นำมาส่งต่อแล้วค่า
มาตามค้นหาความจริงไปกับพระเอกและนางเอกนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ^^
บทนำ + ตอนที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/35192699
ตอนที่ 2 – 50%
“ทำไมหรือคะ เพลงนี้พิเศษยังไงหรือคะ" เสียงใสของสาวน้อยเอ่ยถาม ดวงตากลม ๆ วิบวับเหมือนกำลังเล่นสนุกกับอาการตกใจของราพณ์
นายแพทย์หนุ่มเหมือนจะนิ่งไปเพราะอาการตกใจ เขาแน่ใจว่าเพลงที่พิมพ์เมขลาฮัมเมื่อครู่ ไม่ใช่เพลงที่ได้ยินทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตาของอาของคนไข้ที่ยืนข้างหลัง ราพณ์กลับคลี่ยิ้มตอบ
“ไม่ทำไมหรอกครับ ผมเคยได้ยินผ่านหู คิดว่าเพราะดี ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักเพลงเพลงนี้ด้วย ช่างมันเถอะครับ ไม่พิเศษสำคัญอะไรหรอกครับ ฮ่า ๆ "
แม้จะพยายามยิ้มให้ และหัวเราะกลบเกลื่อน แต่น้ำเสียงของราพณ์กลับเต็มไปด้วยความแปลกใจ ก่อนที่อาการฉงนจะหายไปจากใบหน้าคุณหมอ ดวงตาคมหลังแว่นสายตาว่างเปล่าจนคนตัวเล็กมองแล้วรู้สึกได้
หัวใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวถามกลับเสียงเหงา ๆ
“ไม่สำคัญหรือคะ"
มือเล็กๆกำแน่นที่อกตัวเอง ก่อนริมฝีปากบางของเธอจะสั่นระริกเมื่อเห็นเขาพยักหน้าตอบเงียบๆ แล้วตะโกนไล่หมอหนุ่มบ้าง
“ออกไปนะคะ ฉัน ... ฉันปวดหัว ฉันจะนอน ออกไปให้หมด!” พิมพ์เมขลาพลิกตัวไปนอนบนหมอน พร้อมเอาผ้าห่มคลุมจนมิดหัว แอบซ่อนความน้อยอกน้อยใจ จนไม่มีใครเห็นน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตากลมของเธอ
“แองจี้ …” ปรัญญ์เห็นแล้วก็ถอนหายใจ แล้วยอมเดินออกมาจากห้องพักฟื้นของหลานสาว
“ขอโทษแทนหลานผมด้วยนะครับ แกถูกตามใจจนเคยตัว นิสัยก็เลยไม่ค่อยจะน่ารักสักเท่าไหร่” ปรัญญ์บอกกับคุณหมอราพณ์เมื่อเดินออกมากันสองคน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแองจี้คงจะหงุดหงิดเพราะจำอะไรไม่ได้ด้วย ผมจะช่วยดูแลคุณแองจี้ให้เองครับ” ราพณ์รับปากอย่างเต็มใจ “แต่คุณควรจะให้ทางครอบครัวของแองจี้ได้รู้เรื่องด้วย เพราะการรักษาจะได้ผลดีเมื่อคนในครอบครัวร่วมมือด้วยนะครับ”
“ครอบครัวของแองจี้น่ะหรือครับ ที่แองจี้นิสัยแย่แบบนี้ก็เป็นเพราะถูกตามใจจนเสียคน ใครก็เอาแกไม่อยู่ ผมไม่คิดว่าจะเหลือความหวังอะไรจากพ่อและย่าของแกหรอกครับ” แค่ปรัญญ์คิดขึ้นมาว่าจะหาวิธีไหนในการบอกอาการของพิมพ์เมขลากับครอบครัวก็เหนื่อยใจขึ้นมาแล้ว
“พามาหาผมได้นะครับ ผมจะช่วยพูดให้” ราพณ์แนะนำ คนฟังจึงพยักหน้ายอมรับปากด้วยความหนักใจ
ราพณ์พาตัวเองมานั่งในสวนด้านหลังโรงพยาบาล เขามีนัดตรวจคนไข้อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าก็จริงแต่เขากลับไม่พร้อมที่จะรับฟังปัญหาใคร จึงต้องมาปล่อยให้ความตึงเครียดในสมองผ่อนคลายกับธรรมชาติสีเขียวๆแทน
จิตแพทย์หนุ่มต้องค้อมศีรษะให้ทั้งพยาบาลสาวสวยที่ทักทายเขาเมื่อพวกเธอเดินผ่าน อีกทั้งคนไข้ที่มาเดินเล่นก็รู้จักเขากันทั้งนั้น ราพณ์รู้สึกว่าตัวเองจะดังเกินไปแล้ว ไม่ว่าใครก็หันมองเขากันหมด
คนมันหล่อก็อย่างนี้แหละ ... ชิน ๆ ไว้ น่ะราพณ์!
