おはようございます!
เที่ยว6วัน5คืน ใช้งบประมาณ30,000(รวมตั๋ว)
ขออนุญาติแนะนำตัวคร่าวๆเน้อ ^_^ >>>> เราชื่อตุลย์ ตอนนี้เรียนอยู่ปีสาม ธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมซัมเมอร์งับ><
เพิ่งเคยเขียนรีวิวในพันทิปเป็นครั้งแรก เพราะเห็นว่ามีเพื่อนๆน้องๆถามรายละเอียดกันมาเยอะอยู่ เลยคิดว่ากระทู้นี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆวัยเรียนและผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวแบบbackpackที่ญี่ปุ่นกันครั้งแรกนะคะ ทริปเราไปโตเกียวอย่างเดียว 6วัน5คืน
ถ้าการอธิบายดูมึนๆก่งก๊งยังไงก็ขอโทษด้วยน้าาา มือใหม่จริมๆ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่กำลังเก็บตังค์ไปbackpackครั้งแรกกันเนอะ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะก้ะะ >///<
.
.
.
ไม่ลำไยล้ะ เริ่มเลยเนอะะ!!!
ต้นเหตุของทริปนี้ก็มาจากการที่ตุลย์กับพี่สาว ตกลงวางแผนกันว่าอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคน เพราะเป็นประเทศในฝันที่อยากไปมาตั้งแต่เด็กๆ
แต่อยากไปแบบใช้ตังค์ตัวเอง ไม่อยากขอเงินพ่อแม่เที่ยว อีกทั้งอยากวางแผนเที่ยวกันเอง เพราะไม่ชอบสไตล์การเที่ยวแบบทัวร์ด้วย
บวกกับตุลย์กับพี่สาวมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษกันพอสมควร(เพราะมธ คณะบันชีบังคับเรียนภาษาที่สาม) แล้วก็คิดว่าตอนนี้เรายังเป็นนักศึกษา ยังอยู่ในวัยที่มีเรี่ยวมีแรง มีเวลา ไม่ต้องทำงานทุกวัน ก็เลยอยากไปหาประสบการณ์ตั้งแต่ตอนยังมีเวลาละกันเนอะ
>>>>ดังนั้นจึงถือโอกาสเริ่มวางแผนทางการเงินของตัวเอง ด้วยการตั้งใจเก็บเงินจากรายได้ในการสอนพิเศษsmart-1 (แรกๆก็ได้ชมละ200-300 พอหลังๆเริ่มรู้ทางก็ชมละ 500-600) นอกจากนั้นก็ปันจากเงินเดือนที่แม่ให้สัก500-1,000 (จากเงินเดือนๆละ 4,000บาท) ตั้งใจเก็บแปบๆก็สามหมื่นกว่าแย้ววว>{}<
ก็ บวกกับพี่สาวไปเห็นโปรโมชั่นBig sale AirasiaXด้วย
ก็เลยรีบจอง เพราะราคามันถูกมากกกกก ถูกเกินบรรยายยยยย(ขาไป 3,xxx ขากลับ4,xxx ไม่รวมค่าอาหารและน้ำหนักกระเป๋านะ) submitแล้วก็ตกคนละประมาณ 8,000กว่าๆ **จองข้ามปีนะจ้ะบอกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ควรจะเช็ควันให้แน่ใจก่อนจะจองนะ อย่าเพิ่งรีบเกิน เพราะถ้ามีเหตุต้องเลื่อนวัน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและส่วนต่างแพงมหาศาลลลล คือโดนมาแล้วกะตัว เพราะปฎิทินสอบไฟนอลมธ ออกหลังจากจองไปได้สามวัน แล้วดันเผือกไปตรงกะวันสอบพอดี ปวดร้าวจิตใจมาก
ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก กับAir asiaXครัชชช
สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ 1.passport 2.ข้อมูลflight,booking no. ....แค่นี้นะ
เครื่องออกตอน 10.15(สาย) แต่ควรไปถึงก่อนสักสองชม.จะดี เพราะต้องไปเช็คอินและโหลดกระเป๋า
เราไปขึ้นที่ดอนเมือง ไปถึงประมาน8โมงกว่าๆ
