จากกระทู้เรื่องสมัยก่อนเมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้วผมเห็นด้วยครับ การดูหนังเข้าถึงได้ยาก แต่เมื่อใดที่ยากก็ย่อมได้รับค่าตอบแทนที่มากกว่าสิ่งที่ได้มาง่ายๆ.
แต่อยากพูดถึงหลายๆคน ที่ชอบออกมาบ่น ออกมาแซะมากัดคนที่ดูหนังแล้วจับผิด วิจารณ์ ว่าทำฟอร์มเซียน บลา บลา . . .
พวกคุณไม่ผิดครับที่จะไม่ชอบ แต่อย่าลืมนะครับสังคมประกอบไปด้วยคนหลายรูปแบบ ทุกสิ่งไม่จำเป็นต้องหมุนรอบตัวพวกคุณนะครับ
บางคนดูหนังเพื่อเอาสนุก บางคนเพื่อเสพย์อย่างลึกซึ้ง คนเรามีหลายความคิดครับ การที่เค้าจะออกมาพูดวิจารณ์ในสิ่งที่เค้าได้เสพย์มาไม่ว่าจะจับผิด หรือ ทำฟอร์มเซียน มันก็คือการแสดงความคิดเห็น
ผมพึ่งรู้ว่าการที่ผู้คนได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ถูกมองว่าเป็นพวกวานนาบีไปได้อย่างไร?
ภาพยนตร์คือศิลปะเพื่อความบันเทิง ศิลปะมีการเสพย์ที่ต่างกันตามมุมมองและทัศนวิสัยที่ต่างกันในแต่ละคน ฉะนั้นย่อมไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่ศิลปะเลยชอบของกินยังชอบไม่เหมือนกัน ผู้หญิงสเปคไม่เหมือนกัน
แล้วอะไรคือการที่มาดูถูกรสนิยมในการดูหนัง หรือ ความคิดเห็นคนอื่นครับ?
อีกอย่างนักวิจารณ์มะเขือที่เป็นอาชีพเค้าจริงๆ จริงอยู่ที่รสนิยมมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่าลืมนะครับว่าการไปด่าเค้า อ่านที่เค้าวิจารณ์แล้วเข้าใจรึยัง ว่ามันเป็น Fact หรือ Personal หากถ้าเป็น Personal ก็ลองใช้วิจารณญาณดูครับ แต่หากเป็น Fact อันนี้ก็คือความจริง
วิจารณ์มี 2 แบบ แยกแยะเอาครับ.
ประเด็นอีกอย่าง หนังไม่ว่าจะ Genre ไหน สุดท้ายย่อมีข้อผิดพลาด และข้อผิดพลาดไม่สามารถล้มล้าง Fact เรื่อง Genre ได้นะครับ ยกตัวอย่าง
หนัง Action เข้าไปดู action อย่างเดียว บทอ่อนจะแคร์ทำไม?
ย้อนกลับไปที่ประเด็นแรกอีกเช่นกัน สังเกตว่าประโยคแบบนี้คือการเอาตนเองเป้นที่ตั้ง หนัง Action ขึ้นชื่อว่าหนัง ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งในด้าน Action เพราะสุดท้าย หนังทุกอย่างกำเนิดมาจากคำว่า Drama
ภาพยนตร์ทุกเรื่อง Genre คือดราม่า แล้วจะประกอบไปด้วย Action , comedy ก็ว่ากันไป เพราะภาพยนตร์มีเนื้อเรื่อง มีปมตัวละคร เราจำลองโลกให้ดูเป็น Realistic ให้มากที่สุดหรือไม่ก็สร้างโลกใหม่ไปเลย อย่าง Harry potter
แล้วสำหรับนักวิจารณ์เกณฑ์ที่เค้าตั้งก็วัดจากมาตรฐานซึ่งเป็นอุดมคติที่ Perfect อยู่ที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเข้าใกล้มันแค่ไหน.
ฉะนั้นหนัง Action ไม่จำเป็นต้องบทอ่อนในเมื่อบทแข็งแรงได้ แต่หากคุณจะดูเพื่อแอคชั่นอันนั้นคือรสนิยมคุณ หากผมจะดูเพราะบทที่ก่อให้เกิด Action sequence ถึงความสมเหตุสมผล อันนั้นคือรสนิยมผม
ไม่ก้าวก่ายกันหรือแซะกันด้วยคำพูดนะครับ สังคมเราจะได้เป็นสังคมแห่งปัญญาจริงๆสักที แล้วอยากให้แย้งกันอย่างมีเหตุผลครับ เพราะสุดท้ายถ้าเรายิ่งถกกันอย่างมีเหตุผลมีประเด็น
ยุคนี้จะเป็นยุคที่เราโชคดีมากๆที่ได้เสพย์ภาพยนตร์แล้วแชร์กันอย่างมีวิสัยทัศน์.
