ไดอารี่หมอดู โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 216 ค่ะ
มกราคม ๒๕๕๘
สวัสดีค่ะทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดู
สำหรับอาทิตย์นี้เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ อาทิตย์นี้ทำแกงจืดไข่น้ำ ผัดผักน้ำมันหอย และลาบหมูไปถวายที่วัด ส่วนอาทิตย์ที่แล้วทำแกงจืดฟักเขียว ผัดกะหล่ำน้ำปลา ปลานึ่งมะนาว และชมพู่ค่ะ อนุโมทนากันนะคะ
สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกรอบนะคะ ปีที่ผ่านมาไม่ต้องคิดถึงให้มองไปข้างหน้า แต่ต้องสำรวจว่าชีวิตเราบกพร่องอะไรบ้าง เช่น ถ้ารักษาศีลได้ไม่ครบห้าข้อก็ตั้งใจรักษาให้ครบ ถ้าเห็นว่าห่างหายจากการทำบุญก็ต้องกระชากตัวเองให้มาเริ่มทำบุญ ส่วนใครตั้งใจให้สัจจะว่าจะภาวนา ก็ขอร่วมอนุโมทนาด้วยนะคะ ลองกำหนดอนาคตใหม่ด่วยการกระทำปัจจุบันดูค่ะ
บนโลกมนุษย์มีแรงกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา คนที่มีนิสัยใจเย็นโกรธไม่รุนแรงอาจจะใช้ชีวิตได้สบายกว่าคนที่มีนิสัยโกรธง่ายโกรธแรง โดยเฉพาะถ้าคนโกรธแรงมีเพื่อนสนิทเป็นพวกโกรธง่ายและแรงเหมือนๆกัน เพราะบางครั้งถึงแม้เรื่องจบไปแล้ว แต่พอเอาไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็จะโกรธตามแล้วก็จะยิ่งพูดยิ่งทำให้เราโมโหหนักกว่าเดิม เพื่อนบางคนอาจจะสอนให้ผิดศีลอีกด้วย เช่นทำไมไม่ตบไปสักที หรือสอนให้ด่าเพิ่ม สารพัดรูปแบบคำพูดที่จะคิดเป็นคำด่าออกมาได้
ส่วนคนที่โกรธไม่รุนแรงพอเรื่องจบ เขาจะเห็นเป็นธรรมดาไปเลยไม่ติดใจอะไร บางทีลืมไปแล้วก็เป็นได้ ถ้าจะเล่าให้คนใกล้ตัวฟังก็จะเล่าแบบปรกติ ไม่มีใครเกิดโทสะตาม
ลองสำรวจตัวเองดูนะคะว่าระดับความโกรธตัวเองมากน้อยขนาดไหน ถ้ามันมากไปแสดงว่ามันกำลังสั่งสมระเบิดลูกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คือมันมีความเสี่ยงที่จะดึงดูดเรื่องราวที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ วิธีการลดระดับความโกรธคือต้องฝึกที่จะให้อภัยทานและอโหสิกรรม ทำให้ได้เรื่อยๆ หรือคิดด้านดีๆช่วย เช่นเขาคงไม่รู้ เขาคงรีบปล่อยไปเหอะ เขาคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราที่มากระตุ้นให้เราโกรธ
เราไม่สามารถห้ามความโกรธไม่ให้เกิดในใจเราได้ เราไม่ได้ฝึกให้ไม่โกรธ แต่ให้ฝึกรู้ทันว่าว่าจิตใจมันโกรธก็ให้รู้ทัน สงบปากไม่ด่า กริยาไม่แสดงออก ถ้าโกรธมากอยากจะด่าออกมา ให้พยายามคิดบวกพยายามให้อภัยก็จะพอช่วยได้ค่ะ ทดลองดูนะคะ
ถ้าเราฝึกให้ไม่มีความโกรธมันจะขัดกับหลักความจริงของธรรมชาติค่ะ ถ้าการฝึกไม่โกรธคือการกดอารมณ์ไว้แน่น พอมันหลุดออกมาเป็นความโกรธให้เห็น เราจะพาลโกรธตัวเองซ้ำลงไปอีกว่าทำไมเป็นคนไม่ดียังโกรธอยู่ มันจะกลายเป็นความโกรธซ้อนเข้าไปอีกชั้น มันจะทำให้หงุดหงิดไม่หาย ถ้าใครพบว่าตัวเป็นอย่างนี้ไม่ต้องไปแก้อะไรนะคะ ให้กลับมาสอนตัวเองใหม่ค่ะ เราไม่ได้ฝึกให้เป็นคนไม่โกรธ ไม่มีใครบนโลกใบนี้จะไม่โกรธ ทุกคนโกรธได้เหมือนกันหมด แต่ความโกรธมีระดับที่ต่างกัน โกรธง่าย โกรธยาก โกรธแรง โกรธเบา หรืออีกกรณีคือเค้าเป็นคิดบวกได้เร็วมากหรือให้อภัยทานได้เร็วมาก หรืออีกกรณีคือเห็นความโกรธเกิดขึ้นรู้ทันสำรวมกายกับปากไว้ทัน พอเวลาผ่านไปความโกรธมันดับไปเองจึงดูเหมือนไม่โกรธค่ะ
