ชีวิตติดโปร สำหรับคนชอบเดินทางท่องเทียวอย่างฉัน เมื่อได้รับอีเมลจากบางกอกแอร์เวย์ส แจ้งว่า แลกคะแนนลด 70% ก็รีบจัดสิคะ รออะไร จากที่ต้องแลก 500 คะแนนไปมัลดีฟ ก็เหลือแค่ 150 คะแนน ไปกลับ จ่ายแค่ค่าภาษี 5,740 บาท คือดีงามหละค่ะ แถมยังบินตรง แค่สี่ชั่วโมง ใกล้กว่าไปญี่ปุ่นเสียอีก คือก็ทั้งๆ ที่ไม่ได้อินเลิฟกับทะเลอะไรนักหนา แต่เมื่อโอกาสมันมาถึง สักครั้งหนึ่งในชีวิต หากได้ไปชมความงามของทะเลที่ได้ชื่อว่าสวยงามเป็นอันดับต้นๆ และเป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนทั่วโลก ฉันก็ไม่ควรจะละทิ้งโอกาส...จริงมั้ย
ตอนแรกนี้ จะขอนำเสนอ เรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่แตกต่างจากการมองมัลดีฟตั้งแต่ยังไม่ได้ไปเห็นของฉันเสียก่อน โดยมิได้เรียงลำดับจากวันที่ไปถึงวันแรก การเล่าเรื่องครั้งนี้ เป็นเพียงแค่ต้องการนำเสนอเนื้อหาที่อยากเล่า อยากให้คนอ่าน ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของมัลดีฟ ที่ไม่ใช่มีแค่การเอาเท้าไปจุ่มน้ำทะเล หรือไปดำน้ำดูปลา ชมปะการัง เท่านั้น
แต่ทว่า.......ฉันได้มีโอกาสไป........ปั่น-สาม-ล้อ........เที่ยวบนเกาะ หนะสิคะ
ขอเปิดภาพด้วย รถจักรยาน ประจำตำแหน่งของฉันคันนี้แหละ
จริงๆ แล้วที่รีสอร์ท ก็มีรถจักรยานสองล้อด้วยอ่ะแหละ แต่ก็นะ..ฉันไม่ค่อยได้ขี่ กลัวเอาไปล้ม แล้วตัวเองก็จะบาดเจ็บถลอกปอกเปิกเสียเปล่า รีสอร์ทนี้ก็ดี๊ดี เข้าใจคนบางประเภทอย่างฉัน งานบริการเหนือความคาดหมายอย่างเรื่องที่มีรถจักรยานแบบเด็กหัดขี่ มาไว้ให้ผู้เข้าพักใช้.... สำหรับฉันแล้ว....คือขอกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เลยหละค่ะ
ก่อนจะไปดูบนเกาะ พอดีมีรูปที่ capture หน้าจอเอาไว้ตอนเปิด Google map แสดงสถานที่อยู่ของตัวเองในแต่ละช่วงเวลามาให้ดู ว่าฉันไปอยู่ส่วนไหนของโลกมา ... จุดกลมๆ สีน้ำเงิน คือตำแหน่งที่อยู่ตอนถ่ายไว้
ประเทศมัลดีฟ มีเมืองหลวงชื่อ มาเล่ (Male) มีเกาะเล็กๆ อยู่นับพันสองพันละมั้ง อ่านข้อมูลมาสักพักนึงแล้วถ้าจำผิดขออภัยด้วย แต่เกาะที่มีคนอยู่มีเพียง 200 เกาะเท่านั้น
พิกัดคืออยู่ข้างล่างอินเดีย เยื้องๆ ลงมาจากศรีลังกา และอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เมืองมาเล่ ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ และมีประชากรหนาแน่นติดหนึ่งในสิบของโลกเลยหละ
จุดกลมๆ สีน้ำเงิน คือ Zone ที่ฉันไปพัก รีสอร์ทชื่อ Soneva Fushi ในไทยคือ Soneva Kiri เกาะกูด
ดาวเหลืองๆ ด้านบน คือ Soneva Jani อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง (อลังการมาก มีหนังสือกึ่งโบรชัวร์ วางไว้ให้อ่านในบ้านที่ไปพัก)
