สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าเรื่องครอบครัวให้อ่านกัน บอกตามตรงว่าอยากระบายมากๆ ไม่มีใครเข้าใจเราเลย เด็กสมัยนี้ชอบเป็นกันสินะ ใจแตกนะ555 เอาละ มาฟังเรื่องของหนูกัน
เดิมทีเกิดมาจากครอบครัวที่ถานะก็ดีในระดับหนึ่ง ครอบครัวมี พ่อ แม่ มีหนู แล้วก็น้องชาย ค่ะ
เกิดมาได้ราวสองขวบ พ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เป็นบ้าค่ะ รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย พอกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ไฟไหม้ พ่อเป็นคนเผา สมัยก่อนยังเป็นบ้านนอก บ้านก็เป็นไม้ ไหม้หมดเลย อันนี้รอยแผลที่ขายังเหลืออยู่ที่ขาข้างขวาอยู่เลย
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็หย่ากัน แม่ทิ้งหนูไว้กับย่า ส่วนน้องชายแม่เอาไปด้วย หลังจากนั้นแม่ก็แต่งงานใหม่ มีลูกกับพ่อเลี้ยงคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เกิดมาก็ไม่เติมค่ะ ไม่สมประกอบ เป็นคนที่กวนประสาทมาก ขี้ฟ้อง หื่นด่วยค่ะ ชอบจีบนู่นจับนี่ที่ร่างกายหนู ทะเลาะกันตลอด บอกตามตรงว่าเกลียด แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ หนูเป็นคนนิสัยเงียบๆ ไม่ชอบเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียว
และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน
ตอนอยู่ มอ3 คือจุดเปลี่ยนของหนู ย่าไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไปเป็นปีเลยค่ะ เลยฝากหนูให้แม่ดูแล แรกๆแม่ก็ดี มันก็แค่แรกๆ เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ จากอีกคนก็กลายเป็นอีกคน จากแม่ที่พูดจาดีๆ ก็เริ่มพูดจาหยาบกระด้าง ขี้วีน ใช้อารมณ์ ลงไม้ลงมือตี ไม่พอใจอะไรก็จะด่าคำที่รุนแรงมากๆเช่น
"ไม่ใช่ลูกกู"
"กูน่าจะฆ่าให้ตายตั้งแต่เกิด ตัวไร้ประโยชน์"
"ถ่วงบ้านถ่วงเมือง นี่ไม่ใช่บ้าน ออกไปจากครอบครัวกู!"
ตอนนั้นคือไม่เข้าใจมากทำไมแม่พูดแบบนั้นใช่ หนูไม่ใช่ลูกแม่? หนูเป็นใคร? ทำไมถึงโดนต่อว่าได้ขนาดนี้?
สาหตุมาจาก การทำงานบ้านค่ะ กวาดบ้านช้า ด่า ล้างจานชามเสียงดัง ด่า และ การที่ทะเลาะกับน้องชายต่างพ่อค่ะ ไอ้นี่ตัวการเลย ขี้ฟ้อง ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆก็เอาไปฟ้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต จนเกิดการทะเลาะกันในบ้านค่ะ คนที่ถูกดุด่าไม่ใช่ใครที่ไหน หนูเองแหละ เพราะเป็นพี่คนโต? เลยทำอะไรไม่ได้ แต่ก็การเป็นพี่คนโตเนี่ยแหละ ภาระ การตัดสินใจถูกกำนดไว้ให้ อยากทำตามฝัน ไม่เคยได้ทำ ฝากความหวังไว้มาก ทั้งๆที่ไม่เคยได้กำลังใจเลยชักนิด
ส่วนพ่อเลี้ยง เกลียดค่ะ รังเกียจถึงขนาดไม่อยากหายใจร่วมกันแต่ก่อนจะเกลียดมันก็มีสาเหตุ เวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน อย่างที่รู้ๆกัน ทุกวันนี้ตามในข่าว ชอบเข้ามาใกล้ พูดจาดีๆ ลูบแขนลูบขา กอดบ้าง หอมแก้มบ้าง ขยะแขยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวค่ะ ตอนนั้นเพิ่งจะ13ปี สู้ไม่ได้ แถมยังมีนิสัยที่อ่อนไหวเอามากๆ กลัวก็กลัว บอกใครก็ไม่ได้ ต่อหน้าคนอื่นพูดจาไม่ดีแบบนี้หรอก เรียกหนูว่า
มีสองครั้งด้วยกันที่ทำให้หนูแทบจะบ้า
ครั้งแรก วันนั้นเป็นวันที่แม่ไปต่างจังหวัด ไปงานแต่งญาติ มีแค่หนู น้องชายสองคน แล้วก็ พ่อเลี้ยง ตกดึก จู่ก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาทับ พ่อเลี้ยงค่ะ กำลังกอดหนูอยู่ หนูตกใจมาก คือ เข้ามาได้ยังไง? ประตูก็ล็อค คิดว่าน่าจะเอากุณแจไขเข้ามา กอดแบบแน่นมาก ขยับไม่ได้ หนูก็ถามว่า
"เข้ามาทำไม?"
