สวัสดีค่ะ
ขอเล่าสักนิด...ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในสารบบเราเลย เราไม่มีความรู้และไม่สนใจอะไรในปินส์เลย
แต่ด้วยความที่อยากตามเพื่อนไปเที่ยว เลยต้องทำความรู้จักกับปินส์สักหน่อย
ตามเพื่อนมาแบบไร้ข้อมูล เพิ่งศึกษาข้อมูลหลังจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ และทำให้รู้ว่า...
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อันตรายมากกก!!! มิจฉาชีพเยอะ โดยเฉพาะมะนิลา บลาๆ //ช็อคค่ะ
แต่เพราะอยากเที่ยว ถ้าไม่มาคราวนี้ ก็ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ค่ะ ก็ต้องลองดูค่ะ
สาเหตุที่เพื่อนเลือกมะนิลาเพราะจะไปพิชิตภูเขาไฟพินาตูโบ (Mt. Pinatubo) และเที่ยว อินทรามูรอส (Intramuros)
แต่เพิ่งรู้ก่อนเดินทางไม่กี่วันว่า ช่วงนี้ภูเขาไฟปิดชั่วคราวค่ะ เซ็งเลย ก็เหลือแค่อินทรามูรอส ที่เราจะไป
...Intramuros เป็นภาษาสเปน แปลว่า ภายในกำแพง เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดในมะนิลา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ภายในมีชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย เช่น ป้อมปราการ โบสถ์ โรงเรียน วิทยาลัย บลาๆ [กูเกิ้ล]
อยู่ๆ ก็รู้สึกฉลาด!! มาที่นี่แล้วได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ ฮ่าาาาาาา
[[DAY 1]]
หลังจากบินตรงจากสิงคโปร์
http://ppantip.com/topic/35195902
จากการหาข้อมูล ทำให้รู้ว่าสนามบินนินอย เคยครองแชมป์เป็นสนามบินยอดแย่ 3 ปีซ้อน แล้วก็เรื่องมิจฉาชีพในสนามบิน ทั้งคนนอกและเจ้าหน้าที่ -.-" ค่ะ บินจากสนามบินยอดเยี่ยม มายัง อดีตสนามบินยอดแย่
เราบินมาคนเดียวค่ะ แยกกับเพื่อน และเพื่อนจะมาถึงมะนิลา 12.30 น.
ก่อนขึ้นเครื่อง คนปินส์ที่บินมาด้วยกันก็ไซโครสารพัดความอันตราย เราก็ยิ่งกลัวนะสิคะ แต่ทำใจมาแล้วระดับนึง ต้องสตอง ต้องอยู่ที่สนามบินรอเพื่อน 8 ชั่วโมงให้ได้
เราถึงสนามบิน Ninoy Aquino เวลาประมาณ 04.30 น. บินมากับ Tigerair มาลงที่ Terminal 1 ค่ะ
เพราะเทอร์มินอล 1 ไม่มีอะไรเลย เราต้องนั่ง Shuttle Bus ไปรอเพื่อนที่เทอร์มินอล 4 ซึ่งเป็นเทอร์ที่ใหญ่ ใหม่ และครบครันที่สุด
เมื่อเพื่อนมาถึง ก็ได้เวลาเข้าที่พักค่ะ เรารู้มาว่าไม่ควรนั่งแท็กซี่คันสีเหลือง (แท็กซี่สนามบิน)
เลยใช้บริการ Grab Taxi หน้าสนามบินค่ะ นั่งไปที่พัก 300 กว่าเปโซ
พักที่ Tambayan Capsule Hostel อยู่ในซอยตรงข้ามห้าง Robinson's Place Manila
ช่วงบ่ายหลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปอินทรามูรอสกันค่ะ
ซึ่งไปยังไงนั้น...ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฮ่าาาาาาา กะมาตายเอาดาบหน้านี่แหละ ถามพนง. โฮสเทล ว่าจะไปยังไง นางก็ให้คำตอบ (แบบไม่มั่นใจ) ว่า ไปขึนรถไฟฟ้า LRT สถานี Pedro Gil ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้ที่สุด แล้วไปลงสถานี Central Terminal
