"รีบมาๆ....มันจะมากันแล้ว" สายจากเครื่องของดาวโทรเข้ามาเครื่องของครูพิลาวรรณก่อนจะขาดหายไป เป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานสู่ชีวิตของดาว
ภูที่กำลังขับรถให้เร็วที่สุดก็กำลังขบคิด ถึงทางออกของเรื่องนี้ เมื่อก่อนหน้านี้เขาโทรหา ผู้กองต้อมกับหมอเจี๊ยบถึงเรื่องที่รู้มา แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนก็ไม่อาจฝ่ารถติดมาช่วยได้ทัน โดยเฉพาะผู้กองต้อมที่วันนี้ติดธุระเรื่องทุจริตของผอ.โรงเรียน การจะปลีกตัวออกมาจึงไม่สะดวกนัก
"ครูคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ" ภูถามครูพิลาวรรณที่นั่งมาด้วยกันถึงเรื่องที่ได้รับรู้ที่บ้านของปู่หลง ซึ่งสาเหตุที่ถามยังไงซะปีศาจนั่นก็คือบรรพบุรุษของครูพิลาวรรณ และเรื่องที่ดาวกำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นเรื่องด่วน ซึ่งหมายความว่าถึงที่สุดแล้วอาจจะต้องทำลายศพที่ถูกฝังไว้ของท่านขุน
"หมายถึงเรื่องที่พี่ชายของคุณทวดเป็นปีศาจที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ" ภูพยักหน้ารับ
"ท่านทวดใหญ่เสียไปแล้วค่ะ และที่ที่ฉันจะทำต่อจากนี้ คือการปกป้องนักเรียนของฉัน ในทุกวิถีทางค่ะ"ครูพิลาวรรณตอบอย่างหนักแน่น เธอเชื่อว่าแม้จะเป็นคุณพ่อของเธอก็ต้องตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น การจะขุดศพขึ้นมาในตอนนี้ก็คงมีแค่สองมือคนเท่านั้น
.....................................
"ติดต่อเค้าไปแล้วเหรอคะ" ดาวถามกระซุ่ที่เมื่อครู่พึ่งติดต่อผ่านโทรศัพท์ของดาวไปหาครูพิลาวรรณ เนื่องจากเธอต้องแบ่งพลังมาป้องกันเขตแดนด้วย ทำให้การส่งต่อคำพูดนั้นไม่ดีนัก แต่ก็เชื่อว่า พวกภูจะเข้าใจและรีบมา
"ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะมาทันรึเปล่า ยังไงก็คงได้แต่ภาวนา" แม้คำพูดของกระซุ่ที่บอกกับดาวจะชวนสิ้นหวัง แต่เธอก็เชื่ออยู่ลึกๆว่าภูจะต้องมาช่วยเธอแน่ๆ
(ก็นายสัญญาไว้กับฉันแล้วนี่)
ฝูงภูติผีที่อยู่ใต้อำนาจปีศาจท่านขุน กรูกันเข้ามาประชิดเขตแดนที่กั้นระหว่างที่ดินโรงเรียนกับตึกเรียน มันเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น ฝูงภูติผีเหล่านั้น บ้างก็ดัน บ้างก็ทุบเสียงดังสนั่น และส่งเสียงหวีดร้องน่าสยดสยอง แต่เหล่าเพื่อคนพิเศษ ทั้งตึกก็รวบรวมสมาธิกั้นเขตแดนนั้นอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้านได้นานแค่ไหน เพราะเท่าที่ดูจากสีหน้า แต่ละคนนั้นดูเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก แต่ดาวก็ได้แต่ยืนดูเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วนยังไงเหมือนกัน เธอทำได้แต่แผ่เมตตาให้เท่านั้นโดยหวังว่าจะช่วยได้บ้าง
"เลือด.......เอามันมาให้ข้า....." เสียงร้องชวนสยดสยองลอยมากับสายลม ร่างปีศาจทะมึนค่อยๆผุดขึ้นมาจากสระ พร้อมกับส่งเสียงอย่างหิวกระหาย จนแม้แต่เพื่อนคนพิเศษยังตื่นตระหนก