พ่อเลี้ยงก็บอก
"เห็นนอนละเมอ ร้องไห้เลยเข้ามาหา"
ช่วงนั้นยอมรับค่ะว่าเวลานอนทีไรชอบละเมอ ร้องไห้ทุกคืน
แต่จะเข้ามาทำไม? ไม่ได้อยากให้ช่วย หนูทำอะไรไม่ได้ ทำได้แน่นิ่งอยู่แบบนั้น หนูเลยบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ปล่อยเถอะ ง่วงแล้ว พยายามไล่อ้อมๆจนเขาออกไป พอออกไปได้หนูนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ ระแวงมาก เป็นแบบนั้นจนก่วาแม่กลับมา
ครั้งที่สอง.
วันนั้นพายุเข้า ฝนตกหนักมาก ที่ทำงานของพ่อเลี้ยงอยู่ใกล้โรงเรียนค่ะ เลยเข้าไปหลบฝน รอให้ฝนซาก่อนก่อนแล้วค่อยกลับ อยู่ที่โรงเรียนไม่ได้ เพราะประตูจะปิด ทีนี้พอเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเลี้ยง ก็แอบโล่งใจค่ะ เพราะมีคนทำงานที่นั่นด้วย รอนานมากฝนก็ยังไม่หยุด ทุกคนก็พากันทะยอยออกไปจนหมด รู้สึกตัวอีกที เขาก็เดินไปล็อคประตูห้องค่ะ ตอนนั้นตกใจมาก จะลุกขึ้นหนีก็ไม่ทันแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วโอบหลังเบาๆจากนั้นก็บอกว่า
"คืนนี้ค้างที่นี่กับพ่อสิ"
เขาจะเฝ้ายามที่ทำงานนะค่ะ
อยู่ไม่ได้คะ ลุกขึ้นปัดวิ่งหนีออกจากห้องมาเลย บอกว่าจะกลับแล้ว แล้วก็วิ่งไปที่ห้องน้ำขังตัวเองไว้ที่นั่น
แต่เขาก็ยังตามมาเคาะที่ห้องน้ำ บอกให้ออกไปหา ตอนนั้นกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง รอจนให้เขากลับไป หนูก็ออกไปจากที่ทำงานเลย ฝ่าฝนไปทั้งๆที่มีพายุเข้านั่นแหละ พอกลับมาถึงบ้าน ก็โดนเล่นเลยค่ะ โดนแม่ด่าว่ากลับมาช้า ไม่คิดถึงเลยว่าฝนมันตกพายุเข้าแรง
เรื่องแบบนี้จะบอกใครก็ไม่ได้ กลัว บอกแม่ยิ่งแล้วใหญ่ แม่ให้ท้ายกับคนอื่นยกเว้นหนูคนเดียว
เวลาอยู่กับเขาสองคนเขาจะชอบปิดประตูบ้าน ปิดหน้าต่างทุกบาน พอหนูรู้ว่าเขาปิด หนูวิ่งหนีออกจากหลังบ้านไปเลยเพราะตอนนั้นเขาปิดประตูหน้าบ้านอยู่ แล้วพอเขาเห็นว่าหนูอยู่ข้างนอกก็เรียกให้เข้าไปบอกมีเรื่องจะคุย เราก็บอกคุยตรงนี้แหละ คิดอยู่ว่าเอาสิ ถ้าแน่จริงจะร้องให้คนแถวนั้นมาช่วย เราก็ไม่ยอมนั่งอยู่ตรงนั้นแหละจนก่วาจะมีใครคนใดคนหนึ่งในบ้านกลับมาถึงจะเข้าบ้าน ดูเขาจะหงุดหงิดมากที่เราไม่เข้าไป ปิดประตูดังลั่นเลย
นอนกลางวันก็ชอบเข้ามาหา ตอนนั้นรู้ตัวนะ เอามือมาลูบๆแก้มลูบมือจับมือ น้องชายสองคนก็นอนอยู่นั่นแหละ เราก็ทำเป็นหลับ แล้วพลิกตัวหนีก็ไม่ยอมปล่อย จนน้องชายคนเล็กตื่น บอกพ่อทำอะไร เขาก็บอกเปล่า แล้วก็เดินหนี ตอนนั้นนึกขอบใจน้องชายคนเล็กมากๆ
