ความพยายามไม่เคยมีความหมาย...กับคนอย่างเธอ ต่อให้ทุ่มเทด้วยใจทั้งใจ #พอเถอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเวิ่นเกิน 5555555555555
เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหูกับเพลงนี้เป็นอย่างดี หึ! ก็เพลงอกหักดี ๆ นี่เองแหละ ฟังแล้วขึ้นจริงว่ะ
แต่...ช้าก่อนนนนนนนนนนนนนนนนน
จขกท.ไม่ได้อกหกแต่อย่างใด ถึงหนีไปเที่ยวทะเลอะไรทำนองนั้นนะคะ 5555555555 แค่ตอนนั้นเกรดร่วงเอามาก ๆ ก็แค่นั้นเอ๊งงงงงงงงง เลยอยากไปชาร์จพลังกันบ้าง เฮ้อ! พยายามแล้วแต่ก็ได้แค่นี้อะไรทำนองนี้
และเนื่องมาจากช่วงวันที่ 3-5 พฤษภาคมปีที่แล้ว(2558) เป็นวันหยุดยาว (มั้ง) ลืมแล้ว นานเกิน #เพิ่งมีเวลามาทำรีวิว
เรากับเพื่อนสาวก็เลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยวทะเล ด้วยความที่เป็นเด็กเหนือที่เบื่อภูเขา จึงได้ชักชวนกันไปที่นี่ "เกาะพยาม" นั่นเอง
(เคยอ่านประวัติมาจากที่ไหนซักแห่งบอกว่าจริง ๆ เมื่อก่อนเกาะนี้จะมาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่เนื่องจากคนใต้พูดเร็วจึงเรียกว่า "เกาะพยาม")
พอดีกับช่วงต้นพฤษภายังไม่ได้เข้าสู่ฤดูมรสุมอย่างจริงจัง เลยต้องเสี่ยงหน่อยว่าจะมีฝนหรือไม่ แต่วันที่ไปโชคดีที่มีฝนตกแค่นิดหน่อยจริง ๆ
เราก็เคยเห็นรีวิวมาบ้างในทวิตเตอร์ ก็เลยคิดว่าที่นี่แหละคงจะเหมาะ แถมเกาะนี้ยังมีฉายาว่าเป็น "มัลดีฟ เมืองไทย" อย่างนั้นเชียว
ข้าก็ไม่รอช้าหาข้อมูลในพันทิปนี่แหละค่ะ
อ้อ! บอกไว้ก่อนนะคะว่าทริปเราเป็นทริปเน้นประหยัดค่ะ 5555555 ราคาฉบับนักศึกษาผู้อาภัพเงินเก็บ
แล้วนี่ก็เป็นการเขียนรีวิวท่องเที่ยวครั้งแรกของเราในพันทิปด้วย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
อย่างแรกเลยก็คือ
1.) ที่พัก : เราเลือก "วิจิตรบังกะโล"
ตอนนั้นราคาอยู่ที่ 500 บาท/คืน ห้องพัดลม
เราก็คิดว่านอนคืนเดียว หารกัน 2 คนตกอยู่คนละ 250 บาท ถือว่าโอเคมาก
และเท่าที่อ่านดูรีวิวบังกะโลก็อยู่ติดอ่าวเขาควายด้วย ซึ่งก็ถือว่าดีเลย
จึงโทรไปจองกับเจ้าของโดยตรง ซึ่งตอนนี้หาเบอร์กับเว็บไม่เจอแล้ว 555
แต่จองกับ agoda หรือ booking ก็น่าจะได้ราคาไม่ต่างกันมาก บวกกับตอนนี้รีวิวเที่ยวเกาะพยามก็เยอะกว่าปีก่อน ๆ มีที่พักให้เลือกเยอะแยะเลย
ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน อันนี้คงแล้วแต่เงินในกระเป๋าของท่านแล้วล่ะค่ะ หิหิ
แต่ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปที่พักมาให้ดูนะ ตอนนั้นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากทะเล 5555
2.) การเดินทาง: : รถโดยสารของสมบัติทัวร์
