Blade Runner - (1982)
“I've seen things you people wouldn't believe. Attack ships on fire off the shoulder of Orion. I watched C-beams glitter in the dark near the Tannhäuser Gate. All those moments will be lost in time, like tears...in...rain. Time to die”
*เพิ่งลองรีวิวเรื่องแรกครับ อาจจะมีสะดุดๆบ้าง*
แนว : Tech-noir (Sci-fi + Film-noir)
หนังกำกับโดย Ridley Scott ซึ่งนำเนื้อหาจากนิยาย "Do androids dream of electric sheep?" ของ Philip K. Dick มาดัดแปลง การดำเนินเรื่องจะดำเนินไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่ช้ามาก(คหสต) จึงไม่เหมาะกับคนชอบดูหนังแอ็คชั่นอย่างแรง แถมฉากแอ็คชั่นจริงๆมีน้อย ในยุค 80 หนังเรื่องนี้ถือว่าแสดงภาพโลกอนาคตออกมาได้ล้ำมาก แต่ก็เป็นโลกอนาคตแบบ Dystopia ที่ตรงข้ามกับภาพอันสวยงามแบบ Utopia อย่างสิ้นเชิง ดนตรีประกอบของ Vangelis ที่ใช้เสียงสังเคราะห์(ไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีจริง)ก็ให้ฟีล"เทียมๆ"ที่เหมาะกับโลกอนาคตในหนังดี
เรื่องราวก็มีอยู่ว่าในปี 2019 (ในหนังจะเป็นอนาคตแบบล้ำยุคสุดๆ รถเหาะได้ บ้านเมืองมีแต่ตึกสูงระฟ้าดูไร้ชีวิตชีวา ท้องฟ้าที่มืดหม่นตลอดเวลา มีการตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นแล้ว) มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีไปไกลมากจนมารถสร้างสัตว์เทียมที่ประกอบขึ้นจากอวัยวะที่เพาะขึ้นมาเองแล้วนำมาเลี้ยงหรือใช้งาน แต่การสร้างสัตว์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ มนุษย์เลยสร้าง "Replicants" หรือ “มนุษย์เทียม” ที่ดูไม่แตกต่างจากมนุษย์จริงเลย เพื่อใช้เป็นแรงงานทาสทั้งบนโลกและนิคมบนดาวอื่น มนุษย์เทียมพวกนี้จะถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีความสามารถต่างกันเพื่อไปใช้งานเฉพาะทาง ด้วยความสามารถที่เหนือมนุษย์หลายๆอย่าง บริษัทTyrell Corporation ผู้สร้างสิ่งมีชีวิตเทียมทั้งหมดนี้จึงกำหนดอายุขัยของ replicants พวกนี้ไว้เพียงแค่ “4 ปี”เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อมนุษย์ได้ พอเกิดเหตุมนุษย์เทียมหลบหนีและต่อสู้ขัดขืนกับมนุษย์ที่เป็นนายขึ้นมา ทางการเลยออกกฎหมายให้มนุษย์เทียมพวกนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายบนโลก และหากพบเห็นก็สามารถ”ปลดออก” หรือพูดง่ายๆก็คือ “ฆ่า” ได้ทันทีโดยไม่มีความผิด
เนื้อเรื่องในหนังจะโฟกัสที่มนุษย์เทียม 6 คน(?) ได้ลุกฮือขึ้นแล้วขโมยยานกลับมายังโลกเพื่อหาวิธีต่ออายุขัยของพวกตนที่จวนเจียนจะหมดลงทุกที ทางการจึงตามตัว ริค เด็คการ์ด (Harrison Ford) อดีตตำรวจที่เคยทำงานในหน่วย Blade Runner ซึ่งมีหน้าที่จัดการกับพวก replicants ที่พบเจอบนโลก ให้มาจัดการกับreplicantsทั้ง 6 ที่แฝงตัวอยู่ในลอส แองเจลีส ระหว่างการตามล่าเดคการ์ดเองก็ได้พบรักกับ replicant อย่างเรเชลด้วย (แสดงโดย Sean Young )
