กลับมาอีกแล้วจ้า คิดถึงกันมั้ยเอ่ย ^0^
วันนี้ขอแบบกระชับๆ แบบ Quick Review เปรียบเทียบซีรั่ม 2 ตัวให้เพื่อนๆ ดูละกันนะคะ
ตัวแรกคือ Aesop Parsley Seed Serum ตัวท็อปของ Aesop เค้าเลยแหล่ะ (ที่เคยวิวไปเมื่อคราวก่อน)
และอีกตัวคือ Clarins Double Serum นี่ก็ตัวท็อปอีกเช่นกันค่ะ
มาดูเนื้อซีรั่ม
Aesop : เนื้อจะใสๆ ไม่เห็นถึงน้ำมัน
Clarins : เนื้อจะมี 2 สี เนื่องจากเป็นซีรั่ม 2 ชนิดรวมมาในขวดเดียว คือ Hydric + Lipidic System ซึ่งมีเนื้อเป็นน้ำมัน
การซึมเข้าสู่ผิว
Aesop : ไม่เกิน 2 นาทีซึมเข้าสู่ผิว
Clarins : ไม่เกิน 2 นาทีซึมเข้าสู่ผิว
หลังจากเนื้อซีรั่มซึมเข้าสู่ผิว
Aesop : เย็นๆ สบายหน้า ไม่มัน
Clarins : รู้สึกถึงความมันนิดๆ แต่ไม่ได้เหนอะหนะ
กลิ่น
Aesop : หอมอ่อนๆ หอมแบบธรรมชาติจากส่วนผสมที่มาจากพาสลีย์
Carins : หอมอ่อนๆ เช่นกัน แต่หอมแบบน้ำหอมอ่อนๆ
ผ่านไป 2 ชั่วโมง...
Aesop : มีความมันเล็กน้อย
Clarins : มีความมันมากกว่า Aesop เล็กน้อย อาจจะเนื่องจากส่วนผสมที่มีน้ำมันผสมอยู่ด้วย
ผลการใช้
Aesop : สภาพหน้าดีขึ้น ปรับสมดุลย์หน้าได้ดี ในส่วนของสรรพคุณ Anti aging รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้น
Clarins : สภาพผิวที่เคยแห้ง ก็ปรับสภาพดีขึ้น ไม่ค่อยเป็นขุย ในส่วนของสรรพคุณ Anti aging รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้นเช่นกัน
สรุป
Aesop : มีดีตรงที่มีไม่มีน้ำมัน ใช้แล้วผ่อนคลาย เนื่องจากตัวเนื้อซีรั่มให้ความเย็นชุ่มชื่นแก่หน้า และมีกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ธรรมชาติๆ
Clarins : มีดีตรงที่เป็น Double Serum คนที่ผิวแห้งมากๆ อย่าง จขกท จะชอบเป็นพิเศษ กลิ่นก็หอม แต่จะคนละฟีลกับของ Aesop
สรุปจากตัวของจขกท : รักพี่เสียดายน้องค่ะ ดีกันคนละอย่าง จขกท ถึงต้องเก็บไว้ทั้ง 2 แบรนด์
หากรีวิวนี้ข้อมูลน้อยไปหรือไม่ครบถ้วนต้องขออภัยด้วยนะคะ /|\
[CR] Aesop Parsley Seed Serum VS Clarins Double Serum อันไหนเป๊ะ อันไหนปัง มาดูกัน
กลับมาอีกแล้วจ้า คิดถึงกันมั้ยเอ่ย ^0^
วันนี้ขอแบบกระชับๆ แบบ Quick Review เปรียบเทียบซีรั่ม 2 ตัวให้เพื่อนๆ ดูละกันนะคะ
ตัวแรกคือ Aesop Parsley Seed Serum ตัวท็อปของ Aesop เค้าเลยแหล่ะ (ที่เคยวิวไปเมื่อคราวก่อน)
และอีกตัวคือ Clarins Double Serum นี่ก็ตัวท็อปอีกเช่นกันค่ะ
มาดูเนื้อซีรั่ม
Aesop : เนื้อจะใสๆ ไม่เห็นถึงน้ำมัน
Clarins : เนื้อจะมี 2 สี เนื่องจากเป็นซีรั่ม 2 ชนิดรวมมาในขวดเดียว คือ Hydric + Lipidic System ซึ่งมีเนื้อเป็นน้ำมัน
การซึมเข้าสู่ผิว
Aesop : ไม่เกิน 2 นาทีซึมเข้าสู่ผิว
Clarins : ไม่เกิน 2 นาทีซึมเข้าสู่ผิว
หลังจากเนื้อซีรั่มซึมเข้าสู่ผิว
Aesop : เย็นๆ สบายหน้า ไม่มัน
Clarins : รู้สึกถึงความมันนิดๆ แต่ไม่ได้เหนอะหนะ
กลิ่น
Aesop : หอมอ่อนๆ หอมแบบธรรมชาติจากส่วนผสมที่มาจากพาสลีย์
Carins : หอมอ่อนๆ เช่นกัน แต่หอมแบบน้ำหอมอ่อนๆ
ผ่านไป 2 ชั่วโมง...
Aesop : มีความมันเล็กน้อย
Clarins : มีความมันมากกว่า Aesop เล็กน้อย อาจจะเนื่องจากส่วนผสมที่มีน้ำมันผสมอยู่ด้วย
ผลการใช้
Aesop : สภาพหน้าดีขึ้น ปรับสมดุลย์หน้าได้ดี ในส่วนของสรรพคุณ Anti aging รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้น
Clarins : สภาพผิวที่เคยแห้ง ก็ปรับสภาพดีขึ้น ไม่ค่อยเป็นขุย ในส่วนของสรรพคุณ Anti aging รู้สึกว่าหน้ากระชับขึ้นเช่นกัน
สรุป
Aesop : มีดีตรงที่มีไม่มีน้ำมัน ใช้แล้วผ่อนคลาย เนื่องจากตัวเนื้อซีรั่มให้ความเย็นชุ่มชื่นแก่หน้า และมีกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ธรรมชาติๆ
Clarins : มีดีตรงที่เป็น Double Serum คนที่ผิวแห้งมากๆ อย่าง จขกท จะชอบเป็นพิเศษ กลิ่นก็หอม แต่จะคนละฟีลกับของ Aesop
สรุปจากตัวของจขกท : รักพี่เสียดายน้องค่ะ ดีกันคนละอย่าง จขกท ถึงต้องเก็บไว้ทั้ง 2 แบรนด์
หากรีวิวนี้ข้อมูลน้อยไปหรือไม่ครบถ้วนต้องขออภัยด้วยนะคะ /|\