*
เช็คอินง่ายมากกก เพราะแอร์เอเชียร์X มีตู้ให้เช็คอินได้อัตโนมัติจากด้านนอก ไม่ต้องไปต่อคิวรอด้านในเพื่อรับboarding pass
น้ำหนักขาไปซื้อไว้คนละ 23 กิโล ของตุลย์ขาไปกระเป๋าแค่10โลเอ้งงง ชิวๆ~
นั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ ภาพตรงหน้า มันละสายตาไม่ได้เลยยยยย มองเห็นบ้านเรือน ถนน รถ เหมือนเมืองของเล่นเลย
ไปถึงที่นาริตะแบบตรงเวลาเป้ะๆมาก 19.15น อากาศกำลังเย็นๆ 20 องศา
ไปถึงก็ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน ตำรวจญี่ปุ่นที่ตรวจ หน้าตาหล่อมากกก ดุด้วยจ้าาา
นางจะถามว่า มากับใคร มาทำไร มากี่วัน พักที่ไหน บลาๆ(สำเนียงอังกฤษแบบเจแปนนีส น่ารักมุ้งมิ้ง) ถ้าเราพูดอังกิดได้ ตอบคำถามถูก บุคลิกเหมือนคนปกติ แค่นี้ก็ผ่านฉลุยแล้วจ้าา ไม่น่ากลัวเลย*-*
>>>ความประทับใจแรกพบ :ตอนที่ไปรับกระเป๋าสัมภาระคืน สายรัดกระเป๋าของเราดันหายไป
ซึ่งมันหายไปได้ยังไงไม่มีใครรู้ เราเลยไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่นาริตะว่าสายรัดสีเหลืองของเราหาย เขาก็บอกกับเราว่าขอเวลา5นาที แล้วก็วิ่งหายไป สักพักนางก็วิ่งกลับมาแล้วบอกว่า
"ผมหาสายรัดของคุณไม่เจอ แต่ผมมีสายรัดอันใหม่อันนี้เป็นของขวัญให้คุณแทน คุณจะรับมั้ยครับ" พร้อมกับยื่นสายรัดสีแดงอันใหม่ให้
เราก็รับมาแล้วขอบคุณ
มันเป็นความประทับใจที่เราได้รับจากความเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ จากสนามบินนาริตะ
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ให้ต่อรถไปลงที่ terminal2 โดยนั่งรถบัสสาย8(ฟรี) แล้วไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองของ
Keisei Skyliner
โดยจะมีหลายราคาของเรานั่งแบบAccess (ไม่ล็อค seat) ราคาจะถูกกว่า แต่จะใช้เวลานานกว่า
ราคาอยู่ที่คนละ 1,2xxเยน ใช้เวลาประมานชั่วโมงนิดๆ ปล.ถ้าใครสัมภาระเยอะๆ ก็ค่อนข้างทุลักทุเลหน่อยเน่อ
หมายเหตุ : เราพักที่พักที่ Asakusa ใกล้สถานี AsakusaและTawaramachi
นั่งkeisei มาลงที่สถานี Ueno-keisei >>จากนั้น เดินไปสถานี Ueno (5 นาที) เพื่อไปTransferเป็นรถไฟสาย Tokyo Metro>>นั่งสายGinza
(สีเหลือง) ไปลงสถานี Tawaramachi/Asakusa ก็ได้
::
เมื่อเดินทางถึงที่พัก::
เราทำการจองที่พักล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จองที่ไทยล่วงหน้าประมาณเดือนนึง
โดยจองผ่าน
Booking.com** คือมันดีงามมากกกก จองสะดวกมาก
ไปจ่ายเงินที่ญี่ปุ่นตอนเช็คอินได้เลย ปริ้นไปแค่หลักฐานการจอง(ทางที่พักจะส่งเมลมาให้)
ปล.ใครที่ไปถึงดึกดืน กลัวเช็คอินไม่ทัน สามารถส่งเมลไปแจ้งมางที่พักก่อนได้
เราพักHostel ที่
Khaosan Laboratory** คืนละ900กว่าบาท(ยิ่งจองเร็ว ยิ่งถูกกว่านี้)
เป็นโฮสเทล นอนรวมห้องละ4คน(แยกหญิงชายนะ) บริการดีมาก พนงน่ารักทุกคนเลย **เรามาถึงที่พักประมาน4ทุ่ม พนงมารอเปิดประตูให้ด้วย น่ารักจริงๆ