ประเด็นหลักของหนังจะเน้นไปที่คำถามว่า"เราเอาอะไรมาตัดสินว่าสิ่งใดมีค่าพอที่จะเป็นมนุษย์" ผ่านการกระทำของตัวละครไม่ว่าจะเป็น"มนุษย์จริง" อย่างเด็คการ์ด หรือ "มนุษย์เทียม" อย่างรอย แบตตี้ (แสดงโดย Rutger Hauer) หัวหน้ากลุ่มมนุษย์เทียมทั้ง6 ซึ่งชิงชังมนุษย์ที่สร้างตนมาเป็นทาสและกำหนดอายุขัยให้เพียงน้อยนิด ส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจมาก
อีกคนก็คือเรเชล replicantที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์มาตลอด และถึงกับเสียใจเมื่อเด็คการ์ดยกข้อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์แท้ และกลัวว่าเดคการ์ดจะฆ่าเพราะเป็นมนุษย์เทียมด้วย
ในขณะที่เนื้อเรื่องเดินไปเรื่อย เราจะเห็นมนุษย์เทียมที่แสดงความห่วงใยต่อพวกพ้อง แสดงความรู้สึกออกมามากกว่าที่มนุษย์พึงกระทำต่อกัน เมื่อreplicantคนนึงตาย พวกที่เหลือก็จะแสดงเศร้าโศกเสียใจและอาลัยต่อกัน ในขณะที่เด็คการ์ดหรือคนอื่นๆที่ไล่ล่าและตามฆ่ามนุษย์เทียมเหล่านี้อย่างไม่หยุดหย่อนโดยปราศจากความสงสารหรือเห็นใจ รวมถึงความเห็นใจต่อมนุษย์ที่ตาย จนดูเหมือนว่าพวก replicants จะเป็นผู้แสดงความเป็นมนุษย์มากที่สุดในเรื่อง
การตามล่า replicants ดูจะสื่อถึงมนุษย์ที่สร้างชีวิตขึ้นมาแล้วมองว่าตนเป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กับชีวิตนั้นโดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมี"ความรู้สึกนึกคิด"หรือไม่ แต่มองชีวิตดังกล่าวเหมือนเพียง"วัตถุ"
หนังยังพยายามสื่อว่าชีวิตเพียง 4 ปีของ replicants นั้นมีความหมายและคุ้มค่ามากกว่าชีวิตอันยืนยาวอันไร้เป้าหมายของมนุษย์ที่ได้แต่อยู่ไปวันๆ ทำสิ่งที่ซ้ำซากจำเจในเมืองอันน่าหดหู่(สังเกตุว่าเดคการ์ดชอบไปกินบะหมี่ร้านเดิมๆ เดินผ่านถนนเส้นเดิมๆเป็นประจำ แม้แต่ป้ายก็ยังขึ้นแต่ภาพโฆษณาเดิมๆวนไปวนมา) ซื้อสัตว์เทียมมาเลี้ยงแก้เบื่อ ซึ่งตรงข้ามกับพวกreplicants ที่เดินทางข้ามดาวอันไกลโพ้น ต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากการเป็นทาสและเสาะหาทางยืดชีวิตของตนโดยตามหาผู้สร้างตนขึ้นมา ตามที่ผู้ก่อตั้งบริษัท Tyrell Corporation ได้กล่าวกับรอยว่า "The light that burns twice as bright burns half as long"
ในตอนท้ายเรื่อง รอยกลับไว้ชีวิตเดคการ์ดที่ได้ฆ่าพวกพ้องของตนไปหมดแล้ว ดูจะเป็นการบอกว่า"มนุษย์เทียม"อย่างตน กลับเห็นค่าของชีวิตอื่นๆมากกว่าเด็คการ์ดที่เป็นมนุษย์แท้เสียอีก หรืออาจรู้ว่าตนไม่สามารถยืดชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว และเล่าถึงประสบการณ์อันโลดโผนที่ตนได้พบเจอตลอดชีวิต4ปีให้เด็คการ์ดฟัง แล้วยังเปิดเผยความกลัวว่า"การมีอยู่"ของตนจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ในฉากนี้เองรอยที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้ายมาตลอดเรื่องแสดงให้เราเห็นว่าเขาเป็นเหยื่ออธรรมของระบบหรือสังคมที่ไม่เคยให้โอกาสแก่เขาและพวกพ้องในฐานะทาสเลย การทิ้งท้ายนี้ทำให้เด็คการ์ดต้องเริ่มตั้งคำถามกับความแตกต่างระหว่างมนุษย์อย่างตนกับพวกมนุษย์เทียมรวมไปถึงสิ่งที่ตนได้กระทำไปทั้งหมด
ปล. Sean Young น่ารักมากมายครับ