ปีศาจท่านขุนค่อยๆก้าวขึ้นมาจากสระฉับผลันร่างนั้นก็สูงใหญ่ ราวกับยักษ์ ดวงตาสีแดงนั้นมองเห็นได้แต่ไกล ดาวไม่กล้สสบแต่ตาด้วยเหมือนมีอำนาจบางอย่างทำให้ดาวละสายตาจากมันไม่ได้
"เอาเลือด เอาเลือดของมันมา" ปีศาจนั้นกู่ร้องคำราม ฝูงภูติผีที่ตกเป็นทาสต่างระดมทุบเขตแดนนั้น จนมือแหลกเหลว แต่มันก็ยังไม่หยุด ด้วยความกลัวปีศาจผู้เป็นนาย
เมื่อเห็นทีถ้าว่าเหล่าทาสจะทำได้ไม่สมดังใจ มันก็ร้องคำรามจนฝูงผีนั้นหลีกหนี สองเท้า นั้นค่อยยกเขยือน ยามเหยียบผืนดินก็สนั่นราวกับแผ่นดินไหว
และยิ่งมันเข้าใกล้ กลิ่นสาบ กลิ่นคาวเลือด ลอยมาแตะจมูก ของดาวจนเธอสุดจะกลั้น และยิ่งใกล้ เหล่าเพื่อนคนพิเศษกลับตื่นตระหนก
"โครม" เสียงดังสนั่นราวกับตึกจะถล่ม ปีศาจนัดหวดกำปั้นเหวี่ยงใส่เขตแดนอย่างแรง จนกำแพงที่มองไม่เห็นปรากฏรอยร้าว ในจุดที่ถูกทุบ เหล่าเพื่อนคนพิเศษหวาดกลัวจนเสียสมาธิ ซึ่งก็ทำให้เขตแดนนั้นอ่อนแอลงไป
มันแสยะยิ้ม เพราะรับรู้ถึงความกลัว แต่ทันใดนั้นปีศาจก็ทำท่าทางตื่นตระหนก มันหันหลังไปมอง ที่สระน้ำ มันรับรู้ถึงอันตราย พร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากที่ครูพิลาวรรณโทรเข้ามา ดาวพยายามที่จะรับสายแต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากตัวตนของเธอนั้นเป็นเพียงร่างจิตแห่งความฝัน ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณในความจริง ทำให้กระซุ่ต้องรวบรวมสมาธิรับสาย ข้อความที่เธอได้ยินเป็นข่าวจากครูพิลาวรรณซึ่งตอนนี้มาถึงโรงเรียนแล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้เข้ามาในโรงเรียน มีเพียงแค่ภูที่แบกจอบวิ่งเข้าไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นดาวรู้สึกใจชื่นขึ้นมาที่ภูมาช่วย แต่ก็เหมือนเธอจะผิดหวัง เมื่อภูเลือกที่จะไปที่สระ มากกว่าจะมาช่วยเธอที่อยู่ที่อาคาร จากการที่เธอได้ยินเสียงปีศาจท่านขุนสั่งให้ภูติผี ไปขัดขวางภู ที่เข้าไปในสระ
ฝูงภูติผีจำนวนหนึ่งกรูกันไปที่สระ เพื่อจะหยุดยั้งภู ที่กำลังขุดดินตรงกลางสระ แต่มันเหมือนกับกองไฟ ที่ฝูงแมลงเมื่อบินเข้าใกล้ก็จะมอดไหม้ ฝูงผีเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าใกล้ภูในบริเวณสระได้เลย บางตนที่กลัวท่านขุนมากกว่าก็ก้โจนเข้าไป แต่ร่างนั้นก็มลายหายไปต่อหน้าต่อตา
เสีนงกรีดร้องขอปีศาจดังสนั่น วึ่งคงจะมีเพียงภูคนเดียวที่ไม่ได้ยิน ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป
ตอนนี้ปีศาจนั้นคงรู้สึกเสียใจที่ตัวเองประมาท เพราะแทนที่ตัวเองจะย้ายร่างของตัวเองไปที่ใต้ดินจุดอื่นจากการที่เขตแดนของสระถูกทำลาย แต่กลับกระหายต่อเลือด เนื้อของผู้สัมผัสวิญญาณอย่างดาว จนตัวเองออกมา โดยไม่นึกไม่ฝันว่า ตัวตนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งลี้ลับทั้งปวง จะมาปรากฏอยู่เหนือร่างของตัวเองที่ถูกฝังไว้
