ในมุมมองของ (คณะเสนาธิการร่วม) Lemnitzer นั้น ประเทศเดินหน้าไปไกลกว่านี้หากมีนายพลหลายคนได้เข้ามาควบคุมสั่งการ (เรื่องราวเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ก็มีนายพลบางคนพยายามที่จะยับยั้งการชันสูตรศพของ JFK)
สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนที่ได้มีการหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามนั้น ก็จะต้องมาดูในส่วนของฝ่ายบริหารยุค Kennedy ที่ได้มีการบุกรุกอ่าวหมู ซึ่งถือเป็นผลงานย่ำแย่ที่แสดงให้เห็นได้เป็นที่ประจักษ์สายตาได้เป็นอย่างดี “อ่าวหมูถือเป็นผลงานที่ล้มเหลวที่ไม่สามารถปกปิดความจริงได้” บางส่วนของรายงานได้กล่าวเอาไว้ในช่วงเวลานั้น “ประธานาธิบดี Kennedy ถูกประจานโดยกลุ่มทหารชาตินิยมที่ชื่อว่า ‘No-Win’ ... กลุ่มขวาจัดได้เริ่มมีการเสนอแบบแผนที่สร้างข้อมูลให้เกิดความสับสนและเดินหน้าโครงการภายใต้ชื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์...หน่วยนาวิกโยธินหลายคนที่ประจำการอยู่ก็เป็นหัวหอกสำคัญในการประชุมหารือเกี่ยวกับการต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ฐานประจำการต่างๆและยังเชิญชวนหรือหารือกับกลุ่มฝ่ายขวาตามที่ต่างๆ”
แม้ว่าจะไม่มีใครในสภาที่รู้เรื่องราวในเวลานั้น แต่ทางด้าน Lemnitzer กับคณะเสนาธิการร่วมก็ยังดำเนินการเรื่องนี้แบบเงียบๆ
สอดคล้องกับเอกสารลับต่างๆที่มีการปกปิดเอาไว้เป็นเวลานั้นจากหนังสือ Body Of Secrets ทางด้านคณะเสนาธิการร่วมกองทัพอเมริกันก็ได้ทำการร่างแบบแผนและอนุมัติแบบแผนต่างๆที่อาจจะเป็นแผนการที่สกปรกที่สุดที่สร้างขึ้นมาโดยรัฐบาลอเมริกา ในโครงการที่ชื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์นั้น พวกเขาก็ได้มีการเสนอให้เริ่มดำเนินการปฎิบัติการลับและสร้างสงครามก่อการร้ายให้เกิดขึ้นกับประเทศของตัวเองด้วยวิธีการปั่นหัวชาวอเมริกันให้สนับสนุนการทำสงครามกับประเทศคิวบา
ภายใต้ชื่อปฎิบัติการก็คือ Operation Northwoods เป็นแบบแผนที่มีการอนุมัติโดยประธานและสมาชิกคณะเสนาธิการร่วมกองทัพอเมริกา โดยเป็นแบบแผนที่มีการสังหารผู้บริสุทธิ์ชาวอเมริกันที่เดินตามท้องถนน ทั้งจมเรือของผู้ลี้ภัยที่หนีมาจากประเทศคิวบา เพิ่มกระแสการใช้ความรุนแรงก่อการร้ายที่กรุงวอชิงตัน ไมอามี่และที่อื่นๆ ผู้คนสามารถโดนลูกหลงจากการทิ้งระเบิดโดยที่พวกเขาไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ อ้างว่าเครื่องบินถูกจี้ สร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา ทั้งหมดนี้เพื่อทำการใส่ร้ายป้ายสีให้กับคาสโตรโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางด้าน Lemnitzer กับพวกสามารถหาข้อแก้ตัวได้สบาย เช่นเดียวกันก็มีประชาชนกับนานาชาติให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยพวกเขาต้องการที่จะก่อสงครามขึ้นมา
