คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ในอดีตจีนเจริญมาก ไม่ใช่แค่ตัวอักษร แต่วิชาการต่าง ๆ ล้ำหน้ามาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว
สำหรับประเทศใหม่ ไม่ใช่แค่นำตัวอักษรมาใช้ แต่นำวิชาการด้านต่าง ๆ เข้ามาด้วย
เหมือนเราในปัจจุบันยังคงต้องใช้คำทับศัพท์ภาษาอื่นมากมาย เมื่อพูดเรื่องวิชาการ
ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ต่างก็นำเข้าวิทยาการต่าง ๆ ของจีนที่มาพร้อมตัวอักษรด้วย
ทำให้คำศัพท์อีกมากมายที่ต้องคงเสียงอ่านเดิมไว้ เพราะยังไม่มีในภาษาของตนเอง
เมื่อนำอักษรความหมายเหมือนกันมาเขียนภาษาตนเองด้วยทำให้มีเสียงอ่าน 2 แบบ
ระบบเสียงของญี่ปุ่นเดิมนั้นเรียบง่าย แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้ปกติ ในภาษาตัวเอง
แต่ไม่เหมาะที่จะใช้อ่านอักษรจีน ที่มีวรรณยุกต์/ตัวสะกด ทำให้เสียงซ้ำกันมากมาย
เมื่อได้อ้างอิงศัพท์ทางวิชาการมากมายด้วยอักษรจีนไปแล้วจึงไม่สามารถถอนตัวได้
เพราะไม่สามารถใช้เสียงอ่านอย่างเดียวได้ จำเป็นต้องใช้อักษรช่วยแยกความหมาย
นั้นเป็นสาเหตุให้ญี่ปุ่นไม่สามารถตัดอักษรจีนออก และยังคงต้องใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าตัดอักษรจีนออก ก็ต้องตัดคำศัพท์จีนออกด้วย ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่มหาศาลเลย
แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ประเทศหนึ่งๆ จะมีภาษามากกว่าหนึ่งภาษาใช้ร่วมกันอยู่
เช่น ภาษาไทย ก็มีคำบาลีสันสกฤตมากมาย ต่างกันที่เราใช้อักษรไทยเขียนเท่านั้น
แต่ก็ได้จัดชุดอักษรขึ้นพิเศษเพื่อจะคงรักษาเสียงดั่งเดิมในแบบของภาษานั้น ๆ ไว้...
.............................................................................................................
คหสด...
ในนานาประเทศที่นำอักษรจีนไปใช้..."ไทย"นี่แหล่ะที่มีระบบเสียงคล้ายจีนมากที่สุด
คือ เป็นคำพยางค์เดียว 1 คำ 1 ความหมาย เช่นเดียวกับการใช้อักษรจีนทุกประการ
เป็นไปได้ว่าไทยดั่งเดิมที่อยู่ตอนใต้ของจีนเคยใช้อักษรจีน หรือเป็นเผ่าหนึ่งของจีน
หมายถึงถ้าไทยในอดีตนำอักษรจีนมาใช้เขียน ก็จะไม่มีปัญหาเท่าญี่ปุ่น และเกาหลี
แต่ไทยย้ายถิ่นลงมาทางใต้แวดล้อมด้วย เขมร มอญ ล้านช้าง เมื่อเริ่มคิดใช้ตัวอักษร
จึงได้เลือกประดิษฐ์อักษรเสียง ซึ่งเป็นระบบอักษรที่ได้รับอิทธิพลจากบาลีสันสกฤต
สำหรับประเทศใหม่ ไม่ใช่แค่นำตัวอักษรมาใช้ แต่นำวิชาการด้านต่าง ๆ เข้ามาด้วย
