตว์น้ำ มีอะไรให้ดูเยอะกว่า Batanta มาก แต่ช่วงบ่ายวันนี้ คลื่นลมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมคิดว่าจะสำรวจซ้ำอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า
ตกเย็นเราก็ออกไปเที่ยว Gam bay กันตามที่นัดหมายไว้กับ Paulus ลูกพี่ใหญ่ของหมู่บ้าน ผมต้องการให้ Paulus พาไปดูปะการังในป่าชายเลน และของเด็ดๆเท่าที่เวลาอำนวย เสียดายที่กล้องของผมดันมีปัญหาใต้น้ำ เลยไม่ค่อยได้ภาพสวยๆ แต่ก็มีภาพปลา Mandarin มาฝากกันนะ
สำหรับตอนนี้ผมคงต้องลาไปก่อน ตอนต่อไปจะเป็นหนึ่งในตอนที่เป็น climax ของทริปนี้เลยที่เดียว เพราะจะเป็นวันที่ผมได้เห็นเกือบทุกสิ่งที่คนมา Raja Ampat ควรจะได้เห็น แล้วเจอกันครับ!
<<<EP4 จบแล้ว! เจอกันใหม่ใน EP5 ครับ!>>>
[CR] ราจาอัมปัต… ที่สุดในโลก EP4: “พักยก พักอก พักกาย พักใจ ที่ Sawinggrai หมู่บ้านสวรรค์”
อ่านฉบับเต็ม EP3 ได้ที่ http://ppantip.com/topic/34784813
หรือสามารถเข้าไปย้อนอ่าน blog การเดินทางของผมอย่างละเอียดได้ที่ https://coralust.wordpress.com
(21/12/15)
เรานัดกับ Sammy แต่เช้าสำหรับการพาเราไปส่งที่ homestay ใหม่ชื่อ Nudubranch homestay บนเกาะ Gam ทางตอนเหนือของ Raja Ampat เมื่อวานเราได้กดดัน Sammy ให้เรายืมอุปกรณ์ snorkeling ตลอดทริปหลังจากนี้ เนื่องจากลูกน้องของ Sammy ทำของเราหายไปหมด(ย้อนเรื่องราวได้ที่ http://ppantip.com/topic/34730809) และสัญญาว่าจะคืนให้โดยจะฝาก Ronce ผู้ประสานงาน homestay ในเมือง Sorong ทีแรก Sammy ก็ทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะให้ เพราะเป็นห่วงว่าจะมีอุปกรณ์ไม่พอให้กับแขกที่จะมาพักต่อไป แต่เราทั้งสองคนยืนกรานว่าต้องให้ยืมเพราะถือเป็นความผิดของทาง homestay ครึ่งหนึ่งที่ของเราหาย ที่สำคัญเราขอยืมแค่อุปกรณ์ชุดเดียวเท่านั้น ตอนนั้นภรรยาผมน่ากลัวในการกดดันมากเลยที่เดียว(แต่ก็แอบเชียร์นะ ภรรยาดุเป็นบุญของสามี) ไม่อยากจะคิดว่าถ้า Sammy ไม่ให้ โลกคงจะแตกอีกรอบแน่ๆ Sammy เองก็คงทนรับรังสีจู่โจมของเราไม่ไหว เลยตกลงให้ยืมเมื่อเราสัญญาว่าจะคืนให้แน่นอน
เราร่ำลา Yenaduak homestay ที่เวลาประมาณสิบโมงเช้า นั่งเรือยาวข้าม Dampier strait กลับขึ้นเหนือกันเป็นชั่วโมงอีกรอบ ก่อนออกจากอาณาเขตของเกาะ Sammy ฝากขอช่วยผมให้ประชาสัมพันธ์ homestay ของเขาให้เพื่อนๆผมด้วย ผมบอกไปว่า ให้ช่วยจัดการเรื่องยุงด้วย แล้วจะแนะนำให้เพื่อนๆมากัน นั่นคือเทวดาด้านความดีบอกให้พูด แต่สมองฟากมารก็คิดในใจ “กุไม่คิดรีวิวบนเวปแบบเลวๆให้ก็บุญโขแล้ว ทำของกุหาย บังกะโลทั้งมืดทั้งทึบทั้งร้อน ยุงก็โคตรโหด อาหารก็ไม่อร่อย”