ซึ่งตารางเดินรถก็ตามนี้เลยค่ะ
เดบิต:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.sombattour.com/ เลยจ้า
เราเลือกนั่งรถปรับอากาศชั้น 1 โอเคเลยค่ะ เบาะไม่แคบเกินไป
ขึ้นที่สายใต้ใหม่ ประมาณ 3 ทุ่ม ไปถึงระนองก็เช้ามืดของอีกวัน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง)
นั่งรถกันตูดบานเลยทีเดียว 5555 แต่ถ้าใครชอบความรวดเร็วก็ยังมีเครื่องบินอีกทาง มีสายการบินนกแอร์ (ไม่แน่ใจว่าสายการบินเดียวหรือเปล่านะคะ แหะ ๆ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลทางอากาศเลย) ราคาตอนนั้นก็แพงน่าดู แค่ตั๋วไปก็ 3,000 กว่าบาท ก็เลยตัดสินใจนั่งรถกันดีกว่า ถือโอกาสนอนไปบนรถเลยด้วย สบายชิว ๆ
พอเตรียมการเบื้องต้นกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางกันแล้ว
(ขอข้ามขั้นตอนการเวิ่นเว้อจนไปถึงที่ระนองเลยละกัน 5555 เดี๋ยวจะมีคนรำคาญเรา)
พอไปถึงที่สถานีขนส่งระนองก็เช้ามืด เวลาประมาณ ตีห้า ถึงไวกว่ากำหนดอีก
ไอ้เราก็รอรถสองแถวสีน้ำเงิน เคยอ่านรีวิวว่าราคาไม่แพง ถ้าเรียกเป็นแท็กซี่หรือเหมารถจะแพง รอไปรอมาเมื่อไหร่จะเช้า นักท่องเที่ยวดูน้อย สักพักมีคนมาถามจะไปเกาะพยามรึเปล่า ก็เลยบอกไป สรุปก็ขี้เกียจรอจนสว่าง ไม่รู้จะรอใครด้วย 5555 ยังไงก็ใกล้สว่างแล้วก็อยากไปท่าเรือเร็ว ๆ แล้ว
ค่าโดยสารน่าจะเก็บ 60 บาทนะถ้าจำไม่ผิด มีผู้โดยสารไปด้วยกัน 3 คน คือเรากะเพื่อน แล้วก็มีอีกคนนึงซึ่งจะไปเกาะพยามเหมือนกัน
แล้วเค้าก็ไปปล่อยเราที่ท่าเรือแห่งนี้
แล้วเราก็จัดการซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเรือ เราตัดสินใจไปเรือแบบธรรมดา ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 350 บาท (ทั้งไปและกลับ)
แต่ก็ยังมีอีกทางคือแบบ speed boat ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจราคา (จริง ๆ ก็ถามมาแต่จำไม่ได้ นานแล้ว 555 น่าจะอยู่ที่ 400-500 บาท) ซึ่งเวลาการเดินทางต่างกันมาก speed boat ใช้เวลาแค่ 30 นาที 5555
บอกแล้วเราเน้นประหยัด กินลมชมวิวไปตามรายทาง ไม่รีบ ต๊ะต่อนยอนตามสไตล์สาวเหนือเนาะ
แล้วนี่คือตั๋วเรือจ้า ซึ่งเรือจะออกตอน 9.30 น. ตอนกลับจะอยู่ที่ 15.00 น. ของอีกวันนึง
ระหว่างนั้นเราก็กลัวว่าไปที่เกาะอาหารจะแพง เพราะได้ยินว่าบนเกาะก็ต้องนำวัตถุดิบมาจากระนองเหมือนกัน
ก็เลยถามทางไป 7-11 ไม่ไกลจากท่าเรือเท่าไหร่ ตอนนั้นซื้อของตุนใหญ่เลย ทั้งมาม่าคัพและขนมปัง แล้วก็ซัดกันจนพุงกางเลย
อ่อ จะบอกว่าที่ท่าเรือก็มีห้องน้ำห้องท่าให้เข้านะ จะล้างหน้าแปรงฟันก็ได้เลย ฟรีค่ะ
พอใกล้เวลาเรือออกเจ้าของเรือก็พาเราขึ้นรถกระบะไปขึ้นเรืออีกที่นึง
