ส่วนที่หนึ่ง
http://ppantip.com/topic/35012421
ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า (ส่วนที่สอง)
ค่ำคืนอากาศหนาวเหน็บกว่าปกติ ลมกรรโชกรุนแรงส่งผลให้กิ่งไม้หลายกิ่งหักงอ กิ่งไหนหมดเยื่อใยกับต้นก็ทิ้งตัวร่วงหล่นสู่พื้นดินกองระเนระนาดเกลื่อนกลาด รอคนมาเก็บไปทำเฟือนต่อไป หมดประโยชน์ต่อลำต้นแต่ยังคงมีประโยชน์ต่อคนนับว่าไม่ใช่เรื่องเลวเสมอไปหากกิ่งไม้หรือต้นไม้จะหักโค่นลงมา
หลังรับประทานข้าวมื้อเย็นเสร็จ แม่บอกให้พาฝันปิดล็อกหน้าต่างทุกบ้านให้เรียบร้อย ท่าทางคืนนี้จะมีพายุเข้า พาฝันทำตามที่แม่บอกไม่อิดออด แกควบคุมรถวีลแชร์เคลื่อนไปตามมุมต่างๆภายในบ้าน ทยอยปิดหน้าต่างทุกบานด้วยหัวใจเบิกบาน หน้าต่างบานสุดท้ายคือห้องครัว พาฝันชะเง้อตัวมองออกไปดูบรรยากาศข้างหน้าซึ่งมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากบ้านของตนสาดส่องลำแสงสีขาวเส้นใหญ่ทำให้มองเห็นต้นมะม่วงข้างบ้านนัด ต้นมะม่วงโบกสะบัดกิ่งก้านเคลื่อนไหวไปตามแรงลมส่งผลให้ผลม่วงหลายลูกหล่นลงพื้น
พาฝันยิ้มให้ผลมะม่วงนั่นอย่างหมายมั่น พรุ่งนี้แกจะชวนนัดไปเก็บผลมะม่วงแล้วนำไปฝากเพื่อนๆที่โรงเรียน แกปิดล็อกหน้าต่างอย่างดี แล้วพารถวิลแชร์มาหยุดอยู่ซิงค์ล้างจาน ลงมือล้างจานอย่างคล่องแคล่ว พาฝันชอบล้างจาน อันที่แล้วจริงพาฝันชอบช่วยแม่ทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง แต่เรื่องล้างจานนี่ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพาฝัน แกขอผูกขาดหน้าที่ตรงนี้แต่เพียงผู้เดียว
พาฝันควบคุมรถวีลแชร์เข้ามาในห้องนั่งเล่น มีพ่อกับแม่นั่งดูทีวีและกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสเมื่อละครที่แม่ดูไม่เป็นไปตามที่แม่นึกไว้ แกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พ่อแม่ ก่อนจะพารถวีลแชร์มาหยุดอยู่ใกล้ๆท่านทั้งสอง
“ผมจะไปนอนแล้วนะครับ” พาฝันบอกพ่อกับแม่
แม่ยื่นมือลูบศีรษะลูกน้อยปากบอกว่า ฝันดีจ้ะลูกรัก แล้วโน้มตัวเอียงคอหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ พ่อยอมน้อยหน้าที่ไหน ขยับตัวมาหอมแก้มพาฝันอีกข้างหนึ่งเช่นกัน มือใหญ่ของพ่อขยี้ผมลูกชายเล่น
“ดูสิ ลูกโตเป็นหนุ่มแล้วพ่อแม่หอมแก้มแค่นี้ เขินจนหน้าแดงเลย” แม่แซว .. พาฝันได้แต่ก้มหน้าหลบก่อนจะรีบพารถวีลแชร์ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พ่อส่งเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน กลบเสียงฝนตกได้เลยทีเดียว
