^. ความผันแปรแห่งนิกายนั้น เป็นเรื่องคลุมเครือและคลาดเคลื่อนผิดพลาดทางความเข้าใจมาจวบจนปัจุบัน
ในฝ่ายวิวัฏฏะ ญาณคติเข้าใจกันไปเป็นโลกหรือธรรมซึ่งไม่แปลกกันเพราะว่าลงถึงชั้น หรือระดับของธรรม แต่ส่วนอันความแปลกแห่งศาสนาในปัจจุบันนั้นหามีไม่ (วัฏฏะ) โดยอรรถะประโยชน์ อันเรื่องแห่งนิกายนั้นๆ หรือนี้ ก็เป็นแต่เรื่องประโลมใจกันทางเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมแห่งประเทศเท่านั้นเอง เพราะไม่เคยมีปรากฏว่าจะยกขึ้นกล่าวเพื่อความไม่ลงรอย คงเป็นพุทธญาณคติอย่างเดียวกัน แม้แต่ศาสนาของอุบาสก ไชยบูลย์ สุทธิผล ที่เกิดขึ้นในไทย ก็ยังถือกันทั่วไปอยู่ว่าเป็นเถรวาทนิกาย กระทั่งที่อลังการแห่งวิสัยบำเพ็ญนั้นๆเป็นตัวหลักฐานชัดเจน ว่า เป็นทำนองคติไหลเรื่อยอันเป็นดินแดนเขตแห่งคติโพธิสัตว์จักรพรรดิรัฐ ทำนองเช่นสุขาวดีเขตตามที่กลุ่มอุตรนิกายซึ่งมีสืบมาแต่โบราณเรียน-สอนกันออกไป
เรื่องแต่โดยย่อในทางคตินั้น แท้ที่จริงแล้ว ญาณคติอันเกิดแก่พุทธิสมัย ตราบกาลนานไม่สิ้นสุด ก็มีแท้สองประการในการปรารภสำเร็จคติวิวัฏฏกรรม คือ ปรารภบำเพ็ญตลอดสำเร็จอรหันต์ในพุทธะโพธิสัตว์ธรรม ๑ และ ปรารภบำเพ็ญตลอดสำเร็จอรหันต์ในพุทธะปัจเจกโพธิสัตว์ธรรม ๑ กว่านี้ไม่มี ประเภทแห่งการปฏิบัติวิวัฏฏกรรมโดยย่อแล้ว คติศาสนาปัจจุบันทั้ง หินยาน และมหายาน เป็นคติญาณพุทธะโพธิสัตว์ธรรมเท่ากันทั้งนั้น เป็นแต่ทางลวงกันในประพฤติของสาวกเท่านั้น ว่า สาวกนั้นๆจะต้องเป็นไปในศาสดาพระองค์หนึ่งอย่างไร
เรื่องที่แท้ แม้สาวกเพียงนี้ที่เป็นมาตลอดแต่ประวัติศาสตร์ ต่างบำเพ็ญหนุนบารมีในคติพระโพธิสัตว์กันอยู่ทุกนิกาย ที่ว่าจะให้เป็นลัทธิแปลกกันแท้ๆนั้น ยังไม่เคยมีเลย เพราะลัทธิอย่างหนึ่งที่จะประกาศว่า จะบำเพ็ญพุทธิคติในพุทธะปัจเจกโพธิสัตว์ญาณ อันเป็นพุทธิปัญญาอย่างที่ ๒ นี้ ยังไม่เคยปรากฏเรื่องราวให้เห็นว่ามี หากมี ก็เป็นอันที่จะกล่าวได้ว่า มีความแปลกกันแท้ ในเรื่องคุณแห่งนิกายซึ่งประพฤติสังวาสกันไปคนละอย่าง
หินยาน กับ มหายาน คือลัทธินิกายเดียวกัน ความจริงไม่เคยแตกแยก! ไม่แปลกกันและไม่แตกต่างในการปฏิบัติบำเพ็ญใดใดเลย
ในฝ่ายวิวัฏฏะ ญาณคติเข้าใจกันไปเป็นโลกหรือธรรมซึ่งไม่แปลกกันเพราะว่าลงถึงชั้น หรือระดับของธรรม แต่ส่วนอันความแปลกแห่งศาสนาในปัจจุบันนั้นหามีไม่ (วัฏฏะ) โดยอรรถะประโยชน์ อันเรื่องแห่งนิกายนั้นๆ หรือนี้ ก็เป็นแต่เรื่องประโลมใจกันทางเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมแห่งประเทศเท่านั้นเอง เพราะไม่เคยมีปรากฏว่าจะยกขึ้นกล่าวเพื่อความไม่ลงรอย คงเป็นพุทธญาณคติอย่างเดียวกัน แม้แต่ศาสนาของอุบาสก ไชยบูลย์ สุทธิผล ที่เกิดขึ้นในไทย ก็ยังถือกันทั่วไปอยู่ว่าเป็นเถรวาทนิกาย กระทั่งที่อลังการแห่งวิสัยบำเพ็ญนั้นๆเป็นตัวหลักฐานชัดเจน ว่า เป็นทำนองคติไหลเรื่อยอันเป็นดินแดนเขตแห่งคติโพธิสัตว์จักรพรรดิรัฐ ทำนองเช่นสุขาวดีเขตตามที่กลุ่มอุตรนิกายซึ่งมีสืบมาแต่โบราณเรียน-สอนกันออกไป
เรื่องแต่โดยย่อในทางคตินั้น แท้ที่จริงแล้ว ญาณคติอันเกิดแก่พุทธิสมัย ตราบกาลนานไม่สิ้นสุด ก็มีแท้สองประการในการปรารภสำเร็จคติวิวัฏฏกรรม คือ ปรารภบำเพ็ญตลอดสำเร็จอรหันต์ในพุทธะโพธิสัตว์ธรรม ๑ และ ปรารภบำเพ็ญตลอดสำเร็จอรหันต์ในพุทธะปัจเจกโพธิสัตว์ธรรม ๑ กว่านี้ไม่มี ประเภทแห่งการปฏิบัติวิวัฏฏกรรมโดยย่อแล้ว คติศาสนาปัจจุบันทั้ง หินยาน และมหายาน เป็นคติญาณพุทธะโพธิสัตว์ธรรมเท่ากันทั้งนั้น เป็นแต่ทางลวงกันในประพฤติของสาวกเท่านั้น ว่า สาวกนั้นๆจะต้องเป็นไปในศาสดาพระองค์หนึ่งอย่างไร
เรื่องที่แท้ แม้สาวกเพียงนี้ที่เป็นมาตลอดแต่ประวัติศาสตร์ ต่างบำเพ็ญหนุนบารมีในคติพระโพธิสัตว์กันอยู่ทุกนิกาย ที่ว่าจะให้เป็นลัทธิแปลกกันแท้ๆนั้น ยังไม่เคยมีเลย เพราะลัทธิอย่างหนึ่งที่จะประกาศว่า จะบำเพ็ญพุทธิคติในพุทธะปัจเจกโพธิสัตว์ญาณ อันเป็นพุทธิปัญญาอย่างที่ ๒ นี้ ยังไม่เคยปรากฏเรื่องราวให้เห็นว่ามี หากมี ก็เป็นอันที่จะกล่าวได้ว่า มีความแปลกกันแท้ ในเรื่องคุณแห่งนิกายซึ่งประพฤติสังวาสกันไปคนละอย่าง