และนี่คือบรรยากาศของเรือดังกล่าว
และนี่ก็เป็นวิวจากบนเรือ ตอนขึ้นไปบนเรือก็เห่อถ่ายรูปทะเลกันใหญ่ 555555 ยังกะไม่เคยมาเที่ยวทะเล
จริง ๆ ถ่ายมาเยอะมาก แต่เลือกมารูปเดียวพอและ
แล้วก็หลับมาตลอดทางเพราะเรือแล่นช้า อ่อนล้าจากการนอนบนรถอีก
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินก็เดินทางมาถึงเกาะพยาม เย้ ๆ
ท่าเรือที่ขึ้นสู่เกาะนี้คือ"อ่าวแม่หม้าย"
และเมื่อมาถึงเกาะพยามแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ "เช่ามอเตอร์ไซค์"
เพราะเป็นยานพาหนะที่สามารถขับขี่พาเราไปยังที่หมายได้ ด้วยทางของเกาะที่ค่อนข้างคับแคบเป็นคอนกรีตกับลูกรัง มอไซค์จึงสะดวกที่สุด
แต่ถ้าใครที่ขี่ไม่เป็นก็จะมีรถรับจ้าง ราคาเท่าไหร่อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ
เราเลือกรถมอไซค์แบบมีเกียร์ ก็มาได้ Honda Wave ซึ่งเราขี่เป็น
ราคาอยู่ที่คันละ 250 บาท/ วัน เช่าได้ 24 ชั่วโมง ถ้าเช่าเกินเวลาก็คิดเพิ่ม
ส่วนใครที่ขี่แบบมีเกียร์ไม่เป็น ก็มีแบบออโตเมติค แต่ราคาก็สูงขึ้นนิดนึงคือ 300 บาท/ คัน (ไม่ทราบตอนนี้เปลี่ยนหรือยัง)
ซึ่งร้านเช่ารถก็มีเยอะมากตรงทางเข้า ให้เดินดูดี ๆ ก่อนตัดสินใจเนอะ เช็คสภาพรถก่อนให้ดีนะคะ
ตอนเช่ารถก็มีน้ำมันอยู่ประมาณครึ่งถัง น้ำมันสามารถหาเติมได้ทั่วเกาะเลย จะมีขายเป็นขวด ๆ ขวดละ 50 บาท แต่เราไปเจอร้านนึง 40 บาทด้วย
เราเติมไป 3 รอบ เพราะแวนซ์ไปทั่ว 555555555 ก็เลยเปลืองหน่อยน่ะค่ะ
อ้อ! จะบอกว่าไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะอ่าวไหนก็จะมีป้ายบอกทางตลอดเลยค่ะ หรือถ้ากลัวหลงก็มีแผนที่อยู่ที่ทางเข้าถ่ายเก็บไว้เลย หรือหยิบที่ร้านเช่ารถก็ได้
พอไปถึงที่พัก(วิจิตรบังกะโล อยู่ที่อ่าวเขาควาย ไกลจากท่าเรือพอสมควรไม่แน่ใจว่ากี่โล) เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แวนซ์กันไปที่อ่าวเขาควายใต้(มั้ง) ซึ่งจะเป็นที่ ๆ มีหินทะลุสวยงามมากค่ะ แต่เราอาจจะถ่ายรูปมาไม่สวยเท่าไหร่ ต้องเห็นของจริงถึงจะอลัง อิอิ
เสร็จแล้วเราก็ขับรถมาต่อกันที่อ่าวใหญ่ จะบอกว่าที่นี่ใหญ่สมใจจริง ๆ เพราะอ่าวกว้างมาก ๆ จขกท.เองชอบอ่าวนี้มากค่ะ
เพราะพื้นที่อ่าวจะเป็นโคลนปนทราย ลมเย็นมาก ๆ เรากะเพื่อนเลยจัดถ่ายรูปเล่นกันที่นี่นานมาก ๆ (แต่ไม่เอามาเผยแพร่นะ อายหนังหน้า 5555)
พอตกเย็นท้องก็พากันร้องจ๊อก ๆ ก็เลยหาที่ฝากท้อง สรุปก็ไปกินที่วิจิตรบังกะโลที่พักของเรานั่นแหละค่ะท่านผู้ชม 555 เพราะขี้เกียจคิด
เย็นนั้นเรากินผัดไทย รสชาติก็ดีค่ะ กินได้ ราคาก็จำไม่ได้เช่นกัน แต่น่าจะอยู่ที่ 80-100 บาท นิด ๆ