รีวิว Blade Runner (1982) *มีสปอยล์นิดนึง*
“I've seen things you people wouldn't believe. Attack ships on fire off the shoulder of Orion. I watched C-beams glitter in the dark near the Tannhäuser Gate. All those moments will be lost in time, like tears...in...rain. Time to die”
*เพิ่งลองรีวิวเรื่องแรกครับ อาจจะมีสะดุดๆบ้าง*
แนว : Tech-noir (Sci-fi + Film-noir)
หนังกำกับโดย Ridley Scott ซึ่งนำเนื้อหาจากนิยาย "Do androids dream of electric sheep?" ของ Philip K. Dick มาดัดแปลง การดำเนินเรื่องจะดำเนินไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่ช้ามาก(คหสต) จึงไม่เหมาะกับคนชอบดูหนังแอ็คชั่นอย่างแรง แถมฉากแอ็คชั่นจริงๆมีน้อย ในยุค 80 หนังเรื่องนี้ถือว่าแสดงภาพโลกอนาคตออกมาได้ล้ำมาก แต่ก็เป็นโลกอนาคตแบบ Dystopia ที่ตรงข้ามกับภาพอันสวยงามแบบ Utopia อย่างสิ้นเชิง ดนตรีประกอบของ Vangelis ที่ใช้เสียงสังเคราะห์(ไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีจริง)ก็ให้ฟีล"เทียมๆ"ที่เหมาะกับโลกอนาคตในหนังดี
เรื่องราวก็มีอยู่ว่าในปี 2019 (ในหนังจะเป็นอนาคตแบบล้ำยุคสุดๆ รถเหาะได้ บ้านเมืองมีแต่ตึกสูงระฟ้าดูไร้ชีวิตชีวา ท้องฟ้าที่มืดหม่นตลอดเวลา มีการตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นแล้ว) มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีไปไกลมากจนมารถสร้างสัตว์เทียมที่ประกอบขึ้นจากอวัยวะที่เพาะขึ้นมาเองแล้วนำมาเลี้ยงหรือใช้งาน แต่การสร้างสัตว์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ มนุษย์เลยสร้าง "Replicants" หรือ “มนุษย์เทียม” ที่ดูไม่แตกต่างจากมนุษย์จริงเลย เพื่อใช้เป็นแรงงานทาสทั้งบนโลกและนิคมบนดาวอื่น มนุษย์เทียมพวกนี้จะถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีความสามารถต่างกันเพื่อไปใช้งานเฉพาะทาง ด้วยความสามารถที่เหนือมนุษย์หลายๆอย่าง บริษัทTyrell Corporation ผู้สร้างสิ่งมีชีวิตเทียมทั้งหมดนี้จึงกำหนดอายุขัยของ replicants พวกนี้ไว้เพียงแค่ “4 ปี”เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อมนุษย์ได้ พอเกิดเหตุมนุษย์เทียมหลบหนีและต่อสู้ขัดขืนกับมนุษย์ที่เป็นนายขึ้นมา ทางการเลยออกกฎหมายให้มนุษย์เทียมพวกนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายบนโลก และหากพบเห็นก็สามารถ”ปลดออก” หรือพูดง่ายๆก็คือ “ฆ่า” ได้ทันทีโดยไม่มีความผิด
เนื้อเรื่องในหนังจะโฟกัสที่มนุษย์เทียม 6 คน(?) ได้ลุกฮือขึ้นแล้วขโมยยานกลับมายังโลกเพื่อหาวิธีต่ออายุขัยของพวกตนที่จวนเจียนจะหมดลงทุกที ทางการจึงตามตัว ริค เด็คการ์ด (Harrison Ford) อดีตตำรวจที่เคยทำงานในหน่วย Blade Runner ซึ่งมีหน้าที่จัดการกับพวก replicants ที่พบเจอบนโลก ให้มาจัดการกับreplicantsทั้ง 6 ที่แฝงตัวอยู่ในลอส แองเจลีส ระหว่างการตามล่าเดคการ์ดเองก็ได้พบรักกับ replicant อย่างเรเชลด้วย (แสดงโดย Sean Young )