มีครั้งหนึ่งคุยกับแม่รองเท้าขาด ที่ใส่อยู่ทุกวันก็เป็นรองเท้าแตะคะ ขาดจนต้องเอาเหล็กมาเสียบไว้ ใครเคยใส่รองเท้าแบบเมื่อก่อนจะรู้ดี ขาดจนเดินไม่ได้เลยขอให้แม่ชื้อให้ ก็บอก เออๆ จะชื้อให้ ผ่านไปก็ไม่เห็นเลย พอวันหนึ่งรองเท้าน้องชายคนเล็กขาดวิ่นแค่นิดเดียว ยังใส่ได้แค่ฉีกนิดหน่อย มันไม่ใส่ มันขอให้แม่ชื้อให้ แม่นี่รีบไปตลาดชื้อมาให้เดี๋ยวนั้นเลย น้อยใจมาก คือ แม่ชอบบอกคนอื่นชื้อให้แล้วไง ขาดแค่นั้นใส่ไปก่อน แล้วของน้องละ? ขอมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลย แอบน้อยใจมาก คงเข้าใจใช่ไหมว่าถึงแม้จะได้จากคนอื่นแต่ก็ไม่เหมือนได้จากพ่อแม่นะ ตอนใช้งานนี่เรียกแต่เรา ทำงานให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เอาแต่ด่า ขอไม่เคยได้ พอน้องชายทำเท่านั้นแหละ ชมใหญ่เลย ชมข้ามวันข้ามคืน พอน้องไม่ทำงาน ก็บอกว่ามันยังเด็ก แกนะเป็นพี่ต้องเสียสระ เวลากินข้าวไม่เรียก เรียกแต่ชื่อน้องชายสองคนไปกิน มีครั้งหนึ่งไม่เรียกเราก็ลองไม่ไป สรุปกินกันไปทั้งสี่คนนั่นแหละ สงสัยลืมเราไปแล้วมั้ง พอ ออกมาจากห้องก็ด่า ทำไมไม่มากิน ต้องให้เชิญเลยรึไง?
เวลาอยูบ้านวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ให้อยู่ในบ้าน ไล่ให้ออกไปอยู่ข้างนอก พ่อแม่ไปบ้านตายาย ก็เอาข้าวเอาน้ำออกมาให้ตามปกติ มีครั้งหนึ่งแม่ไปต่างจังหวัด พ่อเลี้ยงไปทำงาน ช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ปิดประตูล็อคบ้าน ข้าวน้ำไม่มี แล้วก็ไม่กลับมาบ้านนะตอนเที่ยงนะ ปล่อยให้หิวข้าวอยู่นั่นแหละ ยังเด็กก็ไม่รู้จะทำยังไง พอดีมีเงินที่ย่าเอาไว้ให้เลยไปชื้อข้าวมากิน น้ำก็ไม่มีกินได้ชื้อ
เป็นแบบนี้มาได้สองสามปีได้ ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เวลากินไม่เคยเรียกอะ แบบถึงรู้ว่าไม่กินก็ควรเรียกให้ชื่นใจหน่อย อันนี้ไม่ เรียกแต่น้องไปกิน น้อยใจนะ น้อยใจมาก ทนมานานแล้ว จนวันหนึ่ง ทะเลาะกัน แม่ไล่ออกจากบ้าน ตอนนั้นก็เรียนอยู่ มอ5 เลยคิดว่า ชอบไล่นัก ถ้าไม่อยากให้อยู่ก็ไม่อยู่ ไปก็ไปไม่อยู่แล้ว เลิกเรียนมาถึงบ้านหอบเสื้อผ้าหนีไปค้างบ้านเพื่อนเลยค่ะ ปกติเลิกเรียนแล้วจะกลับบ้านเลย ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ถ้าไล่ก็ไป ทนมาหลายปีแล้ว มันไม่ไหวอะ ทนจนไม่รู้จะทนยังไง ตอนอยู่กับย่าตอนเด็กๆร่าเริงมากนะ พอมาอยู่กับแม่ผ่านไปไม่กี่ปี เปลี่ยนเป็นคนละคน ก้าวร้าวขึ้นมากยอมรับเลย