บางคนเวลาดวงขึ้นโกรธยาก แต่เวลาดวงตกโกรธง่ายมากแบบนี้ก็มีนะคะ ช่วงต้นปีดูดวงแล้วเห็นว่าหลายคนเริ่มโกรธง่ายกันตั้งแต่ต้นปีเลยค่ะ มีพี่คนหนึ่งมาดูดวง ทักเธอเรื่องโกรธง่าย แนะนำให้ระวังว่านะมันจะหลุดคำพูดแรงๆใส่คนอื่น เขารีบบอกเลยค่ะว่า ถ้าพี่ไม่พูดไม่เถียงออกไป เขาจะหาว่าพี่โง่ ไม่ทันคนสิคะ ฟังเสร็จขำเธอทันที เพราะพอเราโกรธบ่อยๆ จิตเราจะเริ่มมืดจึงคิดหาทางออกให้ตัวเองแบบมืดๆ ยิ่งมีเพื่อนสนิทที่มีนิสัยโกรธแรงเป็นที่ปรึกษายิ่งพากันมืดค่ะ เราต้องหาเพื่อนที่ใจเย็น พอคุยกันจะได้ทางออกที่สว่าง แนะนำเธอไปว่า อาจจะดูโง่ในสายตาคนบนโลกแต่ทำให้เราฉลาดในเรื่องกฏแห่งกรรมนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ก่อบาปเพิ่ม และไม่ต้องมานั่งใช้กรรมเก่าตัวเองเหมือนทุกวันนี้ พอพูดจบเธอก็คิดได้ค่ะเพราะตามดวงจิตใจเธอมีธรรมะเป็นพื้นอยู่แล้ว
เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่บกพร่องให้ได้และต้องทำอย่างต่อเนื่องนะคะ พอทำได้อย่างต่อเนื่องจะเป็นการสร้างนิสัยใหม่ เมื่อนิสัยใหม่ที่ดีเกิดขึ้น เราย่อมได้รับผลกรรมใหม่ที่ดีค่ะ
...ไดอารี่หมอดู... โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 216 ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 216 ค่ะ
มกราคม ๒๕๕๘
สวัสดีค่ะทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดู
สำหรับอาทิตย์นี้เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ อาทิตย์นี้ทำแกงจืดไข่น้ำ ผัดผักน้ำมันหอย และลาบหมูไปถวายที่วัด ส่วนอาทิตย์ที่แล้วทำแกงจืดฟักเขียว ผัดกะหล่ำน้ำปลา ปลานึ่งมะนาว และชมพู่ค่ะ อนุโมทนากันนะคะ
สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกรอบนะคะ ปีที่ผ่านมาไม่ต้องคิดถึงให้มองไปข้างหน้า แต่ต้องสำรวจว่าชีวิตเราบกพร่องอะไรบ้าง เช่น ถ้ารักษาศีลได้ไม่ครบห้าข้อก็ตั้งใจรักษาให้ครบ ถ้าเห็นว่าห่างหายจากการทำบุญก็ต้องกระชากตัวเองให้มาเริ่มทำบุญ ส่วนใครตั้งใจให้สัจจะว่าจะภาวนา ก็ขอร่วมอนุโมทนาด้วยนะคะ ลองกำหนดอนาคตใหม่ด่วยการกระทำปัจจุบันดูค่ะ
บนโลกมนุษย์มีแรงกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา คนที่มีนิสัยใจเย็นโกรธไม่รุนแรงอาจจะใช้ชีวิตได้สบายกว่าคนที่มีนิสัยโกรธง่ายโกรธแรง โดยเฉพาะถ้าคนโกรธแรงมีเพื่อนสนิทเป็นพวกโกรธง่ายและแรงเหมือนๆกัน เพราะบางครั้งถึงแม้เรื่องจบไปแล้ว แต่พอเอาไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็จะโกรธตามแล้วก็จะยิ่งพูดยิ่งทำให้เราโมโหหนักกว่าเดิม เพื่อนบางคนอาจจะสอนให้ผิดศีลอีกด้วย เช่นทำไมไม่ตบไปสักที หรือสอนให้ด่าเพิ่ม สารพัดรูปแบบคำพูดที่จะคิดเป็นคำด่าออกมาได้
