▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวทะเล
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ประเทศมัลดีฟส์
[CR] แม่บ้านอิตาลีอาสาพาเที่ยว 7 คืนบนเกาะสวรรค์ ทะเลมัลดีฟสวยงามตามท้องเรื่อง
มัลดีฟ เกาะสวรรค์ในฝันของใครหลายๆคน รวมถึงตัวฉันด้วย ฉันนับวันรอที่จะได้เริงร่าท้าแดดอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายขาวละเอียด กับบรรดาปลาทะเลน้อยใหญ่ที่ว่ายเวียนอยู่รอบๆเกาะเล็กเกาะน้อยกลางมหาสมุทรอินเดียอันเลื่องชื่อนั่น
มัลดีฟคือประเทศแห่ง Atoll หรือ เกาะรูปวงแหวนที่เกิดจากหินปะการัง 26 แห่ง ที่แตกแขนงออกมาเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยอีกนับพัน นับเป็นประเทศที่เล็กที่สุดของทวีปเอเชียวัดจากมวลขนาดของพื้นดิน (ไม่รวมทะเล) ถือเป็นภูมิประเทศที่ชวนตื่นตามากทีเดียวค่ะ
เราตื่นเต้นตั้งแต่ไฟล์ทยังไม่ลงจอดสนามบินที่ Malé แล้ว 555 พอลงเครื่องก็ต้องมารอที่เลานจ์ของโรงแรมเพื่อต่อ seaplane ไปที่รีสอร์ท หนึ่งเกาะจะมีรีสอร์ทเพียงหนึ่งแห่ง เสมือนเป็นเกาะส่วนตัวของใครของมัน ด้วยความที่ค่าโดยสาร seaplane หรือเครื่องบินเล็กที่ลงจอดบนผิวน้ำได้นั้น ราคาสูงเอาการ (แพงกว่าไฟล์ท กรุงเทพฯ – มาเล่ อีกค่ะ) เลยไม่มีใครคิดจะเดินทางข้ามเล่นไปเกาะอื่น มาถึงก็พักอยู่กันแต่ที่เกาะของตัวเอง การเลือกโรงแรมจึงค่อนข้างสำคัญมาก เพราะต้องกิน-นอน-เล่นอยู่แต่ในนั้น ถ้าพลาดแล้วคือพลาดเลย
วิวจาก seaplane ระหว่างทางไปรีสอร์ทคือที่สุดของที่สุด ถึงเครื่องยนต์จะเสียงดังไปบ้าง แต่ความตื่นตาตื่นใจกับวิวด้านล่างทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปตลอด 40 นาที ระหว่างทางมีจอดแวะส่งผู้โดยสารที่รีสอร์ทอื่น 3 แห่งก่อนจะถึงรีสอร์ทของเรา ส่วนพี่ๆนักบินที่ขับ seaplane ก็ดูเท่ห์สุดใจในเสื้อยูนิฟอร์มสีขาวกับกางเกงขาสั้นและเท้าเปล่า! (ชิลล์เกิ้นนน)
เราตั้งใจไปพักกัน 7 คืน สำหรับคนไทยอาจจะดูนานเกินไปแต่สำหรับฝรั่งแล้ว 7 คืนออนเดอะบีชคือธรรมดาสามัญ ถือว่าชิลล์ๆค่ะ ด้วยราคาห้องพักค่อนข้างสูงเราจึงช่วยกันเลือกเฟ้นให้ได้ที่ที่คิดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด มาเจอรีสอร์ทหนึ่งเป็นรีสอร์ทใหม่ที่เพิ่งเปิดบริการ Atmosphere Kanifushi ที่นี่เขาขายแพคเกจแบบ Platinum All Inclusive หมายถึงจ่ายเหมาราคาเดียวแต่รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งอาหาร 3 มื้อ เครื่องดื่มทุกชนิดรวมถึงแอลกอฮอล์ และกิจกรรมทางทะเลต่างๆ เรียกได้ว่าอยู่บนเกาะกินดื่มเต็มที่ฟรีทุกอย่าง! แอบได้ยินมาว่ารีสอร์ทที่ขายแต่ห้องพักไม่รวมอาหาร เขาชาร์จค่าอาหารกันแพงเว่อร์ บางทีซื้อห้องมาราคาโปรโมชั่นแต่พอไปจริงโดนค่าอาหารกันอีกหลายหมื่น กินไม่ระวังอาจมีกระเป๋าฉีกกันได้
Atmosphere Kanifushi ตั้งอยู่บนเกาะซึ่งเขาว่ากันว่ามีขนาดยาวที่สุดใน Atoll แห่งนี้เลย ห้องพักถูกสร้างแบบเรียงเดี่ยวเป็นแนวยาวตามชายหาด แต่ละหลังจึงเหมือนมีหาดส่วนตัวของตัวเอง ห้องพักของเราคือ Sunset Villa ซึ่งเป็นห้องแบบสแตนดาร์ดของที่นี่ ตอนมาถึงพอลงจาก seaplane มีพนักงานหนุ่มสองคนมายืนตีกลองคอยต้อนรับตามสไตล์พื้นเมือง (ยิ้มเห็นฟันขาวดูน่ารักเชียว) ตามด้วยผู้จัดการโรงแรมเข้ามาทักทายต้อนรับและพาเราไปที่ล๊อบบี้ ซึ่งมีเครื่องดื่มแบบ sparkling พร้อมรอเสิร์ฟเพื่อเติมความสดชื่นหลังจากที่เดินทางมาหลายต่อ ระหว่างเดินไปล๊อบบี้เราเห็นเจ้าฉลามน้อยตัวหนึ่งกำลังว่ายเล่นอยู่แถวท่าเรือ seaplane ด้วย (แอบกรี๊ดกร๊าดอยู่คนเดียวในใจ) เพียงแค่ก้าวแรกก็หลงรักเกาะนี้ซะแล้วสิ!