อาหารมื้อแรกหลังจากมาถึง แน่นอน...family mart สิครัชรอไร > ข้าวปั้น โยเกิร์ตพร้อมดื่ม เหล้าสาลี่ พุดดิ้ง อร่อยโฮกกกก
แต่ห้องแอบคับแคบไปนิดนึงนะ เราคิดว่าการนอนโฮสเทลก็อึดอัดใจนิดนึงแหละ
ตรงที่ไม่ส่วนตัวเลยยยย ทำไรก็จะต้องนึกถึงเพื่อนร่วมห้อง บางที่เพื่อนร่วมห้องก็ทำไรที่งี่เง่านะ5555
เราได้เมทเป็น
คนเกาหลี (นางค่อนข้างซกมกนะ แบบคิดจะเหวี่ยงไรก็เหวี่ยงอ่ะ ปากเหม็นมากด้วย กลิ่นเหมือนส้วมเลยง่ะ
แถมไม่มีมารยาท ตอนตี3 นางปลุกพี่สาวเรา เพราะจะขอยืมหูฟังเพราะนางนอนไม่หลับ นางไม่กล้าปลุกเราเพราะเราดุ5555
เป็นเราจะด่าให้)
อีกคนเป็น
คนอเมริกา(คนนี้นิสัยน่ารักมาก นางเป็นครูสอนภาษาอังกิดให้คนญี่ปุ่น ใจดีโฮกกก)
:::
Backpack : Day 1 >>>
Sensoji temple- Nagamise str.- Red bridge- Tokyo skytree- Ueno park- Ameyoko str.-
ตื่นนอนตั้งแต่6โมงเช้า พบว่า...คนญี่ปุ่นตื่นสายมากกก 7-8โมงนี่ยังไม่ตื่นกัน(ยกเว้นนักเรียนกับคนทำงาน)
ไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารเกือบทุกร้าน เปิด11.00นู่น มื้อเช้าของเรา จึงลงเอยที่ Yoshinoya จ้าาาา เหอๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โยชิโนยะ : อร่อยกว่าที่ไทยมากกก เนื้อนี้หั่นหนาเชียว
แต่ไม่รู้ทำไมในร้านมีแต่ผู้ชายกับคนแก่เข้ามากิน ใครรู้บอกข้าพเจ้าที
เดินไปวัดเซนโซจิ(ไม่ไกลจากที่พัก)ประมาณ 15 นาทีถึง
ระหว่างทาง เห็นเด็กน้อยเดินไปโรงเรียนกันเอง น่ารักเชียว เหมือนเขาสอนให้เด็กรู้จักการช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยการเดินไปโรงเรียนเองกับเพื่อนๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป้ายสีเหลืองๆที่ห้อย คือPersonal safety alarm เจ้าาา
ง่อวววว นี่คือเกมจับผิดภาพ มีความกลมกลืนสูง555(หลบทรีนแพรบบบ)
ก่อนทางเข้าวัดเซนโซจิ มีขนมขายมากมาย เราขอสะเดิ๊ฟ solf cream ชาเขียวละกัน หุหุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โคนละ300เยน แพงซ้าดดด แต่อร่อยย
วัดเซนโซจิใหญ่และสวยงามมากกก แต่ในวันหยุดเตรียมรับมือกับคลื่นฝูงชนจากนานาประเทศ55555 ถ่ายรูปนี่ติดแต่หัวมนุษย์ มีความแอบสแตรค555
เดินออกจากวัด ก็จะเจอกับ
ถนนนากามิเสะ ซึ่งจะขายพวกของที่ระลึก ของฝากจากวัดเซนโซจิ คลื่นฝูงชนเดินกันแน่นมากกกก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวเราคิดว่า ของที่นี่แพง ไม่ค่อยสวย และไม่ค่อยหลากหลายด้วย เก็บตังไปช้อปที่อื่นดีฝ่าาา
ระหว่างทางเดินจากถนนนากามิเสะ ไป
สะพานแดง(Red bridge) ก็จะมี
รถลากโบราณของโตเกียว
ซึ่งจุดขายของมันคือ....คนลากหล่อระดับเทพพพพพ(เน้นว่าทุกคนค่ะคุณ) เหยื่อการตลาดมักจะเป็นผู้หญิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ไม่ใช่ตรูเฟ้ยย แค่แอ้บไปถามทางแล้วขอถ่ายรูปฟรีต่างหาก วะฮะฮ่าาา
ก่อนข้ามสะพานแดง ขอแวะเติมพลัง ที่ร้าน
Sansada ก่อนนะครัช
