“หัวเว่ย” ขอเบอร์ 1 ไทยภายใน 5 ปี / ชูนโยบายเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากซ่อมไม่ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
“หัวเว่ย” ชูนโยบายเปลี่ยนเครื่องใหม่หากซ่อมไม่ได้ภายใน 1 ชั่วโมง สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Huawei P9 และ P9 Plus ที่ถือเป็นรุ่นเรือธงประจำปีนี้ มั่นใจสามารถเติบโตได้ 50% จากปีที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ มีส่วนแบ่ง 15% ภายในปีหน้า และมีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภายใน 5 ปีข้างหน้า
นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวภายในงานเปิดตัว Huawei P9 ว่า จากไลน์ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม P9 ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพ ทำให้เชื่อว่าในปีนี้หัวเว่ยมีโอกาสเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 15% ภายในปี 2560
“ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของหัวเว่ยอยู่ที่ 2% โดยยอดขายหลักส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มกลางบน และเชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะสร้างยอดขายหลักในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะในช่วงระดับราคา 16,990 บาท จะไม่มีคู่แข่งในกลุ่มนี้มากนัก โดยในช่วงเปิดจองที่ผ่านมามียอดจองเข้ามาเกินเป้าที่วางไว้ถึง 12 เท่า”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด หยู ซีอีโอ ของหัวเว่ย ได้ออกมาประกาศว่า หัวเว่ย จะขึ้นเป็นแบรนด์ผู้นำสมาร์ทโฟนแซงหน้าแอปเปิล และซัมซุง ภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 25% ซึ่ง นายทศพร เชื่อว่า มีโอกาสเป็นไปได้ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ถ้าสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่จะทยอยวางตลาดนับจากนี้มีคุณภาพในระดับเดียวกับ P9
ขณะเดียวกัน เนื่องจากเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารในประเทศไทย ทำให้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการปรับโครงสร้างภายในองค์กรประมาณ 1-2 เดือน ก่อนเริ่มรุกออกสู่การทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ร่วมไปกับการเพิ่มในเรื่องของบริการหลังการขายด้วย
สำหรับบริการเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากซ่อมไม่เสร็จภายใน 1 ชั่วโมงของหัวเว่ย ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ให้บริการในรูปแบบดังกล่าว เพื่อยกระดับบริการหลังการขายของแบรนด์ให้ประทับใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น จาก 5 ศูนย์บริการ คือ SYNNEX สำนักงานใหญ่ ลาดพร้าว, SVOA สำนักงานใหญ่ ราษฎร์บูรณะ, CSC สำนักงานใหญ่ ลุมพินี, ศูนย์บริการหัวเว่ย นครศรีธรรมราช และศูนย์บริการหัวเว่ย เชียงใหม่ ส่วนเรื่องของศูนย์บริการปัจจุบันมีอยู่ 24 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะเพิ่มอีก 18 จุดทั่วประเทศ ไม่นับรวมกับจุดรับ-ส่งสินค้าอีก 148 แห่ง
ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะรองรับเฉพาะการเปลี่ยนเครื่องในครั้งแรกเท่านั้น ส่วนลูกค้าของหัวเว่ยในรุ่นอื่นๆ เมื่อนำเครื่องมาเข้ารับบริการหลังการขาย หากเกิน 3 ชั่วโมง จะสามารถรับเครื่องสำรองไปใช้งานได้ รวมถึงการเปิดบริการสายด่วนให้ลูกค้าสอบถาม และส่วนลดอะไหล่ หน้าจอ เมนบอร์ด แม้เครื่องหมดประกันแล้ว
หัวเว่ย P9 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว Full HD 1080p ทำงานบนหน่วยประมวลผล Kirin 955 2.5GHz 64-bit แบตเตอรี่ 3,000 mAh ในราคา 16,990 บาท ถัดมารุ่น P9 Plus หน้าจอแสดงผล 5.5 นิ้ว และความจุแบตเตอรี่ 3,400 mAh ในราคา 21,990 บาท ทั้ง 2 รุ่นชูจุดเด่นเรื่องกล้องที่ใช้เทคโนโลยีจากไลก้า ส่วนรุ่น P9 Lite ขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้ว ที่ลดสเปกกล้องลงเหลือเป็น 13 ล้านพิกเซล ในราคา 8,990 บาท
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000057258