เดินออกจากซอยที่พักก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเจอสี่แยก ก็จะเจอสถานี Pedro Gil ค่ะ
ออกมาที่ถนนก็ได้เจอหนึงในสัญลักษณ์ของปินส์ค่ะ นั่นคือ รถจี๊ปนี่ (Jeepney) เหมือนรถสองแถวบ้านเรานี่แหละค่ะ ที่มาก็ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกันทิ้งเอาไว้ ชาวปินส์ก็นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร
มะนิลาเวลานี้เป็นช่วง Rush Hour พอดีเลยค่ะ วุ่นวาย มั่วตั้วสุดๆ
มีรถรับจ้างอีกประเภทหนึ่ง คือ รถพ่วงข้างสามล้อค่ะ มีทั้งแบบจักรยานและมอเตอร์ไซต์ แต่ดูสกปรกมาก ทั้งรถทั้งคนขี่
บางคนจอดรถไว้ข้างทาง กลางคืนก็นอนกันบนรถนั่นแหละ
ตลอดทางที่เดินมา ช็อคกับสภาพแวดล้อมมาก พบเจอแต่ความสกปรก และกลิ่นเหม็น กลิ่นฉี่ คนเร่ร่อน ขอทาน เดินมาขอเงิน
เราก็ต้องตื่นตัว ระวังตัว ระวังกระเป๋าตลอดเวลา แต่ก็ยังสะพายกล้องและถ่ายรูปมาเรื่อยๆ...ทำไมกล้าล่ะ ฮ่าาาา
เมื่อมาถึงสี่แยก ภาพที่เห็นทำให้เราคิดถึงกรุงเทพ และรักกรุงเทพขึ้นมาทันที
ทั้งรถ ทั้งคน วุ่นวายกันไปหมด รถติดหนักมาก และบีบแตรกันหนักมากกกกกกกกกกก คนก็จะเดิน รถก็จะไป พอรถไปไม่ได้ ก็บีบไล่กัน ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรป่ะ หนวกหูสุดๆ ค่ะ สามัคคีกันบีบมาก ปวดหู...
ชมคลิปทางนี้
https://www.facebook.com/winya059/videos/10153613322187816/
ฟิลิปปินส์เป็นชาติแรกในอาเซียนที่มีรถไฟฟ้า เพราะเป็นชาติแรกสินะ สภาพเลยเก่า ดูล้าสมัย และทรุดโทรมมาก
พอไปต่อแถวซื้อบัตร ก็พบว่า ขึ้นผิดฝั่งค่ะ ต้องไปขึ้นฝั่งตรงข้าม ซึ่ง...ด้านบนไม่มีทางเชื่อมเหมือนบ้านเรานะ มันมีแค่ชั้นเดียว เราต้องเดินลงมาข้างล่าง ข้ามถนนไปขึ้นอีกฝั่ง -.-"
เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน คนก็เต็มขบวนเลยจ้า ขบวนแรกมาถึง เรารีบบอกเพื่อนเลย ไม่ขึ้นนะ!! มันน่ากลัว กลัวในกลิ่น กลัวในคน ฮ่าาาาาาาาา จนขบวนที่สองมา ฟ้ามีตา ขบวนนี้โล่งๆ หลวมๆ ไปได้ ฮ่ะๆ
พอถึงสถานี Central Terminal เราก็มั่วกันล่ะค่ะทีนี้ ไปทางไหนละเนี่ย ก็ถามทางคนแถวนี้มาเรื่อยๆ ก็มั่วมาเรื่อยๆ ผ่านนู่นผ่านนี่
เดินถามมาจนรู้ว่าต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งค่ะ พยายามมองหาสะพานลอย มองไปไกลมากแต่ไม่มีเลย จะไปไงละเนี่ย ก็เดินมาเรื่อยๆ ตามๆ เค้าไป จนเจออุโมงค์ข้ามแยกค่ะ..อ๋อออ อย่างนี้นี่เอง
สภาพอุโมงค์ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ เก่า สกปรก โทรม เหม็นอับ ข้างใต้มีร้านค้าขายของ
พอข้ามฝั่งมาได้ ก็เดินย้อนกลับมานิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ เดินตรงมาก็เจอกันสักทีนะ...ทางเข้าอินทรามูรอส ,,,เฮ้อ เหนื่อย
