.
กวนอู มีชื่อรองว่าหยุนฉาง เป็นชาวตำบลเจยเหลียง เมืองเหอตง รูปร่างสูงใหญ่ถึง 9 ฟุต หนวดเครายาวถึง 2 ฟุต ใบหน้าสีแดงชาด ดวงตาเหมือนดังหงส์ ด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดด กับฝีมือการรบที่เก่งกล้า กอปรกับนิสัยที่ถือคุณธรรม กวนอูผู้นี้ จึงถูกชนรุ่นหลังยกย่องให้มิฐานะระดับเทพเจ้า
ในหนังสือสามก๊กพูดึงกวนอูเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่เล่าปี่และเตียวหุยชักชวนกันมากินเหล้าในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมากวนอูนั่งดื่มกินอยู่ก่อนแล้ว แล้วกวนอูซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างได้ร้องตะโกนสั่งอาหารว่า
“รีบนำสุราอาหารมา เสร็จแล้วเราจะไปอาสาปกป้องชิงแผ่นดิน”
ทำให้เล่าปี่รู้สึกสะดุดหูกับคำพูดนี้ อีกทั้งด้วยรูปร่างท่าทางและบุคลิกอันองอาจของกวนอู เป็นที่ถูกอกถุกใจเล่าปีมาก จึงชักชวนมาร่วมโต๊ะด้วย และเมื่อทั้งสามคุยกันถูกคอและมีอุดมการณ์เดียวกัน จึงได้สาบานเป็นพี่น้องนับแต่นั้น ซึ่งฉากการสาบานที่สวนท้อนี้ถือเป็นจุดเริ่มที่สำคัญในเรื่องสามก๊กเลยก็ว่าได้
ในครั้งที่แผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟเพราะการลุกฮือของโจรผ้าเหลือง เล่าปี่ผู้คิดจะสืบสาน ปณิธานใหญ่ตามรอยบรรพบุรุษที่มีเชื้อจ้าว แต่ขัดสนด้วยฐานะที่ยกจนตกอับเป็นแค่คนสานรองเท้าฟางขาย แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากเตียวหุย ผู้ซึ่งมีฐานะมั่งคั่งออกทุนในครั้งแรกให้ เพื่อสนับสนุน”พี่ใหญ่” และ
ปณิธานตนเองที่จะสู้เพื่อกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอนให้ผ่านยุควิกฤต กลับคืนสู่ความร่มเย็น
ทั้งสามหลังการสาบานเป็นพี่น้อง ภายใต้การชักนำของเล่าปี่ ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดได้เป็นพี่ใหญ่ จึงชักชวนกันไปเป็นกองกำลังอาสาของส่วนกลาง ตั้งตัวเป็นผู้นำชักชวนชาวบ้านให้เข้าร่วม ชาวบ้านมาขอเข้าร่วมกับเล่าปี่เป็นจำนวนถึง 500 คน และมีชาวบ้านบริจาคเหล็กกล้าเพื่อทำเป็นอาวุธ ซึ่งเมื่อนำมาตีแล้วก็ได้เป็นง้าวเหล็กเนื้อดี
และกวนอูก็ได้ใช้ง้าวนี้ซึ่งตั้งชื่อให้ว่า ง้าวมังกรเขียว สร้างชื่อให้กับตนเองจนลื่อลั่น ได้รับการขนานนามให้เป็น “ยอดขุนพล” ในยุคสามก็ก จวบจนวาระสุดท้าย
จากการเข้าร่วมกองอาสาในครั้งแรก ผลปรากฏว่าได้รับชัยชนะ เมื่อเสร็จศึก เล่าปี่ก็ได้รับแต่งตั้งจากส่วนกลางให้ไปเป็นนายอำเภอ โดยกวนอูกับเตียวหุยได้ติดตามไปด้วย แต่ไม่นานก็ต้องลาออกมาเพราะเล่าปี่เห็นว่าพี่น้องของตนอย่างกวนอู เคยถูกชนชั้นราชสำนักข่มเหงมาก่อน จึงยอมผิดใจกับผู้ตรวจการที่มาตรวจราชการแล้วขอสินบน เพื่อรักษาน้ำใจของพี่น้องตนเองเช่นกวนอูไว้