“พี่ยักษ์คะ" เสียงคุ้น ๆ ทำให้ราพณ์ต้องฝืนยิ้มให้ เห็นคุณหมอสาวคนสวยแห่งแผนกกุมารเวชยืนประสานมืออยู่ข้าง ๆ เธอมีผมบ๊อบ หน้าตาน่ารัก แววตาใจดี โอบอ้อมอารีเสมอ สมกับเป็นคุณหมอของเด็ก ๆ จริง ๆ
“ว่าไงครับน้องมุก"
เธอชื่อมุกอันดา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า หมอมุก
หน้าขาว ๆ ของมุกอันดาแดงก่ำ “คือ มุกจะบอกว่าพี่ยักษ์ลืมรูดซิปกางเกงน่ะค่ะ" พร้อมกับขำเมื่อมาดเท่ ๆ ของราพณ์เปลี่ยนเป็นตกใจแล้วรีบหมุนตัวหลบไปจัดการรูดซิปกางเกงให้เรียบร้อย
นี่เขาโดนมองเพราะลืมรูดซิปเรอะ ! ปั๊ดโธ่ แต่เขาก็คิดว่าหน้าตาดี ๆ ของเขามีส่วนเรียกให้สาว ๆ มองมั่งแหละน่า!
“พี่ยักษ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้พลาดจนลืมเรื่องสำคัญแบบนี้" มุกอันดา คุณหมอสาววัยยี่สิบเก้าปีนั่งลงข้างๆ
“มีครับ ... เพราะผมเพิ่งได้รับการ์ดแต่งงานของหมอมุกอันดาคนสวย" ราพณ์ตอบเสียงอ่อน พร้อมส่งสายตาเศร้าไปให้ด้วย มุกอันดาหัวเราะคิก ไม่คิดมากกับคำพูดของหมอหนุ่มแห่งแผนกจิตเวช
“ก็พี่ยักษ์ไม่ยอมจีบมุกเองนี่คะ ทำไมคะ พอหมอคนสวยคนนั้นลาออกไป พี่ยักษ์เลยปิดใจเลยหรือคะ มุกเห็นคนส่งสายตาให้พี่ยักษ์กันเยอะแยะ ... หรือว่าพี่ยักษ์มีอดีตที่เจ็บปวดฝังใจอยู่"
ราวกับถูกมุกอันดาใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าที่หัวใจ ราพณ์นิ่งไปทั้งสีหน้าและแววตา ไม่เหลือแววทะเล้นกะล่อนเหลืออยู่เลย
“คนเราก็ต้องมีบ้าง เพียงแค่เรียนรู้ว่าจะอยู่กับมันยังไงให้ไม่เป็นปัญหาชีวิตก็พอแล้ว" ราพณไหวไหล่สบาย ๆ ก่อนจะขยับลุกเพื่อนเดินหนี เขาไม่อยากให้ส่วนอ่อนแอที่เขาซ่อนเอาไว้ถูกค้นพบมากไปกว่านี้
"พี่มีตรวจ ไปก่อนนะครับน้องมุกคนสวย" จิตแพทย์หนุ่มขยิบตาให้ โปรยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปอีกทาง
อดีตที่ฝังใจเขางั้นหรือ ... ราพณ์เผลกคิดถึงอดีตตอนที่เขาอายุสิบขวบ เขาเรียนเปียโนที่โรงเรียนสอนดนตรีแถวหมู่บ้าน และที่นั่นทำให้เขาได้เจอเด็กหญิงพราวพิรุณเป็นครั้งแรก
เย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง ตอนที่ราพณ์อายุสิบขวบ เรียนดนตรีกับพราวพิรุณมาเกือบครึ่งปีจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
'เพลงอะไรนั่นน่ะ' เด็กชายราพณ์ถามเมื่อได้ยินเสียงเพลงแปลก ๆ ไม่คุ้นหูพร้อมวางกระเป๋านักเรียนลงข้างกำแพงห้อง พาร่างปุ้มปุ้ยเข้าไปหาเด็กหญิงตัวเล็กกว่าตรงเปียโนกลางห้องซ้อมของสถาบันดนตรีแถว ๆ บ้านเขา รวมถึงบ้านของเด็กหญิงตัวเล็กด้วย
เด็กหญิงพราวพิรุณส่งยิ้มกว้างจนตาหยี เธอมักจะผูกเปียสองข้าง อยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนคอนแวนต์เป็นเสื้อแขนสั้นกับเอี๊ยมกระโปรงสีกรม