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านอยู่ริมถนน ใกล้สะพานแดง จานในรูปราคาแพงหูฉี่ 1240เยน แต่คุณภาพคับถ้วยนะเออออ ผมยอมมมม
ฮูเร่!! มาถึงสะพานแดงล้าววว
สะพานแดง(Red bridge) เป็นสะพานที่ใช้ข้าม
แม่น้ำซุมิดะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของโตเกียว
อีกฟากของสะพาน เป็น
Asahi building [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาคารทำเป็นรูปฟองเบียร์ที่ชี้ขึ้นฟ้า(หลายคนคิดว่าขี้ -..-) หมายถึง เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งนั่นเองงง
หลังจากข้ามสะพานแดง ก็ตัดสินใจเดินๆๆๆซอกแซกไปเรื่อยยย เพราะเห็น
Tokyo skytreeอยู่ลิบๆ จึงไม่อยากอะไรในการจับทิศเพื่อไปให้ถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระหว่างทางเดิน เป็นไรที่สนุกนะ ได้เห็นรายละเอียดต่างๆมากกว่าการนั่งรถ ต้องเดินนะๆๆ 30นาทีเอ้งงง
เดินไปด้วย กินเมล่อนปังไปด้วยสิเออออ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กรอบนอก หอมใน 200เยน
ฝาท่อระบายน้ำสวยจนต้องถ่ายอ่ะคิดดู -..-
แง้ววววววว ถึงแย้วววว
Tokyo Skytree!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วันหยุดต่อคิวยาวมากกก ค่าเข้าคนละ1,xxx เยนมั้ง
ข้างล่างโตเกียวสกายทรี จะเป็นห้างให้ช้อป มีของกินของฝากน่าซื้อเยอะแยะเลยยยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีพวงกุญแจคิตตี้ อันละ100เยน ด้วยยย
หลังจากนั้น นั่งรถไฟไปลงที่
สถานี Ueno [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้240เยน เองมั้ง
ออกจากสถานีปุ้บบบ ก็จะเจอ...
๊สวนอุเอโนะ!!!
เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามและใหญ่มาก อากาศนี้แบบหื้มมมมมม ฟินนนน
ใครมาโตเกียวแต่ไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดนะบอกเลยยยย
ข้างในมี Art museum ชอบมีการแสดงสดต่างๆ พวกดนตรี มายากล ดูแล้วเพลินดีนะ
ที่ไม่พอแย้วววว เดี๋ยวมาต่อน้าาาาา ตอนนี้ง่
[CR] ฺBackpack in Japan ครั้งแรก!!! ฉบับวัยเรียน เก็บตังค์เที่ยว [ละเอียดยิบ รูปเยอะจุใจ]
เที่ยว6วัน5คืน ใช้งบประมาณ30,000(รวมตั๋ว)
ขออนุญาติแนะนำตัวคร่าวๆเน้อ ^_^ >>>> เราชื่อตุลย์ ตอนนี้เรียนอยู่ปีสาม ธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมซัมเมอร์งับ><
เพิ่งเคยเขียนรีวิวในพันทิปเป็นครั้งแรก เพราะเห็นว่ามีเพื่อนๆน้องๆถามรายละเอียดกันมาเยอะอยู่ เลยคิดว่ากระทู้นี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆวัยเรียนและผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวแบบbackpackที่ญี่ปุ่นกันครั้งแรกนะคะ ทริปเราไปโตเกียวอย่างเดียว 6วัน5คืน
ถ้าการอธิบายดูมึนๆก่งก๊งยังไงก็ขอโทษด้วยน้าาา มือใหม่จริมๆ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่กำลังเก็บตังค์ไปbackpackครั้งแรกกันเนอะ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะก้ะะ >///<
.