ตอนนี้อยู่ปีสองแล้วค่ะ สาขาที่เรียนก็ไม่ได้ชอบเรียนไปงั้นๆแหละ ถูกบอกให้เรียน เลือกเองไม่ได้ แม่ชอบบอกว่าหนูไม่ใช่ลูกเขา หนูเป็นลูกย่า เวลาหนูมีปัญญาชอบโยนให้แต่ย่า ตอนนี้ใกล้จบแล้ว แม่อยากให้ไปอยู่ด้วยละมั้ง อยากให้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลพ่อเลี้ยง ทุกวันนั้นใช้นามสกุลย่าคะ เวลาทำไม่ได้ ด่า บังคับมาก เรียนอ่อนด่า สารพัดคำจะด่า ด่าจนเราเหนื่อย ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากอยู่เฉยๆ ตอนนี้เฉยๆไปแล้ว ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ตอนเด็กถูกสั่งให้อยู่แต่บ้าน ตอนนี้เลยไม่อยากออกจากบ้านเลย ไม่มีความฝัน อะไรที่อยากทำเขาไม่ให้ทำ บอกไร้ประโยชน แล้วก็ขู่เข็นเราอยู่นั่นแหละ พอไม่ทำตามก็ทวงบุณคุญ
“ก*เป็นแม่ม*นะ”
“ก*เกิดม*มานะ รู้ไหมก*เลี้ยงม*มามันยากขนาดไหน”
ไม่ แม่ไม่เคยเป็นแม่ที่หนูอยากได้เลย จนมาถึงทุกวันนี้ บอกตามตรงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวไว้ตอนนี้คือการ์ตูนคะ อนิเมะ ดู ดูมันนั่นแหละ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่อยากออกจากห้อง ไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เหนื่อย ท้อ กำลังใจไม่มี ทั้งญาติก็เอาแต่ติติง เราทำอะไรไม่ได้เลย ทำผิดครั้งเดียว โทษอยู่นั่น เอาแต่ความเก่ามาเล่า มากดดัน ชอบเล่าเรื่องสมัยเขายังเด็กจนแค่ไหนลำบากแค่ไหน คือเราไม่อยากฟัง ว่าเราใช้เงินเปลือง คือ เฮ้ย แบบเงินเดี๋ยวนี้กับเงินตอนนั้นมันเท่ากันไหม? สมัยนี้อะไรก็เร็ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน ไอ้ความอยากได้แบบ ไอโฟนเอย เครื่องสำอางเอย เสื้อผ้าเอย ไม่อยากได้ ทุกวันนี้ใช้มือสอง เสื้อผ้าอะไรๆ ชื้อให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอา คนเราก็ต้องมีอยู่แล้วไอ้ความอยากได้ แต่เราก็ต้องใช้ของส่วนตัว คือถ้าจะให้พูดจริงๆทุกวันนี้ไอ้ของมือหนึ่งคงมีแต่ผ้าอนามัยอะที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน
ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อยากตายแล้วตอนนี้ ตายไปซะก็ดีหรอก ไม่กล้าออกไปไหน คือโดนห้ามทุกอย่างจนถูกปล่อยตอนอายุ17 ทำอะไรไม่เป็น ให้อยู่แต่ในบ้านจนถึงอายุเท่านั้น ตอนนี้ถูกไล่ให้ไปหาเงิน ไม่มีความกล้า ก็รู้นะว่าเรามันขอแต่เงินใช้ ทีตอนจะไปหางานทำไม่ให้ไป จะอยู่หอ ไม่ให้อยู่ พอมาอยู่ด้วยก็ไม่อยากให้อยู่ ขอเงินใช้ก็หาว่าไม่ทำมาหากิน เบื่อ อยากตายแล้ว ไม่อยากอยู่ ไม่มีความหมายอะ
เรื่องก็ประมานนี้แหละคะ แค่อยากมาระบายให้ฟังกัน พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป แล้วครอบครัวของคุณเป็นยังไงคะ?
