เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาบ้างแล้ว แบบปากต่อปากเป็นส่วนใหญ่เรื่องคุณภาพ
และหลายคนคงยังไม่รู้จัก เหมือน จขกท เอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้จักค่ะ แต่พอเห็นรีวิวจาก Pantip นี่แหล่ะ
และได้ไปเดินพารากอน เห็นเค้าท์เตอร์ก็เลยแวะลองเทสต์ดูซักหน่อย ก็เลยได้เจ้าตัวนี้มา
ส่วนทำไมถึงได้มาเดี๋ยวตามต่อกันนะคะ จะรู้ว่าเหตุผลที่ จขกท ตัดสินใจซื้อคืออะไร
Aesop Parsley Seed Serum
ส่วนผสมหลัก : เมล็ดองุ่น ผักชีฝรั่ง และ Panthenol
เอ๊ะๆ แล้ว Panthenol มันคืออะไรหลายล่ะ จขกท ก็สงสัยเหมือนกัน
ตอนคุยกับ จนท ที่เค้าท์เตอร์ก็ไม่ได้ถามมาซะด้วย มาสังเกตเอาก็ตอนทำรีวิวนั่นแหล่ะ
เลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่มซะหน่อย และด้วยความอ่อนด้อยทางด้านภาษาอังกฤษนั้น
จขกท ขอสรุปให้ฟังอย่างคร่าวๆ เลยละกัน ว่ามันคือสารที่ได้มาจากวิตามินบี 5 นี่แหล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ที่มา : http://www.cosmeticsinfo.org/ingredient/panthenol)
คุณสมบัติ : เน้นสร้างความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวให้ ให้กับทุกสภาพผิว
คือแบบเห็นหน้า จนท ที่แนะนำ ละเทียบกับหนังหน้าตัวเองนี่แบบ คนละเรื่องเลยทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน
นี่ค่ะ ภาพหน้าตาเจ้าตัว Parsley Seed ที่ว่าแบบชัดๆ
บรรจุภัณฑ์จะเป็นขวดสีชา ที่สามารถป้องกัน UV ได้ ( จนท ที่ Counter บอกมา)
เพื่อถนอมและคงคุณภาพ ไม่ให้โดนแดดมาทำลายความดีงามของซีรั่มได้ ขวดจะเป็นขวดแก้ว มาพร้อมหัวบีบ
ตัวซีรั่มเหลวใส ไม่มีสี ลองใช้หัวบีบ บีบมาซัก 2-3 หยด บนหลังมือให้ดูก่อน
(จขกท ยังไม่กล้าโชว์หนังหน้าตัวเองค่ะ ขอบำรุงอีกนิ๊ดส์) ตอนที่ทาลงไปความรู้สึกแรกคือมันเย็นดี
Texture เหมือนจะเหนอะๆ แต่ๆๆๆๆ ช้าก่อนเพียง 1-2 นาที ซึมเข้าผิวเลยจร้า
เหลือแต่ความเย็นบนหลังมือให้ได้สัมผัสกันอย่างเดียว
ปลื้มปลิ่มมากเพราะส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่มันเหนียวหนี้ เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะเหนียวหน้า
หลังการใช้งานไป 1 สัปดาห์ รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้นนะ ไม่ค่อยมัน โดยรวมแล้วค่อนข้างชอบนะ รอดูอยู่ว่าถ้าใช้ไปนานๆ ซัก 1 เดือนจะเป็นยังไง ไว้ตอนนั้นค่อยมาอัพเดทอีกที
สนนราคาตัวนี้ 2600 บ. เหมือนจะแพง ตอนแรกเกือบไม่ซื้อ แต่พอคิดไปคิดมามันก็ไม่ได้แพงนี่นา
ขวดนึงใช้ได้เกือบ 4-5 เดือน ตามที่ จนท บอก เออพอมาหารดูละ แหม่ กินบุฟเฟ่ต์เดือนๆ
นึงของ จขกท ก็เหยียบๆ ราคานี้นะ เอาก็เอา ลดๆ บุฟเฟ่ต์มาบำรุงหนังหน้ากันบ้างก็คงดี
จบการรีวิวเพียงเท่านี้จ้า ไว้มาติดตามรีวิวต่อๆ ไปได้น๊า