ผมว่าคนยุคนี้ก็โชคดีนะเกี่ยวกับการดูหนัง
แต่อยากพูดถึงหลายๆคน ที่ชอบออกมาบ่น ออกมาแซะมากัดคนที่ดูหนังแล้วจับผิด วิจารณ์ ว่าทำฟอร์มเซียน บลา บลา . . .
พวกคุณไม่ผิดครับที่จะไม่ชอบ แต่อย่าลืมนะครับสังคมประกอบไปด้วยคนหลายรูปแบบ ทุกสิ่งไม่จำเป็นต้องหมุนรอบตัวพวกคุณนะครับ
บางคนดูหนังเพื่อเอาสนุก บางคนเพื่อเสพย์อย่างลึกซึ้ง คนเรามีหลายความคิดครับ การที่เค้าจะออกมาพูดวิจารณ์ในสิ่งที่เค้าได้เสพย์มาไม่ว่าจะจับผิด หรือ ทำฟอร์มเซียน มันก็คือการแสดงความคิดเห็น
ผมพึ่งรู้ว่าการที่ผู้คนได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ถูกมองว่าเป็นพวกวานนาบีไปได้อย่างไร?
ภาพยนตร์คือศิลปะเพื่อความบันเทิง ศิลปะมีการเสพย์ที่ต่างกันตามมุมมองและทัศนวิสัยที่ต่างกันในแต่ละคน ฉะนั้นย่อมไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่ศิลปะเลยชอบของกินยังชอบไม่เหมือนกัน ผู้หญิงสเปคไม่เหมือนกัน
แล้วอะไรคือการที่มาดูถูกรสนิยมในการดูหนัง หรือ ความคิดเห็นคนอื่นครับ?
อีกอย่างนักวิจารณ์มะเขือที่เป็นอาชีพเค้าจริงๆ จริงอยู่ที่รสนิยมมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่าลืมนะครับว่าการไปด่าเค้า อ่านที่เค้าวิจารณ์แล้วเข้าใจรึยัง ว่ามันเป็น Fact หรือ Personal หากถ้าเป็น Personal ก็ลองใช้วิจารณญาณดูครับ แต่หากเป็น Fact อันนี้ก็คือความจริง
วิจารณ์มี 2 แบบ แยกแยะเอาครับ.
ประเด็นอีกอย่าง หนังไม่ว่าจะ Genre ไหน สุดท้ายย่อมีข้อผิดพลาด และข้อผิดพลาดไม่สามารถล้มล้าง Fact เรื่อง Genre ได้นะครับ ยกตัวอย่าง
หนัง Action เข้าไปดู action อย่างเดียว บทอ่อนจะแคร์ทำไม?
ย้อนกลับไปที่ประเด็นแรกอีกเช่นกัน สังเกตว่าประโยคแบบนี้คือการเอาตนเองเป้นที่ตั้ง หนัง Action ขึ้นชื่อว่าหนัง ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งในด้าน Action เพราะสุดท้าย หนังทุกอย่างกำเนิดมาจากคำว่า Drama
ภาพยนตร์ทุกเรื่อง Genre คือดราม่า แล้วจะประกอบไปด้วย Action , comedy ก็ว่ากันไป เพราะภาพยนตร์มีเนื้อเรื่อง มีปมตัวละคร เราจำลองโลกให้ดูเป็น Realistic ให้มากที่สุดหรือไม่ก็สร้างโลกใหม่ไปเลย อย่าง Harry potter
แล้วสำหรับนักวิจารณ์เกณฑ์ที่เค้าตั้งก็วัดจากมาตรฐานซึ่งเป็นอุดมคติที่ Perfect อยู่ที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเข้าใกล้มันแค่ไหน.
ฉะนั้นหนัง Action ไม่จำเป็นต้องบทอ่อนในเมื่อบทแข็งแรงได้ แต่หากคุณจะดูเพื่อแอคชั่นอันนั้นคือรสนิยมคุณ หากผมจะดูเพราะบทที่ก่อให้เกิด Action sequence ถึงความสมเหตุสมผล อันนั้นคือรสนิยมผม
ไม่ก้าวก่ายกันหรือแซะกันด้วยคำพูดนะครับ สังคมเราจะได้เป็นสังคมแห่งปัญญาจริงๆสักที แล้วอยากให้แย้งกันอย่างมีเหตุผลครับ เพราะสุดท้ายถ้าเรายิ่งถกกันอย่างมีเหตุผลมีประเด็น
ยุคนี้จะเป็นยุคที่เราโชคดีมากๆที่ได้เสพย์ภาพยนตร์แล้วแชร์กันอย่างมีวิสัยทัศน์.