[CR] ฟิลิปปินส์บินเดี่ยว Manila Cebu (5วัน4คืน)

ฟิลิปปินส์บินเดี่ยว Manila-Cebu



สวัสดีครับ ชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้แรกของผมเลยนะครับ
ของฝากเนื้อฝากตัวฝากหัวใจดวงน้อยๆด้วยครับอมยิ้ม17

สาเหตุที่ทำให้ผมเขียนรีวิวนี้ขึ้นเพราะ ทุกๆครั้งที่จะหาข้อมูลในการท่องเที่ยว
ก็ได้พื้นที่ดีๆแห่งนี้ครับที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวของผม
จากนี้ก็คิดว่าจบทริปแต่ละทริปจะมารีวิวแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อื่นบ้างเผื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการเดินทาง
ไม่มากก็น้อยครับ

เกริ่นซะยาวเหยียดเลย (ออกตัวว่ามือใหม่ครับ) มาเริ่มกันกันครับ ฟิลิปปินส์บินเดี่ยว (5 วัน 4คืน)
การเดินทางของทริปนี้เกิดขึ้นด้วยเวลากระชั้นชิด ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก

การเดินทางวันแรก BKK -Manila

วันเสาร์เราก็ตื่นมาแต่เช้ามืดโดยตั้งใจว่าจะไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแบบสบายๆ เพราะทุกครั้งที่มาที่นี่รู้สึกฉิวเฉียดทุกครั้ง
เราก็มาถึงสนามบินเวลาเกือบตี5 แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนที่ช่องเช็คอินเพราะคนเยอะมาก แต่โชคดีที่เราไม่มีสัมภาระ (ภาระ) ที่ต้องโหลด เราเลยเดินไปที่ตู้ Self-Check-In ซึ่งก็ง่ายดายและได้ boarding pass มา Flight เราคือ TG620 จากนั้นก็ไปตรวจหนังสือเดินทางกันก็เป็นอันเสร็จพิธีการรอขึ้นเครื่องได้ กระบวนการทั้งสิ้นใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
เหลือเวลาอีกเกือบ 2 ชม. กว่าจะถึงเวลา boarding time 7.20 น.  เราเลยไปใช้บริการ King Power Lounge ซะหน่อยไม่ต้องซื้อน้ำกินเอง
ไม่เปลืองเงิน เงินไทยหมดแล้วด้วย แลก USD มาหมดแล้ว 555


อาหารเช้าวันนี้มี โจ๊กหมู แต่ไม่ได้ถ่ายนะหิวมากเลยซัดอย่างเดียวครับ

พอได้เวลา boarding time เราก็เดินไปที่ Gate D3 ซึ่งไม่ไกลจาก King Power Lounge มากนัก


Flight นี้ส่วนใหญ่ไม่มีคนไทยเลยมีแต่คนฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่

บนเครื่องไม่มีรูปเลยเพราะผมหลับจนถึงฟิลิปปินส์ คือบิน 3 ชม. นอนไปเกิน 2 ชม. ว่างั้นเถอะ


ถ่ายรูปแผ่นดินฟิลิปปินส์จากมุมบนหน่อยระหว่างรอเครื่องลงที่ Ninoy Aquino International Airport มีหลายรูปเลยเพราะการจราจรที่นี่ติดขัดมากบินวนๆกันไป

โดยวันแรกเราจะพักกันที่ Manila โดยจะพักกันที่ย่าน Makati ซึ่งย่านนี้ค่อนข้างมีความปลอดภัยในชีวิตสูงกว่าที่อื่นใน มะนิลา โดยขอมูลนี้ได้จากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ที่อยู่ที่ไทย ที่คอยเตือนทุกอย่างเพราะรู้ว่าเราจะไปคนเดียว
พอลงเครื่องที่ Ninoy Aquino International Airport Terminal 1  ก็ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เดินออกมา
ก่อนออกไปเรียกรถแท็กซี่ เราก็ต้องแลกเงินซักเล็กน้อย ร้านแลกเงินอยู่ทางซ้ายมือสุดๆเล็กๆไม่ใหญ่มากก็แลกไปก่อน 100 USD ได้มา 4730 เปโซ จากนั้นก็เดินออกมาเรียกแท็กซี่ โดยแท็กซี่ที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องการไม่กดมิเตอร์จะให้เหมาอย่างเดียว ไม่รู้ใครติดใคร พี่ไทยหรือพี่ปินส์เป็นคนต้นแบบ แท็กซี่ที่นี่จะมี 2 สี สีเหลือคือแท็กซี่ของสนามบิน สีขาวเป็นแท็กซี่ทั่วไป
ผมก็เดินไปเคาน์เตอร์แท็กซี่ของสนามบิน (สีเหลือง) ก็บอกว่าไปโรงแรม Makati Diamond Residences เค้าก็ไม่รู้จัก เราเลยบอกว่าอยู่ตรงห้าง Greenbelt 1 แท็กซี่ตอบ Ok เป็นอันรู้กัน ขึ้นแท็กซี่เวลาประมาณ 12:20 ใช้เวลา 1.30 ชม. ในการเดินทางระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ซึ่งการจราจรติดขันมากจนหงุดหงิด ระหว่างรถติดพี่แท็กซี่ก็ชวนคุยเราก็คุยเนื่องจากพอจะคุ้นเคยสำเนียงคนฟิลิปปินส์เนื่องจากมีคนรู้จักหายคนที่ไทย สักพักพี่แกก็ถามว่า sky way? เราก็บอกไปไหนก็ไปถ้ารถไม่ติด พี่แท็กซี่ก็บอกว่าค่าขึ้น 20 เปโซ คือถูกมากคือไม่ต้องถามก็ได้มั้ยครับ
พอขึ้นมาไม่มีรถเลย 555 ใช้เวลาไม่นานบน sky way จากนั้นก็มาถึงที่หมายของเรา