'น้ำฝนแต่งเองนะ เพราะไหมยักษ์' เด็กหญิงตัวเล็ก ชื่อว่า พราวพิรุณ หันมาถามเขา โชว์รอยยิ้มเห็นฟันซี่เล็กๆอย่างสดใส เธอขยับให้เพื่อนวัยเดียวกันอย่างเขานั่งบนเก้าอี้หลังเปียโนด้วย
'เราว่าแปลก ๆ นะ ลองแบบนี้ดูสิ' นิ้วป้อม ๆ ของเด็กชายกดตามแป้นเปียโนจนเป็นเพลง พอหันไปมองใบหน้ากลมของพราวพิรุณก็ต้องยิ้มตามกับหน้าเล็กๆน่ารักของเธอ
'นี่ยักษ์ฟังครั้งเดียวก็จำได้เลยเหรอว่าน้ำฝนเล่นยังไง' เธอถามอย่างแปลกใจ
'ถึงเราจะเรียนไม่เก่งเหมือนเธอ แต่ความจำเราดีมากเลยนะ เรามาแต่งเพลงของเราสองคนกันดีไหม น้ำฝน'
เพลงของเราสองคน ... ราพณ์ดึงตัวเองออกจากอดีตอย่างขมขื่นใจ
เพลงถูกแต่งจนจบก็จริง แต่คนที่จะเล่นคู่กับเขานั้นได้จากไปแสนไกลแล้ว พราวพิรุณตายเพราะอุบัติเหตุรถชนตอนอายุเพียงสิบสี่ปี
แม้ราพณ์จะอายุเพียงสิบสี่ปีเช่นกัน หากเขาก็ชอบพราวพิรุณมาก อยู่ด้วยกันก็มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ การจากไปอย่างกระทันหันของพราวพิรุณ เธอตายไปต่อหน้าต่อตาทำให้ราพณ์สะเทือนใจมากจนไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีกเลย
ตอนนี้ทั้งสถาบันแห่งนั้น รวมถึงพราวพิรุณก็ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ... ไม่มีแล้ว … เหมือนเดิม ... ที่ยังคงอยู่ก็คือเสียงเพลง ... เพลงที่หลอกหลอนเขาทั้งยามหลับและยามตื่น
ราพณ์หยุดเดิน ดวงตาคมที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอเหน็บหนาว โศกเศร้าเมื่อนึกถึงเย็นวันนั้นที่ฝนตกหนัก เขายังจำได้ไม่ลืมว่ารถยนต์คันนั้นชนพราวพิรุณแรงขนาดไหน รวมทั้งเสียงที่ดังออกจากปากเล็กๆของพราวพิรุณครั้งสุดท้ายด้วย
“ยักษ์ เราอยากฟังนายเล่นเปียโนอีก "
จิตแพทย์หนุ่มหลับตา ชาไปทั้งร่างกาย เท้าไร้ความรู้สึกไม่อาจจะขยับเดินไปข้างหน้าได้อีก เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหยุดทุกอย่างไว้กับการตายของพราวพิรุณ ความรักแบบเด็ก ๆ ฝังใจเขามากมายขนาดนี้เชียวหรือ ราพณ์ยังหาคำตอบไม่ได้เลย และแม้ราพณ์จะพยายามแค่ไหน ก็ไม่เคยหายจากอาการสะเทือนใจจากเหตุการณ์นั้นได้ เขาเลือกเรียนจิตวิทยา เป็นจิตแพทย์ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากรักษาตัวเองให้หาย แต่มันก็ไม่ได้เรื่องเลย เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังเดินไม่พ้นจากเงาในอดีต และยังเจ็บที่หัวใจทุกครั้งที่เสียงดนตรีแว่วเข้าหูเขา
(มีต่อ)
รักคืนใจ ... เมื่อฝนโปรย = ตอนที่ 2 (50%) = : โดย ปิ่นนลิน
มาตามค้นหาความจริงไปกับพระเอกและนางเอกนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ^^
บทนำ + ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/35192699
ตอนที่ 2 – 50%
“ทำไมหรือคะ เพลงนี้พิเศษยังไงหรือคะ" เสียงใสของสาวน้อยเอ่ยถาม ดวงตากลม ๆ วิบวับเหมือนกำลังเล่นสนุกกับอาการตกใจของราพณ์