7 คืนที่เกาะมัลดีฟ บางคนถามว่าไม่เบื่อเหรอ? ขอตอบแบบไม่คิดเลยว่า ‘ไม่’ ค่ะ แถมติดใจอยากกลับไปอีกเอามากๆ ได้พักผ่อน กินนอน สบายๆ ทะเลอยู่ตรงหน้าห้องพัก บรรยากาศเงียบสงบเหมือนหาดส่วนตัว เป็นสวรรค์ของคนรักทะเลจริงๆ ที่รีสอร์ทนี้ยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึง 2 สระ ไหนจะบาร์และห้องอาหารอีกหลายห้อง บ่ายๆก็ไปล่องเรือดำน้ำดูปะการัง วันดีคืนดีก็มีลูกฉลามมาว่ายน้ำเล่นด้วย เราเจอตรงช่วงน้ำตื้นๆแค่เข่าที่หาดหน้าห้องพักเลยค่ะ บางวันกำลังทานอาหารเช้าอยู่มองไปก็เห็นฝูงโลมาแหวกว่ายเล่นอยู่ไม่ไกล มีอะไรให้ได้สนุกตื่นเต้นอยู่ทุกวัน ส่วนการเดินทางในรีสอร์ท เราสามารถโทรเรียกให้รถกอล์ฟมารับได้ หรือบางทีแค่ออกมายืนรอที่ตรงทางเดินไม่ถึง 10 นาที ก็จะมีรถผ่านมา เราก็โบกเรียกได้ตามอัธยาศัยค่ะ
นอกจากจะประทับใจที่พักและบรรยากาศแล้ว พนักงานที่นี่ก็เป็นมิตรมากเลยค่ะ Mohamed Ashraf สต๊าฟหนุ่มที่มีหน้าที่มาคอยรับลูกค้าที่สนามบิน ตอนขามา ระหว่างที่เรารอเวลาต่อเครื่อง seaplane ไปที่รีสอร์ท เขาอาสาพาเราไปเดินเล่นชมเมืองหลวงมาเล่ ดูตลาดปลา ตลาดผลไม้ Friday Mosque และไปนั่งดื่มชมวิวบนดาดฟ้าร้านอาหาร แหม่ นี่ถ้าเขาไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มของโรงแรม คนคงนึกว่ามาเดทกันเป็นแน่ ส่วนขากลับเขาก็มานั่งรอไฟล์ทเป็นเพื่อนที่สนามบินอยู่หลายชั่วโมง เราเลยไม่ต้องนั่งแกร่วอยู่คนเดียว ที่สำคัญมันคือนอกเวลาทำงานของเขาค่ะ (ซาบซึ้งน้ำตาจะไหล) เราชอบพูดคุยกับคนท้องถิ่นอยู่แล้วเลยคุยกันสนุกใหญ่ เขาชอบดูบอลอังกฤษ เป็นแฟนฟุตบอลทีมอาเซนอลทีมโปรดน้องชายเรา ชอบกินอาหารไทย โดยเฉพาะผัดไทย แล้วเขาก็ยังชอบถ่าย selfie และขาด iphone ไม่ได้! ยิ่งได้คุยก็รู้สึกว่าสังคมเขาคล้ายๆกับเมืองไทยเลยแฮะ ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกันใน Facebook ค่ะ มีเพื่อนเป็นคนมัลดีฟเท่ไม่หยอกเลยนะเรา อิอิ
สต๊าฟอีกคนที่เราประทับใจไม่ลืม คือ พี่ทองจูน เป็นชายไทยคนเดียวที่รีสอร์ท (ตอนนี้พี่เขาลาออกแล้ว) พี่จูนดูแลอยู่ที่ห้องอาหารหลัก ฉะนั้นวันๆนึงเราจะได้คุยกับพี่เขาหลายครั้ง ด้วยความที่อยากอาหารไทยแซ่บๆเลยขอมาม่าพี่จูนกินอยู่หลายมื้อ (ไปแย่งสะเบียงพี่เขาซะงั้น!) ต้องขอบคุณสำหรับน้ำใจพี่มา ณ ที่นี้ค่ะ คนไทยอยู่ที่ไหนก็ไม่ทิ้งกันจริงๆ #จบแบบซึ้งๆ
สามารถติดตามทริปอื่นๆของเราได้ที่
https://moodyeverywhere.com
https://www.facebook.com/moodyeverywhereblog/
ส่วนอันนี้รีวิวคราวก่อนที่คัปปาโดเกียค่ะ
http://m.ppantip.com/topic/35199473
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น