เมื่อหันหลังกลับไม่ได้ มันก็เร่งกระหน่ำทุบเขตแดนอย่างบ้าคลั่ง โดยหวังว่าเลือดของผู้สัมผัสวิญญาณจะเพิ่มพลังให้มันต่อกรกับอันตรายอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้ไปได้
ครู่ใหญ่ กำแพงเขตแดนนั้นก็พังลง ราวกับกระจกที่ถูกทุบแตก เขตแดนนั้นก็ทะลุ มันสอดมือทั้งสองเพื่อหมายว่าจะกระฉากเจตแดนให้กระจุยไปในคราวเดียว ภาพที่ดาว ละเหล่าเพื่อนคนพิเศษเห็นประหนึ่งภาพสุดท้ายของชีวิต ด้วยความกลัวตรงหน้า กำแพงเขตแดนก็ทลายลงในฉับพลัน
แต่รอยยิ้มแห่งความบ้าคลั่งของปีศาจร่างยักษ์ ที่เพิ่งฉีกยิ้มได้เพียงครู่ก็สะดุดหยุดลง แสงสีเหลืองทองแปล่งออกมาตึกรับรอง ราวกับเปิดไฟสปอร์ตไลท์ไว้ภายใน พร้อมกับเสียงอันนุ่มนวลอบอุ่นเสียงหนึ่ง ที่ดังกังวาล
"หยุดแค่นี้เถอะเจ้าค่ะท่านขุน อิฉันขอร้อง" สิ้นเสียงนั้น กำแพงอาณาเขตใหม่สีเหลืองทองกระกางกั้นขึ้นมาอีกชั้น คราวนี้มันผนักท่อนแขนของปีศาจท่อนขุนไว้ในระหว่างเขตแดน ไม่ให้ขยับไปได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สิ้นฤทธิ์ไปเสียทีเดียว มันขวานหาร่างของดาว แต่มันก็สุดจะเอื้อม จนดาวและเหล่าเพื่อนคนพิเศษต้องถอยหนี ไปที่ห้องน้ำที่ดาวติดอยู่
"ใครกัน หยุดนะ ข้าบอกให้หยุด ข้าจะกิน ข้าจะฆ่า" ปีศาจนั้นคำราว ราวกับไม่ได้ยินเจ้าของเสียงอันอบอุ่นนั้น ภูติผีที่เป็นทาสราวกับจะหลุดจากอำนาจ ต่างพากันถอยหนี ไปยังซอกหลืบที่ตัวเองสถิต บ้างก็หนีไปที่อาคารเรียน บ้างก็หนีไปเรือนนาฏศิลป์ บ้างก็หนีไปที่ต้นไทร
ฉับพลัน ต่อหน้าดาวและเหล่าเพื่อนคนพิเศษ สตรีในชุดไทยก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้า นางแนะนำตัวเองกับทุกคนนั้นว่า ตัวเองชื่อรื่น เป็นภรรยาท่านขุน จากนั้น รื่นก็ได้เล่าเรื่องเกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
....................................
รื่นผู้เป็นภรรยาของขุนคีตรจนา เธอเป็นผู้มีเสียงไพเราะอ่อนหวาน และยามขับกล่อมเสียงเพลงคู่กับดนตรีท่านขุน ก็ราวกับทิพยดุริยางค์แห่งสวรรค์ ท่านขุน รักรื่นมากจนสุดหัวใจ จวบจนเศรษฐกิจตกต่ำ ท่านขุนถุกดุล แม้จะมีทรัพย์มากเพียงได้ ในภาวะข้าวยากหมากแพงก็ยากที่จะหาหยูกยามารักษารื่น ที่ป่วยได้ ทำให้รื่นเสียชีวิตไป ท่านขุนโศกเศร้าเสียใจจากการตายของภรรยา จนเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน แม้จะเผาศพรื่นไป ด้วยความโศกเศร้าอาวรณ์ ท่านมักจะไปที่ป่าช้า คนเดียว เพื่อหวังว่าดวงวิญยาณของรื่นจะขับร้องบรรเลงคู่กับดนตรีของท่าน
ใช่แล้ว ท่านขุนเป็นผู้สัมผัสวิญญาณ ท่านสามารถสดับเสียงของวิญญาณยามท่านอยู่คนเดียว ท่านก็รู้ตัวจึงใช้วิธีนี้เพื่อฟังเสียงภรรยาอีกครั้ง แต่อนิจจา ในป่าช้านั้นไม่มีดวงวิญยาณของรื่น เธอมาเกิดเป็นเทพธิดา สิงสู่ที่เสาเรือนตน เพราะจิตที่อาลัยต่อสามี แต่ท่านขุนกลับไปบรรเลงเพลงในป่าช้าแต่ผู้เดียว แน่นอนว่า สรรพเสียงที่ได้ยิน มันคือเสียงของวิญยาณ ที่โศฏเศร้า แค้นเคือง สิ้นหวัง ที่ความตายได้มาพรากชีวิตไป เสียงดนตรีที่เหมือนเพลงสวรรค์ ก็กลับกลายเป็นเสียงยะเยือกหดหู่ หวาดกลัวราวกับดนตรีจากนัก จิตใจท่านขุนกัลบกลายเป็นวิปลาศ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็เพียรบันทึก และเล่นเพลงจากป่าช้านั้นคนเดียว จนบาวไพร่พากันหวาดกลัว ซ้ำกลายเป็นคนโมโหร้าย โบยตีบ่าวไพร่ แม้จะไม่ใช่ทาส แต่บางคนก็เป็นคนเก่าแก่ไม่มีที่ไป บางคนก้หนีไปเอาดาบหน้า บ้างก็ลักของไปด้วย ครั้นถูกจับได้ บ้างก็ถูกโบยอย่างหนัก ก็ตายคาหวาย ร่างที่ถูกมัดกับต้นไทรหลังบ้าน ก็ถูกปลงเอาฝังไว้ ใต้ต้นนั้น บ้างก็ทันไม่ไหว คิดสั้นผูกคอตายไปกับต้นไทรก็มี และเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านขุนก็สั่งให้หมอผี ตอกตะปูตรึงวิญยาณเหล่านั้นไม่ให้มารบกวน
และด้วยผลกรรม ไม่นานท่านก็ตายลง ด้วยจิตวิปลาสโหดร้าย ท่านก็กลายเป็นปีศาจผีดิบไป ยามค่ำ ก็สิงสู่ร่างตน เที่ยวหากินของสดของคาว บ้างก็ เป็ดไก่ หมูหมาในบ้าน จนบ่าวไพร่หวาดกลัว รู้ถึงหูคุณหลวงน้องชาย ท่านจำมาปลงศพ ผนึกไว้ที่บ่อน้ำและปิดปากหลุมด้วยสระ สมองกรรมที่เคยผนึกวิญยาณบ่าวไพร่ด้วยตะปู
"ถ้าอิฉันจะบอกว่ายกโทษให้ท่านขุนก็คงจะเกินไป แต่อิฉันอยากให้อโหสิกรรมให้ท่านขุน เพราะท่านจะสิ้นกรรมในอัตภาพนี้ในวันนี้แล้ว" พูดจบรื่นก็น้ำตาไหลราวกับรู้จุดจบของสามีที่บัดนี้กลายเป็นปีศาจกระหายเลือดไป ดาวละเหล่าเพื่อนคนพิเศษ ก็ต่างพากันอโหสิกรรมให้ จากนั้นไม่นานเสียงร้องโหยหวนราวกับเจ็บปวดทรมานก็ดังขึ้น ดาวจึงวิ่งออกไปดู พร้อมกับรื่นและกระซุ่ ร่างยักษ์ของปีศาจนั้นก้หดเล็กลง บัดนี้ภูขุดเจอโลงศพนั้นแล้ว ในระดับความลึกที่ลึกพอสมควร มือทั้งสองแตกเป็นเลือด เหมือนว่าเขาขุดโดยไม่พักเลย เมื่อโดนโลงศพ จึงกระทุ้งโลงที่ผุ แสงไฟจากไฟฉายมีถือส่องเห็นรูจากโลงไม่ ภูจึงเอื้อมไปแตะ และเมื่อมือของภูสัมผัสกับศพ พันธะของปีศาจนั้นที่ยึดเหนี่ยวกับศพก็มลายหาย ปีศาจท่านขุนไม่เหลือพันธะใดกับโลกนี้แล้ว จึงกลายจากปีศาจที่ยึดเหนี่ยวร่างมนุษย์ไว้และด้วยดวงจิตดำมืด ร่างนั้นจึงดำดิ่งสู่ขุมนรกจากจิตของท่านขุนนั้นเสมอด้วยดวงจิตแห่งนรกภูมิ
..............................................
หลังจากสอบวันสุดท้าย ดาวเหนื่อยอ่อนมาก วันนี้เธอแบกกุ๋กกู๋กลับบ้านมาด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนกลัวกัน ดาวจึงอาสาเอากุ๋ฏฏู๋มาไว้ที่บ้านก่อนรอจบเรื่องค่อยว่ากันต่อ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ภูไปช่วย จึงมีการขุดศพท่านขุนขึ้นมา ญาติ ได้นิมน๖ืพระมาสวดและเผาในวันนั้นเลย แต่สิ่งที่ศพท่านขุนกำไว้แน่น คือสมุดที่บันทึกทำนองเพลงจากป่าช้านั้น และกรอบรูปที่ ท่านขุนถ่ายคู่กับรื่น สมุดกับรูปนั้นถูกเก็บไว้ที่ตึกรับรอง โดยเฉพาะสมุดบันทึกถูกเก็บไว้อย่างดี เพราะไม่มีใครรู้ว่าหากบรรเลงเพลงในนั้นจะเกิดผลอะไรขึ้นมา
ผอ.ถูกจับกุมข้อหาทุจริต จากหลักฐานเชิงลึก กับ การล่อเพื่อรับเงินจากคนที่กันไว้เป็นพยาน โดยมีหลักฐานเป็นเงิน และภาพจากกล้องที่ถ่ายไว้จากห้องทำงาน ผอ. โรงเียนจึงแต่งตั้งรอง ผอ.ขึ้นมารักษาการแทน