ทั้งสามจึงต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง แต่ก็ได้เพื่อนสมัยเด็กของเล่าปี่ ซึ่งคือ กองซุนจ้าน ที่เป็นแม่ทัพรักษาเมืองปักเป๋งทางตอนเหนือในเวลานั้น ด้วยความที่เห็นกับเพื่อเก่า และเห็นที่เล่าปี่มีคนดีมีความสามารถอย่าง กวนอูกับเตียวหุยคอยติดตาม จึงตั้งให้เล่าปี่ไปเป็นนายอำเภอเมืองผิงหยวนที่อยู่ในการดูแลของตนเอง
ต่อมาเกิดเหตุตั๋งโต๊ะก่อรัฐประหารชิงอำนาจเพื่อเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เหล่าแม่ทัพหัวเมืองทั้งหลายไม่ยอมรับ รวมตัวกันตั้งทัพพันธมิตรเพื่อล้มทรราชย์ แม่ทัพกองซุนจ้านก็เข้าร่วมด้วย ส่วนเล่าปี่ได้เป็นนายทัพคุมทหารจำนวนหนึ่ง โดยกวนอูรับตำแหน่งนายทหารม้ามือธนู ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งของทหารเลว
แต่ในศึกครั้งนี้กลายเป็นศึกที่สร้างชื่อให้สามพี่น้อง เมื่อฮัวหยงขุนพลมือซ้ายของตั๋งโต๊ะออกประจันหน้าและท้าดวลชนะเหล่านักรบชื่อดังของฝ่ายทัพพันธมิตรได้คนแล้วคนเล่า กวนอูจึงขันอาสาออกศึก ท่ามกลางการดูถูกของเหล่าขุนศึก โดยมีเพียงโจโฉที่เป็นเลขาธิการกองทัพ ออกมามอบสุราให้ เป็นขวัญกำลังใจก่อนทำศึก แต่กวนอูยังไม่รับ ได้บอกแต่เพียงว่าให้อุ่นสุราคอยท่าไว้ ตัวเขาไปรบเสร็จแล้วจะกลับมาดื่ม ซึ่งปรากฏว่ากวนอูสามารถเอาชัยและเด็ดศีรษะของฮัวหยงมาได้ในกระบวนท่าเดียวและกลับมาโดยที่สุรายังอุ่นอยู่ นั่นทำให้ชื่อของกวนอูโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน และเป็นเหมือนจุดเริ่มของกวนอูในการเข้าสู่โลกแห่งการเมืองการสงครามในยุคสามก๊กอย่างเต็มตัว
และการกระทำที่เหี้ยมหาญของกวนอูนี้ เป็นที่ถูกใจโจโฉเป็นอย่างมาก แล้วนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้กวนอูอาจกลายเป็นขุนพลผู้ไร้ซึ่งคุณธรรม ตามข้อสงสัยที่ตั้งตามมุมมองของผู้เขียนบทความชิ้นนี้ คือ ผมเอง
หลังจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในภาคกลางและการเปลี่ยนศูนย์อำนาจเมื่อตั๋งโต๊ะถูกลิโป้สังหาร ทำให้เหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินต่างกระโจนเข้ามาร่วมชิงแผ่นดิน เมื่อสิ้นตั๋งโต๊ะ โจโฉจึงได้คิดจะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ เพราะอาศัยว่าตัวมีกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พันธมิตรแม่ทัพหัวเมือง เล่าปี่เองก็เช่นกัน แต่จนใจที่ตนมีมีกองกำลังที่เข้มแข็ง จึงจำต้องเก็บความคิดนั้นไว้ก่อน
และเมื่อโจโฉนำกองทัพเข้ามาปราบลิโป้ได้ เล่าปี่สามพี่น้องซึ่งยังไร้กองกลังที่เข้มแข็ง
