เรามีความรู้สึกว่าความเป็นมนุษย์ของตัวเองหายไปค่ะ ไม่กี่เดือนมานี้คุณยายเราเพิ่งเสียไป
คุณยายเลี้ยงดูเราตั้งแต่เล็กๆจนเข้าม.ปลาย แต่พอเค้าจากไปเรารู้สึกเฉยมาก ใจหายนิดหน่อยว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว
แต่ก็แค่นั้นค่ะ รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา วันที่แม่โทรมาบอกว่ายายเสียแล้ว เราก็ตกใจนิดหน่อยใจมันหายวูบไปพักนึง
พอหลับตาหายใจออกก็กลับไปทำกิจวัตรตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เรียน เล่นกับเพื่อนหัวเราะได้เหมือนวันทั่วๆไป
พ่อเราบอกว่าจะมารับให้ลากลับเลย เราก็บอกไม่ต้องก็ได้ยังไงเลิกเรียนก็ต้องไปอยู่ดี พ่อเราก็ยังงงว่าทำไมเรานิ่งได้ขนาดนั้น
ลูกไม่เสียใจหรอ ตอนนั้นจะตอบว่าไม่รู้ก็ไม่กล้า แต่ก็บอกไปว่าเสียใจ แต่ถ้ายายยังอยู่ก็คงไม่ให้กลับหรอก
ตอนไปเจอยายครั้งสุดท้ายเราเห็นแม่กับน้องร้องไห้อยู่ เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ยืนมอง คนอื่นๆเศร้ากันไปเป็นเดือน
แต่เหมือนเรื่องนี้มันแทบไม่กระทบจิตใจเราเลยเราเป็นเหมือนอย่างทุกวัน ในวันทำพิธีก็มีแต่คนร้องไห้
แต่เรากลับรู้สึกง่วงเวลาพระสวดมาก พ่อกับแม่ ลุงป้าเราก็เริ่มมองเราว่าทำไมเป็นแบบนี้
ตอนไปเคาะฝาโลงแม่เราร้องไห้ใหญ่ แต่พอถึงตาเรา เราเห็นว่ายายยังสวยอยู่เลย ก็เลยยิ้มออกไปแทน
รู้สึกว่าคงต้องจากกันแล้วนะลาก่อนค่ะ จิตใจตอนนั้นมันแบบนิ่งมาก มันเย็นๆแต่ก็ไม่มีความเศร้าเลย
จนแม่มาถามว่ายายเลี้ยงเรามาทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วยิ้มทำไม ไม่เศร้าหรอ ก็เลยพูดตรงๆไปเลยว่า ไม่เลย
รู้สึกดีใจด้วยว้ำเพราะว่าตอนยายอยู่เค้าก็เดินไม่ไหวแล้ว แถมยังเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย เค้าคงลำบากน่าดู
คิดว่าบางทีถ้าเค้าจากไปคงจะดีกว่าอยู่แบบทรมาณ ที่หนูยิ้มก็เพราะว่าคนจากกันควรจะยิ้มให้กันดีกว่า
แม่เราก็บอกเราว่า เราแปลก ซึ่งเราก็ว่าเราแปลก เพราะรู้สึกว่าหลังอายุ 18 มานี่เราไม่เคยร้องไห้อีกเลย
พ่อแม่จะหย่ากัน ยายเสีย รึเรื่องอื่นๆที่คนเค้าเศร้ากัน เรากลับไม่เป็น มันรู้สึกแค่ว่า แล้วไง ถึงเวลาแล้วหรอ
สรุปแล้วจิตใจเรามันแข็งกระด้างเพราะอะไรก็ไม่รู้ ตอนแมวที่เรารักมากตาย เราก็ใจหายนะ ว่าจะไม่ได้เล่นกับมันอีกแล้วหรอ แต่ก็ใช้ชีวิตประจำวันต่อได้แทบจะทันทีเหมือนไม่กระทบอะไรเลย เลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ ว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้มันมาจากอะไรควรไปปรึกษาจิตแพทย์มั้ยคะ เพราะถ้าเป็นตอนอายุซัก 15 เราร้องไห้เป็นปีแน่ๆ
