เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะตอนนี้ไม่มีภาพเปิดครับ
- ต่อจากตอนที่แล้วที่คนพี่เอามือถือที่พระเอกทำหล่นมาคืนให้ถึงโรงแรม แล้วเจอกับพวกเพื่อนๆ ของพระเอกเข้า
- เพื่อนๆ พระเอกทุกคนเห็นคนพี่ก็กรูกันเข้าไปทักอย่างยินดี คนพี่ก็แกล้งยิ้มแกล้งทักทายแบบฝืนๆ ไปตามเรื่อง ปล่อยให้พวกน้องๆ ใหม่งงว่าคนนี้ใคร
- คนพี่ก็แกล้งแก้ตัวกับเพื่อนๆ พระเอกว่าเจอมือถือพระเอกหล่นในเมืองโดยบังเอิญ เลยเอามาคืนให้ เพื่อนๆ คนอื่นก็ไม่สงสัยอะไร ยกเว้นแต่คนน้องกับอ.คิริยะที่รู้ความจริงเรื่องพระเอกไปเจอคนพี่มาแต่ต้น
- คุยกันอยู่พักนึง คนน้องก็ขออนุญาตไปคุยกับคนพี่สองคน ทั้งสองเลยออกไปนอกโรงแรมไปนั่งคุยกัน
- คนน้องถามคนพี่ตรงๆ ว่าไปพูดอะไรกับพระเอก เมื่อคืนพระเอกกลับโรงแรมมาท่าทางจิตตกน่าดู คนพี่ก็บอกคนน้องไปตามตรงว่าตัวเองไล่พระเอกให้กลับไป ให้พระเอกลืมตัวเองเสียจะดีกว่า
- แต่คนน้องดูออกว่าคนพี่โกหก เพราะสังเกตเห็นว่าคนพี่จงใจแต่งหน้าทารองพื้นมากลบดวงตาที่แดงช้ำเพราะร้องไห้มาทั้งคืน
- โดนจับได้แบบนั้น คนพี่ก็ได้แต่นิ่งเงียบแก้ตัวไม่ออก คนน้องก็บอกต่อไปว่าที่จริงแล้วตัวเธอเองไม่ได้อยากให้พระเอกมาเจอกับคนพี่เลย ดังนั้นก็เลยเงียบไว้ไม่บอกว่าคนพี่อยู่ที่เกาะนี้ คิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วตัวเองอาจมีโอกาสขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายเมื่อถึงที่สุดแล้ว พระเอกก็เลือกคนพี่มากกว่าอยู่ดี (ตรงนี้มีภาพตัดให้เห็นฉากหลังจากที่พระเอกวิ่งไปหาคนพี่ด้วย โดยเป็นภาพคนน้องกระชากที่ติดผมที่พระเอกซื้อให้เป็นของขวัญทำท่าจะโยนทิ้งลงพื้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงทรุดนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น)
- คนน้องใส่คนพี่เป็นชุดๆ ว่ารู้ทั้งรู้ว่าพระเอกรักคนพี่มากแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าตัวคนพี่เองก็รักพระเอกแค่ไหน แล้วทำไมคนพี่ถึงทิ้งพระเอกมา ทำไมปฏิเสธพระเอกได้แค่เพราะความแตกว่าเป็นแฟนกันแค่นี้ รู้มั้ยว่าหลังจากคนพี่หนีไปพระเอกก็อาการย่ำแย่แค่ไหน ถ้ารักกันจริงทำไมไม่ซื่อตรงกับหัวใจตัวเองให้มากกว่านี้ล่ะ
- และคำตอบที่คนพี่ให้กับคนน้องก็คือ
"ก็เพราะรักน่ะสิ"
- คนพี่ยอมรับกับคนน้องว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักที่คนพี่มีให้พระเอกไม่เคยจางหายไปแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าคนพี่ทำตามที่ใจเรียกร้อง หนทางที่รอพระเอกอยู่ในวันข้างหน้าก็มีแต่ความพินาศเท่านั้น พระเอกยังเด็ก ยังมีอนาคตข้างหน้ารออยู่ ดังนั้นคนพี่จึงไม่อยากให้ความรักของตัวเองมาทำให้พระเอกต้องเสียอนาคตไป