ดาวเหลืองๆ ด้านล่าง คือที่ตั้งของสนามบินที่ เมืองมาเล่ (Male)
หมู่เกาะที่มีเกาะรวมๆ กันอยู่ ที่มัลดีฟจะแบ่งเป็นเขตๆไว้ (ฉันเปรียบเทียบ) เรียกว่า Atoll เขตนั้นมีชื่อว่า Baa Atoll
ซึ่งที่นี่มีรีสอร์ทชื่อดังที่คนไทยรู้จักอยู่หลายแห่ง
และนี่คือ หน้าตาของเกาะที่ Soneva Fushi ตั้งอยู่
ที่เห็นเป็นสีน้ำเงินเข้มๆ ด้านบนนั้น คือ Sand Bank และนั่นคือ ที่ที่ฉันประทับใจที่สุดในทริปนี้ (ขอนำเสนอในตอนต่อไป)
ที่รีสอร์ทแห่งนี้ เขาเหมาทั้งเกาะ มาสร้างรีสอร์ท พื้นที่เกาะไม่ใหญ่มากหรอก ฉันจับเวลาในการถีบจักรยานจากตะวันออกไปตะวันตก (ด้านยาวของเกาะ คือจาก Dolphin Beach ไปถึง Turtle Beach ให้ดูจาก google นะ) ถีบแบบไม่รีบไม่ร้อน ผ่อนลมหายใจเบาๆ ไม่ถึงกับหอบแฮก คือ ประมาณ 10-15 นาที ขี่จักรยานไป ชมนกชมต้นไม้ แวะถ่ายรูปไป เพลิดเพลินจนต้องถามตัวเองว่า เฮ้ย นี่ตูมาเที่ยวมัลดีฟ หรือหลวงพระบางกันแน่เนี่ย (คือตอนไปหลวงพระบางก็เช่าจักรยานขี่รอบเมืองเหมือนกัน แต่ที่นี่เขาให้ใช้ฟรีๆ ไม่ต้องเช่า)
การสำรวจเกาะวันนี้ของฉัน ขอเริ่มที่ Fresh in the garden จริงๆ เป็นชื่อร้านอาหาร(Dinner) ที่เขามีสวนผักปลูกเอง เอาไว้ทำเสริฟกันสดๆ ตรงนั้นเลย
ฉันพลาดมากที่ไม่ได้มาชิมอาหารที่นี่ จึงแค่ขอชมสวนและร้านของเค้าตอนกลางวันในวันสุดท้ายก่อนจะกลับ
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ อยู่ตรงกลางถนน จับเอามาเป็นหลักให้เป็นทางแยกซะเลย เลี้ยวขวาไปโซนร้านอาหาร ร้านขายของ และ Jetty A
ปั่นจักรยานเที่ยวบนเกาะก็มีหลงบ้าง เพราะทางจะมีแยกไปหลายทาง แต่วันสองวันก็จะจำได้แล้ว เพราะจะมีป้ายบอกตามแยกต่างๆ
เริ่มที่ทางเข้าก็น่ารักและธรรมชาติสุดๆ
เข้าไปถึงก็เจอแปลงผักก่อนเลย
ทางเดินเข้าโซนร้านอาหารเก๋ๆ (มีทางสำหรับคนไม่อยากข้ามสะพานแขวนนี้ด้วยนะ อยู่อีกฝั่งนึง)
เดินไปถ่ายรูปไป มีตรงไหนเก๋ๆ น่ารักๆ สวยๆ ก็ถ่ายมาให้ชมกันค่ะ
เดินมาแล้ว ยืนถ่ายอยู่กลางสะพาน
จากสะพาน เดินมาทางซ้าย เห็นทางเดินไปห้องน้ำ ขอเข้าไปชมซะหน่อย (ชอบห้องน้ำที่นี่ทุกแห่งบนเกาะ ดูแปลกตา สวยงามทุกที่)
หน้าห้องน้ำ สัญลักษณ์ของผู้ชายที่อยู่ฝั่งขวา น่าจะมีหนวดด้วย (เพราะโซนอื่นจะมีหนวด แต่ที่นี่คงหลุดไปมั้ง)
ประตูเป็นบานเลื่อน
เข้าไปปุ๊บ ฉันถึงกับตะลึง....ของจริง มัน Stun จริงๆ นะ ฉันถ่ายรูปได้แบบว่า...จาก วิวหลักล้าน เหลือแค่ ร้อยเดียว เหอะๆ
อ่างล้างมือ ฉีกกฎการทำอ่างใดๆ ในปฐพี แบบแบนๆ เรียบๆ นี่แหละ
โถปล่อยของ ดูก็ธรรมดาๆ ใช่มั้ย จะเอามาโชว์ทำไม แต่ว่า...ก็มันไม่ธรรมดาอ่ะสิ คือมันไม่มีชักโครก แล้วก็ไม่มีโอ่งใส่น้ำตักราด!!!!