พอหนังท้องตึง ก็ออกเดินย่อยที่อ่าวเขาควายตรงที่พักนั่นแหละค่ะ
ที่นี่มีเจ้าถิ่นด้วยนะเออ เราเลยแชะรูปน้องหมาดาราเจ้าถิ่นมาซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงที่นี่ อิอิ
และนี่เป็นรูปที่อ่าว วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกก ชอบมากอีกเช่นกัน 55555555
ขอยืมเพื่อนเป็นแบบนิดนึงนะคะ 555 แสงแดดสะท้อนทรายนี่มันสวยจริง ๆ เลย
แล้วความมืดก็โรยตัวลงรอบกาย เรากับเพื่อนก็เข้าที่พักกันไป หลับเอาแรงเพื่อจะตื่นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่อ่าวแม่หม้ายที่เค้าบอกว่าตอนเช้าสวยมาก ๆ
อ้อ! ขอบอกว่าที่เกาะนี้น้ำจะไหลเป็นเวลานะคะ ต้องรีบอาบน้ำกันหน่อย หิหิ แล้วปลั๊กไฟก็มีจำกัดด้วย ควรเตรียมปลั๊กไปเพื่อชาร์จแบตมือถือหรือแบตกล้องด้วยเนอะ ไฟบางทีก็อ่อนแรง ขนาดพัดลมยังรู้สึกว่าเปิดแล้วไม่เย็นเลยอะ 5555
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ตีห้ากว่า ๆ ทั้งเกาะมืดมิด แวนซ์รถออกมาที่อ่าวแม่หม้ายกับเพื่อน รู้สึกเหมือนไม่มีใครตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย
เหมือนบ้าจี้กันสองคน หรือไม่รู้ว่ามีที่อื่นดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยกว่าที่นี่หรือเปล่า แต่ก็รู้สึกว่า คุ้มค่าตื่นจริง ๆ เลยค่ะ ท่านผู้ชม
เสร็จแล้วก็ไปกันที่อ่าวกวางปีบ ซึ่งค่อนข้างไกล และบอกเลยว่าทางค่อนข้างอันตราย ถึงขนาดต้องจูงมอไซค์กันเลยทีเดียว เพราะทางเป็นทางลูกรังสลับกับทางคอนกรีต ตอนนั้นเค้าทำลังทำทางอยู่ด้วยมั้งคะ ตอนนี้น่าจะดีกว่าเดิม และอ่าวกวางปีบก็มีรีสอร์ทด้วย ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
หากมีคนแก่หรือเด็กน้อยไปด้วยไม่แนะนำ 5555 ขนาดเราอายุ 20 ต้น ๆ ยังปวดเข่าตอนเดินขึ้นลงจากอ่าวเลยค่ะ เพราะสูงชัน
นี่เป็นสะพานไม้ที่เลื่องลือ ยอดฮิต แต่เราถ่ายไม่สวย แถมสีรูปแปลก ๆ เพราะว่าตอนไปอากาศเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนจะตก
เราเลยเอามาปรับใน Lightroom และ Photoshop หนักไปหน่อย
จริง ๆ เท่าที่หาข้อมูลมานักท่องเที่ยวจะมาดำน้ำกันที่อ่าวนี้ด้วย แต่วันนั้นเรารู้สึกอ่าวเงียบมากเลย ไม่มีวี่แวว รึเพราะฝนจะตกก็ไม่รู้อ่ะ
ชึ้บบบบบบ ยังไม่จบนะ ไปต่อที่โพสต์ถัดไปนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ 55555 เพราะเรายังมีความเวิ่นมาฝากทุกท่านอีกเยอะ
ทริปนี้ถ่ายรูปใช้ Canon EOS 60D lens kit 18-135 และ fix 50 mm นะคะ บางรูปมุมแปลก ๆ เพราะเราไปปรับให้มันดู wide ขึ้น 555
ยังไม่มีตังค์ซื้อเลนส์เพิ่ม