- คนพี่บอกต่อว่าตอนได้ยินข่าวเรื่องพระเอกได้รางวัลนักเขียนหน้าใหม่นั้นตัวเองดีใจมาก อยากวิ่งไปหาไปกอดแสดงความยินดีด้วยซ้ำ แต่ก็คิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพระเอกอาจทำให้อนาคตของพระเอกในวันข้างหน้าต้องมัวหมองได้ พอคิดได้แบบนั้นแล้ว คนพี่ก็ลงใจทันทีว่าตัวเองไม่ควรจะพบกับพระเอกอีกเป็นครั้งที่สอง
- ได้ฟังแบบนั้น คนน้องก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบอยู่เท่านั้น
- หลังจากนั้นพักหนึ่ง พระเอกที่ไปเดินหามือถือตัวเองอยู่ก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาหากลุ่มชมรมวรรณศิลป์ บอกว่าตัวเองหามือถือไม่เจอ อ.คิริยะก็ยิ้มบอกว่ามีคนเก็บให้แน่ะ พร้อมกับบุ้ยปากไปทางหนึ่ง
- พระเอกหันหน้าไปมองตามที่อ.คิริยะบุ้ยปาก ก็ต้องตะลึง เมื่อพบว่าคนที่เก็บมือถือมาให้ก็คือคนพี่นั่นเอง
- คนพี่เอ่ยปากทักพระเอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางเหมือนครูทักนักเรียน พร้อมหยิบมือถือออกมาวางบนมือพระเอกและบอกพระเอกว่า
"อย่าละสายตาจากสิ่งสำคัญที่สุดของตัวเองล่ะ" พระเอกก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเท่านั้น
- หลังจากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปยังท่าเรือข้ามฟากกลับโตเกียว โดยมีคนพี่ติดรถไปส่งด้วย
- ระหว่างอยู่บนแท็กซี่ พระเอกหยิบเอาแหวนที่ตัวเองเคยสวมนิ้วนางมือซ้ายไว้ (คู่ของแหวนคู่ที่พระเอกเคยซื้อให้คนพี่ โดยแบ่งกันเก็บไว้คนละวง) ออกมาจากกระเป๋าเงิน อัลเห็นเข้าก็ถามว่านั่นแหวนอะไรเหรอ พระเอกก็ตอบด้วยรอยยิ้มเหงาๆ ว่าเป็นเครื่องรางประจำตัวช่วยค้ำจุนจิตใจตัวเองมาตลอดน่ะ
- พอถึงท่าเรือ พวกนักเรียนคนอื่นๆ กับอ.คิริยะก็ร่ำลาคนพี่แล้วเดินขึ้นเรือไป เหลือแต่พระเอกยืนอยู่กับคนพี่สองคนที่ริมท่าเรือ
- พระเอกยืนมองคนพี่ด้วยสายตาอาดูรอยู่ครู่หนึ่งก็เดินผ่านด้านข้างคนพี่ไปเงียบๆ ไม่แสดงทีท่าอะไร
- แต่จังหวะที่เดินผ่านถึงตัวคนพี่นั้นเอง พระเอกก็แอบเอาแหวนคู่ของตัวเองส่งคืนให้คนพี่อย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ใครมองเห็น พร้อมกับกระซิบบอกคนพี่ว่า
"ขอบคุณมาก ลาก่อน"
- ก่อนจะผละจากกันด้วยสีหน้าเศร้าซึม
- ฉากตัดมาบนเรือ มาทางคนน้องที่นั่งคู่กับอัล อัลพยายามชวนคนน้องคุยโน่นคุยนี่ แต่คนน้องเหมือนไม่มีอารมณ์คุยด้วย กลับเองตัวลงซบไหล่อัลไว้แล้วบ่นพึมพำว่าตัวเองยังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ
- ตัดมาทางพระเอกที่นั่งคู่กับยัยเอ๋อ ยัยเอ๋อเห็นท่าทางพระเอกไม่สบายใจก็ถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอะไรรึเปล่า พระเอกก็บอกปัดไปแบบแกนๆ เท่านั้น