[CR] Aesop Parsley Seed Serum ของดีที่หลายคนยังไม่รู้จัก
เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาบ้างแล้ว แบบปากต่อปากเป็นส่วนใหญ่เรื่องคุณภาพ
และหลายคนคงยังไม่รู้จัก เหมือน จขกท เอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้จักค่ะ แต่พอเห็นรีวิวจาก Pantip นี่แหล่ะ
และได้ไปเดินพารากอน เห็นเค้าท์เตอร์ก็เลยแวะลองเทสต์ดูซักหน่อย ก็เลยได้เจ้าตัวนี้มา
ส่วนทำไมถึงได้มาเดี๋ยวตามต่อกันนะคะ จะรู้ว่าเหตุผลที่ จขกท ตัดสินใจซื้อคืออะไร
Aesop Parsley Seed Serum
ส่วนผสมหลัก : เมล็ดองุ่น ผักชีฝรั่ง และ Panthenol
เอ๊ะๆ แล้ว Panthenol มันคืออะไรหลายล่ะ จขกท ก็สงสัยเหมือนกัน
ตอนคุยกับ จนท ที่เค้าท์เตอร์ก็ไม่ได้ถามมาซะด้วย มาสังเกตเอาก็ตอนทำรีวิวนั่นแหล่ะ
เลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่มซะหน่อย และด้วยความอ่อนด้อยทางด้านภาษาอังกฤษนั้น
จขกท ขอสรุปให้ฟังอย่างคร่าวๆ เลยละกัน ว่ามันคือสารที่ได้มาจากวิตามินบี 5 นี่แหล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คุณสมบัติ : เน้นสร้างความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวให้ ให้กับทุกสภาพผิว
คือแบบเห็นหน้า จนท ที่แนะนำ ละเทียบกับหนังหน้าตัวเองนี่แบบ คนละเรื่องเลยทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน
นี่ค่ะ ภาพหน้าตาเจ้าตัว Parsley Seed ที่ว่าแบบชัดๆ
บรรจุภัณฑ์จะเป็นขวดสีชา ที่สามารถป้องกัน UV ได้ ( จนท ที่ Counter บอกมา)
เพื่อถนอมและคงคุณภาพ ไม่ให้โดนแดดมาทำลายความดีงามของซีรั่มได้ ขวดจะเป็นขวดแก้ว มาพร้อมหัวบีบ
ตัวซีรั่มเหลวใส ไม่มีสี ลองใช้หัวบีบ บีบมาซัก 2-3 หยด บนหลังมือให้ดูก่อน
(จขกท ยังไม่กล้าโชว์หนังหน้าตัวเองค่ะ ขอบำรุงอีกนิ๊ดส์) ตอนที่ทาลงไปความรู้สึกแรกคือมันเย็นดี
Texture เหมือนจะเหนอะๆ แต่ๆๆๆๆ ช้าก่อนเพียง 1-2 นาที ซึมเข้าผิวเลยจร้า
เหลือแต่ความเย็นบนหลังมือให้ได้สัมผัสกันอย่างเดียว
ปลื้มปลิ่มมากเพราะส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่มันเหนียวหนี้ เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะเหนียวหน้า
หลังการใช้งานไป 1 สัปดาห์ รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้นนะ ไม่ค่อยมัน โดยรวมแล้วค่อนข้างชอบนะ รอดูอยู่ว่าถ้าใช้ไปนานๆ ซัก 1 เดือนจะเป็นยังไง ไว้ตอนนั้นค่อยมาอัพเดทอีกที
สนนราคาตัวนี้ 2600 บ. เหมือนจะแพง ตอนแรกเกือบไม่ซื้อ แต่พอคิดไปคิดมามันก็ไม่ได้แพงนี่นา
ขวดนึงใช้ได้เกือบ 4-5 เดือน ตามที่ จนท บอก เออพอมาหารดูละ แหม่ กินบุฟเฟ่ต์เดือนๆ
นึงของ จขกท ก็เหยียบๆ ราคานี้นะ เอาก็เอา ลดๆ บุฟเฟ่ต์มาบำรุงหนังหน้ากันบ้างก็คงดี
จบการรีวิวเพียงเท่านี้จ้า ไว้มาติดตามรีวิวต่อๆ ไปได้น๊า