ในตุ่มนี้ ไม่มีน้ำนะ มีแต่กากใยมะพร้าวฝอยๆ เล็กๆ แล้วก็มีกระบวยให้ตัก .....อ่ะ.. งง หละสิ คือ ฉันก็งง ยืน งง อยู่ห้าวินาที เหลียวซ้ายและขวา...
ไปเจอป้ายนี้....เค้าบอกว่า ให้ใช้ห้องน้ำเหมือนปกติ แต่ถ้าคิดว่าต้องการจะทำความสะอาดโถ ก็ให้ตักเจ้ากากมะพร้าวฝอยๆ นั่น ลงไป เพื่อที่เจ้ากากใยมะพร้าวจะช่วยดูดซับและช่วยทำให้เกิดการเน่าเปื่อย เป็นการลดการใช้น้ำจืดได้ถึง 20 ลิตร คือ ดีอ่ะ ดี๊ดี ... ไอเดียนี้
สังเกตุอีกอย่าง คือ โถส้วมด้านใน ทำมาจากวัสดุเดียวกันกับที่เห็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน คือมันคงทำให้สิ่งของที่เราปล่อยไป ไหลลงไปได้ง่าย ทำความสะอาดง่ายๆ รึป่าวนะ (หมายเหตุนะ..ถ้าเข้าใจผิด หรือแปลความหมายคลาดเคลื่อนตรงไหน ก็ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะจ้ะ)
ซ้ายมือเป็นประตูกระจก ออกไปชมวิวด้านนอกห้องน้ำได้ ส่วนทางขวา ให้เห็นวิธีปิดห้องน้ำ
ออกจากห้องน้ำมา มีต้นมะกอกอยู่ด้านซ้ายมือ ต้นใหญ่ลูกดกมาก ส่งสัยปุ๋ยแถวนี้จะดีเป็นพิเศษ ฮ่าๆ
เดินไปรอบๆ ที่นี่สไตล์การตกแต่งทั้งเกาะ เน้นหมอนที่มีสีสัน หมอนเยอะทุกที่ เมื่อยที่ไหนก็ล้มตัวลงนอนได้เลย
คือตอนที่ไปชม ร้านอาหารยังไม่เปิด ก็เลยยังไม่มีการจัดวางหมอนและจัดโต๊ะให้พร้อมบริการ สภาพเลยยังไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็นค่ะ
ทำอาหารตรงกลางเลย โต๊ะอาหารจะอยู่โดยรอบ
โดมกลมๆ สีส้มๆ นั่น คือ หอดูดาว ที่นี่จะมีพนักงานที่ได้รับการอบรมเรื่องดวงดาว ดาราศาสตร์พื้นฐาน เพื่อให้บริการแขกที่มาพัก หากต้องการทัวร์เพิ่มเติม
ทางขึ้นอีกฝั่งนึง
ตรงนี้เป็นส่วนที่บริการ wheel chair เป็นชักรอกขึ้นมาด้านบน แต่ตอนนี้เค้าบอกว่า out of order
ที่วางโถแช่ไวน์ ใช้วัสดุแถวๆ นี้หละ เรียบๆ ง่ายๆ eco friendly คือ concept ของเค้า
เดินได้ทีละคนนะจ้ะ ตะกี้เดินขึ้นมาแล้ว ขากลับ ฉันเลยอยากลองไปเดินลงอีกทางหนึ่ง
ไปเจอคนสวน เลยถามเค้าว่า มีต้นพริกของมัลดีฟมั้ย เพราะได้ลองชิมอยู่วันนึง เผ็ดและอร่อยมาก เค้าพาไปดู แล้วก็เด็ดให้มาสองเม็ดเป็นที่ระลึก ฉันก็เลยกะจะเอาไปปลูกที่บ้าน อย่าได้เสียเที่ยว
สัตว์ที่เห็นได้บ่อยๆ บนเกาะนี้ นอกจาก อีกาแล้ว ยังเจอกระต่าย ไก่ และ กิ้งก่า
แหม..เนียน เชียวนะแก คือ จะได้ถ่ายก็ต่อเมื่อเห็นเค้าวิ่งผ่านหน้ารถจักรยานไปแว็บๆ ฉันรีบจอดรถแล้วลงไปตามหาตัวเพื่อจะถ่ายมาให้ชม
ระหว่างทางปั่นจักรยาน เห็นต้นไม้แบบนี้ไปทั่วเลย บางต้น ดูเผินๆ เหมือนยีราฟ บางต้น เหมือนต้นวาสนาแต่มีลำต้นเหมือนมีขาเยอะๆ