ครอบครัวใครเป็นแบบนี้บ้าง? พ่อแม่รังแกฉัน
เดิมทีเกิดมาจากครอบครัวที่ถานะก็ดีในระดับหนึ่ง ครอบครัวมี พ่อ แม่ มีหนู แล้วก็น้องชาย ค่ะ
เกิดมาได้ราวสองขวบ พ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เป็นบ้าค่ะ รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย พอกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ไฟไหม้ พ่อเป็นคนเผา สมัยก่อนยังเป็นบ้านนอก บ้านก็เป็นไม้ ไหม้หมดเลย อันนี้รอยแผลที่ขายังเหลืออยู่ที่ขาข้างขวาอยู่เลย
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็หย่ากัน แม่ทิ้งหนูไว้กับย่า ส่วนน้องชายแม่เอาไปด้วย หลังจากนั้นแม่ก็แต่งงานใหม่ มีลูกกับพ่อเลี้ยงคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เกิดมาก็ไม่เติมค่ะ ไม่สมประกอบ เป็นคนที่กวนประสาทมาก ขี้ฟ้อง หื่นด่วยค่ะ ชอบจีบนู่นจับนี่ที่ร่างกายหนู ทะเลาะกันตลอด บอกตามตรงว่าเกลียด แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ หนูเป็นคนนิสัยเงียบๆ ไม่ชอบเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียว
และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน
ตอนอยู่ มอ3 คือจุดเปลี่ยนของหนู ย่าไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไปเป็นปีเลยค่ะ เลยฝากหนูให้แม่ดูแล แรกๆแม่ก็ดี มันก็แค่แรกๆ เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ จากอีกคนก็กลายเป็นอีกคน จากแม่ที่พูดจาดีๆ ก็เริ่มพูดจาหยาบกระด้าง ขี้วีน ใช้อารมณ์ ลงไม้ลงมือตี ไม่พอใจอะไรก็จะด่าคำที่รุนแรงมากๆเช่น
"ไม่ใช่ลูกกู"
"กูน่าจะฆ่าให้ตายตั้งแต่เกิด ตัวไร้ประโยชน์"
"ถ่วงบ้านถ่วงเมือง นี่ไม่ใช่บ้าน ออกไปจากครอบครัวกู!"
ตอนนั้นคือไม่เข้าใจมากทำไมแม่พูดแบบนั้นใช่ หนูไม่ใช่ลูกแม่? หนูเป็นใคร? ทำไมถึงโดนต่อว่าได้ขนาดนี้?
สาหตุมาจาก การทำงานบ้านค่ะ กวาดบ้านช้า ด่า ล้างจานชามเสียงดัง ด่า และ การที่ทะเลาะกับน้องชายต่างพ่อค่ะ ไอ้นี่ตัวการเลย ขี้ฟ้อง ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆก็เอาไปฟ้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต จนเกิดการทะเลาะกันในบ้านค่ะ คนที่ถูกดุด่าไม่ใช่ใครที่ไหน หนูเองแหละ เพราะเป็นพี่คนโต? เลยทำอะไรไม่ได้ แต่ก็การเป็นพี่คนโตเนี่ยแหละ ภาระ การตัดสินใจถูกกำนดไว้ให้ อยากทำตามฝัน ไม่เคยได้ทำ ฝากความหวังไว้มาก ทั้งๆที่ไม่เคยได้กำลังใจเลยชักนิด
ส่วนพ่อเลี้ยง เกลียดค่ะ รังเกียจถึงขนาดไม่อยากหายใจร่วมกันแต่ก่อนจะเกลียดมันก็มีสาเหตุ เวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน อย่างที่รู้ๆกัน ทุกวันนี้ตามในข่าว ชอบเข้ามาใกล้ พูดจาดีๆ ลูบแขนลูบขา กอดบ้าง หอมแก้มบ้าง ขยะแขยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวค่ะ ตอนนั้นเพิ่งจะ13ปี สู้ไม่ได้ แถมยังมีนิสัยที่อ่อนไหวเอามากๆ กลัวก็กลัว บอกใครก็ไม่ได้ ต่อหน้าคนอื่นพูดจาไม่ดีแบบนี้หรอก เรียกหนูว่า
มีสองครั้งด้วยกันที่ทำให้หนูแทบจะบ้า
ครั้งแรก วันนั้นเป็นวันที่แม่ไปต่างจังหวัด ไปงานแต่งญาติ มีแค่หนู น้องชายสองคน แล้วก็ พ่อเลี้ยง ตกดึก จู่ก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาทับ พ่อเลี้ยงค่ะ กำลังกอดหนูอยู่ หนูตกใจมาก คือ เข้ามาได้ยังไง? ประตูก็ล็อค คิดว่าน่าจะเอากุณแจไขเข้ามา กอดแบบแน่นมาก ขยับไม่ได้ หนูก็ถามว่า
"เข้ามาทำไม?"