กลับมาลองหาเส้นทางที่เราเดินไป ก็เป็นดังนี้ล่ะค่ะ ลอดอุโมงค์บริเวณหน้า Manila City Hall
เพราะอินทรามูรอสกว้างขวางยิ่งนัก พอเข้ามาในอินทรามูรอสแล้ว ก็ยังไม่วายเดินมั่วอีกค่ะ ฮ่าาาา
อินเตอร์เน็ตก็มีใช้นะคะ แต่รู้สึกว่าเสียเวลาเสิร์ชดู ถามคนแถวนี้สะดวกกว่า
บริเวณ Intramuros Wall ด้านนี้อยู่ฝั่ง Muralla Street ด้านบนกำแพงมีป้อมปืนใหญ่มากมาย
เดินลงมาด้านล่างกำแพง จากที่อ่านป้ายตรงนี้คือ Puerta Del Parian And Revellin Del Parian
เป็นทางเข้าฝั่งตะวันออก 1 ใน 8 ทางเข้าทั้งหมดของที่นี่...เหมือนเป็นทางเข้าในอดีต ไม่น่าจะใช้ทางเข้านี้แล้ว
ที่นี่มีรถสามล้อไฟฟ้าคอยบริการฟรีให้แก่คนทั่วไปที่ไม่อยากเดิน เราเจอก็โดดขึ้นมาเลย จะผ่านตรงไหนบ้างก็ไม่รู้เรื่องเล๊ยยย
นั่งรถมาเรื่อยๆ จนเจอแลนด์มาร์กสำคัญ คือ มหาวิหารมะนิลา (Manila Cathedral) เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิก
เรามาถึงกันเย็นเกินไป เค้าปิดไม่ให้เข้าแล้ว
ฝั่งตรงข้ามหาวิหารคือ Plaza Roma มีอนุสาวรีย์พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งสเปน (Al Rey D. Carlos 4) สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ที่ทรงส่งเซ็ตวัคซีนรักษาไข้ทรพิษเซ็ตแรกมายังฟิลิปปินส์ [วิกิพีเดีย]
นี่ก็มืดแล้ว บรรยากาศดูน่ากลัวและอันตรายอีกตะหาก จะกลับยังไงละเนี่ย กลับไม่ถูก ฮ่าาาาาา
ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ ถามพี่ยามแถวนั้น ตอนแรกก็ถามทางกลับไปสถานีรถไฟฟ้า เค้าบอกว่าไกลนะ เราเลยบอกเค้าว่าจะไปโรบินสันเพลส ง่ายเลยคราวนี้ เค้าชี้ตรงไปทางถนนที่ยืนอยู่ แล้วบอกว่าเดินตรงไปเลย ตรงไปเรื่อยๆ ตรงไปอย่างเดียว ก็จะเจอ
ความที่ไม่อยากนั่งรถโดยสารให้วุ่นวาย กับการหาที่ขึ้นลง ก็เดินนี่ล่ะค่ะ เดินจากสคปมามากแล้ว ยังต้องมาเดินต่อที่ปินส์!
สเต็ปการเดินก็ต้องสตรอง ตาก็ต้องไวมากค่ะ คนไม่น่าไว้ใจเยอะแยะ เราก็พยายามเกาะกลุ่มตามชาวบ้านเค้าไป เรารู้สึกได้ว่าคนพื้นที่เอง โดยเฉพาะผู้หญิงก็ดูระแวงระวังตัวเช่นกัน
ผ่านทั้งคนเร่ร่อน และกลิ่นเหม็นๆ เช่นเคย พอเริ่มใกล้เข้าแหล่งชุมชมก็หาที่กินละค่ะ จากนั้นก็เดินต่อจนเจอห้าง เดินทะลุห้างเข้าไป ออกอีกทาง ก็เจอที่พักเราแล้วค่ะ...รอดแล้ว ฮ่าาาา
ขอบอกว่าห้างนี้กำลังจะเปิดร้าน Pablo Cheese Tart จากญี่ปุ่นด้วย...ดีอ่ะ เมืองไทยยังไม่มีเลย
[CR] Lost in Intramuros | หลงเข้าไปภายในกำแพงเมืองประวัติศาสตร์ของมะนิลา
ขอเล่าสักนิด...ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในสารบบเราเลย เราไม่มีความรู้และไม่สนใจอะไรในปินส์เลย
แต่ด้วยความที่อยากตามเพื่อนไปเที่ยว เลยต้องทำความรู้จักกับปินส์สักหน่อย
ตามเพื่อนมาแบบไร้ข้อมูล เพิ่งศึกษาข้อมูลหลังจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ และทำให้รู้ว่า...