ประเด็นหลักของหนังจะเน้นไปที่คำถามว่า"เราเอาอะไรมาตัดสินว่าสิ่งใดมีค่าพอที่จะเป็นมนุษย์" ผ่านการกระทำของตัวละครไม่ว่าจะเป็น"มนุษย์จริง" อย่างเด็คการ์ด หรือ "มนุษย์เทียม" อย่างรอย แบตตี้ (แสดงโดย Rutger Hauer) หัวหน้ากลุ่มมนุษย์เทียมทั้ง6 ซึ่งชิงชังมนุษย์ที่สร้างตนมาเป็นทาสและกำหนดอายุขัยให้เพียงน้อยนิด ส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจมาก
อีกคนก็คือเรเชล replicantที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์มาตลอด และถึงกับเสียใจเมื่อเด็คการ์ดยกข้อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์แท้ และกลัวว่าเดคการ์ดจะฆ่าเพราะเป็นมนุษย์เทียมด้วย
ในขณะที่เนื้อเรื่องเดินไปเรื่อย เราจะเห็นมนุษย์เทียมที่แสดงความห่วงใยต่อพวกพ้อง แสดงความรู้สึกออกมามากกว่าที่มนุษย์พึงกระทำต่อกัน เมื่อreplicantคนนึงตาย พวกที่เหลือก็จะแสดงเศร้าโศกเสียใจและอาลัยต่อกัน ในขณะที่เด็คการ์ดหรือคนอื่นๆที่ไล่ล่าและตามฆ่ามนุษย์เทียมเหล่านี้อย่างไม่หยุดหย่อนโดยปราศจากความสงสารหรือเห็นใจ รวมถึงความเห็นใจต่อมนุษย์ที่ตาย จนดูเหมือนว่าพวก replicants จะเป็นผู้แสดงความเป็นมนุษย์มากที่สุดในเรื่อง
การตามล่า replicants ดูจะสื่อถึงมนุษย์ที่สร้างชีวิตขึ้นมาแล้วมองว่าตนเป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กับชีวิตนั้นโดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมี"ความรู้สึกนึกคิด"หรือไม่ แต่มองชีวิตดังกล่าวเหมือนเพียง"วัตถุ"
หนังยังพยายามสื่อว่าชีวิตเพียง 4 ปีของ replicants นั้นมีความหมายและคุ้มค่ามากกว่าชีวิตอันยืนยาวอันไร้เป้าหมายของมนุษย์ที่ได้แต่อยู่ไปวันๆ ทำสิ่งที่ซ้ำซากจำเจในเมืองอันน่าหดหู่(สังเกตุว่าเดคการ์ดชอบไปกินบะหมี่ร้านเดิมๆ เดินผ่านถนนเส้นเดิมๆเป็นประจำ แม้แต่ป้ายก็ยังขึ้นแต่ภาพโฆษณาเดิมๆวนไปวนมา) ซื้อสัตว์เทียมมาเลี้ยงแก้เบื่อ ซึ่งตรงข้ามกับพวกreplicants ที่เดินทางข้ามดาวอันไกลโพ้น ต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากการเป็นทาสและเสาะหาทางยืดชีวิตของตนโดยตามหาผู้สร้างตนขึ้นมา ตามที่ผู้ก่อตั้งบริษัท Tyrell Corporation ได้กล่าวกับรอยว่า "The light that burns twice as bright burns half as long"
ในตอนท้ายเรื่อง รอยกลับไว้ชีวิตเดคการ์ดที่ได้ฆ่าพวกพ้องของตนไปหมดแล้ว ดูจะเป็นการบอกว่า"มนุษย์เทียม"อย่างตน กลับเห็นค่าของชีวิตอื่นๆมากกว่าเด็คการ์ดที่เป็นมนุษย์แท้เสียอีก หรืออาจรู้ว่าตนไม่สามารถยืดชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว และเล่าถึงประสบการณ์อันโลดโผนที่ตนได้พบเจอตลอดชีวิต4ปีให้เด็คการ์ดฟัง แล้วยังเปิดเผยความกลัวว่า"การมีอยู่"ของตนจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ในฉากนี้เองรอยที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้ายมาตลอดเรื่องแสดงให้เราเห็นว่าเขาเป็นเหยื่ออธรรมของระบบหรือสังคมที่ไม่เคยให้โอกาสแก่เขาและพวกพ้องในฐานะทาสเลย การทิ้งท้ายนี้ทำให้เด็คการ์ดต้องเริ่มตั้งคำถามกับความแตกต่างระหว่างมนุษย์อย่างตนกับพวกมนุษย์เทียมรวมไปถึงสิ่งที่ตนได้กระทำไปทั้งหมด
ปล. Sean Young น่ารักมากมายครับ