เพิ่งดูมารอบเดียว และแทบไม่เคยวิจารณ์หนังมาก่อนนะครับ แต่จะเขียนจากความรู้สึกและประสบการณ์ดูหนังแบบงูๆ ปลาๆ
ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ แต่อยากจะเพิ่มกระแสหน่อยเพราะ Blizzard บอกมาเองว่าถ้าหนังภาคนี้ไปได้ดี
จะต้องมีภาคต่อให้แฟนๆ ได้เชยชมแน่นอน แต่ถ้าไม่...ก็คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อย เอาเป็นว่าใครชอบหนังแฟนตาซีแม้จะไม่
รู้เรื่อง Warcraft มาก่อนก็ดูได้ครับไม่ผิดหวัง
ป.ล.อาจจะยาวสักนิด เอาไว้สำหรับคนที่ยังอินกับหนังและอยากคุยกันยาวๆ อ่านกันเล่นๆนะครับ (ไม่สปอยเนื้อเรื่อง)
เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง
"ว่ากันว่างานศิลปะจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่างานนั้นสร้างอารมณ์สะเทือนใจให้ผู้เสพได้แค่ไหน"
ผมเคยอ่านพล็อตภาคแรกมาแค่คร่าวๆ พอบอกได้เลยว่าหนังสร้างตามเนื้อหาในเกมแทบจะทั้งหมด ทั้งจุดหักมุม
ทั้งปมขัดแย้งต่างๆ เป็นไปตามเนื้อเรื่องดั้งเดิมซึ่งดีอยู่แล้ว แต่หนังกลับเล่าเรื่องได้แค่ "พอใช้-ดี" โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่ตัด
ฉากแต่ละฉากรวดเร็วมาก บางฉากกินเวลาเพียงหลักวินาที พยายามบิ๊วท์ตัวเองยังไงก็อินไม่ทันจริงๆ ทำให้หนังดูกระโดดไป
กระโดดมา (นี่ยังไม่รวมเวทย์มนตร์ประตูมิติ Portal หลายครั้งที่ทำให้หนังยิ่งกระโดดหนักเข้าไปอีก) ทำให้ผมค่อนข้างห่วงว่าคนที่
ไม่รู้เรื่องมาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม เช่น ออร์คมีหลายเผ่า ออร์คมีสองสี ออร์คผสมข้ามเผ่าพันธุ์ได้ เวทย์เฟลต้องห้ามมาจากไหน
คิรินทอร์คืออะไร ดาลารันมายังไง ฯลฯ แต่พอเข้าครึ่งหลังต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าครึ่งแรก คุ้มค่าแก่การรอคอย อารมณ์หนัง
ดราม่าทั้งหลายจะเริ่มดีขึ้นก็ตอนนี้
อีกจุดหนึ่งที่น่าติคือมุกหลายๆ มุกที่พยายามให้ตลกแต่กลับไม่ตลก คือ เล่นห้าฝืดสี่อีกหนึ่งคือขำแห้งๆ แต่มุกที่ตลกกลับเป็น
มุกที่คนเล่นเกม World of Warcraft จะขำเช่นเวทย์ Polymorph... เมอร์ล็อคในป่าเอลลีวิน เป็นต้น ซึ่งคนไม่รู้จักก็ไม่ขำเพราะ
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉากต่อสู้หลายฉากพยายามให้สู้กันขำๆ ฮาๆ แบบอินเดียน่าโจนส์หรือทรานสฟอเมอร์ แต่ก็อีกนั่นแหละ
"ไม่ขำ"
คือผมพยายามแล้วนะ มากด้วย เป็นแฟนเกมวอร์คราฟต์ด้วย แต่ไม่ไหวครับ ยอม...
คะแนนรวมเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง : 7 / 10
ตัวละคร
"ความท้าทายของการเล่าเรื่องวอร์คราฟต์คือตัวละครที่มีอยู่นับร้อยๆ"
ต้องบอกเลยว่าจักรวาล Warcraft มีตัวละครเด่นอยู่เยอะมาก เอาแค่เผ่าพันธ์ุที่เด่นๆ ก็มีราวๆ สิบเผ่า ไม่นับรวมเผ่ายิบย่อยอีกเป็นร้อย
แต่หนังจะโฟกัสไปที่เรื่องราวก่อนการกำเนิดสงครามครั้งแรกซึ่งเป็นต้นกำเนิดกองทัพพันธมิตร Alliance และ Horde
ซึ่งสองทัพมหากาฬนี้จะรบพุ่งพัวพันกันยาวนานต่อเนื่องในอนาคต เผ่าที่โดดเด่นในหนังจึงมีแค่ 2 เผ่าคือ มนุษย์กับอ็อค
...ฟังดูแล้วเหมือนว่าเราคงไม่ต้องกังวลว่าเนื้อเรื่องจะเสีย เพราะใส่ตัวนู้นตัวนี้มาเต็มไปหมดจนดูไม่รู้เรื่อง
ถึงแม้ตัวละครเอกในหนังจะไม่มากจนเละเทะ แต่ปัญหาใหญ่ที่ผมพบในหนังก็คือ การแสดงและบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวนี่แหละ
บอกได้เลยว่าแคสต์มาค่อนข้างแย่ ตัวละครเอกทั้งสามอย่าง ลอทาร์ แคดการ์ กาโรนา ซึ่งมีบทบาทสำคัญตลอดทั้งเรื่อง
เล่นได้ไม่ดีเอาเสียเลย บ่อยครั้งมากที่ดวงตาไม่สื่ออารมณ์หรือแสดงไม่ถึง ทำให้คนดูไม่อิน อีกคนที่ดูแล้วน่าหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
คือราชาของสตอร์มวินด์ "คิงก์ เลน"
ซึ่งจริงๆ บทของตัวละครนี้ในหนังจัดว่าดีมาก พระเอกสุดๆ แต่เพราะนักแสดงไม่มีออร่าแบบผู้มีบารมี แต่กลับให้ภาพลักษณ์แบบตัวโกงแทน
ทำให้บรรยากาศและอารมณ์หนังออกมาไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น (ถ้าพูดตรงๆก็คือแย่นั่นแหละ)
แต่กลับกันกับฝั่งออร์คที่เป็นคนผสม CG แต่กลับสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีกว่าเสียอีก ทั้งดูโรทัน โอกริม ดราก้าและออร์คเขียวตัวน้อย
(ซึ่งจะกลายเป็นคนสำคัญในอนาคต) งานนี้ใครเชียร์ฝั่ง Horde คงสมใจกับหนังเรื่องนี้ เพราะ Warlord แต่ละคนนี่บอกเลยว่าเท่
และมีเกียรติแบบนักรบออร์คมากมาย
คะแนน : นักแสดงและตัวละคร 6 / 10
ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG
มาถึงสิ่งที่ดีงามในเรื่องนี้เสียที ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG ทั้งหลายทั้งปวงทำได้ดีครับ เป็นระดับที่เหนือกว่า
Cinematic ของเกมเสียด้วยซ้ำ (ที่ว่ากันว่า 4 นาทีใช้ทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญ) เครื่องแต่งกายของทั้งมนุษย์และอ็อค
ถอดมาจาก Artwork ดั้งเดิม ส่วนฉากต่างๆ นี้เรียกได้ว่าถอดมาจากเมืองใน World of Warcraft เด๊ะๆ เช่น จุดจอด
กริฟฟิน ห้องวางแผนการศึก เมืองไอรอนฟอร์จ สตอร์มวินด์ ฯลฯ เวทย์มนตร์ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร ดูแล้ว
ไม่ตลก ไม่ขัดลูกตา (แม้จะมีบางฉากที่ร่ายนาน คนดูรอจนเบื่อ) แต่โดยรวมผมว่าผ่านครับ ถ้าใครมาเพื่อหวังดูอะไร
แปลกตา อลังการก็คงไม่ผิดหวัง
คะแนน ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG : 9.5 / 10
ดนตรีประกอบ