เหมือนเราในปัจจุบันยังคงต้องใช้คำทับศัพท์ภาษาอื่นมากมาย เมื่อพูดเรื่องวิชาการ
ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ต่างก็นำเข้าวิทยาการต่าง ๆ ของจีนที่มาพร้อมตัวอักษรด้วย
ทำให้คำศัพท์อีกมากมายที่ต้องคงเสียงอ่านเดิมไว้ เพราะยังไม่มีในภาษาของตนเอง
เมื่อนำอักษรความหมายเหมือนกันมาเขียนภาษาตนเองด้วยทำให้มีเสียงอ่าน 2 แบบ
ระบบเสียงของญี่ปุ่นเดิมนั้นเรียบง่าย แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้ปกติ ในภาษาตัวเอง
แต่ไม่เหมาะที่จะใช้อ่านอักษรจีน ที่มีวรรณยุกต์/ตัวสะกด ทำให้เสียงซ้ำกันมากมาย
เมื่อได้อ้างอิงศัพท์ทางวิชาการมากมายด้วยอักษรจีนไปแล้วจึงไม่สามารถถอนตัวได้
เพราะไม่สามารถใช้เสียงอ่านอย่างเดียวได้ จำเป็นต้องใช้อักษรช่วยแยกความหมาย
นั้นเป็นสาเหตุให้ญี่ปุ่นไม่สามารถตัดอักษรจีนออก และยังคงต้องใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าตัดอักษรจีนออก ก็ต้องตัดคำศัพท์จีนออกด้วย ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่มหาศาลเลย
แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ประเทศหนึ่งๆ จะมีภาษามากกว่าหนึ่งภาษาใช้ร่วมกันอยู่
เช่น ภาษาไทย ก็มีคำบาลีสันสกฤตมากมาย ต่างกันที่เราใช้อักษรไทยเขียนเท่านั้น
แต่ก็ได้จัดชุดอักษรขึ้นพิเศษเพื่อจะคงรักษาเสียงดั่งเดิมในแบบของภาษานั้น ๆ ไว้...
.............................................................................................................
คหสด...
ในนานาประเทศที่นำอักษรจีนไปใช้..."ไทย"นี่แหล่ะที่มีระบบเสียงคล้ายจีนมากที่สุด
คือ เป็นคำพยางค์เดียว 1 คำ 1 ความหมาย เช่นเดียวกับการใช้อักษรจีนทุกประการ
เป็นไปได้ว่าไทยดั่งเดิมที่อยู่ตอนใต้ของจีนเคยใช้อักษรจีน หรือเป็นเผ่าหนึ่งของจีน
หมายถึงถ้าไทยในอดีตนำอักษรจีนมาใช้เขียน ก็จะไม่มีปัญหาเท่าญี่ปุ่น และเกาหลี
แต่ไทยย้ายถิ่นลงมาทางใต้แวดล้อมด้วย เขมร มอญ ล้านช้าง เมื่อเริ่มคิดใช้ตัวอักษร
จึงได้เลือกประดิษฐ์อักษรเสียง ซึ่งเป็นระบบอักษรที่ได้รับอิทธิพลจากบาลีสันสกฤต
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ในภูมิภาคตะวันออกไกล อารยธรรมจีนมีมาเริ่มแรกสุด
เรียกกว่าสมัยก่อนก็เจริญมาก่อนแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
เกาหลีเคยเป็นเมืองขึ้นจีนมาก่อน เรื่องภาษานั้นเพิ่งจะ
มาคิดค้นภาษาของตัวเองขึ้นมาใหม่
ญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกันใช้ภาษาจีนล้วนๆมาก่อน ก่อนจะมา