พ่อเลี้ยงก็บอก
"เห็นนอนละเมอ ร้องไห้เลยเข้ามาหา"
ช่วงนั้นยอมรับค่ะว่าเวลานอนทีไรชอบละเมอ ร้องไห้ทุกคืน
แต่จะเข้ามาทำไม? ไม่ได้อยากให้ช่วย หนูทำอะไรไม่ได้ ทำได้แน่นิ่งอยู่แบบนั้น หนูเลยบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ปล่อยเถอะ ง่วงแล้ว พยายามไล่อ้อมๆจนเขาออกไป พอออกไปได้หนูนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ ระแวงมาก เป็นแบบนั้นจนก่วาแม่กลับมา
ครั้งที่สอง.
วันนั้นพายุเข้า ฝนตกหนักมาก ที่ทำงานของพ่อเลี้ยงอยู่ใกล้โรงเรียนค่ะ เลยเข้าไปหลบฝน รอให้ฝนซาก่อนก่อนแล้วค่อยกลับ อยู่ที่โรงเรียนไม่ได้ เพราะประตูจะปิด ทีนี้พอเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเลี้ยง ก็แอบโล่งใจค่ะ เพราะมีคนทำงานที่นั่นด้วย รอนานมากฝนก็ยังไม่หยุด ทุกคนก็พากันทะยอยออกไปจนหมด รู้สึกตัวอีกที เขาก็เดินไปล็อคประตูห้องค่ะ ตอนนั้นตกใจมาก จะลุกขึ้นหนีก็ไม่ทันแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วโอบหลังเบาๆจากนั้นก็บอกว่า
"คืนนี้ค้างที่นี่กับพ่อสิ"
เขาจะเฝ้ายามที่ทำงานนะค่ะ
อยู่ไม่ได้คะ ลุกขึ้นปัดวิ่งหนีออกจากห้องมาเลย บอกว่าจะกลับแล้ว แล้วก็วิ่งไปที่ห้องน้ำขังตัวเองไว้ที่นั่น
แต่เขาก็ยังตามมาเคาะที่ห้องน้ำ บอกให้ออกไปหา ตอนนั้นกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง รอจนให้เขากลับไป หนูก็ออกไปจากที่ทำงานเลย ฝ่าฝนไปทั้งๆที่มีพายุเข้านั่นแหละ พอกลับมาถึงบ้าน ก็โดนเล่นเลยค่ะ โดนแม่ด่าว่ากลับมาช้า ไม่คิดถึงเลยว่าฝนมันตกพายุเข้าแรง
เรื่องแบบนี้จะบอกใครก็ไม่ได้ กลัว บอกแม่ยิ่งแล้วใหญ่ แม่ให้ท้ายกับคนอื่นยกเว้นหนูคนเดียว
เวลาอยู่กับเขาสองคนเขาจะชอบปิดประตูบ้าน ปิดหน้าต่างทุกบาน พอหนูรู้ว่าเขาปิด หนูวิ่งหนีออกจากหลังบ้านไปเลยเพราะตอนนั้นเขาปิดประตูหน้าบ้านอยู่ แล้วพอเขาเห็นว่าหนูอยู่ข้างนอกก็เรียกให้เข้าไปบอกมีเรื่องจะคุย เราก็บอกคุยตรงนี้แหละ คิดอยู่ว่าเอาสิ ถ้าแน่จริงจะร้องให้คนแถวนั้นมาช่วย เราก็ไม่ยอมนั่งอยู่ตรงนั้นแหละจนก่วาจะมีใครคนใดคนหนึ่งในบ้านกลับมาถึงจะเข้าบ้าน ดูเขาจะหงุดหงิดมากที่เราไม่เข้าไป ปิดประตูดังลั่นเลย
นอนกลางวันก็ชอบเข้ามาหา ตอนนั้นรู้ตัวนะ เอามือมาลูบๆแก้มลูบมือจับมือ น้องชายสองคนก็นอนอยู่นั่นแหละ เราก็ทำเป็นหลับ แล้วพลิกตัวหนีก็ไม่ยอมปล่อย จนน้องชายคนเล็กตื่น บอกพ่อทำอะไร เขาก็บอกเปล่า แล้วก็เดินหนี ตอนนั้นนึกขอบใจน้องชายคนเล็กมากๆ