ดนตรีประกอบมีทั้งที่ดัดแปลงจาก WoW คงให้เหลือความดิบเถื่อนดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่โดยรวมผมมองว่าหนังค่อนข้าง
เงียบและใช้ดนตรีได้ไม่ค่อยถูกจังหวะ หนังแทบไม่มีดนตรีประกอบที่ติดหูเลยและขาดมิติและความหลากหลาย บทเศร้าบทโศก บทอบอุ่น
หรือบทรักก็ไม่ค่อยมีดนตรีช่วยบิ๊วท์เท่าที่ควร จุดนี้น่าเสียดายครับ วอร์คราฟต์ไม่ได้มีแต่เสียงกลองตุ๊บตั๊บๆกับเสียงคำราม
ของออร์คสักหน่อย (จริงๆเรื่องดนตรีนี่เห็นลางร้ายตั้งแต่เทรลเลอร์แล้ว แล้วก็จริงตามคาด)
คะแนนดนตรีประกอบ 6.5 / 10
ภาพรวม
แม้หนังไม่ถึงขั้นดีเลิศเลอเพอร์เฟ็คและก็ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ แม้จะไม่ใช่คอเกมก็ดูได้เพราะหนังใส่รายละเอียดต่างๆ
ไว้ในบทสนทนาสั้นๆ ซึ่งถ้าติดตามดีๆ ก็คงพอตามเนื้อเรื่องไปได้อย่างไม่ติดขัด หนังแฟนตาซีเป็นแนวที่มีมาไม่บ่อย
ถ้าชอบแนวนี้ผมแนะนำให้ดูครับ สำหรับแฟนเกมซีรี่ส์นี้นี่เป็นหนังที่ต้องดูห้ามพลาดเด็ดขาด และสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมก็ดูได้
หนังที่ไม่ได้คะแนน AAA+, 80-90%+ ไม่ได้หมายความว่าไม่สนุก ไม่บันเทิง เพียงแต่ความบันเทิงนั้นอาจจะต่างออกไปจากหนังเรื่องอื่นๆ
ที่เคยดูมาบ้าง
ส่วนคำถามที่ว่า "คำสาปหนังที่สร้างจากเกมถูกลบล้างแล้วหรือยัง" ยังคงเป็นคำถามที่ตอบยาก แต่เราก็พอจะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้
เป็นหนังที่สร้างจากเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา (คำสาปเขาแรงจริงอะไรจริง)
ยังไงก็ตาม
"ยินดีต้อนรับสู่โลก Azeroth ครับ"
คะแนนโดยภาพรวม 7.5 / 10 (Recommended)
[CR] Review : WARCRAFT : the beginning หนังสอบผ่านแม้จะไม่เพอร์เฟ็ค [+มุมมองจากคนเล่น WoW]
เพิ่งดูมารอบเดียว และแทบไม่เคยวิจารณ์หนังมาก่อนนะครับ แต่จะเขียนจากความรู้สึกและประสบการณ์ดูหนังแบบงูๆ ปลาๆ
ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ แต่อยากจะเพิ่มกระแสหน่อยเพราะ Blizzard บอกมาเองว่าถ้าหนังภาคนี้ไปได้ดี
จะต้องมีภาคต่อให้แฟนๆ ได้เชยชมแน่นอน แต่ถ้าไม่...ก็คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อย เอาเป็นว่าใครชอบหนังแฟนตาซีแม้จะไม่
รู้เรื่อง Warcraft มาก่อนก็ดูได้ครับไม่ผิดหวัง
ป.ล.อาจจะยาวสักนิด เอาไว้สำหรับคนที่ยังอินกับหนังและอยากคุยกันยาวๆ อ่านกันเล่นๆนะครับ (ไม่สปอยเนื้อเรื่อง)
เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง
"ว่ากันว่างานศิลปะจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่างานนั้นสร้างอารมณ์สะเทือนใจให้ผู้เสพได้แค่ไหน"
ผมเคยอ่านพล็อตภาคแรกมาแค่คร่าวๆ พอบอกได้เลยว่าหนังสร้างตามเนื้อหาในเกมแทบจะทั้งหมด ทั้งจุดหักมุม
ทั้งปมขัดแย้งต่างๆ เป็นไปตามเนื้อเรื่องดั้งเดิมซึ่งดีอยู่แล้ว แต่หนังกลับเล่าเรื่องได้แค่ "พอใช้-ดี" โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่ตัด