ส่วนคนที่โกรธไม่รุนแรงพอเรื่องจบ เขาจะเห็นเป็นธรรมดาไปเลยไม่ติดใจอะไร บางทีลืมไปแล้วก็เป็นได้ ถ้าจะเล่าให้คนใกล้ตัวฟังก็จะเล่าแบบปรกติ ไม่มีใครเกิดโทสะตาม
ลองสำรวจตัวเองดูนะคะว่าระดับความโกรธตัวเองมากน้อยขนาดไหน ถ้ามันมากไปแสดงว่ามันกำลังสั่งสมระเบิดลูกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คือมันมีความเสี่ยงที่จะดึงดูดเรื่องราวที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ วิธีการลดระดับความโกรธคือต้องฝึกที่จะให้อภัยทานและอโหสิกรรม ทำให้ได้เรื่อยๆ หรือคิดด้านดีๆช่วย เช่นเขาคงไม่รู้ เขาคงรีบปล่อยไปเหอะ เขาคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราที่มากระตุ้นให้เราโกรธ
เราไม่สามารถห้ามความโกรธไม่ให้เกิดในใจเราได้ เราไม่ได้ฝึกให้ไม่โกรธ แต่ให้ฝึกรู้ทันว่าว่าจิตใจมันโกรธก็ให้รู้ทัน สงบปากไม่ด่า กริยาไม่แสดงออก ถ้าโกรธมากอยากจะด่าออกมา ให้พยายามคิดบวกพยายามให้อภัยก็จะพอช่วยได้ค่ะ ทดลองดูนะคะ
ถ้าเราฝึกให้ไม่มีความโกรธมันจะขัดกับหลักความจริงของธรรมชาติค่ะ ถ้าการฝึกไม่โกรธคือการกดอารมณ์ไว้แน่น พอมันหลุดออกมาเป็นความโกรธให้เห็น เราจะพาลโกรธตัวเองซ้ำลงไปอีกว่าทำไมเป็นคนไม่ดียังโกรธอยู่ มันจะกลายเป็นความโกรธซ้อนเข้าไปอีกชั้น มันจะทำให้หงุดหงิดไม่หาย ถ้าใครพบว่าตัวเป็นอย่างนี้ไม่ต้องไปแก้อะไรนะคะ ให้กลับมาสอนตัวเองใหม่ค่ะ เราไม่ได้ฝึกให้เป็นคนไม่โกรธ ไม่มีใครบนโลกใบนี้จะไม่โกรธ ทุกคนโกรธได้เหมือนกันหมด แต่ความโกรธมีระดับที่ต่างกัน โกรธง่าย โกรธยาก โกรธแรง โกรธเบา หรืออีกกรณีคือเค้าเป็นคิดบวกได้เร็วมากหรือให้อภัยทานได้เร็วมาก หรืออีกกรณีคือเห็นความโกรธเกิดขึ้นรู้ทันสำรวมกายกับปากไว้ทัน พอเวลาผ่านไปความโกรธมันดับไปเองจึงดูเหมือนไม่โกรธค่ะ
บางคนเวลาดวงขึ้นโกรธยาก แต่เวลาดวงตกโกรธง่ายมากแบบนี้ก็มีนะคะ ช่วงต้นปีดูดวงแล้วเห็นว่าหลายคนเริ่มโกรธง่ายกันตั้งแต่ต้นปีเลยค่ะ มีพี่คนหนึ่งมาดูดวง ทักเธอเรื่องโกรธง่าย แนะนำให้ระวังว่านะมันจะหลุดคำพูดแรงๆใส่คนอื่น เขารีบบอกเลยค่ะว่า ถ้าพี่ไม่พูดไม่เถียงออกไป เขาจะหาว่าพี่โง่ ไม่ทันคนสิคะ ฟังเสร็จขำเธอทันที เพราะพอเราโกรธบ่อยๆ จิตเราจะเริ่มมืดจึงคิดหาทางออกให้ตัวเองแบบมืดๆ ยิ่งมีเพื่อนสนิทที่มีนิสัยโกรธแรงเป็นที่ปรึกษายิ่งพากันมืดค่ะ เราต้องหาเพื่อนที่ใจเย็น พอคุยกันจะได้ทางออกที่สว่าง แนะนำเธอไปว่า อาจจะดูโง่ในสายตาคนบนโลกแต่ทำให้เราฉลาดในเรื่องกฏแห่งกรรมนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ก่อบาปเพิ่ม และไม่ต้องมานั่งใช้กรรมเก่าตัวเองเหมือนทุกวันนี้ พอพูดจบเธอก็คิดได้ค่ะเพราะตามดวงจิตใจเธอมีธรรมะเป็นพื้นอยู่แล้ว
เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่บกพร่องให้ได้และต้องทำอย่างต่อเนื่องนะคะ พอทำได้อย่างต่อเนื่องจะเป็นการสร้างนิสัยใหม่ เมื่อนิสัยใหม่ที่ดีเกิดขึ้น เราย่อมได้รับผลกรรมใหม่ที่ดีค่ะ