.
.
ไม่ลำไยล้ะ เริ่มเลยเนอะะ!!!
ต้นเหตุของทริปนี้ก็มาจากการที่ตุลย์กับพี่สาว ตกลงวางแผนกันว่าอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคน เพราะเป็นประเทศในฝันที่อยากไปมาตั้งแต่เด็กๆ
แต่อยากไปแบบใช้ตังค์ตัวเอง ไม่อยากขอเงินพ่อแม่เที่ยว อีกทั้งอยากวางแผนเที่ยวกันเอง เพราะไม่ชอบสไตล์การเที่ยวแบบทัวร์ด้วย
บวกกับตุลย์กับพี่สาวมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษกันพอสมควร(เพราะมธ คณะบันชีบังคับเรียนภาษาที่สาม) แล้วก็คิดว่าตอนนี้เรายังเป็นนักศึกษา ยังอยู่ในวัยที่มีเรี่ยวมีแรง มีเวลา ไม่ต้องทำงานทุกวัน ก็เลยอยากไปหาประสบการณ์ตั้งแต่ตอนยังมีเวลาละกันเนอะ
>>>>ดังนั้นจึงถือโอกาสเริ่มวางแผนทางการเงินของตัวเอง ด้วยการตั้งใจเก็บเงินจากรายได้ในการสอนพิเศษsmart-1 (แรกๆก็ได้ชมละ200-300 พอหลังๆเริ่มรู้ทางก็ชมละ 500-600) นอกจากนั้นก็ปันจากเงินเดือนที่แม่ให้สัก500-1,000 (จากเงินเดือนๆละ 4,000บาท) ตั้งใจเก็บแปบๆก็สามหมื่นกว่าแย้ววว>{}<
ก็ บวกกับพี่สาวไปเห็นโปรโมชั่นBig sale AirasiaXด้วย
ก็เลยรีบจอง เพราะราคามันถูกมากกกกก ถูกเกินบรรยายยยยย(ขาไป 3,xxx ขากลับ4,xxx ไม่รวมค่าอาหารและน้ำหนักกระเป๋านะ) submitแล้วก็ตกคนละประมาณ 8,000กว่าๆ **จองข้ามปีนะจ้ะบอกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก กับAir asiaXครัชชช
สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ 1.passport 2.ข้อมูลflight,booking no. ....แค่นี้นะ
เครื่องออกตอน 10.15(สาย) แต่ควรไปถึงก่อนสักสองชม.จะดี เพราะต้องไปเช็คอินและโหลดกระเป๋า
เราไปขึ้นที่ดอนเมือง ไปถึงประมาน8โมงกว่าๆ
* เช็คอินง่ายมากกก เพราะแอร์เอเชียร์X มีตู้ให้เช็คอินได้อัตโนมัติจากด้านนอก ไม่ต้องไปต่อคิวรอด้านในเพื่อรับboarding pass
น้ำหนักขาไปซื้อไว้คนละ 23 กิโล ของตุลย์ขาไปกระเป๋าแค่10โลเอ้งงง ชิวๆ~
นั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ ภาพตรงหน้า มันละสายตาไม่ได้เลยยยยย มองเห็นบ้านเรือน ถนน รถ เหมือนเมืองของเล่นเลย
ไปถึงที่นาริตะแบบตรงเวลาเป้ะๆมาก 19.15น อากาศกำลังเย็นๆ 20 องศา
ไปถึงก็ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน ตำรวจญี่ปุ่นที่ตรวจ หน้าตาหล่อมากกก ดุด้วยจ้าาา
นางจะถามว่า มากับใคร มาทำไร มากี่วัน พักที่ไหน บลาๆ(สำเนียงอังกฤษแบบเจแปนนีส น่ารักมุ้งมิ้ง) ถ้าเราพูดอังกิดได้ ตอบคำถามถูก บุคลิกเหมือนคนปกติ แค่นี้ก็ผ่านฉลุยแล้วจ้าา ไม่น่ากลัวเลย*-*
>>>ความประทับใจแรกพบ :ตอนที่ไปรับกระเป๋าสัมภาระคืน สายรัดกระเป๋าของเราดันหายไป
ซึ่งมันหายไปได้ยังไงไม่มีใครรู้ เราเลยไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่นาริตะว่าสายรัดสีเหลืองของเราหาย เขาก็บอกกับเราว่าขอเวลา5นาที แล้วก็วิ่งหายไป สักพักนางก็วิ่งกลับมาแล้วบอกว่า