GHost Detective File 2-24 พิธีกรรมสยองขวัญ END
ภูที่กำลังขับรถให้เร็วที่สุดก็กำลังขบคิด ถึงทางออกของเรื่องนี้ เมื่อก่อนหน้านี้เขาโทรหา ผู้กองต้อมกับหมอเจี๊ยบถึงเรื่องที่รู้มา แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนก็ไม่อาจฝ่ารถติดมาช่วยได้ทัน โดยเฉพาะผู้กองต้อมที่วันนี้ติดธุระเรื่องทุจริตของผอ.โรงเรียน การจะปลีกตัวออกมาจึงไม่สะดวกนัก
"ครูคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ" ภูถามครูพิลาวรรณที่นั่งมาด้วยกันถึงเรื่องที่ได้รับรู้ที่บ้านของปู่หลง ซึ่งสาเหตุที่ถามยังไงซะปีศาจนั่นก็คือบรรพบุรุษของครูพิลาวรรณ และเรื่องที่ดาวกำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นเรื่องด่วน ซึ่งหมายความว่าถึงที่สุดแล้วอาจจะต้องทำลายศพที่ถูกฝังไว้ของท่านขุน
"หมายถึงเรื่องที่พี่ชายของคุณทวดเป็นปีศาจที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ" ภูพยักหน้ารับ
"ท่านทวดใหญ่เสียไปแล้วค่ะ และที่ที่ฉันจะทำต่อจากนี้ คือการปกป้องนักเรียนของฉัน ในทุกวิถีทางค่ะ"ครูพิลาวรรณตอบอย่างหนักแน่น เธอเชื่อว่าแม้จะเป็นคุณพ่อของเธอก็ต้องตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น การจะขุดศพขึ้นมาในตอนนี้ก็คงมีแค่สองมือคนเท่านั้น
.....................................
"ติดต่อเค้าไปแล้วเหรอคะ" ดาวถามกระซุ่ที่เมื่อครู่พึ่งติดต่อผ่านโทรศัพท์ของดาวไปหาครูพิลาวรรณ เนื่องจากเธอต้องแบ่งพลังมาป้องกันเขตแดนด้วย ทำให้การส่งต่อคำพูดนั้นไม่ดีนัก แต่ก็เชื่อว่า พวกภูจะเข้าใจและรีบมา
"ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะมาทันรึเปล่า ยังไงก็คงได้แต่ภาวนา" แม้คำพูดของกระซุ่ที่บอกกับดาวจะชวนสิ้นหวัง แต่เธอก็เชื่ออยู่ลึกๆว่าภูจะต้องมาช่วยเธอแน่ๆ
(ก็นายสัญญาไว้กับฉันแล้วนี่)
ฝูงภูติผีที่อยู่ใต้อำนาจปีศาจท่านขุน กรูกันเข้ามาประชิดเขตแดนที่กั้นระหว่างที่ดินโรงเรียนกับตึกเรียน มันเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น ฝูงภูติผีเหล่านั้น บ้างก็ดัน บ้างก็ทุบเสียงดังสนั่น และส่งเสียงหวีดร้องน่าสยดสยอง แต่เหล่าเพื่อคนพิเศษ ทั้งตึกก็รวบรวมสมาธิกั้นเขตแดนนั้นอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้านได้นานแค่ไหน เพราะเท่าที่ดูจากสีหน้า แต่ละคนนั้นดูเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก แต่ดาวก็ได้แต่ยืนดูเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วนยังไงเหมือนกัน เธอทำได้แต่แผ่เมตตาให้เท่านั้นโดยหวังว่าจะช่วยได้บ้าง
"เลือด.......เอามันมาให้ข้า....." เสียงร้องชวนสยดสยองลอยมากับสายลม ร่างปีศาจทะมึนค่อยๆผุดขึ้นมาจากสระ พร้อมกับส่งเสียงอย่างหิวกระหาย จนแม้แต่เพื่อนคนพิเศษยังตื่นตระหนก