ห้องพักสะอาดแล้วดูดีมาก มีชา TWG ให้เป็นกระป๋องเลย แถม TWG ทำมาเพื่อโรงแรมนี้เลยนะดูจากฉลากหน้ากระป๋อง

ทีวีก็ใหญ่มาก 55” ดูซะหน่อยเดี๋ยวไม่ได้ดู 555 อมยิ้ม35

ก่อนออกไปเดินดูย่านเมืองเก่า ก็พักผ่อนซะหน่อยรวมถึงชาร์ตโทรศัพท์ด้วย เพราะการโรมมิ่งนี่เปลืองแบตโทรศัพท์พอสมควร
แล้วก็พักผ่อนจนถึงบ่าย3โมง ได้เวลาแล้วเพราะหิวแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องไปหาอะไรกินในห้าง Greenbelt ก่อนค่อยไปดีกว่า


ก็ไม่รู้จะกินไร กินกาแฟ กับแซนวิส แล้วกัน ภาพด้านหลังคือตึกโรงแรมที่เราพักพอดีเลย

อิ่มแล้วพร้อมไป Intramuros ไปเรียกแท็กซี่กันหน้าห้างดีกว่า
เรียกแล้วบอกพี่แท็กว่าไป Intramuros (อิน-ทา-มู-รอส) ที่แท็กซี่ก็งงกันไปแบบไม่รู้คืออะไร เราก็เริ่มนอยเพราะเราอ่านไม่ถูกหลอนี่
ก็คิดว่าข้อมูลแน่นแล้วนะ พี่ยามที่นี่ก็ใจดีมากมี service mind มากๆ ต้องบอกว่าคนทำอาชีพบริการที่ประเทศนี้น่ารักมาก ยิ้มแย้ม พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว พี่ยามก็เข้ามาถามว่าเราจะไปไหนเราก็บอก พี่ยามก็บอกพี่แท็กซี่ให้ว่า
(อิน-ทรา-มู-รอส) แบบกระดกลิ้นรัวๆ อ่าวเฮ้ยไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า 5555
สรุปเราก็ได้พี่แท็กซี่ไปส่งเราแล้ว เชื่อมั้ยผมไม่เจอแท็กซี่เหมาเลย 2เที่ยวแล้ว กดมิเตอร์ตลอด และแล้วเราก็มาถึง ย่านเมืองเก่า
Intramuros (อิน-ตรา-มู-รอส) เป็นภาษา สเปน  มีความหมายว่า within the wall (ภายในกำแพง)


ป้อมซานติเอโก (Fort Santiago)
สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1571 นับเป็นป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปินส์ ป้อมนี้นับเป็นด่านแรกที่ป้องกันการโจมตี
จากข้าศึกที่เข้ามาทางปากอ่าวมะนิลา ป้อมแห่งนี้ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐ ต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็น
“ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ ” (Shrine of Freedom) บริเวณรอบป้อมมีสวนหย่อมรายล้อม มีบริการรถม้าพาชมรอบบริเวณ


โบสถ์ซานอะกุสติน (San Agustin Church)
สร้างขึ้นในปีค.ศ.1599 ตามแบบสถาปัตยกรรมของสเปน สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังมีความสง่างาม ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างหนึ่งเดียว ภายในอินทรามูรอสที่ไม่ถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2


โบสถ์มะนิลา (Manila Cathedral)
สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่มะนิลาเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมสเปน โดยพระประสงค์ของพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 ดังนั้น โบสถ์แห่งนี้จึงมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โบสถ์แห่งนี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ที่สำคัญยังคงยืนหยัดอยู่คู่ศรัทธาของชาวกรุงมะนิลามาจวบจนปัจจุบัน


