FOCUS BRAND : Be ECO-Hankie with Innisfree มารักษ์โลกเก๋ๆสไตล์ Hankie กัน !

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้แก้วจะมารีวิวแคมเปนของแบรนด์ ที่แก้วสนใจค่ะ
ซึ่งอันที่จริง ความตั้งใจอันนี้ ก็คือที่มาถึงชื่อกระทู้ 'FOCUS BRAND'  แก้วจะโฟกัสแบรนด์ต่างๆ ในประเด็นต่างๆ ที่แก้วสนใจ มาลองแชร์ให้เพื่อนๆอ่านค่ะ

วันนี้จะรีวิวแบรนด์สินค้า Innisfree ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่โด่งดังจากเกาหลี ทุกผลิตภัณฑ์จะมีจุดเด่นที่อุดมไปด้วยสารที่มีคุณค่าจากธรรมชาติ และนอกจากนี้ยังเป็นแบรนด์ที่เป็นตัวแทนร่วมแสดงจุดยืนรักษ์โลกอีกด้วยค่ะ

โดยหนึ่งในแคมเปนของ Innisfree ที่แก้วอยากจะพูดถึงในกระทู้นี้ ก็คือแคมเปน Eco-Hankie ค่ะ เพราะสะดุดกับคำว่า Hankie น่ารักอ่ะ 5555  แล้วเมื่อนั่งดูรายละเอียดแคมเปน ก็รู้สึกว่านี่เป็นแคมเปนที่น่าสนใจ และทำให้นึกถึงตัวเองในวัยเด็กที่เคยพกผ้าเช็ดหน้าตลอดเวลาด้วย ^^

พูดกันสั้นๆก็คือ แคมเปนนี้มีขึ้นมาเพื่อรณรงค์การใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้ทิชชู่โดยไม่จำเป็น เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางในการรักษ์โลกค่ะ โดยเริ่มทำกันมาตั้งแต่ปี 2010



โดยปกติ ทิชชู่นั้น จะผลิตมาจากต้นไม้อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ได้เป็นเยื่อกระดาษ ซึ่งใช้พลังงานในการผลิตมากกว่าการผลิตผ้าเช็ดหน้าถึง 3 เท่า และใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้อย่างผ้าเช็ดหน้า ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้โดยเฉลี่ยถึง 520 ครั้งต่อผืน

อาจจะมีบางครั้งที่เราเห็นทิชชู่ที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ แต่จะเจอน้อย เพราะว่ามันมีเนื้อสัมผัสที่หยาบกว่า และ กระด้างกว่าทิชชู่ปกติ(ที่ไม่รีไซเคิล) ความนิยมก็เลยจะน้อยกว่า ทางการตลาดก็เลยไม่นิยมทำขายเท่าไหร่ค่ะ สรุปก็คือ ส่วนใหญ่แล้ว เราจะใช้ทิชชู่ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้กันมากกว่า

และการผลิตทิชชู่ ต้องใช้น้ำมากถึง 2.2 ลิตร ในการผลิตให้ได้ออกมาเป็นทิชชู่ 1 แผ่น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องใช้น้ำมากถึง 2.2 ลิตร ต่อการใช้ทิชชู่1แผ่น/ครั้ง  น้ำ 2.2 ลิตรต่อแผ่นนี่เยอะนะคะ ไม่คิดเลยว่ามันจะซดน้ำได้เก่งกว่าเรา = =

ในขณะที่ผ้าเช็ดหน้า ใช้น้ำในการผลิต 165 ลิตรต่อผืน แต่ในเมื่อมันใช้ซ้ำได้ถึง 520 ครั้ง จึงเท่ากับว่าใช้น้ำในการผลิตเพียง 0.3 ลิตรต่อการใช้หนึ่งครั้งเท่านั้น

หลังจากการผลิต ก็ย่อมมีของเสียที่ต้องกำจัดทิ้งเป็นธรรมดา โดยทั้งทิชชู่และผ้าเช็ดหน้า ต่างก็มีของเสียที่ต้องกำจัดเหมือนกันค่ะ แต่ปริมาณจะต่างกันมาก ทิชชู่จะมีของเสียที่ต้องกำจัดหลังผลิตประมาณ 1.3g ต่อแผ่น/ครั้งที่ใช้ ในขณะที่ผ้าเช็ดหน้านั้นมีของเสียต้องกำจัดเพียง 0.05 g (หลังจากใช้ไป 520 ครั้ง) ค่ะ

ดังนั้น เมื่อมานั่งอ่านและคิดตามดูดีๆ การปรับเปลี่ยนมาใช้ผ้าเช็ดหน้า แทนการใช้ทิชชู่โดยไม่จำเป็นนั้น เป็นวิธีที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิดค่ะ ก็เลยชอบไอเดียของ Innisfree ที่จัดแคมเปนดีๆแบบนี้ขึ้นมา



ภาพของปีก่อนๆ ค่ะ

โดยตัวผ้าเช็ดหน้าของ Innisfree จะถูกดีไซน์ขึ้นมาให้มีลวดลายแตกต่างกันไปตามคอนเซปของแต่ละปีค่ะ ปีนี้มีลวดลายเป็นเกาะเจจู เน้นโทนสีฟ้าน่ารัก


ภาพของปี 2016 ค่ะ

และนอกจากนี้ Innisfree จะหยิบผลิตภัณฑ์ Best-selling ขึ้นมา 4 ชิ้น เพื่อมาจัดทำรูปแบบแพกเกจใหม่ เป็น limited edition ให้เข้ากับคอนเซปค่ะ โดยจะประกอบไปด้วย  The Green Tea Seed Serum (160ml), The Green Tea Seed Cream, (100ml), Water Glow Cushion, (15g) และ Long Wear Cushion (15g) ค่ะ


ตัวอย่าง Best-Selling : Water Glow Cushion ค่ะ

หากอ่านมาจนถึงตอนนี้ หลายคนอาจจะกำลังคิดว่า การใช้ผ้าเช็ดหน้ามันไม่งาม ! เชย! ไม่เห็นจะเก๋เลย ! และ ใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก! จะไปเอามันเข้ามาใช้ในชีวิตทำไม รุงรัง!