แต่เอาจริงๆนะ เวลามาย้อนคิด ความทุกข์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับการมาพักที่ Yenaduak family homestay แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของ Sammy ซะทีเดียวหรอก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่เราเองก็สามารถเตรียมตัวมาให้ดีได้ เช่นเรื่องของหาย ถ้าเราไม่ประมาท ไว้ใจสถานการณ์ เช็คของทุกครั้งมันก็คงไม่หาย เรื่องอาหาร เราก็ควรซื้อของมาตุนไว้เองเยอะๆก่อนลงเกาะ ไม่ควรมาหวังกินดีจาก homestay เรื่องยุง ถ้าเปลี่ยนห้องนอนที่มีมุ้งดีๆตั้งแต่วันแรกก็คงไม่ต้องตัวลายกันขนาดนี้ แม้ Yenaduak จะตั้งอยู่ในที่ห่างไกล ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ แต่ความไกลนี้เองที่ทำให้ที่นี่มีปะการังน้ำตื้นที่แทบจะเรียกได้ว่าสวยที่สุดในโลก มันคุ้มสุดๆ และน้อยคนนักที่จะได้มาเห็น แม้แต่คนที่มาเที่ยว Raja Ampat ก็ตาม ผมคิดว่า ใครจะมาตามรอย ก็แนะนำให้มาเลย แค่เตรียมทุกอย่างมาให้ดีกว่าผม หาเวลา shopping ของกินของใช้ก่อนมา อย่าทำ passport หายเหมือนผม ทริปของคุณก็จะ perfect
เรานั่งเรือข้ามฟากสู่เกาะ Gam ระหว่างทางเราต้องผ่านช่องแคบระหว่างเกาะ Kri กับเกาพ Mansuar ซึ่งเป็นเกาะที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของ Raja Ampat ถ้าเทียบกับของไทย มีหมู่เกาะตะรุเตา ก็มีเกาะลิเป๊ะเป็นศูนย์กลางอย่างนั้น แค่ Raja ampat ยังเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่าหลายเท่า มาถึงช่องแคบระหว่างสองเกาะนี้ ทำให้ผมตระหนักได้ว่า Batanta ที่ผมไปมายังไม่พีค ทางตอนบนถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมคนถึงต้องมากองกันแถบนี้ ความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลระหว่างสองเกาะนี้งดงามซะจนผมอดใจไม่ไหวที่จะกระโดดลงไปแล้วเก็บภาพมาฝากกัน ว่าแล้วก็ไปดูวิวกันเลยดีกว่า
หลังจากแวะถ่ายภาพที่เกาะ Kri เราก็เดินทางต่อสู่ Nudibranch ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านชื่อ Sawinggrai บนเกาะ Gam เราพบว่าระหว่างทาง Sammy ลืมตำแหน่งของหมู่บ้านนี้และนำเราไปผิด จนเราต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่เหมือนในภาพที่เราเช็คบนเนตก่อนมา โชคดีที่แถวๆนั้นมีคุณตาชาวประมงปาปัวแท้กำลังหาปลาอยู่บนเรือแบบปาปัวแท้ๆเช่นกัน ท่านช่วยบอกทางไปหมู่บ้าน Sawinggrai และด้วยความที่ท่านดูเป็นคนปาปัวแบบโคตรๆ เราจึงเก็บภาพท่านมาด้วยให้ดูว่าชาติพันธุ์ปาปัวแบบที่ในสารคดีชอบถ่ายให้เราดูกันตัวจริงเป็นอย่างไร
หลังจากได้รับการนำทางจากกูรูปาปัว เราก็มาถึง Nudibranch เดิมเราทราบว่าเจ้าของชื่อ Paulus เป็นชาวปาปัวแท้หนึ่งในผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวของ Raja ampat แต่คนที่มาต้อนรับเรานั้นเป็นอีกคนชื่อ Christian ก็ได้ความว่า Nudibranch homestay เต็ม(อ้าว!?) แต่เมื่อคุยๆไปก็เข้าใจ เนื่องจากแต่เดิม Nudubranch homestay ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสถานีวิจัยของศาสตราจารย์ทางทะเลท่านหนึ่งจากเยอรมัน