แนวคิดจริงๆแล้วอาจจะมีการเริ่มคิดค้นโดยประธานาธิบดี Eisenhower ในช่วงการดำรงตำแหน่งเป็นวาระสุดท้าย ประกอบด้วยสงครามเย็นเริ่มมีความร้อนแรงมากขึ้นและมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับ U-2 ซึ่งผู้คนจดจำเรื่องราวนี้ได้เป็นอย่างดี นายพลในอดีตต้องการที่จะเอาชัยชนะกลับมา เขาต้องการที่จะบุกรุกประเทศคิวบาอย่างเต็มกำลังในช่วงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ Kennedy จริงๆแล้วในวันที่ 3 มกราคม เขาได้บอกกับ Lemnitzer กับคณะในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เขาต้องการที่จะสู้รบกับคาสโตรก่อนที่จะเข้าพิธีรับสาบานตนหากว่าชาวคิวบาเต็มใจที่จะให้บุกรุกเข้าประเทศ จากนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ Eisenhower ก็ได้เริ่มดำเนินแนวคิดนี้ หากคาสโตรล้มเหลวในการหาข้ออ้างเหตุผลที่ไม่สามารถทำการรุกรานได้ เขากล่าวว่าบางทีนั้น “ก็จะต้องคิดหาเหตุผลบางอย่างที่สามารถเปิดทางให้กองทัพรุกรานประเทศคิวบาได้” สิ่งที่เขาได้แนะนำก็คือ จะต้องหาข้ออ้างในการทิ้งระเบิด ทำการจู่โจม ก่อวินาศกรรมประเทศอเมริกาโดยประเทศอเมริกา จุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะหาข้ออ้างในการเปิดสงคราม จึงเป็นคำแนะนำที่อันตรายมากสำหรับประธานาธิบดีที่ไม่มีหัวคิด
แม้ว่าจะไม่ได้มีสงครามเกิดขึ้นจริง แนวคิดนี้ก็ยังไม่ถูกทิ้งขยะสำหรับนายพล Lemnitzer แต่เขากับพวกของเขาต่างก็สับสนกับการดำเนินแบบแผนที่ล้มเหลวของ Kennedy และก็โกรธกับการที่ไม่หาข้ออ้างรุกรานต่อสู้กับคาสโตร
สุดท้ายก็อาจที่จะมีการใช้แผนการในช่วงที่มีการประชุมในทำเนียบขาววันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1962 โดยมีการพูดถึงเรื่องราวในช่วงที่นายพล Lansdale ได้ปกปิดแบบแผนปฎิบัติการภายใต้ชื่อ Operation Mongoose ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศและก็ไม่มีท่าทีที่จะมีความคืบหน้า ทางด้าน Robert Kennedy ได้บอกเขาว่ายกเลิกแผนการต่อต้านคาสโตรทั้งหมด แต่กลับกันทางด้าน Lansdale ก็ได้ออกคำสั่งมุ่งเน้นปฎิบัติการภายใน 3 เดือนข้างหน้าโดยทำการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับประเทศคิวบา จึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาของ Lansdale ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่องมากกว่าที่จะถูกก่นด่า
เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องตระกูล Kennedy ได้ดำเนิน “มาตรการแบบอ่อนๆ” กับคาสโตร ทางด้าน Lemnitzer มองเห็นโอกาสนี้ในการบุกรุกประเทศคิวบาแบบเงียบๆ ความพยายามที่จะยั่วยุปลุกกระแสชาวคิวบาให้ทำการก่อกบฎต่อคาสโตรนั้น โชคไม่ดีที่ปรากฏให้เห็นว่า ไม่มีความโน้มเอียงที่จะชาวคิวบาทำสงครามกับชาวอเมริกันหรือไม่ก็ทางด้าน Lemnitzer กับคณะรู้ดีว่า เพียงแค่ตัดทางเลือกหนึ่งออกไปก็รับรองได้ว่า สามารถเปิดทำสงครามได้ พวกเขาได้ใช้เล่ห์เพทุบายกับชาวอเมริกันและยัดเหยียดความเห็นให้กับชาวโลกให้เกลียดประเทศคิวบา พวกเขาไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้งเขากับพวกของเขาก็ได้เริ่มดำเนินเปิดทำสงครามกับคาสโตร “ทั่วโลกกับสหประชาชาติได้แสดงความเห็นว่า”ในเอกสารลับ JCS ได้กล่าวเอาไว้ “เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศที่กำลังพัฒนาของรัฐบาลประเทศคิวบาจากความไม่ยั้งคิดและปราศจากความรับผิดชอบ และยังเป็นสัญญาณเตือนที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงในการสร้างสันติภาพของโลกตะวันตก”
Operation Northwoods จึงเรียกได้ว่าเป็นการทำสงครามระหว่างชาวอเมริกันผู้คลั่งชาติกับชาวคิวบาผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย ซึ่งล้วนมาจากการสนองตัณหาของนายพลที่กรุงวอชิงตัน และยังได้รับการคุ้มครองชำระเงินภาษีของพวกเขาทั้งตัวบ้านกับรถลีมูซีน
