เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะไม่อยากเอาภาพสปอยล์ขึ้นภาพแรก








- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่ตัดไปทางคนพี่ที่หนีไปเป็นครูบนเกาะห่างไกล

- ฉากตัดมาเป็นตอนกลางคืน คนพี่กำลังขี่จักรยานจะออกจากโรงเรียนพอดี แต่พอออกมาถึงหน้าโรงเรียนก็เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งยืนรออยู่

- ซึ่งก็คือนายแว่นแฟนเก่าที่คนพี่เคยไปเป็นชู้กับเค้านั่นเอง (อนึ่ง ปัจจุบันตาคนนี้หย่าขาดกับเมียเรียบร้อยแล้วตามที่ทางอ.คิริยะแจ้งข่าวมา)




- ก็เลยชวนกันไปกินข้าวในร้านใกล้ๆ แถบนั้น นายแว่นก็บอกว่าตัวเองตามหาคนพี่มาตลอดเลย เพราะได้ข่าวจากอ.คิริยะเรื่องคนพี่ย้ายที่สอนไป นายแว่นเห็นไม่ใช่ช่วงเวลาที่ครูจะย้ายที่สอนตามปกติ แถมพอถามอาจารย์คนไหนก็ไม่มีใครยอมบอกสาเหตุที่ที่คนพี่ย้ายไป ก็เลยเอะใจว่าน่าจะมีอะไรผิดท่าแล้ว เลยตามหามาตลอดจนมาเจอที่เกาะนี้

- นายแว่นก็ถามตรงๆ ว่าสาเหตุที่ต้องย้ายโรงเรียนนั่นเกี่ยวข้องกับพระเอกใช่มั้ย คนพี่ก็ยอมรับว่าใช่ และเล่าเรื่องที่ทางโรงเรียนจับได้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับพระเอกให้ฟัง โดยบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตัวเอง ตัวเองเป็นคนดึงพระเอกเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะความไม่รู้ดีรู้ชั่วของตัวเอง เพราะงั้นที่โดนจับแยกกันก็คือการลงโทษนั่นแหละ

- ว่าจบก็แกล้งทำเป็นยิ้มร่าเริง แต่นายแว่นจับอาการคนพี่ได้เลยบอกว่าไม่ต้องฝืนทนก็ได้ คนพี่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเศร้าๆ และบอกขอบคุณนายแว่นที่ไม่เคยคิดล้ำเส้นในสมัยที่ยังอยู่โรงเรียนเดียวกัน (เผื่อใครลืม นายแว่นเคยเป็นครูสอนในโรงเรียนม.ปลายที่คนพี่เคยเรียน และรู้จักกันตอนนั้น) เพราะตอนนั้นตัวเองคงใจไม่แข็งพอจะยอมยุติความสัมพันธ์ได้แน่ๆ นายแว่นได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก

- กินข้าวเสร็จ นายแว่นก็เดินไปส่งคนพี่ถึงหอพัก แต่ยังแสดงอาการว่าห่วงคนพี่อยู่จนคนพี่ต้องบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แล้วตัดบททำท่าจะเดินแยกไป

- แต่ตอนนั้นเอง นายแว่นก็ดึงตัวคนพี่เข้ามากอดไว้ แล้วบอกว่าเวลาที่คนพี่พูดคำว่า "ไม่เป็นไร" น่ะคือเวลาที่ "เป็นอะไร" ทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ และถามคนพี่ว่าทำไมต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียวด้วย ทำไมไม่คิดพึ่งพาคนอื่นบ้าง ตัวเขาอยากเป็นกำลังให้คนพี่นะ




- ได้ยินแบบนั้นคนพี่ก็เดาออกว่านายแว่นอยากจะพูดอะไร เลยผลักตัวนายแว่นออก แล้วบอกว่าตัวเองก็เสียใจที่ต้องแยกจากพระเอก มาอยู่นี่ก็ร้องไห้ทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นพระเอกก็ยังอยู่ในใจคนพี่เสมอไม่มีเปลี่ยน ดังนั้นเธอจะไม่ไปซบอกอ้อนนายแว่นหรอก นายแว่นก็ถามว่าแล้วจะรักพระเอกต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอ พระเอกน่ะยังเด็ก ตอนนี้อาจยังรักคนพี่เพราะเป็นรักแรก แต่พอโตขึ้นมีสังคมมากขึ้นก็อาจปันใจไปหาผู้หญิงคนอื่นก็ได้ ต่อให้เป็นแบบนั้นคนพี่ก็จะรักพระเอกต่อไปเหรอ