พาฝันนั่งอยู่บนเตียงนอนแสนนุ่ม ในมือถือหนังสือนิทานเล่มเล็กขนาดเท่าไอแพด ปกแข็งสีน้ำตาลอ่อน มีภาพวาดบนปกเป็นรูปท้องฟ้าสีฟ้าอมเขียวมองดีๆก็คล้ายท้องทะเล แต่หากมองแบบผ่านๆก็เป็นดั่งท้องนภาสวยสดงดงาม ภาพวาดสามมิติบนหน้าปกมองดูเหมือนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตรงกลางมีตัวหนังสือสีน้ำตาลนูนขึ้นมาเขียนไว้ว่า ‘ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า’
พาฝันใช้หมอนพิงหลังขยับร่างกายให้อยู่ในท่าทางสบายผ่อนคลาย แกเปิดหนังสือและเริ่มอ่านด้วยความตั้งอกตั้งใจ หัวใจอัดแน่นไปด้วยความหวัง กระดาษทีละแผ่นถูกเปิดอ่านผ่านไปทีละหน้าจนจบเล่ม นิทานสนุกถูกใจพาฝันอยู่ไม่น้อย เรื่องราวของอาณาจักรอโรร่า มีราชินีเอเทียร่าปกครองอาณาจักร และที่แปลกคือทหารในอาณาจักรแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีมนุษย์เท่านั้น ยังมีเหล่าสิงสาราสัตว์มากมายเป็นทหาร อาทิเช่น เสือ ราชสีห์ กระต่าย แมว หรือแม้แต่หนูยังถือดาบและใส่ชุดทหารอีกด้วย พาฝันตื่นตาตื่นใจกับนิทานเรื่องนี้มาก
ทว่าอ่านจบแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย นึกแล้วก็ตลกตัวเองที่หลงเชื่อนัด อ่านนิทานจบความฝันจะกลายเป็นจริงได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นทุกคนที่มีความฝันคงประสบผลสำเร็จในความฝันกันไปหมดแล้วกระมัง
แกส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนถอดถอนหายใจกับความหลงผิดเชื่อนัดเข้าเต็มเปา แกปิดหนังสือลงและวางหนังสือไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน ขยับหมอนวางราบ ปิดไฟบนหัวนอนแล้วล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข
บรรยากาศข้างนอนยังมีฝนตกลงมาปรอยๆ ท้องฟ้าร้องครางเบาๆ สายฟ้าแลบเส้นสีขาวลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง พาฝันนอนพลิกกายตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่าง แกนึกอยากไปเปิดหน้าต่างรับสายลมและมองดูสายฝนยามค่ำคืน แต่หากทำเช่นนั้นแม่คงไม่ชอบใจ เช้ามาคงโดนแม่ดุแบบฟังไม่ทันแน่ๆ
กำลังเคลิ้มจะหลับ เตียงนอนของพาฝันก็เกิดสั่นไหว โยกเยกไปมาคล้ายเปลซึ่งกำลังถูกใครแกว่ง พาฝันตกใจลืมตาด้วยความตื่นตระหนก เหลือบมองซ้ายขวา ไม่เห็นมีอะไร
‘เอาแล้วไหมล่ะ โดนผีหลอกเข้าแล้ว’ พาฝันนึกใคร่ครวญในใจก่อนจะรีบดึงผ้าห่มคลุมโปง ตัวสั่นเทาใต้ผ้าห่ม ปากพึมพำสวดมนต์หลายบท เตียงนอนสั่นสะเทือนหนักขึ้น พาฝันพยายามขยับตัวให้หล่นลงจากเตียงแต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะเมื่อแกเคลื่อนไปให้ชิดขอบเตียงเพื่อจะทิ้งตัวเองให้หล่นลงพื้นเบื้องล่าง เตียงนอนก็จะสะบัดแกกลับมาอยู่ตรงกลางดังเดิม พาฝันร้องส่งเสียงด้วยความแตกตื่น
“แม่ครับช่วยผมด้วย”
“พ่อครับช่วยผมด้วย ผมโดนผีหลอก”
พาฝันตะโกนขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ ทว่าท่านทั้งสองไม่ได้ยินเสียงลูกชาย พาฝันไม่แน่ใจว่าเสียงทีวีดังกลบเสียงแกหรือแกตะโกนไม่ดังพอ พาฝันจึงแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง แต่ยิ่งแกตะโกนเสียงดังมากเท่าไร เตียงนอนยิ่งสะบัดรุนแรงยิ่งขึ้น มันดีดตัวแกลอยสูงขึ้นไปในอากาศราวสองเมตร แล้วร่างของพาฝันก็ร่วงบนเตียงนอนอีกครั้งกระเด้งกระดอนไปมาราวกับคนที่กำลังเดาะลูกปิงปอง แกร้องโอดโอยด้วยความวิงเวียนศีรษะและแสนจะหวาดหวั่นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ร่างของแกกระเด้งขึ้นสู่อากาศแล้วก็ตกลงบนเตียงนอนครั้งแล้วครั้งเล่า
“โอ๊ย .. หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้” พาฝันตะโกนบอกอะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ สิ้นเสียงขอแก ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เตียงนอนหยุดสั่นไหว ร่างของพาฝันนอนนิ่งอยู่บนเตียง หายใจรุนแรงลำคอแห้งผาก นึกอยากได้น้ำสักแก้ว
แต่ยังไม่ทันที่แกจะได้หายใจหายคอได้สะดวก สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เตียงนอนของแกแยกออกจากกัน ร่างผอมแห้งของพาฝันร่วงหล่นเข้าไปในรอยแยก พาฝันกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว หมดหนทางดิ้นหนี ร่างของแกกำลังดำดิ่งลงสู่เหวลึกดำมืดด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียว พาฝันกรีดร้องตลอดทาง สายตาพร่ามัวมองอะไรไม่ชัดเจน แกเห็นเพียงเส้นสีขาวหลายพันเส้นล้อมรอบตัวแก มีเสียงหวีดหวิวของสายลมพัดเข้ามาในโสตประสาท หัวใจเต้นรัว หน้าชาแขนขาชา ดวงตาปิดสนิทและไม่นานสติสัมปชัญญะของพาฝันก็ขาดหายไป
……………………….
“เอ้าๆพวกเจ้า ไวๆหน่อยรีบๆตัดหญ้าเร็วเข้า ท้องฟ้ามืดครึ้มดูท่าฝนจะตก” กระต่ายตัวสีขาวอวบอ้วน ใบหูใหญ่ยาวตั้งชัน ตาข้างหนึ่งปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ ข้างเอวมีดาบเล่มเล็กผูกติดไว้ มันนั่งอยู่บนหลังม้า ปากตะโกนออกคำสั่งลูกน้องแมวห้าตัวซึ่งกำลังช่วยกับเกี่ยวหญ้า แล้วลำเลียงมาใส่ไว้ในเกวียน โดยมีม้าเป็นผู้ลากเกรียน
“พวกกระผมก็เร่งอยู่นะขอรับ เมี้ยว” แมวตัวสีดำขนบนหน้าแหว่งหายไปข้างหนึ่ง ร้องบอกหัวหน้า แล้วตัวอื่นๆก็ร้องตาม
“ใช่ๆขอรับ เมี้ยว”
“เอาน่าๆ เอาให้เต็มเกวียนนี้ก็พอ เร่งเข้าใกล้เต็มแล้ว” หัวหน้ากระต่ายกระโดดจากหลังม้ามานั่งอยู่บนกองหญ้าภายในเกวียน ก่อนจะก้มลงกินหญ้าเพื่อทดสอบคุณภาพ
“หญ้าที่นี่อร่อยดีนักเชียว พวกเจ้าต้องหัดลองกินหญ้าดูบ้างนะ” พูดไปเคี้ยวหญ้าไป
“หยี้! เมี้ยว” แมวห้าตัวต่างพากันเบ้ปาก ส่ายหัว บางตัวก็แลบลิ้นใส่หัวหน้า แต่ก็มีแมวบางตัวลองหยิบหญ้ายัดใส่ปากและยังไม่ทันเคี้ยวก็พ่นหญ้าออกจากปากทันที