แนวคิดส่วนหนึ่งก็มีความเกี่ยวข้องกับการออกนอกโลกของ John Glenn ซึ่งเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ออกนอกโลก ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 1962 Glenn ก็ได้นั่งแท่นจรวดที่รัฐฟลอริด้าเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์การท่องอวกาศของเขา ซึ่งจรวดก็มีการติดธงชาติอเมริกาที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจ อิสรภาพและความเป็นประชาธิปไตยในการนำจรวดออกนอกโลก แต่ทางด้าน Lemnitzer กับพวกมีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาได้เสนอไปยังทาง Lansdale ว่า ควรที่จะทำให้จรวดระเบิดไปซะและเป็นการสังหาร Glenn “เป้าหมายก็คือจะต้องหาหลักฐานที่เป็นตราบาปว่า เป็นฝีมือต่อคอมมิวนิสต์คิวบา”
เรื่องนี้ก็ได้รับการอนุมัติ โดย Lemnitzer ก็ได้ดำเนินการต่อไป “โดยสร้างหลักฐานต่างๆเพื่อให้พิสูจน์ให้เห็นว่า การกระทำนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศคิวบา” ด้วยเหตุนี้ทางด้าน NASA ก็เตรียมส่งชาวอเมริกันคนแรกเข้าไปในห้วงอวกาศ ทางด้านคณะเสนาธิการร่วมก็ได้เตรียมแผนสังหาร John Glenn เพื่อนำไปสู่การเปิดสงคราม
ทางด้าน Glenn ก็สามารถเข้าสู่ห้วงอวกาศโดยที่ไม่เจอเหตุเคราะห์ร้ายแต่อย่างใด ทำให้ทางด้าน Lemnitzer กับพวกเริ่มคิดค้นแผนการใหม่ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาแนะนำให้ “ดำเนินแบบแผนในช่วงเดือนถัดไป”
จากการให้คำแนะนำในการดำเนินการนั้น “จะต้องสร้างเหตุการณ์ต่างๆให้มีความเชื่อมโยงกันและทำหลายๆแห่ง” ฐานทัพเรือของอเมริกามีฐานตั้งอยู่ที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา ซึ่งรวมไปถึงทหารคิวบาที่เป็นพันธมิตรที่ตั้งอยู่ในกองทัพคิวบา และจากนั้นก็จะ “เริ่มทำการก่อจลาจลบริเวณใกล้ๆบริเวณฐานทัพ ส่วนคนอื่นๆก็พยายามที่จะก่อวินาศกรรมภายในกองทัพ ทำลายอาวุธยุทธภัณฑ์ เริ่มวางเพลิง ก่อวินาศกรรมอากาศยาน เริ่มยิงกระสุนปืนใหญ่ในค่ายทหาร”
คำแนะนำในการปฎิบัติการก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1898 เมื่อมีเรือรบในท่าเรือฮาวานาเกิดระเบิดขึ้นมา คร่าชีวิตทหารเรือชาวอเมริกันไปกว่า 266 คน แม้ว่าสาเหตุของการระเบิดจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็เป็นตัวจุดชนวนสงครามสเปน-อเมริกันที่ประเทศคิวบา โดยมีการอ้างว่ามาจากการระบิด จึงมาทหารอาสาเข้ามาร่วมรบเป็นล้านคน โดยที่ทางด้าน Lemnitzer กับพวกก็จะใช้แผนการที่คล้ายๆกัน “พวกเราจะทำการระเบิดเรือรบอเมริกันที่อ่าวกวนตานาโมและทำการใส่ร้ายประเทศคิวบา” พวกเขามีจุดมุ่งหมาย “ให้หนังสือพิมพ์อเมริกาลงข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยกระเพื่อมกระแสความเกลียดชังประเทศคิวบาไปยังนานาประเทศ”
ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมความคลั่งของตัวเองได้ “พวกเราจะต้องยกระดับทำสงครามคอมมิวนิสต์คิวบามากขึ้นในแถบไมอามี่ ในแถบฟลอริด้าหรือแม้แต่ที่วอชิงตันก็ดี” พวกเขาได้เขียนรายงานเอาไว้ “การทำสงครามจะต้องมุ่งเน้นไปที่ผู้ลี้ภัยชาวคิวบาที่กำลังจะเข้าประเทศอเมริกา