ปีศาจท่านขุนค่อยๆก้าวขึ้นมาจากสระฉับผลันร่างนั้นก็สูงใหญ่ ราวกับยักษ์ ดวงตาสีแดงนั้นมองเห็นได้แต่ไกล ดาวไม่กล้สสบแต่ตาด้วยเหมือนมีอำนาจบางอย่างทำให้ดาวละสายตาจากมันไม่ได้
"เอาเลือด เอาเลือดของมันมา" ปีศาจนั้นกู่ร้องคำราม ฝูงภูติผีที่ตกเป็นทาสต่างระดมทุบเขตแดนนั้น จนมือแหลกเหลว แต่มันก็ยังไม่หยุด ด้วยความกลัวปีศาจผู้เป็นนาย
เมื่อเห็นทีถ้าว่าเหล่าทาสจะทำได้ไม่สมดังใจ มันก็ร้องคำรามจนฝูงผีนั้นหลีกหนี สองเท้า นั้นค่อยยกเขยือน ยามเหยียบผืนดินก็สนั่นราวกับแผ่นดินไหว
และยิ่งมันเข้าใกล้ กลิ่นสาบ กลิ่นคาวเลือด ลอยมาแตะจมูก ของดาวจนเธอสุดจะกลั้น และยิ่งใกล้ เหล่าเพื่อนคนพิเศษกลับตื่นตระหนก
"โครม" เสียงดังสนั่นราวกับตึกจะถล่ม ปีศาจนัดหวดกำปั้นเหวี่ยงใส่เขตแดนอย่างแรง จนกำแพงที่มองไม่เห็นปรากฏรอยร้าว ในจุดที่ถูกทุบ เหล่าเพื่อนคนพิเศษหวาดกลัวจนเสียสมาธิ ซึ่งก็ทำให้เขตแดนนั้นอ่อนแอลงไป
มันแสยะยิ้ม เพราะรับรู้ถึงความกลัว แต่ทันใดนั้นปีศาจก็ทำท่าทางตื่นตระหนก มันหันหลังไปมอง ที่สระน้ำ มันรับรู้ถึงอันตราย พร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากที่ครูพิลาวรรณโทรเข้ามา ดาวพยายามที่จะรับสายแต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากตัวตนของเธอนั้นเป็นเพียงร่างจิตแห่งความฝัน ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณในความจริง ทำให้กระซุ่ต้องรวบรวมสมาธิรับสาย ข้อความที่เธอได้ยินเป็นข่าวจากครูพิลาวรรณซึ่งตอนนี้มาถึงโรงเรียนแล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้เข้ามาในโรงเรียน มีเพียงแค่ภูที่แบกจอบวิ่งเข้าไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นดาวรู้สึกใจชื่นขึ้นมาที่ภูมาช่วย แต่ก็เหมือนเธอจะผิดหวัง เมื่อภูเลือกที่จะไปที่สระ มากกว่าจะมาช่วยเธอที่อยู่ที่อาคาร จากการที่เธอได้ยินเสียงปีศาจท่านขุนสั่งให้ภูติผี ไปขัดขวางภู ที่เข้าไปในสระ
ฝูงภูติผีจำนวนหนึ่งกรูกันไปที่สระ เพื่อจะหยุดยั้งภู ที่กำลังขุดดินตรงกลางสระ แต่มันเหมือนกับกองไฟ ที่ฝูงแมลงเมื่อบินเข้าใกล้ก็จะมอดไหม้ ฝูงผีเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าใกล้ภูในบริเวณสระได้เลย บางตนที่กลัวท่านขุนมากกว่าก็ก้โจนเข้าไป แต่ร่างนั้นก็มลายหายไปต่อหน้าต่อตา
เสีนงกรีดร้องขอปีศาจดังสนั่น วึ่งคงจะมีเพียงภูคนเดียวที่ไม่ได้ยิน ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป
ตอนนี้ปีศาจนั้นคงรู้สึกเสียใจที่ตัวเองประมาท เพราะแทนที่ตัวเองจะย้ายร่างของตัวเองไปที่ใต้ดินจุดอื่นจากการที่เขตแดนของสระถูกทำลาย แต่กลับกระหายต่อเลือด เนื้อของผู้สัมผัสวิญญาณอย่างดาว จนตัวเองออกมา โดยไม่นึกไม่ฝันว่า ตัวตนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งลี้ลับทั้งปวง จะมาปรากฏอยู่เหนือร่างของตัวเองที่ถูกฝังไว้
เมื่อหันหลังกลับไม่ได้ มันก็เร่งกระหน่ำทุบเขตแดนอย่างบ้าคลั่ง โดยหวังว่าเลือดของผู้สัมผัสวิญญาณจะเพิ่มพลังให้มันต่อกรกับอันตรายอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้ไปได้