“ท่านบรู๊ดดูนั่น เมี้ยว” เจ้าแมวสีดำหน้าแหว่งตัวเก่าเจ้าเดิม ชี้บอกหัวหน้าให้เงยหน้ามองท้องฟ้า เมื่อมันเห็นก้อนสีดำก้อนใหญ่กำลังร่วงหล่นมาจากเบื้องบน
“นั่นมันอะไร” ม้าลากเกวียนเอ่ยถามเสียงดัง จากก้อนสีดำ เมื่อเข้ามาใกล้จึงเห็นว่ามันคือก้อนสีฟ้าต่างหาก
ก๊าก…
บรู๊ดร้องเสียงหลงเมื่อก้อนสีฟ้าหล่นตุบใส่กองหญ้าตรงหน้าเขา กระต่ายสีขาวกระโดดหลบก้อนสีฟ้า แต่พลาดเป้าไปนิดจึงหงายหลังตกเกวียนร่วงไปกองบนพื้นดิน ทว่าระดับหัวหน้าบรู๊ดแล้วไม่มีทางที่จะร่วงหล่นจากที่สูงแบบเสียหน้า บรู๊ดตีหลังกาสามตลบ ก่อนกลิ้งตัวแบบสุดเท่ และหยุดด้วยท่านั่งชันเข่าข้างหนึ่ง สะบัดตัวสามทีเพื่อสลัดเศษหญ้าเศษดินให้หลุดออกจากขน และไม่ลืมเชิดหน้าเล็กหน้าเพื่อยืนยันว่าตนไม่มีอะไรบอบช้ำ
ลูกน้องแมวต่างพากันปรบมือชื่นชมหัวหน้า….จนลืมนึกไปว่ามีวัตถุประหลาดนอนอยู่บนเกวียน
=======
จบส่วนที่สองค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ
ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า .... (2)
ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า (ส่วนที่สอง)
ค่ำคืนอากาศหนาวเหน็บกว่าปกติ ลมกรรโชกรุนแรงส่งผลให้กิ่งไม้หลายกิ่งหักงอ กิ่งไหนหมดเยื่อใยกับต้นก็ทิ้งตัวร่วงหล่นสู่พื้นดินกองระเนระนาดเกลื่อนกลาด รอคนมาเก็บไปทำเฟือนต่อไป หมดประโยชน์ต่อลำต้นแต่ยังคงมีประโยชน์ต่อคนนับว่าไม่ใช่เรื่องเลวเสมอไปหากกิ่งไม้หรือต้นไม้จะหักโค่นลงมา
หลังรับประทานข้าวมื้อเย็นเสร็จ แม่บอกให้พาฝันปิดล็อกหน้าต่างทุกบ้านให้เรียบร้อย ท่าทางคืนนี้จะมีพายุเข้า พาฝันทำตามที่แม่บอกไม่อิดออด แกควบคุมรถวีลแชร์เคลื่อนไปตามมุมต่างๆภายในบ้าน ทยอยปิดหน้าต่างทุกบานด้วยหัวใจเบิกบาน หน้าต่างบานสุดท้ายคือห้องครัว พาฝันชะเง้อตัวมองออกไปดูบรรยากาศข้างหน้าซึ่งมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากบ้านของตนสาดส่องลำแสงสีขาวเส้นใหญ่ทำให้มองเห็นต้นมะม่วงข้างบ้านนัด ต้นมะม่วงโบกสะบัดกิ่งก้านเคลื่อนไหวไปตามแรงลมส่งผลให้ผลม่วงหลายลูกหล่นลงพื้น
พาฝันยิ้มให้ผลมะม่วงนั่นอย่างหมายมั่น พรุ่งนี้แกจะชวนนัดไปเก็บผลมะม่วงแล้วนำไปฝากเพื่อนๆที่โรงเรียน แกปิดล็อกหน้าต่างอย่างดี แล้วพารถวิลแชร์มาหยุดอยู่ซิงค์ล้างจาน ลงมือล้างจานอย่างคล่องแคล่ว พาฝันชอบล้างจาน อันที่แล้วจริงพาฝันชอบช่วยแม่ทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง แต่เรื่องล้างจานนี่ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพาฝัน แกขอผูกขาดหน้าที่ตรงนี้แต่เพียงผู้เดียว