พวกเราจะต้องจมเรือผู้ลี้ภัยชาวคิวบาระหว่างที่กำลังมุ่งไปยังฟลอริด้า (จะเป็นการจัดฉากหรือสถานการณ์จริงก็ได้) พวกเราจะต้องสนับสนุนให้ชาวคิวบาเข้ามาประเทศอเมริกามากขึ้นแม้ว่าจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้างก็ตาม”
การทิ้งระเบิดอยู่ในแบบแผน ทั้งการป้ายความผิด การจี้เครื่องบิน :
*“ทำการบรรจุระเบิดพลาสติกตามจุดต่างๆที่ได้เลือก ทำการจับกุมชาวคิวบาหน้าม้าและทำการเผยแพร่เอกสารต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกับคิวบาเพื่อช่วยให้เห็นถึงความไร้ผิดชอบของรัฐบาลต่อสิ่งที่ได้ทำ”
* “ข้อได้เปรียบนี้เป็นการเปิดช่องทางให้อากาศยานของโดมินิกันได้ทำการบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่อากาศยานภายในประเทศ ‘เครื่องบินคิวบา B-26 หรือ C-46 ก็เป็นเครื่องบินที่จะนำไปจู่โจมในคืนนั้น ทางด้านฝ่ายโซเวียตก็จะพบผู้ก่อความไม่สงบ นี่ก็มีความเชื่อมโยงกับการส่งสารของชาวคิวบาไปยังกลุ่มคอมมิวนิสต์ใต้ดินในโดมินิกันและเรือขนอาวุธของคิวบาก็จะถูกค้นพบหรือถูกสกัดกั้นบริเวณชายทะเล การใช้เครื่องบิน MiG โดยนักบินอเมริกันก็จะยิ่งยกระดับกระแสมากยิ่งขึ้น”
* “ดำเนินการจี้เครื่องบินและยานพานะที่ไม่สามารถให้อภัยต่อรัฐบาลคิวบาได้”
การสร้างเหตุการณ์ที่มีความซับซ้อนส่วนใหญ่ก็เป็น “การสร้างเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องบินคิวบาทำการจู่โจมและทำการยิงเครื่องบินสายการบินจากอเมริกา-จาเมก้า กัวตามาลา ปานามาหรือเวนาซูเอล่า เป้าหมายก็จะต้องเลือกเที่ยวบินที่ผ่านประเทศคิวบา โดยเลือกผู้โดยสารกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียนที่ไปเที่ยวพักร้อนหรือกลุ่มคนที่มีตารางเที่ยวบินไม่แน่นอน”
Lemnitzer กับพวกเขาก็ได้ดำเนินการเล่ห์เพทุบายอันแยบยล
ให้ตกแต่งเครื่องบินที่ Elgin AFB และทำเครื่องหมายสัญลักษณ์แบบเดียวกันกับเครื่องบิน CJA ในพื้นที่ของไมอามี่ ในการออกแบบเครื่องบินจะต้องนำมาแทนที่เครื่องบินลำนั้นจริงๆและจะต้องทำการคัดเลือกกลุ่มผู้โดยสาร ผู้โดยสารทุกคนจะต้องใช้นามแฝงของตัวเอง เครื่องบินที่มีทะเบียนก็จะต้องเปลี่ยนเป็นโดรน (ใช้รีโมทควบคุมเครื่องบินไร้คนขับ) ให้เครื่องบินโดรนนำเครื่องขึ้นและเครื่องบินคนขับจะต้องมุ่งไปยังตอนใต้ของฟลอริด้า
จากจุดมุ่งหมายนำการนำพาผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเครื่องบินจะต้องบินอยู่ในระดับต่ำสุดและจะต้องมีการควบคุมทิศทางไปยัง Elgin AFB ซึ่งมีการเตรียมย้ายอพยพผู้โดยสารและจากนั้นก็นำเครื่องบินกลับไปยังจุดก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนำเครื่องบินโดรนบินไปที่บริเวณตามที่ได้วางแผนเอาไว้ เมื่อผ่านประเทศคิวบา โดรนก็จะส่งสัญญาณความถี่ด้วยคำว่า “เมย์ เดย์” เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินกำลังถูกโจมตีโดยเครื่องบิน MIG ของคิวบา การส่งสัญญาณจะมีการสอดแทรกโดยมีเสียงเครื่องบินถูกทำลายลง ซึ่งก็จะแสดงให้เห็นจากสัญญาณวิทยุ นี่ก็ทำให้ทางด้าน ICAO ที่อยู่ซีกโลกตะวันตกได้บอกกับอเมริกาว่า เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนั้น โดยทางด้านอเมริกาก็พยายามที่จะใช้ “จุดขาย” เหตุการณ์นี้ในการทำสงคราม