[CR] เมื่อความพ(ยา)ยามไม่เคยมีความหมาย จึงออกตามหามันที่..."เกาะพยาม"
ความพยายามไม่เคยมีความหมาย...กับคนอย่างเธอ ต่อให้ทุ่มเทด้วยใจทั้งใจ #พอเถอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเวิ่นเกิน 5555555555555
เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหูกับเพลงนี้เป็นอย่างดี หึ! ก็เพลงอกหักดี ๆ นี่เองแหละ ฟังแล้วขึ้นจริงว่ะ
แต่...ช้าก่อนนนนนนนนนนนนนนนนน
จขกท.ไม่ได้อกหกแต่อย่างใด ถึงหนีไปเที่ยวทะเลอะไรทำนองนั้นนะคะ 5555555555 แค่ตอนนั้นเกรดร่วงเอามาก ๆ ก็แค่นั้นเอ๊งงงงงงงงง เลยอยากไปชาร์จพลังกันบ้าง เฮ้อ! พยายามแล้วแต่ก็ได้แค่นี้อะไรทำนองนี้
และเนื่องมาจากช่วงวันที่ 3-5 พฤษภาคมปีที่แล้ว(2558) เป็นวันหยุดยาว (มั้ง) ลืมแล้ว นานเกิน #เพิ่งมีเวลามาทำรีวิว
เรากับเพื่อนสาวก็เลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยวทะเล ด้วยความที่เป็นเด็กเหนือที่เบื่อภูเขา จึงได้ชักชวนกันไปที่นี่ "เกาะพยาม" นั่นเอง
(เคยอ่านประวัติมาจากที่ไหนซักแห่งบอกว่าจริง ๆ เมื่อก่อนเกาะนี้จะมาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่เนื่องจากคนใต้พูดเร็วจึงเรียกว่า "เกาะพยาม")
พอดีกับช่วงต้นพฤษภายังไม่ได้เข้าสู่ฤดูมรสุมอย่างจริงจัง เลยต้องเสี่ยงหน่อยว่าจะมีฝนหรือไม่ แต่วันที่ไปโชคดีที่มีฝนตกแค่นิดหน่อยจริง ๆ
เราก็เคยเห็นรีวิวมาบ้างในทวิตเตอร์ ก็เลยคิดว่าที่นี่แหละคงจะเหมาะ แถมเกาะนี้ยังมีฉายาว่าเป็น "มัลดีฟ เมืองไทย" อย่างนั้นเชียว
ข้าก็ไม่รอช้าหาข้อมูลในพันทิปนี่แหละค่ะ
อ้อ! บอกไว้ก่อนนะคะว่าทริปเราเป็นทริปเน้นประหยัดค่ะ 5555555 ราคาฉบับนักศึกษาผู้อาภัพเงินเก็บ
แล้วนี่ก็เป็นการเขียนรีวิวท่องเที่ยวครั้งแรกของเราในพันทิปด้วย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
อย่างแรกเลยก็คือ
1.) ที่พัก : เราเลือก "วิจิตรบังกะโล"
ตอนนั้นราคาอยู่ที่ 500 บาท/คืน ห้องพัดลม
เราก็คิดว่านอนคืนเดียว หารกัน 2 คนตกอยู่คนละ 250 บาท ถือว่าโอเคมาก
และเท่าที่อ่านดูรีวิวบังกะโลก็อยู่ติดอ่าวเขาควายด้วย ซึ่งก็ถือว่าดีเลย
จึงโทรไปจองกับเจ้าของโดยตรง ซึ่งตอนนี้หาเบอร์กับเว็บไม่เจอแล้ว 555
แต่จองกับ agoda หรือ booking ก็น่าจะได้ราคาไม่ต่างกันมาก บวกกับตอนนี้รีวิวเที่ยวเกาะพยามก็เยอะกว่าปีก่อน ๆ มีที่พักให้เลือกเยอะแยะเลย
ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน อันนี้คงแล้วแต่เงินในกระเป๋าของท่านแล้วล่ะค่ะ หิหิ
แต่ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปที่พักมาให้ดูนะ ตอนนั้นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากทะเล 5555