พบกันตอนที่ 2 และขอปิดท้ายด้วยรูปถ่ายจาก Sand Bank ยั่วกิเลสคนอ่านซะหน่อย 555
ต้องขออภัย ถ่ายรูปไม่เก่ง
ประเทศมัลดีฟ หาใช่มีแต่ทะเลไม่ ฉันไปเป็นชาวเกาะ ตอนที่ 1
ตอนแรกนี้ จะขอนำเสนอ เรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่แตกต่างจากการมองมัลดีฟตั้งแต่ยังไม่ได้ไปเห็นของฉันเสียก่อน โดยมิได้เรียงลำดับจากวันที่ไปถึงวันแรก การเล่าเรื่องครั้งนี้ เป็นเพียงแค่ต้องการนำเสนอเนื้อหาที่อยากเล่า อยากให้คนอ่าน ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของมัลดีฟ ที่ไม่ใช่มีแค่การเอาเท้าไปจุ่มน้ำทะเล หรือไปดำน้ำดูปลา ชมปะการัง เท่านั้น
แต่ทว่า.......ฉันได้มีโอกาสไป........ปั่น-สาม-ล้อ........เที่ยวบนเกาะ หนะสิคะ
ขอเปิดภาพด้วย รถจักรยาน ประจำตำแหน่งของฉันคันนี้แหละ
จริงๆ แล้วที่รีสอร์ท ก็มีรถจักรยานสองล้อด้วยอ่ะแหละ แต่ก็นะ..ฉันไม่ค่อยได้ขี่ กลัวเอาไปล้ม แล้วตัวเองก็จะบาดเจ็บถลอกปอกเปิกเสียเปล่า รีสอร์ทนี้ก็ดี๊ดี เข้าใจคนบางประเภทอย่างฉัน งานบริการเหนือความคาดหมายอย่างเรื่องที่มีรถจักรยานแบบเด็กหัดขี่ มาไว้ให้ผู้เข้าพักใช้.... สำหรับฉันแล้ว....คือขอกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เลยหละค่ะ
ก่อนจะไปดูบนเกาะ พอดีมีรูปที่ capture หน้าจอเอาไว้ตอนเปิด Google map แสดงสถานที่อยู่ของตัวเองในแต่ละช่วงเวลามาให้ดู ว่าฉันไปอยู่ส่วนไหนของโลกมา ... จุดกลมๆ สีน้ำเงิน คือตำแหน่งที่อยู่ตอนถ่ายไว้
ประเทศมัลดีฟ มีเมืองหลวงชื่อ มาเล่ (Male) มีเกาะเล็กๆ อยู่นับพันสองพันละมั้ง อ่านข้อมูลมาสักพักนึงแล้วถ้าจำผิดขออภัยด้วย แต่เกาะที่มีคนอยู่มีเพียง 200 เกาะเท่านั้น
พิกัดคืออยู่ข้างล่างอินเดีย เยื้องๆ ลงมาจากศรีลังกา และอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เมืองมาเล่ ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ และมีประชากรหนาแน่นติดหนึ่งในสิบของโลกเลยหละ
จุดกลมๆ สีน้ำเงิน คือ Zone ที่ฉันไปพัก รีสอร์ทชื่อ Soneva Fushi ในไทยคือ Soneva Kiri เกาะกูด
ดาวเหลืองๆ ด้านบน คือ Soneva Jani อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง (อลังการมาก มีหนังสือกึ่งโบรชัวร์ วางไว้ให้อ่านในบ้านที่ไปพัก)
ดาวเหลืองๆ ด้านล่าง คือที่ตั้งของสนามบินที่ เมืองมาเล่ (Male)
หมู่เกาะที่มีเกาะรวมๆ กันอยู่ ที่มัลดีฟจะแบ่งเป็นเขตๆไว้ (ฉันเปรียบเทียบ) เรียกว่า Atoll เขตนั้นมีชื่อว่า Baa Atoll
ซึ่งที่นี่มีรีสอร์ทชื่อดังที่คนไทยรู้จักอยู่หลายแห่ง