"ผมหาสายรัดของคุณไม่เจอ แต่ผมมีสายรัดอันใหม่อันนี้เป็นของขวัญให้คุณแทน คุณจะรับมั้ยครับ" พร้อมกับยื่นสายรัดสีแดงอันใหม่ให้
เราก็รับมาแล้วขอบคุณ
มันเป็นความประทับใจที่เราได้รับจากความเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ จากสนามบินนาริตะ
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ให้ต่อรถไปลงที่ terminal2 โดยนั่งรถบัสสาย8(ฟรี) แล้วไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองของKeisei Skyliner
โดยจะมีหลายราคาของเรานั่งแบบAccess (ไม่ล็อค seat) ราคาจะถูกกว่า แต่จะใช้เวลานานกว่า
ราคาอยู่ที่คนละ 1,2xxเยน ใช้เวลาประมานชั่วโมงนิดๆ ปล.ถ้าใครสัมภาระเยอะๆ ก็ค่อนข้างทุลักทุเลหน่อยเน่อ
หมายเหตุ : เราพักที่พักที่ Asakusa ใกล้สถานี AsakusaและTawaramachi
นั่งkeisei มาลงที่สถานี Ueno-keisei >>จากนั้น เดินไปสถานี Ueno (5 นาที) เพื่อไปTransferเป็นรถไฟสาย Tokyo Metro>>นั่งสายGinza
(สีเหลือง) ไปลงสถานี Tawaramachi/Asakusa ก็ได้
::เมื่อเดินทางถึงที่พัก::
เราทำการจองที่พักล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จองที่ไทยล่วงหน้าประมาณเดือนนึง
โดยจองผ่าน Booking.com** คือมันดีงามมากกกก จองสะดวกมาก
ไปจ่ายเงินที่ญี่ปุ่นตอนเช็คอินได้เลย ปริ้นไปแค่หลักฐานการจอง(ทางที่พักจะส่งเมลมาให้)
ปล.ใครที่ไปถึงดึกดืน กลัวเช็คอินไม่ทัน สามารถส่งเมลไปแจ้งมางที่พักก่อนได้
เราพักHostel ที่ Khaosan Laboratory** คืนละ900กว่าบาท(ยิ่งจองเร็ว ยิ่งถูกกว่านี้)
เป็นโฮสเทล นอนรวมห้องละ4คน(แยกหญิงชายนะ) บริการดีมาก พนงน่ารักทุกคนเลย **เรามาถึงที่พักประมาน4ทุ่ม พนงมารอเปิดประตูให้ด้วย น่ารักจริงๆ
อาหารมื้อแรกหลังจากมาถึง แน่นอน...family mart สิครัชรอไร > ข้าวปั้น โยเกิร์ตพร้อมดื่ม เหล้าสาลี่ พุดดิ้ง อร่อยโฮกกกก
แต่ห้องแอบคับแคบไปนิดนึงนะ เราคิดว่าการนอนโฮสเทลก็อึดอัดใจนิดนึงแหละ
ตรงที่ไม่ส่วนตัวเลยยยย ทำไรก็จะต้องนึกถึงเพื่อนร่วมห้อง บางที่เพื่อนร่วมห้องก็ทำไรที่งี่เง่านะ5555
เราได้เมทเป็นคนเกาหลี (นางค่อนข้างซกมกนะ แบบคิดจะเหวี่ยงไรก็เหวี่ยงอ่ะ ปากเหม็นมากด้วย กลิ่นเหมือนส้วมเลยง่ะ
แถมไม่มีมารยาท ตอนตี3 นางปลุกพี่สาวเรา เพราะจะขอยืมหูฟังเพราะนางนอนไม่หลับ นางไม่กล้าปลุกเราเพราะเราดุ5555
เป็นเราจะด่าให้)
อีกคนเป็นคนอเมริกา(คนนี้นิสัยน่ารักมาก นางเป็นครูสอนภาษาอังกิดให้คนญี่ปุ่น ใจดีโฮกกก)
:::Backpack : Day 1 >>>Sensoji temple- Nagamise str.- Red bridge- Tokyo skytree- Ueno park- Ameyoko str.-
ตื่นนอนตั้งแต่6โมงเช้า พบว่า...คนญี่ปุ่นตื่นสายมากกก 7-8โมงนี่ยังไม่ตื่นกัน(ยกเว้นนักเรียนกับคนทำงาน)
ไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารเกือบทุกร้าน เปิด11.00นู่น มื้อเช้าของเรา จึงลงเอยที่ Yoshinoya จ้าาาา เหอๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินไปวัดเซนโซจิ(ไม่ไกลจากที่พัก)ประมาณ 15 นาทีถึง