แต่โจโฉถูกตาต้องใจกับฝีไม้ลายมือของกวนอู อยากจะได้เป็นคนของตน แต่เนื่องจากไม่มีโอกาส เพราเล่าปี่นั้นเลือกที่จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามของกำลังตัวเองมาตลอด จนในที่สุด เล่าปี่พลาดท่าตอนที่เป็นจ้าวเมืองซีจิ๋วที่โตเกี๋ยมยกให้ ตอบแทนที่เล่าปี่สามพี่น้องยอมช่วยเหลือต้านทานทัพโจโฉ
เพราะครั้งนั้น เล่าปี่หลงไปรับลิโป้ที่ผ่ายศึกกับโจโฉไว้ โดยไม่สนใจคำเตือนของกวนอู ว่า ลิโป้เป็นคนทรยศเนรคุณ
จนในที่สุดก็ต้องเสียเมืองไปให้กับลิโป้ และต้องมาขอเพิ่งพิงโจโฉ ซึ่งโจโฉก็รับไว้ เพราะอยากได้กวนอูมาเป็นพวกนานแล้ว และสามพี่น้องก็กลายเป็นบริวารของโจโฉ แม้จะได้รับเกียรติอยู่บ้าง เมื่อเล่าปี่ถูกเชิญให้เข้าเมืองหลวงและเขากับกวนอูเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซึ่งเล่าปี่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา ส่วนกวนอูนั้นได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ว่าเป็นบุรุษเครางาม
เมื่ออยู่กับโจโฉไปนานเข้า เล่าปี่ก็รู้สึกว่าตนไม่อาจจะอยู่ใต้โจโฉได้อีก เพราะลักษณะที่ไม่ยอมอยู่ใต้ใครของเล่าปี่ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเล่าปี่จึงทำทีขอกำลังทหารไปปราบอ้วนสุด แต่เมื่ออกมาได้แล้วก็ชิ่งหนีไปและข้ายึดเมืองชีจิ๋วกลับคืนมาทันที
โจโฉโกรธมากจึงสั่งกองทัพบดขยี้เล่าปี่จนต้องหนีกระเซอะกระเซิง และต้องแยกจากกันกับกวนอู เตียวหุย โดยกวนอูขณะนั้นมีหน้าที่อารักขาครอบครัวของเล่าปี่ เมื่อจนมุมต่อทหารของโจโฉ ด้วยการเกลี้ยกล่อมของเตียวเลี้ยว แม่ทัพของโจโฉที่เคยเป็นเพื่อนกับเขามาก่อน รวมกับมีภาระอย่างเมียทั้งสองของเล่าปี่
เขาจึงตัดสินใจยอมจำนนต่อโจโฉ กลายเป็นเรื่องราว กวนอูรับราชการโจโฉ และเป็นสาเหตุให้ กวนอูดูเหมือนไร้คุณธรรมในเวลาต่อมา
ไร้คุณธรรมในที่นี้ คือไร้คุณธรรมต่อพี่น้องร่วมสาบานอย่างเล่าปี่ เพราะต่อมาในภายหลัง กวนอูผู้นี้ได้ปล่อยให้โจโฉหนีรอดไปได้ในศึกเซ็กเพ็กอันโด่งดังที่สุดในสามก๊ก เพราะต้องการตอบแทนบุณคุณที่โจโฉเคยไว้ชีวิตของตนเอง
ซึ่งตัวกวนอูเองอาจจะไม่ได้จดจำใส่ใจ แต่ที่ไม่จดจำไม่ได้คือ ชีวิตของเมียทั้งสองของผู้เป็นพี่อย่างเล่าปี่ ก็ต้องตายด้วยหากกวนอูขัดขืนและคิดสู้โจโฉในตอนนั้น
เขาจำต้องยอมไร้คุณธรรมต่อพี่น้อง ที่ไม่ยอมฆ่าโจโฉ เพื่อให้เล่าปี่ใกล้จะได้ครอบครองอำนาจไปอีกก้าว ถึงขนาดที่ขงเบ้งเองยังโกรธกับการกระทำของกวนอูอย่างมาก ขนาดคิดจะประหารทิ้ง เพราะกวนอูทำลายโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ของเจ้านายตนเอง เช่นเล่าปี่ และความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดิน
หากสิ้นโจโฉเมื่อใด สงครามก็จะสงบลงรวดเร็วกว่านั้น เพราะหากเมื่อไม่มีโจโฉแล้ว ทัพวุยก็กก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลืออำนาจที่จะต้านทาน ทัพจ๊กก็ก ที่มีขงเบ้งเป็นปัญญา มีกวนอู เตียวหุย จูล่งเป็นแขนขาได้ ทัพง่อเอง จิวยี่แม้มีปัญญาแต่ก็สู้ปัญญาขงเบ้งไม่ได้ ต้องกระอักเลือดจนตายหลังศึกเซ็กเพ็ก หากกวนอูไม่ปล่อยโจโฉไปในครั้งนั้น