คนในครอบครัวเสียชีวิต แต่เราไม่รู้สึกเสียใจ
คุณยายเลี้ยงดูเราตั้งแต่เล็กๆจนเข้าม.ปลาย แต่พอเค้าจากไปเรารู้สึกเฉยมาก ใจหายนิดหน่อยว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว
แต่ก็แค่นั้นค่ะ รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา วันที่แม่โทรมาบอกว่ายายเสียแล้ว เราก็ตกใจนิดหน่อยใจมันหายวูบไปพักนึง
พอหลับตาหายใจออกก็กลับไปทำกิจวัตรตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เรียน เล่นกับเพื่อนหัวเราะได้เหมือนวันทั่วๆไป
พ่อเราบอกว่าจะมารับให้ลากลับเลย เราก็บอกไม่ต้องก็ได้ยังไงเลิกเรียนก็ต้องไปอยู่ดี พ่อเราก็ยังงงว่าทำไมเรานิ่งได้ขนาดนั้น
ลูกไม่เสียใจหรอ ตอนนั้นจะตอบว่าไม่รู้ก็ไม่กล้า แต่ก็บอกไปว่าเสียใจ แต่ถ้ายายยังอยู่ก็คงไม่ให้กลับหรอก
ตอนไปเจอยายครั้งสุดท้ายเราเห็นแม่กับน้องร้องไห้อยู่ เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ยืนมอง คนอื่นๆเศร้ากันไปเป็นเดือน
แต่เหมือนเรื่องนี้มันแทบไม่กระทบจิตใจเราเลยเราเป็นเหมือนอย่างทุกวัน ในวันทำพิธีก็มีแต่คนร้องไห้
แต่เรากลับรู้สึกง่วงเวลาพระสวดมาก พ่อกับแม่ ลุงป้าเราก็เริ่มมองเราว่าทำไมเป็นแบบนี้
ตอนไปเคาะฝาโลงแม่เราร้องไห้ใหญ่ แต่พอถึงตาเรา เราเห็นว่ายายยังสวยอยู่เลย ก็เลยยิ้มออกไปแทน
รู้สึกว่าคงต้องจากกันแล้วนะลาก่อนค่ะ จิตใจตอนนั้นมันแบบนิ่งมาก มันเย็นๆแต่ก็ไม่มีความเศร้าเลย
จนแม่มาถามว่ายายเลี้ยงเรามาทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วยิ้มทำไม ไม่เศร้าหรอ ก็เลยพูดตรงๆไปเลยว่า ไม่เลย
รู้สึกดีใจด้วยว้ำเพราะว่าตอนยายอยู่เค้าก็เดินไม่ไหวแล้ว แถมยังเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย เค้าคงลำบากน่าดู
คิดว่าบางทีถ้าเค้าจากไปคงจะดีกว่าอยู่แบบทรมาณ ที่หนูยิ้มก็เพราะว่าคนจากกันควรจะยิ้มให้กันดีกว่า
แม่เราก็บอกเราว่า เราแปลก ซึ่งเราก็ว่าเราแปลก เพราะรู้สึกว่าหลังอายุ 18 มานี่เราไม่เคยร้องไห้อีกเลย
พ่อแม่จะหย่ากัน ยายเสีย รึเรื่องอื่นๆที่คนเค้าเศร้ากัน เรากลับไม่เป็น มันรู้สึกแค่ว่า แล้วไง ถึงเวลาแล้วหรอ
สรุปแล้วจิตใจเรามันแข็งกระด้างเพราะอะไรก็ไม่รู้ ตอนแมวที่เรารักมากตาย เราก็ใจหายนะ ว่าจะไม่ได้เล่นกับมันอีกแล้วหรอ แต่ก็ใช้ชีวิตประจำวันต่อได้แทบจะทันทีเหมือนไม่กระทบอะไรเลย เลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ ว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้มันมาจากอะไรควรไปปรึกษาจิตแพทย์มั้ยคะ เพราะถ้าเป็นตอนอายุซัก 15 เราร้องไห้เป็นปีแน่ๆ