Operation Northwood : ปฎิบัติการสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายประเทศตัวเอง (ประเทศอเมริกา)
ในมุมมองของ (คณะเสนาธิการร่วม) Lemnitzer นั้น ประเทศเดินหน้าไปไกลกว่านี้หากมีนายพลหลายคนได้เข้ามาควบคุมสั่งการ (เรื่องราวเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ก็มีนายพลบางคนพยายามที่จะยับยั้งการชันสูตรศพของ JFK)
สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนที่ได้มีการหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามนั้น ก็จะต้องมาดูในส่วนของฝ่ายบริหารยุค Kennedy ที่ได้มีการบุกรุกอ่าวหมู ซึ่งถือเป็นผลงานย่ำแย่ที่แสดงให้เห็นได้เป็นที่ประจักษ์สายตาได้เป็นอย่างดี “อ่าวหมูถือเป็นผลงานที่ล้มเหลวที่ไม่สามารถปกปิดความจริงได้” บางส่วนของรายงานได้กล่าวเอาไว้ในช่วงเวลานั้น “ประธานาธิบดี Kennedy ถูกประจานโดยกลุ่มทหารชาตินิยมที่ชื่อว่า ‘No-Win’ ... กลุ่มขวาจัดได้เริ่มมีการเสนอแบบแผนที่สร้างข้อมูลให้เกิดความสับสนและเดินหน้าโครงการภายใต้ชื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์...หน่วยนาวิกโยธินหลายคนที่ประจำการอยู่ก็เป็นหัวหอกสำคัญในการประชุมหารือเกี่ยวกับการต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ฐานประจำการต่างๆและยังเชิญชวนหรือหารือกับกลุ่มฝ่ายขวาตามที่ต่างๆ”
แม้ว่าจะไม่มีใครในสภาที่รู้เรื่องราวในเวลานั้น แต่ทางด้าน Lemnitzer กับคณะเสนาธิการร่วมก็ยังดำเนินการเรื่องนี้แบบเงียบๆ
สอดคล้องกับเอกสารลับต่างๆที่มีการปกปิดเอาไว้เป็นเวลานั้นจากหนังสือ Body Of Secrets ทางด้านคณะเสนาธิการร่วมกองทัพอเมริกันก็ได้ทำการร่างแบบแผนและอนุมัติแบบแผนต่างๆที่อาจจะเป็นแผนการที่สกปรกที่สุดที่สร้างขึ้นมาโดยรัฐบาลอเมริกา ในโครงการที่ชื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์นั้น พวกเขาก็ได้มีการเสนอให้เริ่มดำเนินการปฎิบัติการลับและสร้างสงครามก่อการร้ายให้เกิดขึ้นกับประเทศของตัวเองด้วยวิธีการปั่นหัวชาวอเมริกันให้สนับสนุนการทำสงครามกับประเทศคิวบา
ภายใต้ชื่อปฎิบัติการก็คือ Operation Northwoods เป็นแบบแผนที่มีการอนุมัติโดยประธานและสมาชิกคณะเสนาธิการร่วมกองทัพอเมริกา โดยเป็นแบบแผนที่มีการสังหารผู้บริสุทธิ์ชาวอเมริกันที่เดินตามท้องถนน ทั้งจมเรือของผู้ลี้ภัยที่หนีมาจากประเทศคิวบา เพิ่มกระแสการใช้ความรุนแรงก่อการร้ายที่กรุงวอชิงตัน ไมอามี่และที่อื่นๆ ผู้คนสามารถโดนลูกหลงจากการทิ้งระเบิดโดยที่พวกเขาไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ อ้างว่าเครื่องบินถูกจี้ สร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา ทั้งหมดนี้เพื่อทำการใส่ร้ายป้ายสีให้กับคาสโตรโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางด้าน Lemnitzer กับพวกสามารถหาข้อแก้ตัวได้สบาย เช่นเดียวกันก็มีประชาชนกับนานาชาติให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยพวกเขาต้องการที่จะก่อสงครามขึ้นมา