ก็ประมาณนี้แฮะสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพระเอก คนพี่ กับคนน้องในตอนนี้
เหมือนจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว แต่อีกแง่ก็รู้สึกเหมือนยังไม่เคลียร์ยังไงไม่รู้ เพราะต่างฝ่ายแม้จะจากกันด้วยดี แต่ก็เห็นชัดว่ายังตัดอีกฝ่ายไม่ขาดร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง 3 คนเลย
เอาจริงผมว่าคนที่ไม่มีเหตุผลที่สุดในกลุ่มนี้คือคนพี่นี่แหละ ไม่เข้าใจว่ากับแค่มีความสัมพันธ์กับอาจารย์จะส่งผลถึงอนาคตของพระเอกขนาดนั้นเลยเรอะ ถึงได้พยายามผลักไสพระเอกขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงจะรอจนกว่าพระเอกจะเรียนจบค่อยมาคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่หว่า (หรือถ้ามารู้ทีหลังว่าคบกันมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่แล้วจะดูไม่ดี...แต่ผมมองยังไงมันก็ไม่น่าร้ายแรงคอขาดบาดตายถึงขนาดนั้นแฮะ)
หลังจากนี้ชักเดาไม่ออกแล้วว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปเหมือนกัน เพราะดูจากทีท่าพระเอกในตอนนี้คงไม่ไปยุ่งกับคนน้องอะไรแล้ว คนน้องเองก็คงไม่รุกพระเอกต่อแล้วเหมือนกัน
คงได้แต่รอดูอีเวนท์ที่จะเกิดหลังจากนี้ไปละครับ
[Spoil] Domestic na Kanojo #97 - การเตรียมใจของแต่ละคน
- ต่อจากตอนที่แล้วที่คนพี่เอามือถือที่พระเอกทำหล่นมาคืนให้ถึงโรงแรม แล้วเจอกับพวกเพื่อนๆ ของพระเอกเข้า
- เพื่อนๆ พระเอกทุกคนเห็นคนพี่ก็กรูกันเข้าไปทักอย่างยินดี คนพี่ก็แกล้งยิ้มแกล้งทักทายแบบฝืนๆ ไปตามเรื่อง ปล่อยให้พวกน้องๆ ใหม่งงว่าคนนี้ใคร
- คนพี่ก็แกล้งแก้ตัวกับเพื่อนๆ พระเอกว่าเจอมือถือพระเอกหล่นในเมืองโดยบังเอิญ เลยเอามาคืนให้ เพื่อนๆ คนอื่นก็ไม่สงสัยอะไร ยกเว้นแต่คนน้องกับอ.คิริยะที่รู้ความจริงเรื่องพระเอกไปเจอคนพี่มาแต่ต้น
- คุยกันอยู่พักนึง คนน้องก็ขออนุญาตไปคุยกับคนพี่สองคน ทั้งสองเลยออกไปนอกโรงแรมไปนั่งคุยกัน
- คนน้องถามคนพี่ตรงๆ ว่าไปพูดอะไรกับพระเอก เมื่อคืนพระเอกกลับโรงแรมมาท่าทางจิตตกน่าดู คนพี่ก็บอกคนน้องไปตามตรงว่าตัวเองไล่พระเอกให้กลับไป ให้พระเอกลืมตัวเองเสียจะดีกว่า
- แต่คนน้องดูออกว่าคนพี่โกหก เพราะสังเกตเห็นว่าคนพี่จงใจแต่งหน้าทารองพื้นมากลบดวงตาที่แดงช้ำเพราะร้องไห้มาทั้งคืน