2.) การเดินทาง: : รถโดยสารของสมบัติทัวร์
ซึ่งตารางเดินรถก็ตามนี้เลยค่ะ
เดบิต: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เลยจ้า
เราเลือกนั่งรถปรับอากาศชั้น 1 โอเคเลยค่ะ เบาะไม่แคบเกินไป
ขึ้นที่สายใต้ใหม่ ประมาณ 3 ทุ่ม ไปถึงระนองก็เช้ามืดของอีกวัน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง)
นั่งรถกันตูดบานเลยทีเดียว 5555 แต่ถ้าใครชอบความรวดเร็วก็ยังมีเครื่องบินอีกทาง มีสายการบินนกแอร์ (ไม่แน่ใจว่าสายการบินเดียวหรือเปล่านะคะ แหะ ๆ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลทางอากาศเลย) ราคาตอนนั้นก็แพงน่าดู แค่ตั๋วไปก็ 3,000 กว่าบาท ก็เลยตัดสินใจนั่งรถกันดีกว่า ถือโอกาสนอนไปบนรถเลยด้วย สบายชิว ๆ
พอเตรียมการเบื้องต้นกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางกันแล้ว
(ขอข้ามขั้นตอนการเวิ่นเว้อจนไปถึงที่ระนองเลยละกัน 5555 เดี๋ยวจะมีคนรำคาญเรา)
พอไปถึงที่สถานีขนส่งระนองก็เช้ามืด เวลาประมาณ ตีห้า ถึงไวกว่ากำหนดอีก
ไอ้เราก็รอรถสองแถวสีน้ำเงิน เคยอ่านรีวิวว่าราคาไม่แพง ถ้าเรียกเป็นแท็กซี่หรือเหมารถจะแพง รอไปรอมาเมื่อไหร่จะเช้า นักท่องเที่ยวดูน้อย สักพักมีคนมาถามจะไปเกาะพยามรึเปล่า ก็เลยบอกไป สรุปก็ขี้เกียจรอจนสว่าง ไม่รู้จะรอใครด้วย 5555 ยังไงก็ใกล้สว่างแล้วก็อยากไปท่าเรือเร็ว ๆ แล้ว
ค่าโดยสารน่าจะเก็บ 60 บาทนะถ้าจำไม่ผิด มีผู้โดยสารไปด้วยกัน 3 คน คือเรากะเพื่อน แล้วก็มีอีกคนนึงซึ่งจะไปเกาะพยามเหมือนกัน
แล้วเค้าก็ไปปล่อยเราที่ท่าเรือแห่งนี้
แล้วเราก็จัดการซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเรือ เราตัดสินใจไปเรือแบบธรรมดา ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 350 บาท (ทั้งไปและกลับ)
แต่ก็ยังมีอีกทางคือแบบ speed boat ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจราคา (จริง ๆ ก็ถามมาแต่จำไม่ได้ นานแล้ว 555 น่าจะอยู่ที่ 400-500 บาท) ซึ่งเวลาการเดินทางต่างกันมาก speed boat ใช้เวลาแค่ 30 นาที 5555
บอกแล้วเราเน้นประหยัด กินลมชมวิวไปตามรายทาง ไม่รีบ ต๊ะต่อนยอนตามสไตล์สาวเหนือเนาะ
แล้วนี่คือตั๋วเรือจ้า ซึ่งเรือจะออกตอน 9.30 น. ตอนกลับจะอยู่ที่ 15.00 น. ของอีกวันนึง
ระหว่างนั้นเราก็กลัวว่าไปที่เกาะอาหารจะแพง เพราะได้ยินว่าบนเกาะก็ต้องนำวัตถุดิบมาจากระนองเหมือนกัน
ก็เลยถามทางไป 7-11 ไม่ไกลจากท่าเรือเท่าไหร่ ตอนนั้นซื้อของตุนใหญ่เลย ทั้งมาม่าคัพและขนมปัง แล้วก็ซัดกันจนพุงกางเลย
อ่อ จะบอกว่าที่ท่าเรือก็มีห้องน้ำห้องท่าให้เข้านะ จะล้างหน้าแปรงฟันก็ได้เลย ฟรีค่ะ