และนี่คือ หน้าตาของเกาะที่ Soneva Fushi ตั้งอยู่
ที่เห็นเป็นสีน้ำเงินเข้มๆ ด้านบนนั้น คือ Sand Bank และนั่นคือ ที่ที่ฉันประทับใจที่สุดในทริปนี้ (ขอนำเสนอในตอนต่อไป)
ที่รีสอร์ทแห่งนี้ เขาเหมาทั้งเกาะ มาสร้างรีสอร์ท พื้นที่เกาะไม่ใหญ่มากหรอก ฉันจับเวลาในการถีบจักรยานจากตะวันออกไปตะวันตก (ด้านยาวของเกาะ คือจาก Dolphin Beach ไปถึง Turtle Beach ให้ดูจาก google นะ) ถีบแบบไม่รีบไม่ร้อน ผ่อนลมหายใจเบาๆ ไม่ถึงกับหอบแฮก คือ ประมาณ 10-15 นาที ขี่จักรยานไป ชมนกชมต้นไม้ แวะถ่ายรูปไป เพลิดเพลินจนต้องถามตัวเองว่า เฮ้ย นี่ตูมาเที่ยวมัลดีฟ หรือหลวงพระบางกันแน่เนี่ย (คือตอนไปหลวงพระบางก็เช่าจักรยานขี่รอบเมืองเหมือนกัน แต่ที่นี่เขาให้ใช้ฟรีๆ ไม่ต้องเช่า)
การสำรวจเกาะวันนี้ของฉัน ขอเริ่มที่ Fresh in the garden จริงๆ เป็นชื่อร้านอาหาร(Dinner) ที่เขามีสวนผักปลูกเอง เอาไว้ทำเสริฟกันสดๆ ตรงนั้นเลย
ฉันพลาดมากที่ไม่ได้มาชิมอาหารที่นี่ จึงแค่ขอชมสวนและร้านของเค้าตอนกลางวันในวันสุดท้ายก่อนจะกลับ
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ อยู่ตรงกลางถนน จับเอามาเป็นหลักให้เป็นทางแยกซะเลย เลี้ยวขวาไปโซนร้านอาหาร ร้านขายของ และ Jetty A
ปั่นจักรยานเที่ยวบนเกาะก็มีหลงบ้าง เพราะทางจะมีแยกไปหลายทาง แต่วันสองวันก็จะจำได้แล้ว เพราะจะมีป้ายบอกตามแยกต่างๆ
เริ่มที่ทางเข้าก็น่ารักและธรรมชาติสุดๆ
เข้าไปถึงก็เจอแปลงผักก่อนเลย
ทางเดินเข้าโซนร้านอาหารเก๋ๆ (มีทางสำหรับคนไม่อยากข้ามสะพานแขวนนี้ด้วยนะ อยู่อีกฝั่งนึง)
เดินไปถ่ายรูปไป มีตรงไหนเก๋ๆ น่ารักๆ สวยๆ ก็ถ่ายมาให้ชมกันค่ะ
เดินมาแล้ว ยืนถ่ายอยู่กลางสะพาน
จากสะพาน เดินมาทางซ้าย เห็นทางเดินไปห้องน้ำ ขอเข้าไปชมซะหน่อย (ชอบห้องน้ำที่นี่ทุกแห่งบนเกาะ ดูแปลกตา สวยงามทุกที่)
หน้าห้องน้ำ สัญลักษณ์ของผู้ชายที่อยู่ฝั่งขวา น่าจะมีหนวดด้วย (เพราะโซนอื่นจะมีหนวด แต่ที่นี่คงหลุดไปมั้ง)
ประตูเป็นบานเลื่อน
เข้าไปปุ๊บ ฉันถึงกับตะลึง....ของจริง มัน Stun จริงๆ นะ ฉันถ่ายรูปได้แบบว่า...จาก วิวหลักล้าน เหลือแค่ ร้อยเดียว เหอะๆ
อ่างล้างมือ ฉีกกฎการทำอ่างใดๆ ในปฐพี แบบแบนๆ เรียบๆ นี่แหละ
โถปล่อยของ ดูก็ธรรมดาๆ ใช่มั้ย จะเอามาโชว์ทำไม แต่ว่า...ก็มันไม่ธรรมดาอ่ะสิ คือมันไม่มีชักโครก แล้วก็ไม่มีโอ่งใส่น้ำตักราด!!!!
ในตุ่มนี้ ไม่มีน้ำนะ มีแต่กากใยมะพร้าวฝอยๆ เล็กๆ แล้วก็มีกระบวยให้ตัก .....อ่ะ.. งง หละสิ คือ ฉันก็งง ยืน งง อยู่ห้าวินาที เหลียวซ้ายและขวา...