คิดตัวอักษรฮิรางานะขึ้นมาทีหลัง ซึ่งฮิรางานะก็ดัดแปลง
มาจากตัวอักษรจีนอยู่ดีครับ
และก็เหมือนกับที่ความเห็นข้างบนบอกไว้คือ
เสียงในภาษาญี่ปุ่นนั้นมีน้อย คำพ้องเสียงเยอะ
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ง่ายในการอ่าน
ทำความเข้าใจ และประหยัดเนื้อที่ในการเขียนครับ
ถ้าผมเขียนแบบคันจิ
今日は北海道と東北は大気の状態が非常に不安定
กับผมเขียนแบบฮิรางานะล้วนๆ
きょうはほっかいどうととうほくはたいきのじょうたいがひじょうにふあんてい
นี่แค่ประโยคเดียวเท่านั้น
รู้สึกแปลกๆมั้ยครับ คำไหนแยกตรงไหนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
แถมยาวเฟื้อยอีก ยิ่งถ้าเป็นหนังสือ หรือ สิ่งพิมพ์
ที่เนื้อที่ยิ่งมากยิ่งเสียต้นทุนเพิ่มก็คงไม่ดีเป็นแน่แท้
ไม่ใช่แค่เรื่องภาษา แต่ยังมีเรื่องวัฒนธรรม และเทคโนโลยีด้วยเช่นครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การวางผังเมืองเกียวโตก็ได้รับอิทธิพลมาจาก
ผังเมืองฉางอานในสมัยราชวงศ์ถาง(ซีอานในปัจจุบัน)
ซ้าย-ฉางอาน ขวา-เกียวโต
หรือว่าเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง เช่นการก่อสร้างวัด และเจดีย์
ที่รับเอาเทคโนโลยีจากจีนมาเต็มๆ ทั้งในเรื่องเทคนิคโครงสร้าง
ที่ทำให้คานและเสาไม่บดบังทัศนียภาพของพระพุทธรูป แต่ยังคงความ
แข็งแรงไว้ได้ หรือว่าเรื่องโครงสร้างไม้แบบไร้ตะปูด้วย
และเรื่องอาหารที่ไม่ว่า จะเป็นราเมง เกี๊ยวซ่า หรือแม้กระทั่งการ
ถนอมเนื้อปลาดิบ การหมักข้าวซูชิ ก็เป็นวิธีการถนอมอาหารของ
จีนดั้งเดิมเช่นกัน
_____________________________________________________________
※แก้ไขล่าสุด※
ไหนๆก็ไหนๆ ความเห็นของผมโดนเบี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องต้นกำเนิด
ของซูชิไปซะแล้ว 555เลยเอาข้อมูลมาให้อ่านเพิ่มเติมครับผม!
ไปแปลข้อมูลจากเว็บญี่ปุ่นมาให้ครับ
「คาดว่าต้นกำเนิดของซูชินั้นมีที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นวิธีการ
ถนอมอาหารของชาวเขาในแถบพื้นที่นั้นโดยการถนอมนั้นจะนำเอาปลาไปใส่
ไว้ในน้ำหมักของข้าวเปลือกที่ผสมกับเมล็ดข้าวหุงสุก วิธีการนี้ได้ถูกถ่ายทอด
มาสู่ญี่ปุ่นในสมัยนาราผ่านทาง ประเทศจีน⇒คาบสมุทรเกาหลี⇒ญี่ปุ่น」
ประโยคต่อจากนี้ไม่แปลแล้วครับ เนื้อหากล่าวเกี่ยวกับพงศาวดารเฉยๆ
อ้างอิงรูปข้อมูล
http://rakanzusi.web.fc2.com/susinorekisi.htm
_____________________________________________________________
ความจริงไม่หมดเท่านี้ แต่ผมลืมนึกไม่ออกแล้วครับ...