พอใกล้เวลาเรือออกเจ้าของเรือก็พาเราขึ้นรถกระบะไปขึ้นเรืออีกที่นึง
และนี่คือบรรยากาศของเรือดังกล่าว
และนี่ก็เป็นวิวจากบนเรือ ตอนขึ้นไปบนเรือก็เห่อถ่ายรูปทะเลกันใหญ่ 555555 ยังกะไม่เคยมาเที่ยวทะเล
จริง ๆ ถ่ายมาเยอะมาก แต่เลือกมารูปเดียวพอและ
แล้วก็หลับมาตลอดทางเพราะเรือแล่นช้า อ่อนล้าจากการนอนบนรถอีก
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินก็เดินทางมาถึงเกาะพยาม เย้ ๆ
ท่าเรือที่ขึ้นสู่เกาะนี้คือ"อ่าวแม่หม้าย"
และเมื่อมาถึงเกาะพยามแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ "เช่ามอเตอร์ไซค์"
เพราะเป็นยานพาหนะที่สามารถขับขี่พาเราไปยังที่หมายได้ ด้วยทางของเกาะที่ค่อนข้างคับแคบเป็นคอนกรีตกับลูกรัง มอไซค์จึงสะดวกที่สุด
แต่ถ้าใครที่ขี่ไม่เป็นก็จะมีรถรับจ้าง ราคาเท่าไหร่อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ
เราเลือกรถมอไซค์แบบมีเกียร์ ก็มาได้ Honda Wave ซึ่งเราขี่เป็น
ราคาอยู่ที่คันละ 250 บาท/ วัน เช่าได้ 24 ชั่วโมง ถ้าเช่าเกินเวลาก็คิดเพิ่ม
ส่วนใครที่ขี่แบบมีเกียร์ไม่เป็น ก็มีแบบออโตเมติค แต่ราคาก็สูงขึ้นนิดนึงคือ 300 บาท/ คัน (ไม่ทราบตอนนี้เปลี่ยนหรือยัง)
ซึ่งร้านเช่ารถก็มีเยอะมากตรงทางเข้า ให้เดินดูดี ๆ ก่อนตัดสินใจเนอะ เช็คสภาพรถก่อนให้ดีนะคะ
ตอนเช่ารถก็มีน้ำมันอยู่ประมาณครึ่งถัง น้ำมันสามารถหาเติมได้ทั่วเกาะเลย จะมีขายเป็นขวด ๆ ขวดละ 50 บาท แต่เราไปเจอร้านนึง 40 บาทด้วย
เราเติมไป 3 รอบ เพราะแวนซ์ไปทั่ว 555555555 ก็เลยเปลืองหน่อยน่ะค่ะ
อ้อ! จะบอกว่าไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะอ่าวไหนก็จะมีป้ายบอกทางตลอดเลยค่ะ หรือถ้ากลัวหลงก็มีแผนที่อยู่ที่ทางเข้าถ่ายเก็บไว้เลย หรือหยิบที่ร้านเช่ารถก็ได้
พอไปถึงที่พัก(วิจิตรบังกะโล อยู่ที่อ่าวเขาควาย ไกลจากท่าเรือพอสมควรไม่แน่ใจว่ากี่โล) เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แวนซ์กันไปที่อ่าวเขาควายใต้(มั้ง) ซึ่งจะเป็นที่ ๆ มีหินทะลุสวยงามมากค่ะ แต่เราอาจจะถ่ายรูปมาไม่สวยเท่าไหร่ ต้องเห็นของจริงถึงจะอลัง อิอิ
เสร็จแล้วเราก็ขับรถมาต่อกันที่อ่าวใหญ่ จะบอกว่าที่นี่ใหญ่สมใจจริง ๆ เพราะอ่าวกว้างมาก ๆ จขกท.เองชอบอ่าวนี้มากค่ะ
เพราะพื้นที่อ่าวจะเป็นโคลนปนทราย ลมเย็นมาก ๆ เรากะเพื่อนเลยจัดถ่ายรูปเล่นกันที่นี่นานมาก ๆ (แต่ไม่เอามาเผยแพร่นะ อายหนังหน้า 5555)
พอตกเย็นท้องก็พากันร้องจ๊อก ๆ ก็เลยหาที่ฝากท้อง สรุปก็ไปกินที่วิจิตรบังกะโลที่พักของเรานั่นแหละค่ะท่านผู้ชม 555 เพราะขี้เกียจคิด
เย็นนั้นเรากินผัดไทย รสชาติก็ดีค่ะ กินได้ ราคาก็จำไม่ได้เช่นกัน แต่น่าจะอยู่ที่ 80-100 บาท นิด ๆ