- โดนจับได้แบบนั้น คนพี่ก็ได้แต่นิ่งเงียบแก้ตัวไม่ออก คนน้องก็บอกต่อไปว่าที่จริงแล้วตัวเธอเองไม่ได้อยากให้พระเอกมาเจอกับคนพี่เลย ดังนั้นก็เลยเงียบไว้ไม่บอกว่าคนพี่อยู่ที่เกาะนี้ คิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วตัวเองอาจมีโอกาสขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายเมื่อถึงที่สุดแล้ว พระเอกก็เลือกคนพี่มากกว่าอยู่ดี (ตรงนี้มีภาพตัดให้เห็นฉากหลังจากที่พระเอกวิ่งไปหาคนพี่ด้วย โดยเป็นภาพคนน้องกระชากที่ติดผมที่พระเอกซื้อให้เป็นของขวัญทำท่าจะโยนทิ้งลงพื้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงทรุดนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น)
- คนน้องใส่คนพี่เป็นชุดๆ ว่ารู้ทั้งรู้ว่าพระเอกรักคนพี่มากแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าตัวคนพี่เองก็รักพระเอกแค่ไหน แล้วทำไมคนพี่ถึงทิ้งพระเอกมา ทำไมปฏิเสธพระเอกได้แค่เพราะความแตกว่าเป็นแฟนกันแค่นี้ รู้มั้ยว่าหลังจากคนพี่หนีไปพระเอกก็อาการย่ำแย่แค่ไหน ถ้ารักกันจริงทำไมไม่ซื่อตรงกับหัวใจตัวเองให้มากกว่านี้ล่ะ
- และคำตอบที่คนพี่ให้กับคนน้องก็คือ "ก็เพราะรักน่ะสิ"
- คนพี่ยอมรับกับคนน้องว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักที่คนพี่มีให้พระเอกไม่เคยจางหายไปแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าคนพี่ทำตามที่ใจเรียกร้อง หนทางที่รอพระเอกอยู่ในวันข้างหน้าก็มีแต่ความพินาศเท่านั้น พระเอกยังเด็ก ยังมีอนาคตข้างหน้ารออยู่ ดังนั้นคนพี่จึงไม่อยากให้ความรักของตัวเองมาทำให้พระเอกต้องเสียอนาคตไป
- คนพี่บอกต่อว่าตอนได้ยินข่าวเรื่องพระเอกได้รางวัลนักเขียนหน้าใหม่นั้นตัวเองดีใจมาก อยากวิ่งไปหาไปกอดแสดงความยินดีด้วยซ้ำ แต่ก็คิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพระเอกอาจทำให้อนาคตของพระเอกในวันข้างหน้าต้องมัวหมองได้ พอคิดได้แบบนั้นแล้ว คนพี่ก็ลงใจทันทีว่าตัวเองไม่ควรจะพบกับพระเอกอีกเป็นครั้งที่สอง
- ได้ฟังแบบนั้น คนน้องก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบอยู่เท่านั้น
- หลังจากนั้นพักหนึ่ง พระเอกที่ไปเดินหามือถือตัวเองอยู่ก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาหากลุ่มชมรมวรรณศิลป์ บอกว่าตัวเองหามือถือไม่เจอ อ.คิริยะก็ยิ้มบอกว่ามีคนเก็บให้แน่ะ พร้อมกับบุ้ยปากไปทางหนึ่ง
- พระเอกหันหน้าไปมองตามที่อ.คิริยะบุ้ยปาก ก็ต้องตะลึง เมื่อพบว่าคนที่เก็บมือถือมาให้ก็คือคนพี่นั่นเอง
- คนพี่เอ่ยปากทักพระเอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางเหมือนครูทักนักเรียน พร้อมหยิบมือถือออกมาวางบนมือพระเอกและบอกพระเอกว่า "อย่าละสายตาจากสิ่งสำคัญที่สุดของตัวเองล่ะ" พระเอกก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเท่านั้น
- หลังจากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปยังท่าเรือข้ามฟากกลับโตเกียว โดยมีคนพี่ติดรถไปส่งด้วย