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อันตรายมากกก!!! มิจฉาชีพเยอะ โดยเฉพาะมะนิลา บลาๆ //ช็อคค่ะ
แต่เพราะอยากเที่ยว ถ้าไม่มาคราวนี้ ก็ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ค่ะ ก็ต้องลองดูค่ะ
สาเหตุที่เพื่อนเลือกมะนิลาเพราะจะไปพิชิตภูเขาไฟพินาตูโบ (Mt. Pinatubo) และเที่ยว อินทรามูรอส (Intramuros)
แต่เพิ่งรู้ก่อนเดินทางไม่กี่วันว่า ช่วงนี้ภูเขาไฟปิดชั่วคราวค่ะ เซ็งเลย ก็เหลือแค่อินทรามูรอส ที่เราจะไป
...Intramuros เป็นภาษาสเปน แปลว่า ภายในกำแพง เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดในมะนิลา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ภายในมีชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย เช่น ป้อมปราการ โบสถ์ โรงเรียน วิทยาลัย บลาๆ [กูเกิ้ล]
อยู่ๆ ก็รู้สึกฉลาด!! มาที่นี่แล้วได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ ฮ่าาาาาาา
[[DAY 1]]
หลังจากบินตรงจากสิงคโปร์ http://ppantip.com/topic/35195902
จากการหาข้อมูล ทำให้รู้ว่าสนามบินนินอย เคยครองแชมป์เป็นสนามบินยอดแย่ 3 ปีซ้อน แล้วก็เรื่องมิจฉาชีพในสนามบิน ทั้งคนนอกและเจ้าหน้าที่ -.-" ค่ะ บินจากสนามบินยอดเยี่ยม มายัง อดีตสนามบินยอดแย่
เราบินมาคนเดียวค่ะ แยกกับเพื่อน และเพื่อนจะมาถึงมะนิลา 12.30 น.
ก่อนขึ้นเครื่อง คนปินส์ที่บินมาด้วยกันก็ไซโครสารพัดความอันตราย เราก็ยิ่งกลัวนะสิคะ แต่ทำใจมาแล้วระดับนึง ต้องสตอง ต้องอยู่ที่สนามบินรอเพื่อน 8 ชั่วโมงให้ได้
เราถึงสนามบิน Ninoy Aquino เวลาประมาณ 04.30 น. บินมากับ Tigerair มาลงที่ Terminal 1 ค่ะ
เพราะเทอร์มินอล 1 ไม่มีอะไรเลย เราต้องนั่ง Shuttle Bus ไปรอเพื่อนที่เทอร์มินอล 4 ซึ่งเป็นเทอร์ที่ใหญ่ ใหม่ และครบครันที่สุด
เมื่อเพื่อนมาถึง ก็ได้เวลาเข้าที่พักค่ะ เรารู้มาว่าไม่ควรนั่งแท็กซี่คันสีเหลือง (แท็กซี่สนามบิน)
เลยใช้บริการ Grab Taxi หน้าสนามบินค่ะ นั่งไปที่พัก 300 กว่าเปโซ
พักที่ Tambayan Capsule Hostel อยู่ในซอยตรงข้ามห้าง Robinson's Place Manila
ช่วงบ่ายหลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปอินทรามูรอสกันค่ะ
ซึ่งไปยังไงนั้น...ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฮ่าาาาาาา กะมาตายเอาดาบหน้านี่แหละ ถามพนง. โฮสเทล ว่าจะไปยังไง นางก็ให้คำตอบ (แบบไม่มั่นใจ) ว่า ไปขึนรถไฟฟ้า LRT สถานี Pedro Gil ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้ที่สุด แล้วไปลงสถานี Central Terminal