โอเค ถ้างั้นเราลองมานั่งดูรูป แล้วนั่งคิดด้วยกันดีกว่าค่ะ
ผ้าเช็ดหน้าในมุมมองของแก้วอาจจะสามารถเปลี่ยนความคิดของเพื่อนๆก็ได้น้า ^^

สำหรับแก้ว แก้วคิดว่า ผ้าเช็ดหน้า หากเราพกให้ถูกสไตล์ตัวเอง  แต่งให้เข้ากับลุคตัวเอง แมทช์กับเสื้อผ้าตัวเองได้ ก็สามารถเป็นแฟชั่นชิคๆได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเชยเลยค่ะ


จะเท่ จะเก๋ ก็ได้ค่ะ





มีใครเริ่มเห็นด้วยบ้างคะ ว่ากลับมาใช้ผ้าเช็ดหน้า มันก็เป็นสไตล์ที่เท่เหมือนกันนะ !

และเมื่อมาคิดถึงวิธีใช้ผ้าเช็ดหน้าตามที่ Innisfree พรีเซนแล้วนั้น แก้วก็เห็นด้วยนะคะ ว่ามันเอามาใช้ได้จริง และสะดวกไม่แพ้ทิชชู่เลย  เราสามารถเอามาใช้แทนทิชชู่ได้จริงๆ(บางกรณี)

พันแก้วกาแฟหรือเครื่องดื่ม



พันข้อมือเก๋ๆ เผื่อหยิบใช้ในตอนที่จำเป็น เช่น เช็ดหน้า เช็ดเหงื่อ (ซึ่งซึบซับได้ดีมาก)

หากวันไหนสวมกระโปรงที่สั้นนิดนึง เวลานั่งก็จะลำบากขึ้นตามไปด้วย สตรีอย่างเราๆคงนึกภาพออกค่ะ  ตอนนี้แหละ ที่เราสามารถใช้ผ้าเช็ดหน้ามากางปิดขาเราได้อย่างเก๋ๆค่ะ (หากไม่อยากเซกซี่ในตอนนั้น 555 )

เอามาห่อเป็นแพกเกจจิ้งก็ยังได้ค่ะ ขึ้นกับขนาดของผ้าเช็ดหน้า
หรือจะพันผม เป็นเครื่องประดับเก๋ๆได้เหมือนกัน



และอีกหลายโอกาสที่เราหยิบผ้าเช็ดหน้ามาใช้ได้ ทั้งการซับ การเช็ด ต่างๆในชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆ  แน่นอนว่าผ้าเช็ดหน้าสามารถใช้ประโยชน์ได้ 100 เปอร์เซนต์  จึงไม่เสียหายที่เราจะเปลี่ยนมาใช้ผ้าเช็ดหน้าค่ะ

สรุปแล้ว คอนเซปง่ายๆที่แคมเปนนี้เสนอให้เราดูกัน ก็เรียบง่ายและเข้าใจง่ายมากค่ะ เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาใช้แทนการใช้ทิชชู่โดยไม่จำเป็น (ไม่ใช่ทุกกรณีนะคะ  บางกรณีมันก็ต้องใช้ทิชชู่จริงๆอ่ะ) ก็สามารถลดการทำลายต้นไม้ ลดการใช้พลังงานและน้ำ ลดของเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา ได้มากกว่าที่คิดค่ะ

มันเป็นอีกหนึ่งทางง่ายๆ ที่สามารถรักษ์โลกได้ ไม่ยุ่งยาก และแน่นอนค่ะ ยังคงความเก๋ชิคๆได้อีกด้วย

ตัวแก้วเองก็เคยเป็นคนใช้ผ้าเช็ดหน้านะคะ ก็หยิบมันมาเช็ดมาซับหน้า เช็ดมือ ได้หลายรอบมาก แต่ตอนหลัง ไม่รู้อยู่ยังไง ลืมใช้ผ้าเช็ดหน้าไปซะงั้น  -3-  เดี๋ยวจะกลับมาลองใช้ใหม่ค่ะ อิอิ



หากใครที่อยากลองรักษ์โลกแบบเริ่มต้นง่ายๆ ใกล้ตัว ไม่รุงรัง นี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แก้วอยากแชร์ให้ลองดูกันค่ะ
และหากเพื่อนๆคนไหนสนใจตามดูสินค้าผ้าเช็ดหน้า และสินค้า limited edition แคมเปนนี้ของ Innisfree ก็สามารถไปดูที่ shop ได้ค่ะ แคมเปนนี้เริ่มพร้อมกันทุกประเทศ วันที่ 1 มิย. จ้า

ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันมากค้า


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่