- และคนพี่ก็ตอบคำถามของนายแว่นด้วยการพยักหน้าอย่างหนักแน่นหนึ่งครั้ง

- เห็นคนพี่ตั้งใจจริงแบบนั้น นายแว่นเลยได้แต่พูดอะไรไม่ออก นอกจากผละจากมาอย่างยอมแพ้เท่านั้น


- ฉากตัดอีกครั้ง กลับไปที่โรงเรียนพระเอก พระเอกได้รู้เรื่องว่าทำไมหนูแว่นปี 1 ถึงพยายามช่วยเหลือไอ้แว่นหัวดำขนาดนั้น สาเหตุก็เพราะพ่อของหนูแว่นเป็นผู้จัดการธนาคารที่เคยดูแลครอบครัวของไอ้แว่นมาก่อน สมัยที่ธุรกิจบ้านไอ้แว่น พ่อของหนูแว่นก็พยายามช่วยเต็มที่แต่ก็ช่วยไม่ได้ หนูแว่นเลยแอบรู้สึกว่าเป็นความผิดของครอบครัวตัวเองที่ทำให้ครอบครัวไอ้แว่นต้องพัง เลยพยายามช่วยเหลือไอ้แว่นทุกอย่าง

- ไปถึงชมรม ไอ้แว่นยอมมาชมรมแล้วก็จริง แต่ก็ยังแสดงอาการตีรวนพระเอกตลอดจนพระเอกวางตัวไม่ถูก แต่พอเจอหน้าอ.คิริยะกลับออกอาการชื่นชม แถมมีเอาหนังสือมาให้เซ็นอีกต่างหาก (เพราะไอ้แว่นเป็นแฟนผลงานอ.คิริยะ)

- ยัยเอ๋อเห็นไอ้แว่นออกอาการน่ารักๆ แบบนั้นเลยนึกสนุกอยากแกล้งไอ้แว่นขึ้นมา ไอ้แว่นก็เอาแต่เก๊กหล่อเย็นชาใส่ แต่ต้านลีลาทั้งออดอ้อนทั้งกระแซะของยัยเอ๋อไม่อยู่ โดนยั่วจนธาตุไฟแตกซ่านเลือดกำเดาพุ่งไปเลย (ขอข้ามรายละเอียดเนื่องจากไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเท่าที่ควร)


- ตัดฉากมาตอนเย็น พระเอกเดินกลับบ้านพร้อมกับคนน้อง ระหว่างทางพระเอกขอแวะร้านหนังสือ เลยบอกให้คนน้องกลับบ้านไปเตรียมกับข้าวก่อน ส่วนตัวเองเดินข้าร้านหนังสือไป

- และก็ได้เจอกับนายแว่นคนนี้เข้าโดยบังเอิญเป็นอันจบตอนนี้










ตอนนี้เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมากแฮะ วันๆ ของชมรมวรรณศิลป์ก็แบบนี้แหละไปซะครึ่งตอน กับฉากคนพี่เจอแฟนเก่าอีกครึ่งตอน ก่อนจะปิดตอนสุดท้ายด้วยฉากแฟนเก่ากับพระเอกเจอกัน

สรุปว่าตอนนี้คนพี่ยังใจแข็งอยู่แฮะ ยังรักมั่นพระเอกตลอดไม่เปลี่ยนแปลงจนตาแฟนเก่าได้แต่ยอมม้วนเสื่อกลับบ้าน แต่ยังเดาไม่ออกเหมือนกันว่าคนพี่จะใจแข็งได้อีกนานแค่ไหน

ส่วนแฟนเก่าเจอพระเอกในตอนท้ายนี่ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะมาแนวไหน เพราะพระเอกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ไปหาคนพี่ เพราะงั้นต่อให้แฟนเก่าเอาที่อยู่คนพี่ไปบอกพระเอก พระเอกก็คงไม่ทำอะไรอยู่ดี

คงต้องรอดูกันละครับว่าเจอกันจะคุยกันอีท่าไหน


อนึ่ง ในคำโปรยหน้าสุดท้ายมีบอกว่าจะ "ประกาศข่าวใหญ่" ด้วย คงต้องรอดูแล้วแฮะว่าจะเป็นเรื่องอะไร (อนิเม? หนัง? ดราม่า CD? หรืออย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกัน นึกไม่ออกเหมือนกันแฮะ)