เดินออกจากซอยที่พักก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเจอสี่แยก ก็จะเจอสถานี Pedro Gil ค่ะ
ออกมาที่ถนนก็ได้เจอหนึงในสัญลักษณ์ของปินส์ค่ะ นั่นคือ รถจี๊ปนี่ (Jeepney) เหมือนรถสองแถวบ้านเรานี่แหละค่ะ ที่มาก็ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกันทิ้งเอาไว้ ชาวปินส์ก็นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร
มะนิลาเวลานี้เป็นช่วง Rush Hour พอดีเลยค่ะ วุ่นวาย มั่วตั้วสุดๆ
มีรถรับจ้างอีกประเภทหนึ่ง คือ รถพ่วงข้างสามล้อค่ะ มีทั้งแบบจักรยานและมอเตอร์ไซต์ แต่ดูสกปรกมาก ทั้งรถทั้งคนขี่
บางคนจอดรถไว้ข้างทาง กลางคืนก็นอนกันบนรถนั่นแหละ
ตลอดทางที่เดินมา ช็อคกับสภาพแวดล้อมมาก พบเจอแต่ความสกปรก และกลิ่นเหม็น กลิ่นฉี่ คนเร่ร่อน ขอทาน เดินมาขอเงิน
เราก็ต้องตื่นตัว ระวังตัว ระวังกระเป๋าตลอดเวลา แต่ก็ยังสะพายกล้องและถ่ายรูปมาเรื่อยๆ...ทำไมกล้าล่ะ ฮ่าาาา
เมื่อมาถึงสี่แยก ภาพที่เห็นทำให้เราคิดถึงกรุงเทพ และรักกรุงเทพขึ้นมาทันที
ทั้งรถ ทั้งคน วุ่นวายกันไปหมด รถติดหนักมาก และบีบแตรกันหนักมากกกกกกกกกกก คนก็จะเดิน รถก็จะไป พอรถไปไม่ได้ ก็บีบไล่กัน ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรป่ะ หนวกหูสุดๆ ค่ะ สามัคคีกันบีบมาก ปวดหู...
ชมคลิปทางนี้ https://www.facebook.com/winya059/videos/10153613322187816/
ฟิลิปปินส์เป็นชาติแรกในอาเซียนที่มีรถไฟฟ้า เพราะเป็นชาติแรกสินะ สภาพเลยเก่า ดูล้าสมัย และทรุดโทรมมาก
พอไปต่อแถวซื้อบัตร ก็พบว่า ขึ้นผิดฝั่งค่ะ ต้องไปขึ้นฝั่งตรงข้าม ซึ่ง...ด้านบนไม่มีทางเชื่อมเหมือนบ้านเรานะ มันมีแค่ชั้นเดียว เราต้องเดินลงมาข้างล่าง ข้ามถนนไปขึ้นอีกฝั่ง -.-"
เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน คนก็เต็มขบวนเลยจ้า ขบวนแรกมาถึง เรารีบบอกเพื่อนเลย ไม่ขึ้นนะ!! มันน่ากลัว กลัวในกลิ่น กลัวในคน ฮ่าาาาาาาาา จนขบวนที่สองมา ฟ้ามีตา ขบวนนี้โล่งๆ หลวมๆ ไปได้ ฮ่ะๆ
พอถึงสถานี Central Terminal เราก็มั่วกันล่ะค่ะทีนี้ ไปทางไหนละเนี่ย ก็ถามทางคนแถวนี้มาเรื่อยๆ ก็มั่วมาเรื่อยๆ ผ่านนู่นผ่านนี่
เดินถามมาจนรู้ว่าต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งค่ะ พยายามมองหาสะพานลอย มองไปไกลมากแต่ไม่มีเลย จะไปไงละเนี่ย ก็เดินมาเรื่อยๆ ตามๆ เค้าไป จนเจออุโมงค์ข้ามแยกค่ะ..อ๋อออ อย่างนี้นี่เอง
สภาพอุโมงค์ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ เก่า สกปรก โทรม เหม็นอับ ข้างใต้มีร้านค้าขายของ