นายแพทย์หนุ่มเหมือนจะนิ่งไปเพราะอาการตกใจ เขาแน่ใจว่าเพลงที่พิมพ์เมขลาฮัมเมื่อครู่ ไม่ใช่เพลงที่ได้ยินทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตาของอาของคนไข้ที่ยืนข้างหลัง ราพณ์กลับคลี่ยิ้มตอบ
“ไม่ทำไมหรอกครับ ผมเคยได้ยินผ่านหู คิดว่าเพราะดี ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักเพลงเพลงนี้ด้วย ช่างมันเถอะครับ ไม่พิเศษสำคัญอะไรหรอกครับ ฮ่า ๆ "
แม้จะพยายามยิ้มให้ และหัวเราะกลบเกลื่อน แต่น้ำเสียงของราพณ์กลับเต็มไปด้วยความแปลกใจ ก่อนที่อาการฉงนจะหายไปจากใบหน้าคุณหมอ ดวงตาคมหลังแว่นสายตาว่างเปล่าจนคนตัวเล็กมองแล้วรู้สึกได้
หัวใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวถามกลับเสียงเหงา ๆ
“ไม่สำคัญหรือคะ"
มือเล็กๆกำแน่นที่อกตัวเอง ก่อนริมฝีปากบางของเธอจะสั่นระริกเมื่อเห็นเขาพยักหน้าตอบเงียบๆ แล้วตะโกนไล่หมอหนุ่มบ้าง
“ออกไปนะคะ ฉัน ... ฉันปวดหัว ฉันจะนอน ออกไปให้หมด!” พิมพ์เมขลาพลิกตัวไปนอนบนหมอน พร้อมเอาผ้าห่มคลุมจนมิดหัว แอบซ่อนความน้อยอกน้อยใจ จนไม่มีใครเห็นน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตากลมของเธอ
“แองจี้ …” ปรัญญ์เห็นแล้วก็ถอนหายใจ แล้วยอมเดินออกมาจากห้องพักฟื้นของหลานสาว
“ขอโทษแทนหลานผมด้วยนะครับ แกถูกตามใจจนเคยตัว นิสัยก็เลยไม่ค่อยจะน่ารักสักเท่าไหร่” ปรัญญ์บอกกับคุณหมอราพณ์เมื่อเดินออกมากันสองคน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแองจี้คงจะหงุดหงิดเพราะจำอะไรไม่ได้ด้วย ผมจะช่วยดูแลคุณแองจี้ให้เองครับ” ราพณ์รับปากอย่างเต็มใจ “แต่คุณควรจะให้ทางครอบครัวของแองจี้ได้รู้เรื่องด้วย เพราะการรักษาจะได้ผลดีเมื่อคนในครอบครัวร่วมมือด้วยนะครับ”
“ครอบครัวของแองจี้น่ะหรือครับ ที่แองจี้นิสัยแย่แบบนี้ก็เป็นเพราะถูกตามใจจนเสียคน ใครก็เอาแกไม่อยู่ ผมไม่คิดว่าจะเหลือความหวังอะไรจากพ่อและย่าของแกหรอกครับ” แค่ปรัญญ์คิดขึ้นมาว่าจะหาวิธีไหนในการบอกอาการของพิมพ์เมขลากับครอบครัวก็เหนื่อยใจขึ้นมาแล้ว
“พามาหาผมได้นะครับ ผมจะช่วยพูดให้” ราพณ์แนะนำ คนฟังจึงพยักหน้ายอมรับปากด้วยความหนักใจ
ราพณ์พาตัวเองมานั่งในสวนด้านหลังโรงพยาบาล เขามีนัดตรวจคนไข้อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าก็จริงแต่เขากลับไม่พร้อมที่จะรับฟังปัญหาใคร จึงต้องมาปล่อยให้ความตึงเครียดในสมองผ่อนคลายกับธรรมชาติสีเขียวๆแทน
จิตแพทย์หนุ่มต้องค้อมศีรษะให้ทั้งพยาบาลสาวสวยที่ทักทายเขาเมื่อพวกเธอเดินผ่าน อีกทั้งคนไข้ที่มาเดินเล่นก็รู้จักเขากันทั้งนั้น ราพณ์รู้สึกว่าตัวเองจะดังเกินไปแล้ว ไม่ว่าใครก็หันมองเขากันหมด
คนมันหล่อก็อย่างนี้แหละ ... ชิน ๆ ไว้ น่ะราพณ์!