มีครั้งหนึ่งคุยกับแม่รองเท้าขาด ที่ใส่อยู่ทุกวันก็เป็นรองเท้าแตะคะ ขาดจนต้องเอาเหล็กมาเสียบไว้ ใครเคยใส่รองเท้าแบบเมื่อก่อนจะรู้ดี ขาดจนเดินไม่ได้เลยขอให้แม่ชื้อให้ ก็บอก เออๆ จะชื้อให้ ผ่านไปก็ไม่เห็นเลย พอวันหนึ่งรองเท้าน้องชายคนเล็กขาดวิ่นแค่นิดเดียว ยังใส่ได้แค่ฉีกนิดหน่อย มันไม่ใส่ มันขอให้แม่ชื้อให้ แม่นี่รีบไปตลาดชื้อมาให้เดี๋ยวนั้นเลย น้อยใจมาก คือ แม่ชอบบอกคนอื่นชื้อให้แล้วไง ขาดแค่นั้นใส่ไปก่อน แล้วของน้องละ? ขอมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลย แอบน้อยใจมาก คงเข้าใจใช่ไหมว่าถึงแม้จะได้จากคนอื่นแต่ก็ไม่เหมือนได้จากพ่อแม่นะ ตอนใช้งานนี่เรียกแต่เรา ทำงานให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เอาแต่ด่า ขอไม่เคยได้ พอน้องชายทำเท่านั้นแหละ ชมใหญ่เลย ชมข้ามวันข้ามคืน พอน้องไม่ทำงาน ก็บอกว่ามันยังเด็ก แกนะเป็นพี่ต้องเสียสระ เวลากินข้าวไม่เรียก เรียกแต่ชื่อน้องชายสองคนไปกิน มีครั้งหนึ่งไม่เรียกเราก็ลองไม่ไป สรุปกินกันไปทั้งสี่คนนั่นแหละ สงสัยลืมเราไปแล้วมั้ง พอ ออกมาจากห้องก็ด่า ทำไมไม่มากิน ต้องให้เชิญเลยรึไง?
เวลาอยูบ้านวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ให้อยู่ในบ้าน ไล่ให้ออกไปอยู่ข้างนอก พ่อแม่ไปบ้านตายาย ก็เอาข้าวเอาน้ำออกมาให้ตามปกติ มีครั้งหนึ่งแม่ไปต่างจังหวัด พ่อเลี้ยงไปทำงาน ช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ปิดประตูล็อคบ้าน ข้าวน้ำไม่มี แล้วก็ไม่กลับมาบ้านนะตอนเที่ยงนะ ปล่อยให้หิวข้าวอยู่นั่นแหละ ยังเด็กก็ไม่รู้จะทำยังไง พอดีมีเงินที่ย่าเอาไว้ให้เลยไปชื้อข้าวมากิน น้ำก็ไม่มีกินได้ชื้อ
เป็นแบบนี้มาได้สองสามปีได้ ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เวลากินไม่เคยเรียกอะ แบบถึงรู้ว่าไม่กินก็ควรเรียกให้ชื่นใจหน่อย อันนี้ไม่ เรียกแต่น้องไปกิน น้อยใจนะ น้อยใจมาก ทนมานานแล้ว จนวันหนึ่ง ทะเลาะกัน แม่ไล่ออกจากบ้าน ตอนนั้นก็เรียนอยู่ มอ5 เลยคิดว่า ชอบไล่นัก ถ้าไม่อยากให้อยู่ก็ไม่อยู่ ไปก็ไปไม่อยู่แล้ว เลิกเรียนมาถึงบ้านหอบเสื้อผ้าหนีไปค้างบ้านเพื่อนเลยค่ะ ปกติเลิกเรียนแล้วจะกลับบ้านเลย ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ถ้าไล่ก็ไป ทนมาหลายปีแล้ว มันไม่ไหวอะ ทนจนไม่รู้จะทนยังไง ตอนอยู่กับย่าตอนเด็กๆร่าเริงมากนะ พอมาอยู่กับแม่ผ่านไปไม่กี่ปี เปลี่ยนเป็นคนละคน ก้าวร้าวขึ้นมากยอมรับเลย