พอข้ามฝั่งมาได้ ก็เดินย้อนกลับมานิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ เดินตรงมาก็เจอกันสักทีนะ...ทางเข้าอินทรามูรอส ,,,เฮ้อ เหนื่อย
กลับมาลองหาเส้นทางที่เราเดินไป ก็เป็นดังนี้ล่ะค่ะ ลอดอุโมงค์บริเวณหน้า Manila City Hall
เพราะอินทรามูรอสกว้างขวางยิ่งนัก พอเข้ามาในอินทรามูรอสแล้ว ก็ยังไม่วายเดินมั่วอีกค่ะ ฮ่าาาา
อินเตอร์เน็ตก็มีใช้นะคะ แต่รู้สึกว่าเสียเวลาเสิร์ชดู ถามคนแถวนี้สะดวกกว่า
บริเวณ Intramuros Wall ด้านนี้อยู่ฝั่ง Muralla Street ด้านบนกำแพงมีป้อมปืนใหญ่มากมาย
เดินลงมาด้านล่างกำแพง จากที่อ่านป้ายตรงนี้คือ Puerta Del Parian And Revellin Del Parian
เป็นทางเข้าฝั่งตะวันออก 1 ใน 8 ทางเข้าทั้งหมดของที่นี่...เหมือนเป็นทางเข้าในอดีต ไม่น่าจะใช้ทางเข้านี้แล้ว
ที่นี่มีรถสามล้อไฟฟ้าคอยบริการฟรีให้แก่คนทั่วไปที่ไม่อยากเดิน เราเจอก็โดดขึ้นมาเลย จะผ่านตรงไหนบ้างก็ไม่รู้เรื่องเล๊ยยย
นั่งรถมาเรื่อยๆ จนเจอแลนด์มาร์กสำคัญ คือ มหาวิหารมะนิลา (Manila Cathedral) เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิก
เรามาถึงกันเย็นเกินไป เค้าปิดไม่ให้เข้าแล้ว
ฝั่งตรงข้ามหาวิหารคือ Plaza Roma มีอนุสาวรีย์พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งสเปน (Al Rey D. Carlos 4) สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ที่ทรงส่งเซ็ตวัคซีนรักษาไข้ทรพิษเซ็ตแรกมายังฟิลิปปินส์ [วิกิพีเดีย]
นี่ก็มืดแล้ว บรรยากาศดูน่ากลัวและอันตรายอีกตะหาก จะกลับยังไงละเนี่ย กลับไม่ถูก ฮ่าาาาาา
ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ ถามพี่ยามแถวนั้น ตอนแรกก็ถามทางกลับไปสถานีรถไฟฟ้า เค้าบอกว่าไกลนะ เราเลยบอกเค้าว่าจะไปโรบินสันเพลส ง่ายเลยคราวนี้ เค้าชี้ตรงไปทางถนนที่ยืนอยู่ แล้วบอกว่าเดินตรงไปเลย ตรงไปเรื่อยๆ ตรงไปอย่างเดียว ก็จะเจอ
ความที่ไม่อยากนั่งรถโดยสารให้วุ่นวาย กับการหาที่ขึ้นลง ก็เดินนี่ล่ะค่ะ เดินจากสคปมามากแล้ว ยังต้องมาเดินต่อที่ปินส์!
สเต็ปการเดินก็ต้องสตรอง ตาก็ต้องไวมากค่ะ คนไม่น่าไว้ใจเยอะแยะ เราก็พยายามเกาะกลุ่มตามชาวบ้านเค้าไป เรารู้สึกได้ว่าคนพื้นที่เอง โดยเฉพาะผู้หญิงก็ดูระแวงระวังตัวเช่นกัน
ผ่านทั้งคนเร่ร่อน และกลิ่นเหม็นๆ เช่นเคย พอเริ่มใกล้เข้าแหล่งชุมชมก็หาที่กินละค่ะ จากนั้นก็เดินต่อจนเจอห้าง เดินทะลุห้างเข้าไป ออกอีกทาง ก็เจอที่พักเราแล้วค่ะ...รอดแล้ว ฮ่าาาา
ขอบอกว่าห้างนี้กำลังจะเปิดร้าน Pablo Cheese Tart จากญี่ปุ่นด้วย...ดีอ่ะ เมืองไทยยังไม่มีเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น