ระหว่างทาง เห็นเด็กน้อยเดินไปโรงเรียนกันเอง น่ารักเชียว เหมือนเขาสอนให้เด็กรู้จักการช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยการเดินไปโรงเรียนเองกับเพื่อนๆ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ง่อวววว นี่คือเกมจับผิดภาพ มีความกลมกลืนสูง555(หลบทรีนแพรบบบ)
ก่อนทางเข้าวัดเซนโซจิ มีขนมขายมากมาย เราขอสะเดิ๊ฟ solf cream ชาเขียวละกัน หุหุ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วัดเซนโซจิใหญ่และสวยงามมากกก แต่ในวันหยุดเตรียมรับมือกับคลื่นฝูงชนจากนานาประเทศ55555 ถ่ายรูปนี่ติดแต่หัวมนุษย์ มีความแอบสแตรค555
เดินออกจากวัด ก็จะเจอกับถนนนากามิเสะ ซึ่งจะขายพวกของที่ระลึก ของฝากจากวัดเซนโซจิ คลื่นฝูงชนเดินกันแน่นมากกกก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ระหว่างทางเดินจากถนนนากามิเสะ ไปสะพานแดง(Red bridge) ก็จะมีรถลากโบราณของโตเกียว
ซึ่งจุดขายของมันคือ....คนลากหล่อระดับเทพพพพพ(เน้นว่าทุกคนค่ะคุณ) เหยื่อการตลาดมักจะเป็นผู้หญิง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนข้ามสะพานแดง ขอแวะเติมพลัง ที่ร้าน Sansada ก่อนนะครัช
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฮูเร่!! มาถึงสะพานแดงล้าววว
สะพานแดง(Red bridge) เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำซุมิดะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกฟากของสะพาน เป็นAsahi building [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากข้ามสะพานแดง ก็ตัดสินใจเดินๆๆๆซอกแซกไปเรื่อยยย เพราะเห็นTokyo skytreeอยู่ลิบๆ จึงไม่อยากอะไรในการจับทิศเพื่อไปให้ถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินไปด้วย กินเมล่อนปังไปด้วยสิเออออ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝาท่อระบายน้ำสวยจนต้องถ่ายอ่ะคิดดู -..-
แง้ววววววว ถึงแย้วววว Tokyo Skytree!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้างล่างโตเกียวสกายทรี จะเป็นห้างให้ช้อป มีของกินของฝากน่าซื้อเยอะแยะเลยยยย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้น นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Ueno [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ออกจากสถานีปุ้บบบ ก็จะเจอ...๊สวนอุเอโนะ!!!
เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามและใหญ่มาก อากาศนี้แบบหื้มมมมมม ฟินนนน
ใครมาโตเกียวแต่ไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดนะบอกเลยยยย
ข้างในมี Art museum ชอบมีการแสดงสดต่างๆ พวกดนตรี มายากล ดูแล้วเพลินดีนะ
ที่ไม่พอแย้วววว เดี๋ยวมาต่อน้าาาาา ตอนนี้ง่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น