ฉากแต่ละฉากรวดเร็วมาก บางฉากกินเวลาเพียงหลักวินาที พยายามบิ๊วท์ตัวเองยังไงก็อินไม่ทันจริงๆ ทำให้หนังดูกระโดดไป
กระโดดมา (นี่ยังไม่รวมเวทย์มนตร์ประตูมิติ Portal หลายครั้งที่ทำให้หนังยิ่งกระโดดหนักเข้าไปอีก) ทำให้ผมค่อนข้างห่วงว่าคนที่
ไม่รู้เรื่องมาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม เช่น ออร์คมีหลายเผ่า ออร์คมีสองสี ออร์คผสมข้ามเผ่าพันธุ์ได้ เวทย์เฟลต้องห้ามมาจากไหน
คิรินทอร์คืออะไร ดาลารันมายังไง ฯลฯ แต่พอเข้าครึ่งหลังต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าครึ่งแรก คุ้มค่าแก่การรอคอย อารมณ์หนัง
ดราม่าทั้งหลายจะเริ่มดีขึ้นก็ตอนนี้
อีกจุดหนึ่งที่น่าติคือมุกหลายๆ มุกที่พยายามให้ตลกแต่กลับไม่ตลก คือ เล่นห้าฝืดสี่อีกหนึ่งคือขำแห้งๆ แต่มุกที่ตลกกลับเป็น
มุกที่คนเล่นเกม World of Warcraft จะขำเช่นเวทย์ Polymorph... เมอร์ล็อคในป่าเอลลีวิน เป็นต้น ซึ่งคนไม่รู้จักก็ไม่ขำเพราะ
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉากต่อสู้หลายฉากพยายามให้สู้กันขำๆ ฮาๆ แบบอินเดียน่าโจนส์หรือทรานสฟอเมอร์ แต่ก็อีกนั่นแหละ
"ไม่ขำ"
คือผมพยายามแล้วนะ มากด้วย เป็นแฟนเกมวอร์คราฟต์ด้วย แต่ไม่ไหวครับ ยอม...
คะแนนรวมเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง : 7 / 10
ตัวละคร
"ความท้าทายของการเล่าเรื่องวอร์คราฟต์คือตัวละครที่มีอยู่นับร้อยๆ"
ต้องบอกเลยว่าจักรวาล Warcraft มีตัวละครเด่นอยู่เยอะมาก เอาแค่เผ่าพันธ์ุที่เด่นๆ ก็มีราวๆ สิบเผ่า ไม่นับรวมเผ่ายิบย่อยอีกเป็นร้อย
แต่หนังจะโฟกัสไปที่เรื่องราวก่อนการกำเนิดสงครามครั้งแรกซึ่งเป็นต้นกำเนิดกองทัพพันธมิตร Alliance และ Horde
ซึ่งสองทัพมหากาฬนี้จะรบพุ่งพัวพันกันยาวนานต่อเนื่องในอนาคต เผ่าที่โดดเด่นในหนังจึงมีแค่ 2 เผ่าคือ มนุษย์กับอ็อค
...ฟังดูแล้วเหมือนว่าเราคงไม่ต้องกังวลว่าเนื้อเรื่องจะเสีย เพราะใส่ตัวนู้นตัวนี้มาเต็มไปหมดจนดูไม่รู้เรื่อง
ถึงแม้ตัวละครเอกในหนังจะไม่มากจนเละเทะ แต่ปัญหาใหญ่ที่ผมพบในหนังก็คือ การแสดงและบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวนี่แหละ
บอกได้เลยว่าแคสต์มาค่อนข้างแย่ ตัวละครเอกทั้งสามอย่าง ลอทาร์ แคดการ์ กาโรนา ซึ่งมีบทบาทสำคัญตลอดทั้งเรื่อง
เล่นได้ไม่ดีเอาเสียเลย บ่อยครั้งมากที่ดวงตาไม่สื่ออารมณ์หรือแสดงไม่ถึง ทำให้คนดูไม่อิน อีกคนที่ดูแล้วน่าหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
คือราชาของสตอร์มวินด์ "คิงก์ เลน"
ซึ่งจริงๆ บทของตัวละครนี้ในหนังจัดว่าดีมาก พระเอกสุดๆ แต่เพราะนักแสดงไม่มีออร่าแบบผู้มีบารมี แต่กลับให้ภาพลักษณ์แบบตัวโกงแทน
ทำให้บรรยากาศและอารมณ์หนังออกมาไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น (ถ้าพูดตรงๆก็คือแย่นั่นแหละ)