“หัวเว่ย” ขอเบอร์ 1 ไทยภายใน 5 ปี / ชูนโยบายเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากซ่อมไม่ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
“หัวเว่ย” ชูนโยบายเปลี่ยนเครื่องใหม่หากซ่อมไม่ได้ภายใน 1 ชั่วโมง สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Huawei P9 และ P9 Plus ที่ถือเป็นรุ่นเรือธงประจำปีนี้ มั่นใจสามารถเติบโตได้ 50% จากปีที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ มีส่วนแบ่ง 15% ภายในปีหน้า และมีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภายใน 5 ปีข้างหน้า
นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวภายในงานเปิดตัว Huawei P9 ว่า จากไลน์ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม P9 ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพ ทำให้เชื่อว่าในปีนี้หัวเว่ยมีโอกาสเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 15% ภายในปี 2560
“ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของหัวเว่ยอยู่ที่ 2% โดยยอดขายหลักส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มกลางบน และเชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะสร้างยอดขายหลักในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะในช่วงระดับราคา 16,990 บาท จะไม่มีคู่แข่งในกลุ่มนี้มากนัก โดยในช่วงเปิดจองที่ผ่านมามียอดจองเข้ามาเกินเป้าที่วางไว้ถึง 12 เท่า”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด หยู ซีอีโอ ของหัวเว่ย ได้ออกมาประกาศว่า หัวเว่ย จะขึ้นเป็นแบรนด์ผู้นำสมาร์ทโฟนแซงหน้าแอปเปิล และซัมซุง ภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 25% ซึ่ง นายทศพร เชื่อว่า มีโอกาสเป็นไปได้ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ถ้าสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่จะทยอยวางตลาดนับจากนี้มีคุณภาพในระดับเดียวกับ P9
ขณะเดียวกัน เนื่องจากเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารในประเทศไทย ทำให้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการปรับโครงสร้างภายในองค์กรประมาณ 1-2 เดือน ก่อนเริ่มรุกออกสู่การทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ร่วมไปกับการเพิ่มในเรื่องของบริการหลังการขายด้วย
สำหรับบริการเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากซ่อมไม่เสร็จภายใน 1 ชั่วโมงของหัวเว่ย ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ให้บริการในรูปแบบดังกล่าว เพื่อยกระดับบริการหลังการขายของแบรนด์ให้ประทับใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น จาก 5 ศูนย์บริการ คือ SYNNEX สำนักงานใหญ่ ลาดพร้าว, SVOA สำนักงานใหญ่ ราษฎร์บูรณะ, CSC สำนักงานใหญ่ ลุมพินี, ศูนย์บริการหัวเว่ย นครศรีธรรมราช และศูนย์บริการหัวเว่ย เชียงใหม่ ส่วนเรื่องของศูนย์บริการปัจจุบันมีอยู่ 24 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะเพิ่มอีก 18 จุดทั่วประเทศ ไม่นับรวมกับจุดรับ-ส่งสินค้าอีก 148 แห่ง
ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะรองรับเฉพาะการเปลี่ยนเครื่องในครั้งแรกเท่านั้น ส่วนลูกค้าของหัวเว่ยในรุ่นอื่นๆ เมื่อนำเครื่องมาเข้ารับบริการหลังการขาย หากเกิน 3 ชั่วโมง จะสามารถรับเครื่องสำรองไปใช้งานได้ รวมถึงการเปิดบริการสายด่วนให้ลูกค้าสอบถาม และส่วนลดอะไหล่ หน้าจอ เมนบอร์ด แม้เครื่องหมดประกันแล้ว
หัวเว่ย P9 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว Full HD 1080p ทำงานบนหน่วยประมวลผล Kirin 955 2.5GHz 64-bit แบตเตอรี่ 3,000 mAh ในราคา 16,990 บาท ถัดมารุ่น P9 Plus หน้าจอแสดงผล 5.5 นิ้ว และความจุแบตเตอรี่ 3,400 mAh ในราคา 21,990 บาท ทั้ง 2 รุ่นชูจุดเด่นเรื่องกล้องที่ใช้เทคโนโลยีจากไลก้า ส่วนรุ่น P9 Lite ขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้ว ที่ลดสเปกกล้องลงเหลือเป็น 13 ล้านพิกเซล ในราคา 8,990 บาท
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000057258