ยังมีคนสำคัญอีกมากมายในนิยายอมตะอย่าง สามก็ก ที่ถูกหยิบยกมาวิพากษ์ในมุมเดียว และทำให้ผู้อ่านคิดและเข้าใจว่า บุคคลนั้นๆ ดีหรือเลว ตามมุมมองเดียวที่ถูกหยิบยื่นนำเสนอ หากอ่านและคิดให้ดีก็จะเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปกับที่มีเสมอมา
ซึ่งนั้นก็อาจเหมือนตัวผู้เขียนบทความชิ้นนี้เอง ที่อาจมีพฤติกรรมที่ลอกงานเขามาเขียน เป็นคนสร้างภาพ ตามคำกล่าวหาของอีกฝ่ายที่โจมตีอยู่ในขณะนี้ หาใช่ภาพของนักเขียนที่แท้จริง ที่พากเพียรนำความรู้แง่ต่างต่างๆมานำเสนอก็เป็นได้
และการเมืองก็เช่นกัน ที่บางครั้งคุณธรรมบ้างด้านอาจถูกละเลย เพื่อจะให้ได้มาซึ่งความสำเร็จตามคุณธรรมอีกด้าน ขึ้นอยู่กับมุมมอง
กวนอูยังเลือกที่จะทำตามคุณธรรมของตนเอง โดยไม่ใส่ใจกับคุณธรรมที่ควรมีต่อพี่น้องเช่น เล่าปี่
แล้วใยนายพระรองจะเลือกทำตามคุณธรรมของตนเอง ด่าพวกที่ไร้สามัญสำนึก โดยไม่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองที่เคยมี
ส่วนใครจะว่าบทความนี้เขียนขึ้นเพื่อยกหางตัวเองก็ช่าง จะสร้างภาพหรือเป็นเนื้อแท้
ก็ต้องอ่านแล้วคิด คิดแล้วหาคำตอบกันเอาเองนะคับ
ไม่ว่าอักษรจะมากน้อยเพียงใด ล้วนสื่อนำมาซึ่งสิ่งที่ต้องใช้ความคิด พินิจเพื่อหาคำตอบ
จักสูงต่ำ คำค่า ราคาคน
แจ้งกมล ยลชัดมัว ตัวอักษร
ที่สำแดง แจงวายวุ่น หุ่นละคร
แม้นยอกย้อน ซ่อนแย้ง แต่งบอกความ
ผมอาจไม่มีง้าวมังกรเขียวไว้เป็นอาวุธคู่กาย ที่พร้อมจะร่วมกระโจนไปสู่ปณิธานที่มุ่งหวัง เช่น กวนอู
แต่ผมมีปากกาที่จะถ่ายทอดมุมมอง ที่เสาะแสวงหาหนทางที่จะไปสู่ปณิธานที่มุ่งหวังให้ได้
ป.ล.บทความนี้อาจสร้างความมึนงงกับผู้ที่ไม่ได้อ่านสามก็กมาก่อน แต่สำหรับตัวผู้เขียนเอง ที่อ่านจบและอ่านใหม่ เกินสามรอบแล้วด้วย (ยิ่งกว่าคบไม่ได้ 555+) ก็ยังอยากจะหยิบมาถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการสื่อครับ และผมเชื่อว่าไม่ลำบากเกินไปสำหรับนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ ที่จะมองเห็นสิ่งทีเนื้อหาต้องการจะสื่อจริงๆ แม้อาจเป็นครั้งแรกที่ผมเขียนในลักษณะที่วางซ้อนปมประเด็นต่างๆมากมาย ที่อยากจะสื่อให้ได้ทราบในกะทู้เดียว
ขอบคุณครับ
*รู้สึกแปลกๆที่ใช้อมยิ้มโพสต์บทความครั้งแรก คงเพราะเป็นงานเขียนชิ้นเดียวที่ไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีก็เป็นได้ เลยไม่ได้ลงท้าย ว่า
นายพระรอง
*สำหรับท่านที่ชอบอ่านบทความ แนวสามก๊กครับ เอามาแปะไว้ด้วยเพราะกะทู้นี้ได้ติดกะทู้แนะนำ