ใครรู้อะไรเพิ่ม หรือผมพิมพ์อะไรผิดรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
แก้ไขเพิ่มเติม อยากให้แท็กห้องประวัติศาสตร์ด้วยจังครับ
เรื่องที่ถามค่อนข้างมีความเกี่ยวโยงกัน น่าจะมีผู้รู้มาตอบได้มากกว่านี้ครับ
อ้างอิงรูป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรียกกว่าสมัยก่อนก็เจริญมาก่อนแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
เกาหลีเคยเป็นเมืองขึ้นจีนมาก่อน เรื่องภาษานั้นเพิ่งจะ
มาคิดค้นภาษาของตัวเองขึ้นมาใหม่
ญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกันใช้ภาษาจีนล้วนๆมาก่อน ก่อนจะมา
คิดตัวอักษรฮิรางานะขึ้นมาทีหลัง ซึ่งฮิรางานะก็ดัดแปลง
มาจากตัวอักษรจีนอยู่ดีครับ
และก็เหมือนกับที่ความเห็นข้างบนบอกไว้คือ
เสียงในภาษาญี่ปุ่นนั้นมีน้อย คำพ้องเสียงเยอะ
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ง่ายในการอ่าน
ทำความเข้าใจ และประหยัดเนื้อที่ในการเขียนครับ
ถ้าผมเขียนแบบคันจิ
今日は北海道と東北は大気の状態が非常に不安定
กับผมเขียนแบบฮิรางานะล้วนๆ
きょうはほっかいどうととうほくはたいきのじょうたいがひじょうにふあんてい
นี่แค่ประโยคเดียวเท่านั้น
รู้สึกแปลกๆมั้ยครับ คำไหนแยกตรงไหนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
แถมยาวเฟื้อยอีก ยิ่งถ้าเป็นหนังสือ หรือ สิ่งพิมพ์
ที่เนื้อที่ยิ่งมากยิ่งเสียต้นทุนเพิ่มก็คงไม่ดีเป็นแน่แท้
ไม่ใช่แค่เรื่องภาษา แต่ยังมีเรื่องวัฒนธรรม และเทคโนโลยีด้วยเช่นครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การวางผังเมืองเกียวโตก็ได้รับอิทธิพลมาจาก
ผังเมืองฉางอานในสมัยราชวงศ์ถาง(ซีอานในปัจจุบัน)
ซ้าย-ฉางอาน ขวา-เกียวโต
หรือว่าเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง เช่นการก่อสร้างวัด และเจดีย์
ที่รับเอาเทคโนโลยีจากจีนมาเต็มๆ ทั้งในเรื่องเทคนิคโครงสร้าง
ที่ทำให้คานและเสาไม่บดบังทัศนียภาพของพระพุทธรูป แต่ยังคงความ
แข็งแรงไว้ได้ หรือว่าเรื่องโครงสร้างไม้แบบไร้ตะปูด้วย
และเรื่องอาหารที่ไม่ว่า จะเป็นราเมง เกี๊ยวซ่า หรือแม้กระทั่งการ
ถนอมเนื้อปลาดิบ การหมักข้าวซูชิ ก็เป็นวิธีการถนอมอาหารของ
จีนดั้งเดิมเช่นกัน
_____________________________________________________________
※แก้ไขล่าสุด※
ไหนๆก็ไหนๆ ความเห็นของผมโดนเบี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องต้นกำเนิด
ของซูชิไปซะแล้ว 555เลยเอาข้อมูลมาให้อ่านเพิ่มเติมครับผม!
ไปแปลข้อมูลจากเว็บญี่ปุ่นมาให้ครับ
「คาดว่าต้นกำเนิดของซูชินั้นมีที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นวิธีการ
ถนอมอาหารของชาวเขาในแถบพื้นที่นั้นโดยการถนอมนั้นจะนำเอาปลาไปใส่
ไว้ในน้ำหมักของข้าวเปลือกที่ผสมกับเมล็ดข้าวหุงสุก วิธีการนี้ได้ถูกถ่ายทอด
มาสู่ญี่ปุ่นในสมัยนาราผ่านทาง ประเทศจีน⇒คาบสมุทรเกาหลี⇒ญี่ปุ่น」
ประโยคต่อจากนี้ไม่แปลแล้วครับ เนื้อหากล่าวเกี่ยวกับพงศาวดารเฉยๆ
อ้างอิงรูปข้อมูล
http://rakanzusi.web.fc2.com/susinorekisi.htm
_____________________________________________________________
ความจริงไม่หมดเท่านี้ แต่ผมลืมนึกไม่ออกแล้วครับ...
ใครรู้อะไรเพิ่ม หรือผมพิมพ์อะไรผิดรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
แก้ไขเพิ่มเติม อยากให้แท็กห้องประวัติศาสตร์ด้วยจังครับ
เรื่องที่ถามค่อนข้างมีความเกี่ยวโยงกัน น่าจะมีผู้รู้มาตอบได้มากกว่านี้ครับ
อ้างอิงรูป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ทำไมภาษาญี่ปุ่นจึงต้องยืมอักษรจีนทาใช้เป็นคันจิครับ แต่เกาหลีไม่ใช้? แสดงว่าจีนเจริญมาก่อนญี่ปุ่นใช่มั้ยครับ?