พอเริ่มจะมืด แสงเริ่มหมด ก็ถึงเวลาต้องกลับไปตั้งหลังที่ที่พักเราก่อนดีกว่า มืดแล้วความปลอดภัยในชีวิตเริ่มน้อยลงแบบรู้สึกได้
รอแท็กซี่นานมากจนเริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยโอเครแล้ว พอเจอแท็กซี่มาก็รีบบอกเลยไป Greenbelt Makati พี่แท็กซี่ก็ไม่รอช้าบอกราคาเหมาทันที 250 เปโซ นั่นไงโดนแล้วคิดในใจ แต่ราคาที่บอกเมือเทียบกับตอนมา 200 เปโซ คิดเป็นเงินไทยต่างกัน 35-40 บาท ณ เวลานั้น ความปลอดภัยในชีวิตน่าจะคุ้มกว่า เลยตกลงแต่โดยดี พอขึ้นรถสิ่งแรกที่ต้องทำเลยย้ำนะครับคือ ล๊อคประตู ด้วยสถาพถนนที่ต้องผ่านและรถที่ติด ไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะมาเปิดประตูรถดึงของอะไรไป ขนาดรถ Jeepney ด้านคนขับยังมีล๊อกลูกกรงเลยครับ แล้วก็มาถึงที่พักของเราอย่างปลอดภัย พอกลับมาก็ได้เวลาไปใช้ ฟิตเนต สระว่ายน้ำของโรงแรมหน่อย ไหนๆก็จ่ายค่าที่พักราคาไม่ถูกไปแล้ว จากนั้นค่อยออกไปปาร์ตี้ในคืนวันเสาร์ที่มะนิลากัน

เวลาที่เรารอคอยมาถึงแล้วกายพร้อมใจพร้อมเริ่มลุยคืนนี้ที่ มะนิลาได้แล้ว แต่เดี๋ยวๆ ท้องร้องดังมากจากการออกกำลังกายอย่างหนักสงสัยเหล็กที่ฟิลิปปินส์จะหนักกว่าฟิตเนตที่ไทย 555 เราหาที่กินข้าวก่อน กินไหนดีคิดไม่ออก จังหวะนั้นมีคนส่งข้อความมาหาว่า “อยู่มะนิลาหรอ” “แวะซื้อเข็มกลัดที่ Hard Rock Manila ให้ด้วยสะสมแต่...ประเทศนี้คงคิดว่าไม่ได้ไป” ก็แบบว่าก็ได้ไปกินข้าวที่ Hard Rock Manila เลยละกันถ้างั้น


ย่านนี้เดินไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็ดูไม่น่ากลัวเท่าย่าน Intramuros ที่เรายืนเรียกแท็กซี่เลย คนแถวนี้ใช้ชีวิตปกติดูไม่น่ากลัวเท่าไรแต่เราไปคนเดียวก็ต้องระวังตัวเราเป็นดีที่สุด ไม่งั้นทริปสนุกอาจจบลงเร็วกว่าที่คิดไว้


ถึงแล้ว Hard Rock Manila แวะไปซื้อเข็มกลัดก่อนค่อยไปกินข้าว ปล.รูปของกินไม่มีนะเพราะจ้วงไม่ยั้งหิวมากครับ

จากนั้นเริ่มอยากหาที่นั่งดูบอล เพราะผมเป็นแฟนบอลตัวยงของทีมที่ 3ปีก่อนเคยเก่งแห่งเกาะอังกฤษ เลยค้นหา Sport Bar แถวย่านนั้น มีหลายร้านมากแต่เราเลือก Howzat Sport Bar ใก้ลร้าน Howzat Sport Bar ยังมี Mulligan’s อีกถ้าไม่ถูกใจค่อยเปลี่ยนไปที่อื่น


ส่วนใหญ่มีแต่หัวทองมาดูบอล มานั่งดื่มไม่ค่อยมีคนท้องถิ่นเลย ในร้านมีอยู่ 2 โซน ทั้งห้องแอร์ด้านในและข้างนอกไม่มีแอร์ ข้างในเปิดกีฬาอื่นซึ่งผมจะไปดูบอลและบอลก็เปิดอยู่ข้างนอก ก็ต้องนั่งข้างนอกตามระเบียบ

ไปที่ไหนก็ต้องกินของถิ่นนั้นนั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอด เช่นไป ตุรกีก็ต้องเบียร์ EFES มาฟิลิปปินส์ก็ต้อง San Miguel จะได้กลมกลืน
บางที่กลมกลืนจนมีแต่คนพูด ตากาล๊อก ใส่ ด้วยใบหน้าและสีผิวของผมคงจะคล้ายจัด 555

ดูบอลจบ ก็ต้องปาร์ตี้ต่อสิครับ คืนนี้บางที่จัดฮาลาวีนแล้วครับ แต่เราจะไปไหนดีก็เจอ Below ผับในโรงแรม New World Makati เอาละคืนนี้ไปดูผีสาวที่ฟิลิปปินส์กันลุย!!



จะว่าไปก็มีความคล้าย DND ที่บ้านเรานะครับ แต่คนไม่เบียดเท่า 555


เพลงก็ติ๊ดๆตามกระแสทั่วๆไปครับ

ตี3กว่าแล้วเมาแล้วหิวด้วยด้วยส่งท้ายด้วยรูปบาร์ก่อนกลับละกันครับ


เดิมกลับผ่าน  McDonalds หน้าโรงแรมต้องแวะซื้อหน่อย เอา Set13 (ไก่2ชิ้นกับข้าว) กินอิ่มแล้ว ไปอาบน้ำนอนดีกว่าพรุ่งนี้มีหลายอย่างต้องทำ
ชื่อสินค้า:   ฟิลิปปินส์คนเดี่ยวก็เที่ยวได้ Manila Cebu
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่