พาฝันควบคุมรถวีลแชร์เข้ามาในห้องนั่งเล่น มีพ่อกับแม่นั่งดูทีวีและกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสเมื่อละครที่แม่ดูไม่เป็นไปตามที่แม่นึกไว้ แกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พ่อแม่ ก่อนจะพารถวีลแชร์มาหยุดอยู่ใกล้ๆท่านทั้งสอง
“ผมจะไปนอนแล้วนะครับ” พาฝันบอกพ่อกับแม่
แม่ยื่นมือลูบศีรษะลูกน้อยปากบอกว่า ฝันดีจ้ะลูกรัก แล้วโน้มตัวเอียงคอหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ พ่อยอมน้อยหน้าที่ไหน ขยับตัวมาหอมแก้มพาฝันอีกข้างหนึ่งเช่นกัน มือใหญ่ของพ่อขยี้ผมลูกชายเล่น
“ดูสิ ลูกโตเป็นหนุ่มแล้วพ่อแม่หอมแก้มแค่นี้ เขินจนหน้าแดงเลย” แม่แซว .. พาฝันได้แต่ก้มหน้าหลบก่อนจะรีบพารถวีลแชร์ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พ่อส่งเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน กลบเสียงฝนตกได้เลยทีเดียว
พาฝันนั่งอยู่บนเตียงนอนแสนนุ่ม ในมือถือหนังสือนิทานเล่มเล็กขนาดเท่าไอแพด ปกแข็งสีน้ำตาลอ่อน มีภาพวาดบนปกเป็นรูปท้องฟ้าสีฟ้าอมเขียวมองดีๆก็คล้ายท้องทะเล แต่หากมองแบบผ่านๆก็เป็นดั่งท้องนภาสวยสดงดงาม ภาพวาดสามมิติบนหน้าปกมองดูเหมือนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตรงกลางมีตัวหนังสือสีน้ำตาลนูนขึ้นมาเขียนไว้ว่า ‘ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า’
พาฝันใช้หมอนพิงหลังขยับร่างกายให้อยู่ในท่าทางสบายผ่อนคลาย แกเปิดหนังสือและเริ่มอ่านด้วยความตั้งอกตั้งใจ หัวใจอัดแน่นไปด้วยความหวัง กระดาษทีละแผ่นถูกเปิดอ่านผ่านไปทีละหน้าจนจบเล่ม นิทานสนุกถูกใจพาฝันอยู่ไม่น้อย เรื่องราวของอาณาจักรอโรร่า มีราชินีเอเทียร่าปกครองอาณาจักร และที่แปลกคือทหารในอาณาจักรแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีมนุษย์เท่านั้น ยังมีเหล่าสิงสาราสัตว์มากมายเป็นทหาร อาทิเช่น เสือ ราชสีห์ กระต่าย แมว หรือแม้แต่หนูยังถือดาบและใส่ชุดทหารอีกด้วย พาฝันตื่นตาตื่นใจกับนิทานเรื่องนี้มาก
ทว่าอ่านจบแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย นึกแล้วก็ตลกตัวเองที่หลงเชื่อนัด อ่านนิทานจบความฝันจะกลายเป็นจริงได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นทุกคนที่มีความฝันคงประสบผลสำเร็จในความฝันกันไปหมดแล้วกระมัง
แกส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนถอดถอนหายใจกับความหลงผิดเชื่อนัดเข้าเต็มเปา แกปิดหนังสือลงและวางหนังสือไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน ขยับหมอนวางราบ ปิดไฟบนหัวนอนแล้วล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข
บรรยากาศข้างนอนยังมีฝนตกลงมาปรอยๆ ท้องฟ้าร้องครางเบาๆ สายฟ้าแลบเส้นสีขาวลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง พาฝันนอนพลิกกายตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่าง แกนึกอยากไปเปิดหน้าต่างรับสายลมและมองดูสายฝนยามค่ำคืน แต่หากทำเช่นนั้นแม่คงไม่ชอบใจ เช้ามาคงโดนแม่ดุแบบฟังไม่ทันแน่ๆ
กำลังเคลิ้มจะหลับ เตียงนอนของพาฝันก็เกิดสั่นไหว โยกเยกไปมาคล้ายเปลซึ่งกำลังถูกใครแกว่ง พาฝันตกใจลืมตาด้วยความตื่นตระหนก เหลือบมองซ้ายขวา ไม่เห็นมีอะไร
‘เอาแล้วไหมล่ะ โดนผีหลอกเข้าแล้ว’ พาฝันนึกใคร่ครวญในใจก่อนจะรีบดึงผ้าห่มคลุมโปง ตัวสั่นเทาใต้ผ้าห่ม ปากพึมพำสวดมนต์หลายบท เตียงนอนสั่นสะเทือนหนักขึ้น พาฝันพยายามขยับตัวให้หล่นลงจากเตียงแต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะเมื่อแกเคลื่อนไปให้ชิดขอบเตียงเพื่อจะทิ้งตัวเองให้หล่นลงพื้นเบื้องล่าง เตียงนอนก็จะสะบัดแกกลับมาอยู่ตรงกลางดังเดิม พาฝันร้องส่งเสียงด้วยความแตกตื่น
“แม่ครับช่วยผมด้วย”
“พ่อครับช่วยผมด้วย ผมโดนผีหลอก”
พาฝันตะโกนขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ ทว่าท่านทั้งสองไม่ได้ยินเสียงลูกชาย พาฝันไม่แน่ใจว่าเสียงทีวีดังกลบเสียงแกหรือแกตะโกนไม่ดังพอ พาฝันจึงแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง แต่ยิ่งแกตะโกนเสียงดังมากเท่าไร เตียงนอนยิ่งสะบัดรุนแรงยิ่งขึ้น มันดีดตัวแกลอยสูงขึ้นไปในอากาศราวสองเมตร แล้วร่างของพาฝันก็ร่วงบนเตียงนอนอีกครั้งกระเด้งกระดอนไปมาราวกับคนที่กำลังเดาะลูกปิงปอง แกร้องโอดโอยด้วยความวิงเวียนศีรษะและแสนจะหวาดหวั่นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ร่างของแกกระเด้งขึ้นสู่อากาศแล้วก็ตกลงบนเตียงนอนครั้งแล้วครั้งเล่า
“โอ๊ย .. หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้” พาฝันตะโกนบอกอะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ สิ้นเสียงขอแก ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เตียงนอนหยุดสั่นไหว ร่างของพาฝันนอนนิ่งอยู่บนเตียง หายใจรุนแรงลำคอแห้งผาก นึกอยากได้น้ำสักแก้ว
แต่ยังไม่ทันที่แกจะได้หายใจหายคอได้สะดวก สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เตียงนอนของแกแยกออกจากกัน ร่างผอมแห้งของพาฝันร่วงหล่นเข้าไปในรอยแยก พาฝันกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว หมดหนทางดิ้นหนี ร่างของแกกำลังดำดิ่งลงสู่เหวลึกดำมืดด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียว พาฝันกรีดร้องตลอดทาง สายตาพร่ามัวมองอะไรไม่ชัดเจน แกเห็นเพียงเส้นสีขาวหลายพันเส้นล้อมรอบตัวแก มีเสียงหวีดหวิวของสายลมพัดเข้ามาในโสตประสาท หัวใจเต้นรัว หน้าชาแขนขาชา ดวงตาปิดสนิทและไม่นานสติสัมปชัญญะของพาฝันก็ขาดหายไป
……………………….