และช่วงนี้เขากับลูกศิษย์ดันมาพอดีทำให้เต็ม แต่จริงๆแล้ว Nudibranch homestay บริหารโดยสามพี่น้องคือ Paulus, Christian และ Nicolas ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ทั้งสามได้แยกกันทำ homstay คนละอัน แต่อยู่ติดกันหมด ผมก็ได้มาพักที่ Walking shark homestay ที่ดูแลโดย Nicolas ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าพี่ชายทั้งสอง สาเหตุที่ homestay แถบนี้ชื่อ Nudibranch บ้างหล่ะ Walking shark บ้างหล่ะ เพราะที่ตั้งของ homestay อยู่ในป่าโกงกางที่เต็มไปด้วยนูดี้(ทากเปลือยสีสวยๆ) และ walking shark ฉลามพันธุ์หนึ่งที่เป็น hightlight ของราจาอัมปัต แต่มีอีกเหตุผลนึงที่ผมเลือกมาพักที่นี่ เป็นอาวุธลับที่จะเผยในตอนถัดไป
ที่นี่ให้ความรู้สึกต่างกับที่พักก่อนหน้านี้มาก ไม่มียุง โปร่ง เย็นสบาย และมีผู้คนรายล้อม ดูแล้วอบอุ่นน่าพักเป็นที่สุด เราก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจท่าเรือของ Sawinggrai อันโด่งดัง เป็นท่าเรือที่มีปะการังและปลาหลากสีเช่นปลานกแก้วเต็มไปหมด ไม่ว่าทัวร์ไหนมา Raja ampat ก็ต้องมาแวะ ไม่ใช่แค่มาดูวิว แต่มาเล่นกับเด็กๆในหมู่บ้านด้วย เป็นหมู่บ้านสวรรค์ของ Raja ampat อย่างแท้จริง
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายโมง ด้วยความร้อนของแดด ผมกับภรรยาจึงกลับที่พักไปทานข้าว ซึ่งทาง homestay จัดเมนูพื้นฐานอย่างเมนูไข่ให้ แต่รู้สึกว่ามันอร่อยดีนะ หลังผ่านวิบากกรรมที่ Batanta มา
ช่วงบ่ายภรรยาผมพักผ่อน ผมนัดกับ Nicolas ให้ไปนำผม snorkeling ดูของดีรอบๆ homestay ซึ่งมีทั้งทากเปลือย โกงกางและปะการัง นอกจากนั้นผมยังนัด Paulus ในช่วงเย็นให้พาไปดูของดีใน Gam bay
Paulus บอกว่าจะพาไปดู Mandarinfish ซึ่งเป็นปลาสวยงามขนาดเล็กหายากมากๆ มีแค่ในแถบอินโดนี่แหละ ก่อนตกเย็นตามที่สัญญากันไว้ ผมเลยออกไปสำรวจปะการังแถว homestay ซะก่อน
เจอหลายอย่างทีเดียวครับ ทั้ง nudibrach ทั้งงูทะเล ทั้ง walking shark รวมถึงฝูงปลากระมงขนาดใหญ่ ผมพบว่า แถบนี้ถ้าพูดเรื่องสัตว์น้ำ มีอะไรให้ดูเยอะกว่า Batanta มาก แต่ช่วงบ่ายวันนี้ คลื่นลมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมคิดว่าจะสำรวจซ้ำอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า
ตกเย็นเราก็ออกไปเที่ยว Gam bay กันตามที่นัดหมายไว้กับ Paulus ลูกพี่ใหญ่ของหมู่บ้าน ผมต้องการให้ Paulus พาไปดูปะการังในป่าชายเลน และของเด็ดๆเท่าที่เวลาอำนวย เสียดายที่กล้องของผมดันมีปัญหาใต้น้ำ เลยไม่ค่อยได้ภาพสวยๆ แต่ก็มีภาพปลา Mandarin มาฝากกันนะ
สำหรับตอนนี้ผมคงต้องลาไปก่อน ตอนต่อไปจะเป็นหนึ่งในตอนที่เป็น climax ของทริปนี้เลยที่เดียว เพราะจะเป็นวันที่ผมได้เห็นเกือบทุกสิ่งที่คนมา Raja Ampat ควรจะได้เห็น แล้วเจอกันครับ!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น