แนวคิดจริงๆแล้วอาจจะมีการเริ่มคิดค้นโดยประธานาธิบดี Eisenhower ในช่วงการดำรงตำแหน่งเป็นวาระสุดท้าย ประกอบด้วยสงครามเย็นเริ่มมีความร้อนแรงมากขึ้นและมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับ U-2 ซึ่งผู้คนจดจำเรื่องราวนี้ได้เป็นอย่างดี นายพลในอดีตต้องการที่จะเอาชัยชนะกลับมา เขาต้องการที่จะบุกรุกประเทศคิวบาอย่างเต็มกำลังในช่วงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ Kennedy จริงๆแล้วในวันที่ 3 มกราคม เขาได้บอกกับ Lemnitzer กับคณะในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เขาต้องการที่จะสู้รบกับคาสโตรก่อนที่จะเข้าพิธีรับสาบานตนหากว่าชาวคิวบาเต็มใจที่จะให้บุกรุกเข้าประเทศ จากนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ Eisenhower ก็ได้เริ่มดำเนินแนวคิดนี้ หากคาสโตรล้มเหลวในการหาข้ออ้างเหตุผลที่ไม่สามารถทำการรุกรานได้ เขากล่าวว่าบางทีนั้น “ก็จะต้องคิดหาเหตุผลบางอย่างที่สามารถเปิดทางให้กองทัพรุกรานประเทศคิวบาได้” สิ่งที่เขาได้แนะนำก็คือ จะต้องหาข้ออ้างในการทิ้งระเบิด ทำการจู่โจม ก่อวินาศกรรมประเทศอเมริกาโดยประเทศอเมริกา จุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะหาข้ออ้างในการเปิดสงคราม จึงเป็นคำแนะนำที่อันตรายมากสำหรับประธานาธิบดีที่ไม่มีหัวคิด
แม้ว่าจะไม่ได้มีสงครามเกิดขึ้นจริง แนวคิดนี้ก็ยังไม่ถูกทิ้งขยะสำหรับนายพล Lemnitzer แต่เขากับพวกของเขาต่างก็สับสนกับการดำเนินแบบแผนที่ล้มเหลวของ Kennedy และก็โกรธกับการที่ไม่หาข้ออ้างรุกรานต่อสู้กับคาสโตร
สุดท้ายก็อาจที่จะมีการใช้แผนการในช่วงที่มีการประชุมในทำเนียบขาววันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1962 โดยมีการพูดถึงเรื่องราวในช่วงที่นายพล Lansdale ได้ปกปิดแบบแผนปฎิบัติการภายใต้ชื่อ Operation Mongoose ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศและก็ไม่มีท่าทีที่จะมีความคืบหน้า ทางด้าน Robert Kennedy ได้บอกเขาว่ายกเลิกแผนการต่อต้านคาสโตรทั้งหมด แต่กลับกันทางด้าน Lansdale ก็ได้ออกคำสั่งมุ่งเน้นปฎิบัติการภายใน 3 เดือนข้างหน้าโดยทำการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับประเทศคิวบา จึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาของ Lansdale ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่องมากกว่าที่จะถูกก่นด่า
เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องตระกูล Kennedy ได้ดำเนิน “มาตรการแบบอ่อนๆ” กับคาสโตร ทางด้าน Lemnitzer มองเห็นโอกาสนี้ในการบุกรุกประเทศคิวบาแบบเงียบๆ ความพยายามที่จะยั่วยุปลุกกระแสชาวคิวบาให้ทำการก่อกบฎต่อคาสโตรนั้น โชคไม่ดีที่ปรากฏให้เห็นว่า ไม่มีความโน้มเอียงที่จะชาวคิวบาทำสงครามกับชาวอเมริกันหรือไม่ก็ทางด้าน Lemnitzer กับคณะรู้ดีว่า เพียงแค่ตัดทางเลือกหนึ่งออกไปก็รับรองได้ว่า สามารถเปิดทำสงครามได้ พวกเขาได้ใช้เล่ห์เพทุบายกับชาวอเมริกันและยัดเหยียดความเห็นให้กับชาวโลกให้เกลียดประเทศคิวบา พวกเขาไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้งเขากับพวกของเขาก็ได้เริ่มดำเนินเปิดทำสงครามกับคาสโตร “ทั่วโลกกับสหประชาชาติได้แสดงความเห็นว่า”ในเอกสารลับ JCS ได้กล่าวเอาไว้ “เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศที่กำลังพัฒนาของรัฐบาลประเทศคิวบาจากความไม่ยั้งคิดและปราศจากความรับผิดชอบ และยังเป็นสัญญาณเตือนที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงในการสร้างสันติภาพของโลกตะวันตก”