พอหนังท้องตึง ก็ออกเดินย่อยที่อ่าวเขาควายตรงที่พักนั่นแหละค่ะ
ที่นี่มีเจ้าถิ่นด้วยนะเออ เราเลยแชะรูปน้องหมาดาราเจ้าถิ่นมาซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงที่นี่ อิอิ
และนี่เป็นรูปที่อ่าว วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกก ชอบมากอีกเช่นกัน 55555555
ขอยืมเพื่อนเป็นแบบนิดนึงนะคะ 555 แสงแดดสะท้อนทรายนี่มันสวยจริง ๆ เลย
แล้วความมืดก็โรยตัวลงรอบกาย เรากับเพื่อนก็เข้าที่พักกันไป หลับเอาแรงเพื่อจะตื่นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่อ่าวแม่หม้ายที่เค้าบอกว่าตอนเช้าสวยมาก ๆ
อ้อ! ขอบอกว่าที่เกาะนี้น้ำจะไหลเป็นเวลานะคะ ต้องรีบอาบน้ำกันหน่อย หิหิ แล้วปลั๊กไฟก็มีจำกัดด้วย ควรเตรียมปลั๊กไปเพื่อชาร์จแบตมือถือหรือแบตกล้องด้วยเนอะ ไฟบางทีก็อ่อนแรง ขนาดพัดลมยังรู้สึกว่าเปิดแล้วไม่เย็นเลยอะ 5555
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ตีห้ากว่า ๆ ทั้งเกาะมืดมิด แวนซ์รถออกมาที่อ่าวแม่หม้ายกับเพื่อน รู้สึกเหมือนไม่มีใครตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย
เหมือนบ้าจี้กันสองคน หรือไม่รู้ว่ามีที่อื่นดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยกว่าที่นี่หรือเปล่า แต่ก็รู้สึกว่า คุ้มค่าตื่นจริง ๆ เลยค่ะ ท่านผู้ชม
เสร็จแล้วก็ไปกันที่อ่าวกวางปีบ ซึ่งค่อนข้างไกล และบอกเลยว่าทางค่อนข้างอันตราย ถึงขนาดต้องจูงมอไซค์กันเลยทีเดียว เพราะทางเป็นทางลูกรังสลับกับทางคอนกรีต ตอนนั้นเค้าทำลังทำทางอยู่ด้วยมั้งคะ ตอนนี้น่าจะดีกว่าเดิม และอ่าวกวางปีบก็มีรีสอร์ทด้วย ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
หากมีคนแก่หรือเด็กน้อยไปด้วยไม่แนะนำ 5555 ขนาดเราอายุ 20 ต้น ๆ ยังปวดเข่าตอนเดินขึ้นลงจากอ่าวเลยค่ะ เพราะสูงชัน
นี่เป็นสะพานไม้ที่เลื่องลือ ยอดฮิต แต่เราถ่ายไม่สวย แถมสีรูปแปลก ๆ เพราะว่าตอนไปอากาศเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนจะตก เราเลยเอามาปรับใน Lightroom และ Photoshop หนักไปหน่อย
จริง ๆ เท่าที่หาข้อมูลมานักท่องเที่ยวจะมาดำน้ำกันที่อ่าวนี้ด้วย แต่วันนั้นเรารู้สึกอ่าวเงียบมากเลย ไม่มีวี่แวว รึเพราะฝนจะตกก็ไม่รู้อ่ะ
ชึ้บบบบบบ ยังไม่จบนะ ไปต่อที่โพสต์ถัดไปนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ 55555 เพราะเรายังมีความเวิ่นมาฝากทุกท่านอีกเยอะ
ทริปนี้ถ่ายรูปใช้ Canon EOS 60D lens kit 18-135 และ fix 50 mm นะคะ บางรูปมุมแปลก ๆ เพราะเราไปปรับให้มันดู wide ขึ้น 555
ยังไม่มีตังค์ซื้อเลนส์เพิ่ม