แต่กลับกันกับฝั่งออร์คที่เป็นคนผสม CG แต่กลับสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีกว่าเสียอีก ทั้งดูโรทัน โอกริม ดราก้าและออร์คเขียวตัวน้อย
(ซึ่งจะกลายเป็นคนสำคัญในอนาคต) งานนี้ใครเชียร์ฝั่ง Horde คงสมใจกับหนังเรื่องนี้ เพราะ Warlord แต่ละคนนี่บอกเลยว่าเท่
และมีเกียรติแบบนักรบออร์คมากมาย
คะแนน : นักแสดงและตัวละคร 6 / 10
ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG
มาถึงสิ่งที่ดีงามในเรื่องนี้เสียที ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG ทั้งหลายทั้งปวงทำได้ดีครับ เป็นระดับที่เหนือกว่า
Cinematic ของเกมเสียด้วยซ้ำ (ที่ว่ากันว่า 4 นาทีใช้ทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญ) เครื่องแต่งกายของทั้งมนุษย์และอ็อค
ถอดมาจาก Artwork ดั้งเดิม ส่วนฉากต่างๆ นี้เรียกได้ว่าถอดมาจากเมืองใน World of Warcraft เด๊ะๆ เช่น จุดจอด
กริฟฟิน ห้องวางแผนการศึก เมืองไอรอนฟอร์จ สตอร์มวินด์ ฯลฯ เวทย์มนตร์ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร ดูแล้ว
ไม่ตลก ไม่ขัดลูกตา (แม้จะมีบางฉากที่ร่ายนาน คนดูรอจนเบื่อ) แต่โดยรวมผมว่าผ่านครับ ถ้าใครมาเพื่อหวังดูอะไร
แปลกตา อลังการก็คงไม่ผิดหวัง
คะแนน ฉาก เอฟเฟ็ค การแต่งกายและ CG : 9.5 / 10
ดนตรีประกอบ
ดนตรีประกอบมีทั้งที่ดัดแปลงจาก WoW คงให้เหลือความดิบเถื่อนดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่โดยรวมผมมองว่าหนังค่อนข้าง
เงียบและใช้ดนตรีได้ไม่ค่อยถูกจังหวะ หนังแทบไม่มีดนตรีประกอบที่ติดหูเลยและขาดมิติและความหลากหลาย บทเศร้าบทโศก บทอบอุ่น
หรือบทรักก็ไม่ค่อยมีดนตรีช่วยบิ๊วท์เท่าที่ควร จุดนี้น่าเสียดายครับ วอร์คราฟต์ไม่ได้มีแต่เสียงกลองตุ๊บตั๊บๆกับเสียงคำราม
ของออร์คสักหน่อย (จริงๆเรื่องดนตรีนี่เห็นลางร้ายตั้งแต่เทรลเลอร์แล้ว แล้วก็จริงตามคาด)
คะแนนดนตรีประกอบ 6.5 / 10
ภาพรวม
แม้หนังไม่ถึงขั้นดีเลิศเลอเพอร์เฟ็คและก็ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ แม้จะไม่ใช่คอเกมก็ดูได้เพราะหนังใส่รายละเอียดต่างๆ
ไว้ในบทสนทนาสั้นๆ ซึ่งถ้าติดตามดีๆ ก็คงพอตามเนื้อเรื่องไปได้อย่างไม่ติดขัด หนังแฟนตาซีเป็นแนวที่มีมาไม่บ่อย
ถ้าชอบแนวนี้ผมแนะนำให้ดูครับ สำหรับแฟนเกมซีรี่ส์นี้นี่เป็นหนังที่ต้องดูห้ามพลาดเด็ดขาด และสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมก็ดูได้
หนังที่ไม่ได้คะแนน AAA+, 80-90%+ ไม่ได้หมายความว่าไม่สนุก ไม่บันเทิง เพียงแต่ความบันเทิงนั้นอาจจะต่างออกไปจากหนังเรื่องอื่นๆ
ที่เคยดูมาบ้าง
ส่วนคำถามที่ว่า "คำสาปหนังที่สร้างจากเกมถูกลบล้างแล้วหรือยัง" ยังคงเป็นคำถามที่ตอบยาก แต่เราก็พอจะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้
เป็นหนังที่สร้างจากเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา (คำสาปเขาแรงจริงอะไรจริง)
ยังไงก็ตาม
"ยินดีต้อนรับสู่โลก Azeroth ครับ"
คะแนนโดยภาพรวม 7.5 / 10 (Recommended)