“เอ้าๆพวกเจ้า ไวๆหน่อยรีบๆตัดหญ้าเร็วเข้า ท้องฟ้ามืดครึ้มดูท่าฝนจะตก” กระต่ายตัวสีขาวอวบอ้วน ใบหูใหญ่ยาวตั้งชัน ตาข้างหนึ่งปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ ข้างเอวมีดาบเล่มเล็กผูกติดไว้ มันนั่งอยู่บนหลังม้า ปากตะโกนออกคำสั่งลูกน้องแมวห้าตัวซึ่งกำลังช่วยกับเกี่ยวหญ้า แล้วลำเลียงมาใส่ไว้ในเกวียน โดยมีม้าเป็นผู้ลากเกรียน
“พวกกระผมก็เร่งอยู่นะขอรับ เมี้ยว” แมวตัวสีดำขนบนหน้าแหว่งหายไปข้างหนึ่ง ร้องบอกหัวหน้า แล้วตัวอื่นๆก็ร้องตาม
“ใช่ๆขอรับ เมี้ยว”
“เอาน่าๆ เอาให้เต็มเกวียนนี้ก็พอ เร่งเข้าใกล้เต็มแล้ว” หัวหน้ากระต่ายกระโดดจากหลังม้ามานั่งอยู่บนกองหญ้าภายในเกวียน ก่อนจะก้มลงกินหญ้าเพื่อทดสอบคุณภาพ
“หญ้าที่นี่อร่อยดีนักเชียว พวกเจ้าต้องหัดลองกินหญ้าดูบ้างนะ” พูดไปเคี้ยวหญ้าไป
“หยี้! เมี้ยว” แมวห้าตัวต่างพากันเบ้ปาก ส่ายหัว บางตัวก็แลบลิ้นใส่หัวหน้า แต่ก็มีแมวบางตัวลองหยิบหญ้ายัดใส่ปากและยังไม่ทันเคี้ยวก็พ่นหญ้าออกจากปากทันที
“ท่านบรู๊ดดูนั่น เมี้ยว” เจ้าแมวสีดำหน้าแหว่งตัวเก่าเจ้าเดิม ชี้บอกหัวหน้าให้เงยหน้ามองท้องฟ้า เมื่อมันเห็นก้อนสีดำก้อนใหญ่กำลังร่วงหล่นมาจากเบื้องบน
“นั่นมันอะไร” ม้าลากเกวียนเอ่ยถามเสียงดัง จากก้อนสีดำ เมื่อเข้ามาใกล้จึงเห็นว่ามันคือก้อนสีฟ้าต่างหาก
ก๊าก…
บรู๊ดร้องเสียงหลงเมื่อก้อนสีฟ้าหล่นตุบใส่กองหญ้าตรงหน้าเขา กระต่ายสีขาวกระโดดหลบก้อนสีฟ้า แต่พลาดเป้าไปนิดจึงหงายหลังตกเกวียนร่วงไปกองบนพื้นดิน ทว่าระดับหัวหน้าบรู๊ดแล้วไม่มีทางที่จะร่วงหล่นจากที่สูงแบบเสียหน้า บรู๊ดตีหลังกาสามตลบ ก่อนกลิ้งตัวแบบสุดเท่ และหยุดด้วยท่านั่งชันเข่าข้างหนึ่ง สะบัดตัวสามทีเพื่อสลัดเศษหญ้าเศษดินให้หลุดออกจากขน และไม่ลืมเชิดหน้าเล็กหน้าเพื่อยืนยันว่าตนไม่มีอะไรบอบช้ำ
ลูกน้องแมวต่างพากันปรบมือชื่นชมหัวหน้า….จนลืมนึกไปว่ามีวัตถุประหลาดนอนอยู่บนเกวียน
จบส่วนที่สองค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