Operation Northwoods จึงเรียกได้ว่าเป็นการทำสงครามระหว่างชาวอเมริกันผู้คลั่งชาติกับชาวคิวบาผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย ซึ่งล้วนมาจากการสนองตัณหาของนายพลที่กรุงวอชิงตัน และยังได้รับการคุ้มครองชำระเงินภาษีของพวกเขาทั้งตัวบ้านกับรถลีมูซีน
แนวคิดส่วนหนึ่งก็มีความเกี่ยวข้องกับการออกนอกโลกของ John Glenn ซึ่งเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ออกนอกโลก ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 1962 Glenn ก็ได้นั่งแท่นจรวดที่รัฐฟลอริด้าเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์การท่องอวกาศของเขา ซึ่งจรวดก็มีการติดธงชาติอเมริกาที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจ อิสรภาพและความเป็นประชาธิปไตยในการนำจรวดออกนอกโลก แต่ทางด้าน Lemnitzer กับพวกมีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาได้เสนอไปยังทาง Lansdale ว่า ควรที่จะทำให้จรวดระเบิดไปซะและเป็นการสังหาร Glenn “เป้าหมายก็คือจะต้องหาหลักฐานที่เป็นตราบาปว่า เป็นฝีมือต่อคอมมิวนิสต์คิวบา”
เรื่องนี้ก็ได้รับการอนุมัติ โดย Lemnitzer ก็ได้ดำเนินการต่อไป “โดยสร้างหลักฐานต่างๆเพื่อให้พิสูจน์ให้เห็นว่า การกระทำนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศคิวบา” ด้วยเหตุนี้ทางด้าน NASA ก็เตรียมส่งชาวอเมริกันคนแรกเข้าไปในห้วงอวกาศ ทางด้านคณะเสนาธิการร่วมก็ได้เตรียมแผนสังหาร John Glenn เพื่อนำไปสู่การเปิดสงคราม
ทางด้าน Glenn ก็สามารถเข้าสู่ห้วงอวกาศโดยที่ไม่เจอเหตุเคราะห์ร้ายแต่อย่างใด ทำให้ทางด้าน Lemnitzer กับพวกเริ่มคิดค้นแผนการใหม่ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาแนะนำให้ “ดำเนินแบบแผนในช่วงเดือนถัดไป”
จากการให้คำแนะนำในการดำเนินการนั้น “จะต้องสร้างเหตุการณ์ต่างๆให้มีความเชื่อมโยงกันและทำหลายๆแห่ง” ฐานทัพเรือของอเมริกามีฐานตั้งอยู่ที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา ซึ่งรวมไปถึงทหารคิวบาที่เป็นพันธมิตรที่ตั้งอยู่ในกองทัพคิวบา และจากนั้นก็จะ “เริ่มทำการก่อจลาจลบริเวณใกล้ๆบริเวณฐานทัพ ส่วนคนอื่นๆก็พยายามที่จะก่อวินาศกรรมภายในกองทัพ ทำลายอาวุธยุทธภัณฑ์ เริ่มวางเพลิง ก่อวินาศกรรมอากาศยาน เริ่มยิงกระสุนปืนใหญ่ในค่ายทหาร”
คำแนะนำในการปฎิบัติการก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1898 เมื่อมีเรือรบในท่าเรือฮาวานาเกิดระเบิดขึ้นมา คร่าชีวิตทหารเรือชาวอเมริกันไปกว่า 266 คน แม้ว่าสาเหตุของการระเบิดจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็เป็นตัวจุดชนวนสงครามสเปน-อเมริกันที่ประเทศคิวบา โดยมีการอ้างว่ามาจากการระบิด จึงมาทหารอาสาเข้ามาร่วมรบเป็นล้านคน โดยที่ทางด้าน Lemnitzer กับพวกก็จะใช้แผนการที่คล้ายๆกัน “พวกเราจะทำการระเบิดเรือรบอเมริกันที่อ่าวกวนตานาโมและทำการใส่ร้ายประเทศคิวบา” พวกเขามีจุดมุ่งหมาย “ให้หนังสือพิมพ์อเมริกาลงข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยกระเพื่อมกระแสความเกลียดชังประเทศคิวบาไปยังนานาประเทศ”
ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมความคลั่งของตัวเองได้ “พวกเราจะต้องยกระดับทำสงครามคอมมิวนิสต์คิวบามากขึ้นในแถบไมอามี่ ในแถบฟลอริด้าหรือแม้แต่ที่วอชิงตันก็ดี” พวกเขาได้เขียนรายงานเอาไว้ “การทำสงครามจะต้องมุ่งเน้นไปที่ผู้ลี้ภัยชาวคิวบาที่กำลังจะเข้าประเทศอเมริกา