ไปเจอป้ายนี้....เค้าบอกว่า ให้ใช้ห้องน้ำเหมือนปกติ แต่ถ้าคิดว่าต้องการจะทำความสะอาดโถ ก็ให้ตักเจ้ากากมะพร้าวฝอยๆ นั่น ลงไป เพื่อที่เจ้ากากใยมะพร้าวจะช่วยดูดซับและช่วยทำให้เกิดการเน่าเปื่อย เป็นการลดการใช้น้ำจืดได้ถึง 20 ลิตร คือ ดีอ่ะ ดี๊ดี ... ไอเดียนี้
สังเกตุอีกอย่าง คือ โถส้วมด้านใน ทำมาจากวัสดุเดียวกันกับที่เห็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน คือมันคงทำให้สิ่งของที่เราปล่อยไป ไหลลงไปได้ง่าย ทำความสะอาดง่ายๆ รึป่าวนะ (หมายเหตุนะ..ถ้าเข้าใจผิด หรือแปลความหมายคลาดเคลื่อนตรงไหน ก็ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะจ้ะ)
ซ้ายมือเป็นประตูกระจก ออกไปชมวิวด้านนอกห้องน้ำได้ ส่วนทางขวา ให้เห็นวิธีปิดห้องน้ำ
ออกจากห้องน้ำมา มีต้นมะกอกอยู่ด้านซ้ายมือ ต้นใหญ่ลูกดกมาก ส่งสัยปุ๋ยแถวนี้จะดีเป็นพิเศษ ฮ่าๆ
เดินไปรอบๆ ที่นี่สไตล์การตกแต่งทั้งเกาะ เน้นหมอนที่มีสีสัน หมอนเยอะทุกที่ เมื่อยที่ไหนก็ล้มตัวลงนอนได้เลย
คือตอนที่ไปชม ร้านอาหารยังไม่เปิด ก็เลยยังไม่มีการจัดวางหมอนและจัดโต๊ะให้พร้อมบริการ สภาพเลยยังไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็นค่ะ
ทำอาหารตรงกลางเลย โต๊ะอาหารจะอยู่โดยรอบ
โดมกลมๆ สีส้มๆ นั่น คือ หอดูดาว ที่นี่จะมีพนักงานที่ได้รับการอบรมเรื่องดวงดาว ดาราศาสตร์พื้นฐาน เพื่อให้บริการแขกที่มาพัก หากต้องการทัวร์เพิ่มเติม
ทางขึ้นอีกฝั่งนึง
ตรงนี้เป็นส่วนที่บริการ wheel chair เป็นชักรอกขึ้นมาด้านบน แต่ตอนนี้เค้าบอกว่า out of order
ที่วางโถแช่ไวน์ ใช้วัสดุแถวๆ นี้หละ เรียบๆ ง่ายๆ eco friendly คือ concept ของเค้า
เดินได้ทีละคนนะจ้ะ ตะกี้เดินขึ้นมาแล้ว ขากลับ ฉันเลยอยากลองไปเดินลงอีกทางหนึ่ง
ไปเจอคนสวน เลยถามเค้าว่า มีต้นพริกของมัลดีฟมั้ย เพราะได้ลองชิมอยู่วันนึง เผ็ดและอร่อยมาก เค้าพาไปดู แล้วก็เด็ดให้มาสองเม็ดเป็นที่ระลึก ฉันก็เลยกะจะเอาไปปลูกที่บ้าน อย่าได้เสียเที่ยว
สัตว์ที่เห็นได้บ่อยๆ บนเกาะนี้ นอกจาก อีกาแล้ว ยังเจอกระต่าย ไก่ และ กิ้งก่า
แหม..เนียน เชียวนะแก คือ จะได้ถ่ายก็ต่อเมื่อเห็นเค้าวิ่งผ่านหน้ารถจักรยานไปแว็บๆ ฉันรีบจอดรถแล้วลงไปตามหาตัวเพื่อจะถ่ายมาให้ชม
ระหว่างทางปั่นจักรยาน เห็นต้นไม้แบบนี้ไปทั่วเลย บางต้น ดูเผินๆ เหมือนยีราฟ บางต้น เหมือนต้นวาสนาแต่มีลำต้นเหมือนมีขาเยอะๆ
พบกันตอนที่ 2 และขอปิดท้ายด้วยรูปถ่ายจาก Sand Bank ยั่วกิเลสคนอ่านซะหน่อย 555
ต้องขออภัย ถ่ายรูปไม่เก่ง