“พี่ยักษ์คะ" เสียงคุ้น ๆ ทำให้ราพณ์ต้องฝืนยิ้มให้ เห็นคุณหมอสาวคนสวยแห่งแผนกกุมารเวชยืนประสานมืออยู่ข้าง ๆ เธอมีผมบ๊อบ หน้าตาน่ารัก แววตาใจดี โอบอ้อมอารีเสมอ สมกับเป็นคุณหมอของเด็ก ๆ จริง ๆ
“ว่าไงครับน้องมุก"
เธอชื่อมุกอันดา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า หมอมุก
หน้าขาว ๆ ของมุกอันดาแดงก่ำ “คือ มุกจะบอกว่าพี่ยักษ์ลืมรูดซิปกางเกงน่ะค่ะ" พร้อมกับขำเมื่อมาดเท่ ๆ ของราพณ์เปลี่ยนเป็นตกใจแล้วรีบหมุนตัวหลบไปจัดการรูดซิปกางเกงให้เรียบร้อย
นี่เขาโดนมองเพราะลืมรูดซิปเรอะ ! ปั๊ดโธ่ แต่เขาก็คิดว่าหน้าตาดี ๆ ของเขามีส่วนเรียกให้สาว ๆ มองมั่งแหละน่า!
“พี่ยักษ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้พลาดจนลืมเรื่องสำคัญแบบนี้" มุกอันดา คุณหมอสาววัยยี่สิบเก้าปีนั่งลงข้างๆ
“มีครับ ... เพราะผมเพิ่งได้รับการ์ดแต่งงานของหมอมุกอันดาคนสวย" ราพณ์ตอบเสียงอ่อน พร้อมส่งสายตาเศร้าไปให้ด้วย มุกอันดาหัวเราะคิก ไม่คิดมากกับคำพูดของหมอหนุ่มแห่งแผนกจิตเวช
“ก็พี่ยักษ์ไม่ยอมจีบมุกเองนี่คะ ทำไมคะ พอหมอคนสวยคนนั้นลาออกไป พี่ยักษ์เลยปิดใจเลยหรือคะ มุกเห็นคนส่งสายตาให้พี่ยักษ์กันเยอะแยะ ... หรือว่าพี่ยักษ์มีอดีตที่เจ็บปวดฝังใจอยู่"
ราวกับถูกมุกอันดาใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าที่หัวใจ ราพณ์นิ่งไปทั้งสีหน้าและแววตา ไม่เหลือแววทะเล้นกะล่อนเหลืออยู่เลย
“คนเราก็ต้องมีบ้าง เพียงแค่เรียนรู้ว่าจะอยู่กับมันยังไงให้ไม่เป็นปัญหาชีวิตก็พอแล้ว" ราพณไหวไหล่สบาย ๆ ก่อนจะขยับลุกเพื่อนเดินหนี เขาไม่อยากให้ส่วนอ่อนแอที่เขาซ่อนเอาไว้ถูกค้นพบมากไปกว่านี้
"พี่มีตรวจ ไปก่อนนะครับน้องมุกคนสวย" จิตแพทย์หนุ่มขยิบตาให้ โปรยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปอีกทาง
อดีตที่ฝังใจเขางั้นหรือ ... ราพณ์เผลกคิดถึงอดีตตอนที่เขาอายุสิบขวบ เขาเรียนเปียโนที่โรงเรียนสอนดนตรีแถวหมู่บ้าน และที่นั่นทำให้เขาได้เจอเด็กหญิงพราวพิรุณเป็นครั้งแรก
เย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง ตอนที่ราพณ์อายุสิบขวบ เรียนดนตรีกับพราวพิรุณมาเกือบครึ่งปีจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
'เพลงอะไรนั่นน่ะ' เด็กชายราพณ์ถามเมื่อได้ยินเสียงเพลงแปลก ๆ ไม่คุ้นหูพร้อมวางกระเป๋านักเรียนลงข้างกำแพงห้อง พาร่างปุ้มปุ้ยเข้าไปหาเด็กหญิงตัวเล็กกว่าตรงเปียโนกลางห้องซ้อมของสถาบันดนตรีแถว ๆ บ้านเขา รวมถึงบ้านของเด็กหญิงตัวเล็กด้วย