พวกเราจะต้องจมเรือผู้ลี้ภัยชาวคิวบาระหว่างที่กำลังมุ่งไปยังฟลอริด้า (จะเป็นการจัดฉากหรือสถานการณ์จริงก็ได้) พวกเราจะต้องสนับสนุนให้ชาวคิวบาเข้ามาประเทศอเมริกามากขึ้นแม้ว่าจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้างก็ตาม”
การทิ้งระเบิดอยู่ในแบบแผน ทั้งการป้ายความผิด การจี้เครื่องบิน :
*“ทำการบรรจุระเบิดพลาสติกตามจุดต่างๆที่ได้เลือก ทำการจับกุมชาวคิวบาหน้าม้าและทำการเผยแพร่เอกสารต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกับคิวบาเพื่อช่วยให้เห็นถึงความไร้ผิดชอบของรัฐบาลต่อสิ่งที่ได้ทำ”
* “ข้อได้เปรียบนี้เป็นการเปิดช่องทางให้อากาศยานของโดมินิกันได้ทำการบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่อากาศยานภายในประเทศ ‘เครื่องบินคิวบา B-26 หรือ C-46 ก็เป็นเครื่องบินที่จะนำไปจู่โจมในคืนนั้น ทางด้านฝ่ายโซเวียตก็จะพบผู้ก่อความไม่สงบ นี่ก็มีความเชื่อมโยงกับการส่งสารของชาวคิวบาไปยังกลุ่มคอมมิวนิสต์ใต้ดินในโดมินิกันและเรือขนอาวุธของคิวบาก็จะถูกค้นพบหรือถูกสกัดกั้นบริเวณชายทะเล การใช้เครื่องบิน MiG โดยนักบินอเมริกันก็จะยิ่งยกระดับกระแสมากยิ่งขึ้น”
* “ดำเนินการจี้เครื่องบินและยานพานะที่ไม่สามารถให้อภัยต่อรัฐบาลคิวบาได้”
การสร้างเหตุการณ์ที่มีความซับซ้อนส่วนใหญ่ก็เป็น “การสร้างเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องบินคิวบาทำการจู่โจมและทำการยิงเครื่องบินสายการบินจากอเมริกา-จาเมก้า กัวตามาลา ปานามาหรือเวนาซูเอล่า เป้าหมายก็จะต้องเลือกเที่ยวบินที่ผ่านประเทศคิวบา โดยเลือกผู้โดยสารกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียนที่ไปเที่ยวพักร้อนหรือกลุ่มคนที่มีตารางเที่ยวบินไม่แน่นอน”
Lemnitzer กับพวกเขาก็ได้ดำเนินการเล่ห์เพทุบายอันแยบยล
ให้ตกแต่งเครื่องบินที่ Elgin AFB และทำเครื่องหมายสัญลักษณ์แบบเดียวกันกับเครื่องบิน CJA ในพื้นที่ของไมอามี่ ในการออกแบบเครื่องบินจะต้องนำมาแทนที่เครื่องบินลำนั้นจริงๆและจะต้องทำการคัดเลือกกลุ่มผู้โดยสาร ผู้โดยสารทุกคนจะต้องใช้นามแฝงของตัวเอง เครื่องบินที่มีทะเบียนก็จะต้องเปลี่ยนเป็นโดรน (ใช้รีโมทควบคุมเครื่องบินไร้คนขับ) ให้เครื่องบินโดรนนำเครื่องขึ้นและเครื่องบินคนขับจะต้องมุ่งไปยังตอนใต้ของฟลอริด้า
จากจุดมุ่งหมายนำการนำพาผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเครื่องบินจะต้องบินอยู่ในระดับต่ำสุดและจะต้องมีการควบคุมทิศทางไปยัง Elgin AFB ซึ่งมีการเตรียมย้ายอพยพผู้โดยสารและจากนั้นก็นำเครื่องบินกลับไปยังจุดก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนำเครื่องบินโดรนบินไปที่บริเวณตามที่ได้วางแผนเอาไว้ เมื่อผ่านประเทศคิวบา โดรนก็จะส่งสัญญาณความถี่ด้วยคำว่า “เมย์ เดย์” เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินกำลังถูกโจมตีโดยเครื่องบิน MIG ของคิวบา การส่งสัญญาณจะมีการสอดแทรกโดยมีเสียงเครื่องบินถูกทำลายลง ซึ่งก็จะแสดงให้เห็นจากสัญญาณวิทยุ นี่ก็ทำให้ทางด้าน ICAO ที่อยู่ซีกโลกตะวันตกได้บอกกับอเมริกาว่า เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนั้น โดยทางด้านอเมริกาก็พยายามที่จะใช้ “จุดขาย” เหตุการณ์นี้ในการทำสงคราม