http://ppantip.com/topic/35258526 กำเหลง ขุนพลชาติโจร พันธุ์ทหาร เหรียญสองด้านของการเลือกที่จะเป็น
(บทความ...นายพระรอง) วิพากษ์ “กวนอู” ขุนพลคุณธรรม ในมุมมองซึ่งแตกต่างและอาจไร้ซึ่งคุณธรรม
กวนอู มีชื่อรองว่าหยุนฉาง เป็นชาวตำบลเจยเหลียง เมืองเหอตง รูปร่างสูงใหญ่ถึง 9 ฟุต หนวดเครายาวถึง 2 ฟุต ใบหน้าสีแดงชาด ดวงตาเหมือนดังหงส์ ด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดด กับฝีมือการรบที่เก่งกล้า กอปรกับนิสัยที่ถือคุณธรรม กวนอูผู้นี้ จึงถูกชนรุ่นหลังยกย่องให้มิฐานะระดับเทพเจ้า
ในหนังสือสามก๊กพูดึงกวนอูเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่เล่าปี่และเตียวหุยชักชวนกันมากินเหล้าในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมากวนอูนั่งดื่มกินอยู่ก่อนแล้ว แล้วกวนอูซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างได้ร้องตะโกนสั่งอาหารว่า “รีบนำสุราอาหารมา เสร็จแล้วเราจะไปอาสาปกป้องชิงแผ่นดิน”
ทำให้เล่าปี่รู้สึกสะดุดหูกับคำพูดนี้ อีกทั้งด้วยรูปร่างท่าทางและบุคลิกอันองอาจของกวนอู เป็นที่ถูกอกถุกใจเล่าปีมาก จึงชักชวนมาร่วมโต๊ะด้วย และเมื่อทั้งสามคุยกันถูกคอและมีอุดมการณ์เดียวกัน จึงได้สาบานเป็นพี่น้องนับแต่นั้น ซึ่งฉากการสาบานที่สวนท้อนี้ถือเป็นจุดเริ่มที่สำคัญในเรื่องสามก๊กเลยก็ว่าได้
ในครั้งที่แผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟเพราะการลุกฮือของโจรผ้าเหลือง เล่าปี่ผู้คิดจะสืบสาน ปณิธานใหญ่ตามรอยบรรพบุรุษที่มีเชื้อจ้าว แต่ขัดสนด้วยฐานะที่ยกจนตกอับเป็นแค่คนสานรองเท้าฟางขาย แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากเตียวหุย ผู้ซึ่งมีฐานะมั่งคั่งออกทุนในครั้งแรกให้ เพื่อสนับสนุน”พี่ใหญ่” และปณิธานตนเองที่จะสู้เพื่อกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอนให้ผ่านยุควิกฤต กลับคืนสู่ความร่มเย็น
ทั้งสามหลังการสาบานเป็นพี่น้อง ภายใต้การชักนำของเล่าปี่ ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดได้เป็นพี่ใหญ่ จึงชักชวนกันไปเป็นกองกำลังอาสาของส่วนกลาง ตั้งตัวเป็นผู้นำชักชวนชาวบ้านให้เข้าร่วม ชาวบ้านมาขอเข้าร่วมกับเล่าปี่เป็นจำนวนถึง 500 คน และมีชาวบ้านบริจาคเหล็กกล้าเพื่อทำเป็นอาวุธ ซึ่งเมื่อนำมาตีแล้วก็ได้เป็นง้าวเหล็กเนื้อดี และกวนอูก็ได้ใช้ง้าวนี้ซึ่งตั้งชื่อให้ว่า ง้าวมังกรเขียว สร้างชื่อให้กับตนเองจนลื่อลั่น ได้รับการขนานนามให้เป็น “ยอดขุนพล” ในยุคสามก็ก จวบจนวาระสุดท้าย
จากการเข้าร่วมกองอาสาในครั้งแรก ผลปรากฏว่าได้รับชัยชนะ เมื่อเสร็จศึก เล่าปี่ก็ได้รับแต่งตั้งจากส่วนกลางให้ไปเป็นนายอำเภอ โดยกวนอูกับเตียวหุยได้ติดตามไปด้วย แต่ไม่นานก็ต้องลาออกมาเพราะเล่าปี่เห็นว่าพี่น้องของตนอย่างกวนอู เคยถูกชนชั้นราชสำนักข่มเหงมาก่อน จึงยอมผิดใจกับผู้ตรวจการที่มาตรวจราชการแล้วขอสินบน เพื่อรักษาน้ำใจของพี่น้องตนเองเช่นกวนอูไว้