ครู่ใหญ่ กำแพงเขตแดนนั้นก็พังลง ราวกับกระจกที่ถูกทุบแตก เขตแดนนั้นก็ทะลุ มันสอดมือทั้งสองเพื่อหมายว่าจะกระฉากเจตแดนให้กระจุยไปในคราวเดียว ภาพที่ดาว ละเหล่าเพื่อนคนพิเศษเห็นประหนึ่งภาพสุดท้ายของชีวิต ด้วยความกลัวตรงหน้า กำแพงเขตแดนก็ทลายลงในฉับพลัน
แต่รอยยิ้มแห่งความบ้าคลั่งของปีศาจร่างยักษ์ ที่เพิ่งฉีกยิ้มได้เพียงครู่ก็สะดุดหยุดลง แสงสีเหลืองทองแปล่งออกมาตึกรับรอง ราวกับเปิดไฟสปอร์ตไลท์ไว้ภายใน พร้อมกับเสียงอันนุ่มนวลอบอุ่นเสียงหนึ่ง ที่ดังกังวาล
"หยุดแค่นี้เถอะเจ้าค่ะท่านขุน อิฉันขอร้อง" สิ้นเสียงนั้น กำแพงอาณาเขตใหม่สีเหลืองทองกระกางกั้นขึ้นมาอีกชั้น คราวนี้มันผนักท่อนแขนของปีศาจท่อนขุนไว้ในระหว่างเขตแดน ไม่ให้ขยับไปได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สิ้นฤทธิ์ไปเสียทีเดียว มันขวานหาร่างของดาว แต่มันก็สุดจะเอื้อม จนดาวและเหล่าเพื่อนคนพิเศษต้องถอยหนี ไปที่ห้องน้ำที่ดาวติดอยู่
"ใครกัน หยุดนะ ข้าบอกให้หยุด ข้าจะกิน ข้าจะฆ่า" ปีศาจนั้นคำราว ราวกับไม่ได้ยินเจ้าของเสียงอันอบอุ่นนั้น ภูติผีที่เป็นทาสราวกับจะหลุดจากอำนาจ ต่างพากันถอยหนี ไปยังซอกหลืบที่ตัวเองสถิต บ้างก็หนีไปที่อาคารเรียน บ้างก็หนีไปเรือนนาฏศิลป์ บ้างก็หนีไปที่ต้นไทร
ฉับพลัน ต่อหน้าดาวและเหล่าเพื่อนคนพิเศษ สตรีในชุดไทยก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้า นางแนะนำตัวเองกับทุกคนนั้นว่า ตัวเองชื่อรื่น เป็นภรรยาท่านขุน จากนั้น รื่นก็ได้เล่าเรื่องเกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
....................................
รื่นผู้เป็นภรรยาของขุนคีตรจนา เธอเป็นผู้มีเสียงไพเราะอ่อนหวาน และยามขับกล่อมเสียงเพลงคู่กับดนตรีท่านขุน ก็ราวกับทิพยดุริยางค์แห่งสวรรค์ ท่านขุน รักรื่นมากจนสุดหัวใจ จวบจนเศรษฐกิจตกต่ำ ท่านขุนถุกดุล แม้จะมีทรัพย์มากเพียงได้ ในภาวะข้าวยากหมากแพงก็ยากที่จะหาหยูกยามารักษารื่น ที่ป่วยได้ ทำให้รื่นเสียชีวิตไป ท่านขุนโศกเศร้าเสียใจจากการตายของภรรยา จนเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน แม้จะเผาศพรื่นไป ด้วยความโศกเศร้าอาวรณ์ ท่านมักจะไปที่ป่าช้า คนเดียว เพื่อหวังว่าดวงวิญยาณของรื่นจะขับร้องบรรเลงคู่กับดนตรีของท่าน
ใช่แล้ว ท่านขุนเป็นผู้สัมผัสวิญญาณ ท่านสามารถสดับเสียงของวิญญาณยามท่านอยู่คนเดียว ท่านก็รู้ตัวจึงใช้วิธีนี้เพื่อฟังเสียงภรรยาอีกครั้ง แต่อนิจจา ในป่าช้านั้นไม่มีดวงวิญยาณของรื่น เธอมาเกิดเป็นเทพธิดา สิงสู่ที่เสาเรือนตน เพราะจิตที่อาลัยต่อสามี แต่ท่านขุนกลับไปบรรเลงเพลงในป่าช้าแต่ผู้เดียว แน่นอนว่า สรรพเสียงที่ได้ยิน มันคือเสียงของวิญยาณ ที่โศฏเศร้า แค้นเคือง สิ้นหวัง ที่ความตายได้มาพรากชีวิตไป เสียงดนตรีที่เหมือนเพลงสวรรค์ ก็กลับกลายเป็นเสียงยะเยือกหดหู่ หวาดกลัวราวกับดนตรีจากนัก