- ระหว่างอยู่บนแท็กซี่ พระเอกหยิบเอาแหวนที่ตัวเองเคยสวมนิ้วนางมือซ้ายไว้ (คู่ของแหวนคู่ที่พระเอกเคยซื้อให้คนพี่ โดยแบ่งกันเก็บไว้คนละวง) ออกมาจากกระเป๋าเงิน อัลเห็นเข้าก็ถามว่านั่นแหวนอะไรเหรอ พระเอกก็ตอบด้วยรอยยิ้มเหงาๆ ว่าเป็นเครื่องรางประจำตัวช่วยค้ำจุนจิตใจตัวเองมาตลอดน่ะ
- พอถึงท่าเรือ พวกนักเรียนคนอื่นๆ กับอ.คิริยะก็ร่ำลาคนพี่แล้วเดินขึ้นเรือไป เหลือแต่พระเอกยืนอยู่กับคนพี่สองคนที่ริมท่าเรือ
- พระเอกยืนมองคนพี่ด้วยสายตาอาดูรอยู่ครู่หนึ่งก็เดินผ่านด้านข้างคนพี่ไปเงียบๆ ไม่แสดงทีท่าอะไร
- แต่จังหวะที่เดินผ่านถึงตัวคนพี่นั้นเอง พระเอกก็แอบเอาแหวนคู่ของตัวเองส่งคืนให้คนพี่อย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ใครมองเห็น พร้อมกับกระซิบบอกคนพี่ว่า "ขอบคุณมาก ลาก่อน"
- ก่อนจะผละจากกันด้วยสีหน้าเศร้าซึม
- ฉากตัดมาบนเรือ มาทางคนน้องที่นั่งคู่กับอัล อัลพยายามชวนคนน้องคุยโน่นคุยนี่ แต่คนน้องเหมือนไม่มีอารมณ์คุยด้วย กลับเองตัวลงซบไหล่อัลไว้แล้วบ่นพึมพำว่าตัวเองยังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ
- ตัดมาทางพระเอกที่นั่งคู่กับยัยเอ๋อ ยัยเอ๋อเห็นท่าทางพระเอกไม่สบายใจก็ถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอะไรรึเปล่า พระเอกก็บอกปัดไปแบบแกนๆ เท่านั้น
ก็ประมาณนี้แฮะสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพระเอก คนพี่ กับคนน้องในตอนนี้
เหมือนจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว แต่อีกแง่ก็รู้สึกเหมือนยังไม่เคลียร์ยังไงไม่รู้ เพราะต่างฝ่ายแม้จะจากกันด้วยดี แต่ก็เห็นชัดว่ายังตัดอีกฝ่ายไม่ขาดร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง 3 คนเลย
เอาจริงผมว่าคนที่ไม่มีเหตุผลที่สุดในกลุ่มนี้คือคนพี่นี่แหละ ไม่เข้าใจว่ากับแค่มีความสัมพันธ์กับอาจารย์จะส่งผลถึงอนาคตของพระเอกขนาดนั้นเลยเรอะ ถึงได้พยายามผลักไสพระเอกขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงจะรอจนกว่าพระเอกจะเรียนจบค่อยมาคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่หว่า (หรือถ้ามารู้ทีหลังว่าคบกันมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่แล้วจะดูไม่ดี...แต่ผมมองยังไงมันก็ไม่น่าร้ายแรงคอขาดบาดตายถึงขนาดนั้นแฮะ)
หลังจากนี้ชักเดาไม่ออกแล้วว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปเหมือนกัน เพราะดูจากทีท่าพระเอกในตอนนี้คงไม่ไปยุ่งกับคนน้องอะไรแล้ว คนน้องเองก็คงไม่รุกพระเอกต่อแล้วเหมือนกัน
คงได้แต่รอดูอีเวนท์ที่จะเกิดหลังจากนี้ไปละครับ