ทั้งสามจึงต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง แต่ก็ได้เพื่อนสมัยเด็กของเล่าปี่ ซึ่งคือ กองซุนจ้าน ที่เป็นแม่ทัพรักษาเมืองปักเป๋งทางตอนเหนือในเวลานั้น ด้วยความที่เห็นกับเพื่อเก่า และเห็นที่เล่าปี่มีคนดีมีความสามารถอย่าง กวนอูกับเตียวหุยคอยติดตาม จึงตั้งให้เล่าปี่ไปเป็นนายอำเภอเมืองผิงหยวนที่อยู่ในการดูแลของตนเอง
ต่อมาเกิดเหตุตั๋งโต๊ะก่อรัฐประหารชิงอำนาจเพื่อเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เหล่าแม่ทัพหัวเมืองทั้งหลายไม่ยอมรับ รวมตัวกันตั้งทัพพันธมิตรเพื่อล้มทรราชย์ แม่ทัพกองซุนจ้านก็เข้าร่วมด้วย ส่วนเล่าปี่ได้เป็นนายทัพคุมทหารจำนวนหนึ่ง โดยกวนอูรับตำแหน่งนายทหารม้ามือธนู ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งของทหารเลว
แต่ในศึกครั้งนี้กลายเป็นศึกที่สร้างชื่อให้สามพี่น้อง เมื่อฮัวหยงขุนพลมือซ้ายของตั๋งโต๊ะออกประจันหน้าและท้าดวลชนะเหล่านักรบชื่อดังของฝ่ายทัพพันธมิตรได้คนแล้วคนเล่า กวนอูจึงขันอาสาออกศึก ท่ามกลางการดูถูกของเหล่าขุนศึก โดยมีเพียงโจโฉที่เป็นเลขาธิการกองทัพ ออกมามอบสุราให้ เป็นขวัญกำลังใจก่อนทำศึก แต่กวนอูยังไม่รับ ได้บอกแต่เพียงว่าให้อุ่นสุราคอยท่าไว้ ตัวเขาไปรบเสร็จแล้วจะกลับมาดื่ม ซึ่งปรากฏว่ากวนอูสามารถเอาชัยและเด็ดศีรษะของฮัวหยงมาได้ในกระบวนท่าเดียวและกลับมาโดยที่สุรายังอุ่นอยู่ นั่นทำให้ชื่อของกวนอูโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน และเป็นเหมือนจุดเริ่มของกวนอูในการเข้าสู่โลกแห่งการเมืองการสงครามในยุคสามก๊กอย่างเต็มตัว
และการกระทำที่เหี้ยมหาญของกวนอูนี้ เป็นที่ถูกใจโจโฉเป็นอย่างมาก แล้วนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้กวนอูอาจกลายเป็นขุนพลผู้ไร้ซึ่งคุณธรรม ตามข้อสงสัยที่ตั้งตามมุมมองของผู้เขียนบทความชิ้นนี้ คือ ผมเอง
หลังจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในภาคกลางและการเปลี่ยนศูนย์อำนาจเมื่อตั๋งโต๊ะถูกลิโป้สังหาร ทำให้เหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินต่างกระโจนเข้ามาร่วมชิงแผ่นดิน เมื่อสิ้นตั๋งโต๊ะ โจโฉจึงได้คิดจะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ เพราะอาศัยว่าตัวมีกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พันธมิตรแม่ทัพหัวเมือง เล่าปี่เองก็เช่นกัน แต่จนใจที่ตนมีมีกองกำลังที่เข้มแข็ง จึงจำต้องเก็บความคิดนั้นไว้ก่อน