จิตใจท่านขุนกัลบกลายเป็นวิปลาศ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็เพียรบันทึก และเล่นเพลงจากป่าช้านั้นคนเดียว จนบาวไพร่พากันหวาดกลัว ซ้ำกลายเป็นคนโมโหร้าย โบยตีบ่าวไพร่ แม้จะไม่ใช่ทาส แต่บางคนก็เป็นคนเก่าแก่ไม่มีที่ไป บางคนก้หนีไปเอาดาบหน้า บ้างก็ลักของไปด้วย ครั้นถูกจับได้ บ้างก็ถูกโบยอย่างหนัก ก็ตายคาหวาย ร่างที่ถูกมัดกับต้นไทรหลังบ้าน ก็ถูกปลงเอาฝังไว้ ใต้ต้นนั้น บ้างก็ทันไม่ไหว คิดสั้นผูกคอตายไปกับต้นไทรก็มี และเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านขุนก็สั่งให้หมอผี ตอกตะปูตรึงวิญยาณเหล่านั้นไม่ให้มารบกวน
และด้วยผลกรรม ไม่นานท่านก็ตายลง ด้วยจิตวิปลาสโหดร้าย ท่านก็กลายเป็นปีศาจผีดิบไป ยามค่ำ ก็สิงสู่ร่างตน เที่ยวหากินของสดของคาว บ้างก็ เป็ดไก่ หมูหมาในบ้าน จนบ่าวไพร่หวาดกลัว รู้ถึงหูคุณหลวงน้องชาย ท่านจำมาปลงศพ ผนึกไว้ที่บ่อน้ำและปิดปากหลุมด้วยสระ สมองกรรมที่เคยผนึกวิญยาณบ่าวไพร่ด้วยตะปู
"ถ้าอิฉันจะบอกว่ายกโทษให้ท่านขุนก็คงจะเกินไป แต่อิฉันอยากให้อโหสิกรรมให้ท่านขุน เพราะท่านจะสิ้นกรรมในอัตภาพนี้ในวันนี้แล้ว" พูดจบรื่นก็น้ำตาไหลราวกับรู้จุดจบของสามีที่บัดนี้กลายเป็นปีศาจกระหายเลือดไป ดาวละเหล่าเพื่อนคนพิเศษ ก็ต่างพากันอโหสิกรรมให้ จากนั้นไม่นานเสียงร้องโหยหวนราวกับเจ็บปวดทรมานก็ดังขึ้น ดาวจึงวิ่งออกไปดู พร้อมกับรื่นและกระซุ่ ร่างยักษ์ของปีศาจนั้นก้หดเล็กลง บัดนี้ภูขุดเจอโลงศพนั้นแล้ว ในระดับความลึกที่ลึกพอสมควร มือทั้งสองแตกเป็นเลือด เหมือนว่าเขาขุดโดยไม่พักเลย เมื่อโดนโลงศพ จึงกระทุ้งโลงที่ผุ แสงไฟจากไฟฉายมีถือส่องเห็นรูจากโลงไม่ ภูจึงเอื้อมไปแตะ และเมื่อมือของภูสัมผัสกับศพ พันธะของปีศาจนั้นที่ยึดเหนี่ยวกับศพก็มลายหาย ปีศาจท่านขุนไม่เหลือพันธะใดกับโลกนี้แล้ว จึงกลายจากปีศาจที่ยึดเหนี่ยวร่างมนุษย์ไว้และด้วยดวงจิตดำมืด ร่างนั้นจึงดำดิ่งสู่ขุมนรกจากจิตของท่านขุนนั้นเสมอด้วยดวงจิตแห่งนรกภูมิ
..............................................
หลังจากสอบวันสุดท้าย ดาวเหนื่อยอ่อนมาก วันนี้เธอแบกกุ๋กกู๋กลับบ้านมาด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนกลัวกัน ดาวจึงอาสาเอากุ๋ฏฏู๋มาไว้ที่บ้านก่อนรอจบเรื่องค่อยว่ากันต่อ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ภูไปช่วย จึงมีการขุดศพท่านขุนขึ้นมา ญาติ ได้นิมน๖ืพระมาสวดและเผาในวันนั้นเลย แต่สิ่งที่ศพท่านขุนกำไว้แน่น คือสมุดที่บันทึกทำนองเพลงจากป่าช้านั้น และกรอบรูปที่ ท่านขุนถ่ายคู่กับรื่น สมุดกับรูปนั้นถูกเก็บไว้ที่ตึกรับรอง โดยเฉพาะสมุดบันทึกถูกเก็บไว้อย่างดี เพราะไม่มีใครรู้ว่าหากบรรเลงเพลงในนั้นจะเกิดผลอะไรขึ้นมา
ผอ.ถูกจับกุมข้อหาทุจริต จากหลักฐานเชิงลึก กับ การล่อเพื่อรับเงินจากคนที่กันไว้เป็นพยาน โดยมีหลักฐานเป็นเงิน และภาพจากกล้องที่ถ่ายไว้จากห้องทำงาน ผอ. โรงเียนจึงแต่งตั้งรอง ผอ.ขึ้นมารักษาการแทน