ตอนนี้อยู่ปีสองแล้วค่ะ สาขาที่เรียนก็ไม่ได้ชอบเรียนไปงั้นๆแหละ ถูกบอกให้เรียน เลือกเองไม่ได้ แม่ชอบบอกว่าหนูไม่ใช่ลูกเขา หนูเป็นลูกย่า เวลาหนูมีปัญญาชอบโยนให้แต่ย่า ตอนนี้ใกล้จบแล้ว แม่อยากให้ไปอยู่ด้วยละมั้ง อยากให้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลพ่อเลี้ยง ทุกวันนั้นใช้นามสกุลย่าคะ เวลาทำไม่ได้ ด่า บังคับมาก เรียนอ่อนด่า สารพัดคำจะด่า ด่าจนเราเหนื่อย ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากอยู่เฉยๆ ตอนนี้เฉยๆไปแล้ว ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ตอนเด็กถูกสั่งให้อยู่แต่บ้าน ตอนนี้เลยไม่อยากออกจากบ้านเลย ไม่มีความฝัน อะไรที่อยากทำเขาไม่ให้ทำ บอกไร้ประโยชน แล้วก็ขู่เข็นเราอยู่นั่นแหละ พอไม่ทำตามก็ทวงบุณคุญ
“ก*เป็นแม่ม*นะ”
“ก*เกิดม*มานะ รู้ไหมก*เลี้ยงม*มามันยากขนาดไหน”
ไม่ แม่ไม่เคยเป็นแม่ที่หนูอยากได้เลย จนมาถึงทุกวันนี้ บอกตามตรงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวไว้ตอนนี้คือการ์ตูนคะ อนิเมะ ดู ดูมันนั่นแหละ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่อยากออกจากห้อง ไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เหนื่อย ท้อ กำลังใจไม่มี ทั้งญาติก็เอาแต่ติติง เราทำอะไรไม่ได้เลย ทำผิดครั้งเดียว โทษอยู่นั่น เอาแต่ความเก่ามาเล่า มากดดัน ชอบเล่าเรื่องสมัยเขายังเด็กจนแค่ไหนลำบากแค่ไหน คือเราไม่อยากฟัง ว่าเราใช้เงินเปลือง คือ เฮ้ย แบบเงินเดี๋ยวนี้กับเงินตอนนั้นมันเท่ากันไหม? สมัยนี้อะไรก็เร็ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน ไอ้ความอยากได้แบบ ไอโฟนเอย เครื่องสำอางเอย เสื้อผ้าเอย ไม่อยากได้ ทุกวันนี้ใช้มือสอง เสื้อผ้าอะไรๆ ชื้อให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอา คนเราก็ต้องมีอยู่แล้วไอ้ความอยากได้ แต่เราก็ต้องใช้ของส่วนตัว คือถ้าจะให้พูดจริงๆทุกวันนี้ไอ้ของมือหนึ่งคงมีแต่ผ้าอนามัยอะที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน
ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อยากตายแล้วตอนนี้ ตายไปซะก็ดีหรอก ไม่กล้าออกไปไหน คือโดนห้ามทุกอย่างจนถูกปล่อยตอนอายุ17 ทำอะไรไม่เป็น ให้อยู่แต่ในบ้านจนถึงอายุเท่านั้น ตอนนี้ถูกไล่ให้ไปหาเงิน ไม่มีความกล้า ก็รู้นะว่าเรามันขอแต่เงินใช้ ทีตอนจะไปหางานทำไม่ให้ไป จะอยู่หอ ไม่ให้อยู่ พอมาอยู่ด้วยก็ไม่อยากให้อยู่ ขอเงินใช้ก็หาว่าไม่ทำมาหากิน เบื่อ อยากตายแล้ว ไม่อยากอยู่ ไม่มีความหมายอะ
เรื่องก็ประมานนี้แหละคะ แค่อยากมาระบายให้ฟังกัน พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป แล้วครอบครัวของคุณเป็นยังไงคะ?