สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ดัชนีทาสโลกประจำปี 2559 เปิดเผยว่า มีประชาชนทั่วโลกทั้งชาย หญิง และเด็กรวม 45.8 ล้านคนที่ตกอยู่ภายใต้สภาวะทาสสมัยใหม่ เผยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 28 เปอร์เซ็นต์

มูลนิธิวอล์กฟรีผู้ทำดัชนีชิ้นนี้ กำหนดความหมายของสภาวะทาสสมัยใหม่ในฐานะ “บุคคลหนึ่งๆ ที่ครอบครองหรือควบคุมบุคคลอื่นด้วยวิธีที่ลดทอนเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้ถูกครอบครองหรือควบคุมอย่างมหาศาล ด้วยเจตนารมณ์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ถูกกระทำผ่านการใช้งาน แสวงหากำไร เคลื่อนย้าย หรือจำหน่าย”

ทาสสมัยใหม่ปรากฏอยู่หลายรูปแบบ ได้แก่ แรงงานบังคับ แรงงานขัดหนี้ การค้ามนุษย์ บังคับสมรส และทาสแรงงานเด็ก

ดัชชีประจำนี้มาจากการประมวลข้อมูลจากประเทศ 167 ประเทศ รวมถึงการสัมภาษณ์ในภาษาต่าง ๆ 53 ภาษา รวมเป็นบทสัมภาษณ์ทั้งหมด 42,000 ฉบับเพื่อตรวจสอบความหลากหลายของปัญหาและการตอบสนองของรัฐบาล โดยในปีนี้ พบว่าทาสสมัยใหม่มากขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์จากที่ประมาณการไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คาดสาเหตุมาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลและเรียบวิธีการวิจัยที่ดีขึ้น

เกาหลีเหนือครองตำแหน่งประเทศที่มีสัดส่วนทาสสมัยใหม่มากที่สุด 4.373 เปอร์เซ็นต์จากประชากรทั้งหมด 25,155,000 คน ขณะที่ประเทศที่มีทาสสมัยใหม่มากที่สุดคืออินเดีย ด้วยจำนวนมหาศาลถึง 18,354,700 คน ซ้ำถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนทาสสมัยใหม่ต่อประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ด้วย

ขณะที่ทาสสมัยใหม่เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีทั้งสิ้นประมาณ 30,435,300 คน เป็นสัดส่วน 2 ใน 3 จากทาสสมัยใหม่ทั้งโลก ที่พบได้ทั้งแรงงานบังคับในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ทหารเด็ก ขอทาน และการบริการทางเพศ

ส่วนหนึ่งของรายงานระบุถึงสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “อัตราส่วนทาสสมัยใหม่ในภูมิภาคนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า หลายประเทศในเอเชียเป็นผู้จัดหาแรงงานทักษะต่ำในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานโลก รวมถึงการผลิตอาหาร เสื้อผ้า และเทคโนโลยี”

สำหรับประเทศไทย ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ จากการเรียงลำดับตามค่าประมาณการสัดส่วนทาสสมัยใหม่ต่อประชากร โดยมีทาสสมัยใหม่ประมาณ 425,500 คน คิดเป็น 0.626 เปอร์เซ็นต์ต่อประชากรทั่วประเทศ ทำให้อยู่ที่อันดับ 9 ของเอเชียแปซิฟิกและอยู่ที่อันดับ 5 ของอาเซียน รองจากกัมพูชา พม่า บังกลาเทศ และบรูไน

อย่างไรก็ตาม เฉพาะค่าประมาณการทาสสมัยใหม่ในประเทศไทย ทำให้ไทยอยู่อันดับ 3 จากประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีทาสสมัยใหม่สูงที่สุด ตามหลังอินโดนีเซียที่มีทาสสมัยใหม่ 736,100 คน และพม่าที่มีทาสสมัยใหม่ 515,100 คน

รายงานกล่าวถึงปัญหาของสถานการณ์ทาสสมัยใหม่ไทยในประเด็นแรงงานบังคับว่า ในอุตสาหกรรมการประมงไทยมีทาสทั้งชาย หญิง และเด็กที่ถูกค้ามนุษย์จากกลุ่มประเทศสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) แรงงานเหล่านี้โดยเฉพาะวัยรุ่นชายและเด็กชายถูกปฏิบัติอย่างทารุณ ถูกทำร้ายร่างกาย บีบบังคับให้ทำงานเกินมนุษย์ และถูกบังคับให้ใช้ยาเสพติด

ส่วนใหญ่แรงงานทำงานบ้านในประเทศไทยมักเป็นหญิงจากชนบท ชนกลุ่มน้อย หรือแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน หลายครั้งเหยื่อเปิดเผยว่าถูกนายจ้างทำร้ายหรือข่มขืน ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง หรือยึดเอกสารประจำตัวทำให้เหยื่อหลบหนีจากการกดขี่ได้ยากขึ้น

ส่วนของอุตสาหกรรมทางเพศในไทยถูกรายงานว่ามีการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทั้งชายและหญิง เหยื่อบางรายมีอายุน้อยและมีท่าทีว่าอายุของผู้ให้บริการจะลดน้อยลงอีก นอกจากนี้วัยรุ่นหญิงอายุระหว่าง 15-17 ปี และผู้หญิงบริการสามารถพบได้ตามสถานบันเทิง บาร์ และโรงแรมทั่วไป ภายใต้การถูกบังคับให้บริการทางเพศโดยปราศจากการสวมถุงยางทำให้ผู้บริการหลายรายติดโรคติดต่อ

ขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงทางใต้ของประเทศ เกี่ยวโยงต่อการที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเกณฑ์เยาวชนที่บางรายอายุต่ำถึง 14 ปีเข้าร่วมกองกำลังด้วย

รายงานดัชนีเปิดเผยว่า ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ 124 ประเทศรองรับว่าการค้ามนุษย์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาตามที่สหประชาชาติกำหนดไว้ ขณะเดียวกันประเทศ 96 ประเทศพัฒนาแผนระดับชาติเพื่อประสานงานการตอบสนองของรัฐบาลต่อประเด็นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายฟอร์เรสต์กล่าวว่า จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ พร้อมเรียกร้องให้ “รัฐบาลที่มีฐานเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุด 10 ประเทศออกกฎหมายที่อย่างน้อยมีความเข้มแข็งเทียบเท่ารัฐบัญญัติทาสสมัยใหม่สหราชอาณาจักรปี 2558 … เชื่อว่าบทบาทของผู้นำรัฐบาล ผู้นำธุรกิจ และผู้นำภาคประชาสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยความรับผิดชอบในการใช้อำนาจ และเจตจำนงร่วม อาจนำไปสู่การเลิกทาสในโลกได้”
http://www.matichon.co.th/news/154920
................................................

นี่ยังไม่รวมสลิ่มนะครับ
เลยได้แค่อันดับ 3 ในอาเซี่ยน

ถ้ารวมสลิ่มแล้ว
คงได้อันดับ 1 แหงมๆ..หรือไง ???