เด็กหญิงพราวพิรุณส่งยิ้มกว้างจนตาหยี เธอมักจะผูกเปียสองข้าง อยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนคอนแวนต์เป็นเสื้อแขนสั้นกับเอี๊ยมกระโปรงสีกรม
'น้ำฝนแต่งเองนะ เพราะไหมยักษ์' เด็กหญิงตัวเล็ก ชื่อว่า พราวพิรุณ หันมาถามเขา โชว์รอยยิ้มเห็นฟันซี่เล็กๆอย่างสดใส เธอขยับให้เพื่อนวัยเดียวกันอย่างเขานั่งบนเก้าอี้หลังเปียโนด้วย
'เราว่าแปลก ๆ นะ ลองแบบนี้ดูสิ' นิ้วป้อม ๆ ของเด็กชายกดตามแป้นเปียโนจนเป็นเพลง พอหันไปมองใบหน้ากลมของพราวพิรุณก็ต้องยิ้มตามกับหน้าเล็กๆน่ารักของเธอ
'นี่ยักษ์ฟังครั้งเดียวก็จำได้เลยเหรอว่าน้ำฝนเล่นยังไง' เธอถามอย่างแปลกใจ
'ถึงเราจะเรียนไม่เก่งเหมือนเธอ แต่ความจำเราดีมากเลยนะ เรามาแต่งเพลงของเราสองคนกันดีไหม น้ำฝน'
เพลงของเราสองคน ... ราพณ์ดึงตัวเองออกจากอดีตอย่างขมขื่นใจ
เพลงถูกแต่งจนจบก็จริง แต่คนที่จะเล่นคู่กับเขานั้นได้จากไปแสนไกลแล้ว พราวพิรุณตายเพราะอุบัติเหตุรถชนตอนอายุเพียงสิบสี่ปี
แม้ราพณ์จะอายุเพียงสิบสี่ปีเช่นกัน หากเขาก็ชอบพราวพิรุณมาก อยู่ด้วยกันก็มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ การจากไปอย่างกระทันหันของพราวพิรุณ เธอตายไปต่อหน้าต่อตาทำให้ราพณ์สะเทือนใจมากจนไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีกเลย
ตอนนี้ทั้งสถาบันแห่งนั้น รวมถึงพราวพิรุณก็ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ... ไม่มีแล้ว … เหมือนเดิม ... ที่ยังคงอยู่ก็คือเสียงเพลง ... เพลงที่หลอกหลอนเขาทั้งยามหลับและยามตื่น
ราพณ์หยุดเดิน ดวงตาคมที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอเหน็บหนาว โศกเศร้าเมื่อนึกถึงเย็นวันนั้นที่ฝนตกหนัก เขายังจำได้ไม่ลืมว่ารถยนต์คันนั้นชนพราวพิรุณแรงขนาดไหน รวมทั้งเสียงที่ดังออกจากปากเล็กๆของพราวพิรุณครั้งสุดท้ายด้วย
“ยักษ์ เราอยากฟังนายเล่นเปียโนอีก "
จิตแพทย์หนุ่มหลับตา ชาไปทั้งร่างกาย เท้าไร้ความรู้สึกไม่อาจจะขยับเดินไปข้างหน้าได้อีก เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหยุดทุกอย่างไว้กับการตายของพราวพิรุณ ความรักแบบเด็ก ๆ ฝังใจเขามากมายขนาดนี้เชียวหรือ ราพณ์ยังหาคำตอบไม่ได้เลย และแม้ราพณ์จะพยายามแค่ไหน ก็ไม่เคยหายจากอาการสะเทือนใจจากเหตุการณ์นั้นได้ เขาเลือกเรียนจิตวิทยา เป็นจิตแพทย์ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากรักษาตัวเองให้หาย แต่มันก็ไม่ได้เรื่องเลย เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังเดินไม่พ้นจากเงาในอดีต และยังเจ็บที่หัวใจทุกครั้งที่เสียงดนตรีแว่วเข้าหูเขา
(มีต่อ)