วัณโรค - โรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ติดเชื้อเอชไอวี

วัณโรค หรือ ทีบี เกิดจากเชื้อมัยโคแบคทีเรียม ทิวเบอร์คิวโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) วัณโรคจะมีทั้งวัณโรคปอด และวัณโรคนอกปอด ในผู้ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นวัณโรคปอด ส่วนวัณโรคนอกปอดที่พบก็คือจะไม่มีอาการไอ เช่น ที่ต่อมน้ำเหลือง ลำไส้ เยื่อหุ้มหัวใจ สมอง ตับ ม้าม เป็นต้น วัณโรคสามารถติดต่อกันได้โดยการสูดหายใจเอาละอองที่มีเชื้อวัณโรคเข้าไปเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การอยู่ร่วมในห้องเดียวกันกับคนที่เป็นวัณโรคปอดอยู่ โดยเฉพาะในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่ดี หรือการดูแลคนที่เป็นวัณโรคปอดอย่างใกล้ชิดอยู่เป็นประจำ

อาการ

-          ไอเรื้อรังนานเกินกว่า 2 อาทิตย์ มักจะมีเสมหะ(เสลด)สีขาว ๆ
-          เบื่ออาหาร น้ำหนักลด (5-10 กิโลกรัมต่อเดือน)
-          อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง
-          ต่อมน้ำเหลืองบริเวณไหปลาร้าโต
-          มีเหงื่อออกตอนกลางคืน และอาจมีไข้ต่ำๆ (หรือมีไข้จับเป็นเวลา เช่นพอตกยามบ่ายไข้ก็จะขึ้น พอตกกลางคืนไข้ก็หายไป เป็นอยู่อย่างนี้ประจำ)
วัณโรคเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอ วี ไม่ว่ามี CD4 สูงหรือต่ำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการกำเริบของเชื้อวัณโรคที่เคยได้รับมาก่อนและแฝงตัวอยู่ และส่วนน้อยจะเป็นการได้รับเชื้อวัณโรคเข้าไปใหม่
การรักษา
-       ยาสูตรพื้นฐาน จะประกอบด้วยยา 4 ชนิด คือ isoniazid (ไอโซไนอะซิด)rifampicin (ไรแฟมพิซิน) pyrazinamide (ไพราซินาไมด์)  และethambutol (เอ็ทแทมบูทอล) กินต่อเนื่องเป็นเวลา 6-12เดือน แล้วแต่แพทย์พิจารณา

ผลข้างเคียงของยา

-          ผื่น
-          ตับอักเสบ เกิดได้จากยา isoniazid, pyrazinamide, rifampicin
-          ปลายประสาทอักเสบ (peripheral neuropathy) จากยาisoniazidป้องกันได้โดยการให้วิตามินบี 6 ร่วมไปด้วย
-          มีพิษต่อตา จากยา ethambutol
-          ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำตาเป็นสีแดงน้ำตาล จากยา rifampicin
-       ยาrifampicin มีผลทำให้ระดับยาต้านไวรัสเปลี่ยนแปลง ควรเลือกใช้efavirenz เป็นตัวแรกหากต้องให้ร่วมกับ rifampicin

การป้องกัน

-       ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ควรได้รับการตรวจหาวัณโรคแฝง ด้วยการทดสอบทางผิวหนัง (Tuberculin Skin Test) หากพบว่ามีเชื้อวัณโรคแฝงอยู่ โดยยังไม่เป็นวัณโรคระยะมีอาการ ก็สามารถกินยา isoniazid ร่วมกับวิตามินบี 6 เป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งจะทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดเป็นวัณโรคระยะมีอาการขึ้นมาได้
-          ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่อมีความจำเป็นในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
-          ภาชนะและเครื่องใช้ของผู้ป่วย ควรได้รับการทำความสะอาดอยู่เสมอ
-          ควรให้ผู้ป่วยพักอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้มากที่สุด
-          ควรรีบพบหมอ เพื่อรับฟังคำแนะนำ พร้อมรับการรักษาที่ถูกต้อง
-          เด็กและสมาชิกในครอบครัว ควรได้รับการตรวจวัณโรคด้วย พร้อมควรได้รับการป้องกันอย่างถูกวิธี

หมายเหตุ

-       กินยาทั้งหมดแล้วเกิน 2 อาทิตย์ ก็จะไม่แพร่เชื้อวัณโรคอีก แต่ถ้าเป็นวัณโรคนอกปอด จะไม่มีการแพร่เชื้ออยู่แล้ว
-       ควรกินยาติดต่อกันให้ครบตามเวลาที่กำหนด ถึงแม้ตรวจพบว่าไม่มีอาการของวัณโรคแล้วก็ตาม เพื่อให้หายขาดและป้องกันการดื้อยา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก    icare.kapook.com และ ASTV Infographic

Report by LIV Capsule
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่