และเมื่อโจโฉนำกองทัพเข้ามาปราบลิโป้ได้ เล่าปี่สามพี่น้องซึ่งยังไร้กองกลังที่เข้มแข็ง แต่โจโฉถูกตาต้องใจกับฝีไม้ลายมือของกวนอู อยากจะได้เป็นคนของตน แต่เนื่องจากไม่มีโอกาส เพราเล่าปี่นั้นเลือกที่จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามของกำลังตัวเองมาตลอด จนในที่สุด เล่าปี่พลาดท่าตอนที่เป็นจ้าวเมืองซีจิ๋วที่โตเกี๋ยมยกให้ ตอบแทนที่เล่าปี่สามพี่น้องยอมช่วยเหลือต้านทานทัพโจโฉ เพราะครั้งนั้น เล่าปี่หลงไปรับลิโป้ที่ผ่ายศึกกับโจโฉไว้ โดยไม่สนใจคำเตือนของกวนอู ว่า ลิโป้เป็นคนทรยศเนรคุณ
จนในที่สุดก็ต้องเสียเมืองไปให้กับลิโป้ และต้องมาขอเพิ่งพิงโจโฉ ซึ่งโจโฉก็รับไว้ เพราะอยากได้กวนอูมาเป็นพวกนานแล้ว และสามพี่น้องก็กลายเป็นบริวารของโจโฉ แม้จะได้รับเกียรติอยู่บ้าง เมื่อเล่าปี่ถูกเชิญให้เข้าเมืองหลวงและเขากับกวนอูเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซึ่งเล่าปี่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา ส่วนกวนอูนั้นได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ว่าเป็นบุรุษเครางาม
เมื่ออยู่กับโจโฉไปนานเข้า เล่าปี่ก็รู้สึกว่าตนไม่อาจจะอยู่ใต้โจโฉได้อีก เพราะลักษณะที่ไม่ยอมอยู่ใต้ใครของเล่าปี่ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเล่าปี่จึงทำทีขอกำลังทหารไปปราบอ้วนสุด แต่เมื่ออกมาได้แล้วก็ชิ่งหนีไปและข้ายึดเมืองชีจิ๋วกลับคืนมาทันที
โจโฉโกรธมากจึงสั่งกองทัพบดขยี้เล่าปี่จนต้องหนีกระเซอะกระเซิง และต้องแยกจากกันกับกวนอู เตียวหุย โดยกวนอูขณะนั้นมีหน้าที่อารักขาครอบครัวของเล่าปี่ เมื่อจนมุมต่อทหารของโจโฉ ด้วยการเกลี้ยกล่อมของเตียวเลี้ยว แม่ทัพของโจโฉที่เคยเป็นเพื่อนกับเขามาก่อน รวมกับมีภาระอย่างเมียทั้งสองของเล่าปี่ เขาจึงตัดสินใจยอมจำนนต่อโจโฉ กลายเป็นเรื่องราว กวนอูรับราชการโจโฉ และเป็นสาเหตุให้ กวนอูดูเหมือนไร้คุณธรรมในเวลาต่อมา
ไร้คุณธรรมในที่นี้ คือไร้คุณธรรมต่อพี่น้องร่วมสาบานอย่างเล่าปี่ เพราะต่อมาในภายหลัง กวนอูผู้นี้ได้ปล่อยให้โจโฉหนีรอดไปได้ในศึกเซ็กเพ็กอันโด่งดังที่สุดในสามก๊ก เพราะต้องการตอบแทนบุณคุณที่โจโฉเคยไว้ชีวิตของตนเอง ซึ่งตัวกวนอูเองอาจจะไม่ได้จดจำใส่ใจ แต่ที่ไม่จดจำไม่ได้คือ ชีวิตของเมียทั้งสองของผู้เป็นพี่อย่างเล่าปี่ ก็ต้องตายด้วยหากกวนอูขัดขืนและคิดสู้โจโฉในตอนนั้น
เขาจำต้องยอมไร้คุณธรรมต่อพี่น้อง ที่ไม่ยอมฆ่าโจโฉ เพื่อให้เล่าปี่ใกล้จะได้ครอบครองอำนาจไปอีกก้าว ถึงขนาดที่ขงเบ้งเองยังโกรธกับการกระทำของกวนอูอย่างมาก ขนาดคิดจะประหารทิ้ง เพราะกวนอูทำลายโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ของเจ้านายตนเอง เช่นเล่าปี่ และความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดิน
หากสิ้นโจโฉเมื่อใด สงครามก็จะสงบลงรวดเร็วกว่านั้น เพราะหากเมื่อไม่มีโจโฉแล้ว ทัพวุยก็กก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลืออำนาจที่จะต้านทาน ทัพจ๊กก็ก ที่มีขงเบ้งเป็นปัญญา มีกวนอู เตียวหุย จูล่งเป็นแขนขาได้ ทัพง่อเอง จิวยี่แม้มีปัญญาแต่ก็สู้ปัญญาขงเบ้งไม่ได้ ต้องกระอักเลือดจนตายหลังศึกเซ็กเพ็ก หากกวนอูไม่ปล่อยโจโฉไปในครั้งนั้น
ยังมีคนสำคัญอีกมากมายในนิยายอมตะอย่าง สามก็ก ที่ถูกหยิบยกมาวิพากษ์ในมุมเดียว และทำให้ผู้อ่านคิดและเข้าใจว่า บุคคลนั้นๆ ดีหรือเลว ตามมุมมองเดียวที่ถูกหยิบยื่นนำเสนอ หากอ่านและคิดให้ดีก็จะเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปกับที่มีเสมอมา
ซึ่งนั้นก็อาจเหมือนตัวผู้เขียนบทความชิ้นนี้เอง ที่อาจมีพฤติกรรมที่ลอกงานเขามาเขียน เป็นคนสร้างภาพ ตามคำกล่าวหาของอีกฝ่ายที่โจมตีอยู่ในขณะนี้ หาใช่ภาพของนักเขียนที่แท้จริง ที่พากเพียรนำความรู้แง่ต่างต่างๆมานำเสนอก็เป็นได้
กวนอูยังเลือกที่จะทำตามคุณธรรมของตนเอง โดยไม่ใส่ใจกับคุณธรรมที่ควรมีต่อพี่น้องเช่น เล่าปี่
แล้วใยนายพระรองจะเลือกทำตามคุณธรรมของตนเอง ด่าพวกที่ไร้สามัญสำนึก โดยไม่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเองที่เคยมี
ก็ต้องอ่านแล้วคิด คิดแล้วหาคำตอบกันเอาเองนะคับ
ไม่ว่าอักษรจะมากน้อยเพียงใด ล้วนสื่อนำมาซึ่งสิ่งที่ต้องใช้ความคิด พินิจเพื่อหาคำตอบ
แจ้งกมล ยลชัดมัว ตัวอักษร
ที่สำแดง แจงวายวุ่น หุ่นละคร
แม้นยอกย้อน ซ่อนแย้ง แต่งบอกความ
ผมอาจไม่มีง้าวมังกรเขียวไว้เป็นอาวุธคู่กาย ที่พร้อมจะร่วมกระโจนไปสู่ปณิธานที่มุ่งหวัง เช่น กวนอู
แต่ผมมีปากกาที่จะถ่ายทอดมุมมอง ที่เสาะแสวงหาหนทางที่จะไปสู่ปณิธานที่มุ่งหวังให้ได้
ป.ล.บทความนี้อาจสร้างความมึนงงกับผู้ที่ไม่ได้อ่านสามก็กมาก่อน แต่สำหรับตัวผู้เขียนเอง ที่อ่านจบและอ่านใหม่ เกินสามรอบแล้วด้วย (ยิ่งกว่าคบไม่ได้ 555+) ก็ยังอยากจะหยิบมาถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการสื่อครับ และผมเชื่อว่าไม่ลำบากเกินไปสำหรับนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ ที่จะมองเห็นสิ่งทีเนื้อหาต้องการจะสื่อจริงๆ แม้อาจเป็นครั้งแรกที่ผมเขียนในลักษณะที่วางซ้อนปมประเด็นต่างๆมากมาย ที่อยากจะสื่อให้ได้ทราบในกะทู้เดียว
ขอบคุณครับ
*รู้สึกแปลกๆที่ใช้อมยิ้มโพสต์บทความครั้งแรก คงเพราะเป็นงานเขียนชิ้นเดียวที่ไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีก็เป็นได้ เลยไม่ได้ลงท้าย ว่า
นายพระรอง
*สำหรับท่านที่ชอบอ่านบทความ แนวสามก๊กครับ เอามาแปะไว้ด้วยเพราะกะทู้นี้ได้ติดกะทู้แนะนำ
http://ppantip.com/topic/35258526 กำเหลง ขุนพลชาติโจร พันธุ์ทหาร เหรียญสองด้านของการเลือกที่จะเป็น