ฝากนิยายด้วยนะคะ ถ้าเคยผ่านตาก็คือนำมารีไรท์ค่ะ ^^
บทนำ
“ยังไม่กลับหรือครับหมอยักษ์” เสียงทักทายจากบุรุษพยาบาลวัยเกือบจะกลางคนทักทาย ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดฟอร์มสีขาวที่เดินอยู่บนทางเดินภายในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหันไปส่งยิ้มตอบ
“มีเคสด่วนเข้ามา นี่ก็เพิ่งเสร็จครับ”
“เหนื่อยหน่อยนะครับหมอ ฝนก็ทำท่าจะตกหนักด้วยสิ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ดีน้า” บุรุษพยาบาลหันมองไปทางหน้าต่าง ลมพัดแรงจนต้นไม้โบกไปโบกมา
“ฝนหรือ” คุณหมอหนุ่มมองฝ่าหน้าต่างและความมืดออกไป จริง ๆ ก็ไม่ได้มืดสนิทมากเพราะยังมีแสงไฟจากทั้งโรงพยาบาล และตึกรอบ ๆ ส่องแสงสว่างจนฟ้ากลายเป็นสีเทา ๆ
ไม่นานฝนก็ตกหนัก
ซ่า .... ครืนนนน ...
เสียงฝนตกหนักจนลมตีกระจกหน้าต่างดังปึงปัง บุรุษพยาบาลคนนั้นเดินจากไปแล้ว หากคุณหมอหนุ่มวัยสามสิบห้าปียังคงยืนอยู่ที่เดิม ภาพหยดน้ำกระหน่ำสาดใส่กระจกในความมืดเพราะย่างเข้าสามทุ่มกว่าแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลังแว่นสายตาซึ่งค่อนข้างหนานั้นหรี่ลงภาพเล็กน้อย ฝนตกหนักทีไร ความทรงจำอันโหดร้ายก็มักจะผุดขึ้นมาในสมองของเขาทุกครั้งไป
แม้ผ่านมายี่สิบเอ็ดปีแล้ว ก็ยังเหมือนกับว่า เรื่องคืนนั้นเพิ่งเกิดเมื่อวานเอง
คนที่ปล่อยให้ความเศร้าครอบงำเริ่มดำดิ่งไปในอดีต วันนั้นฝนก็ตกหนักเช่นคืนนี้ เด็กสาวผมยาวนอนลมหายใจรวยรินท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ดวงตาของเด็กสาวปรือมอง ริมฝีปากของเธอขยับเพื่อบอกบางอย่าง
แต่เขาก็ไม่ได้ยิน เธอนิ่งไปคามือของเขา เขาตะโกนเรียกแค่ไหน ....
“อย่าตายนะ อย่าตายนะ!” ... เธอก็ไม่กลับมา ...
.. ไม่มีวันกลับมา ....
เขารีบส่ายหน้าไปมาเพื่อปัดเสียงเล็กๆ ใบหน้าของเธอคนนั้น และภาพในสมองให้หลุดออกไปโดยเร็ว
... เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝนตก ... เขาจะต้องนึกถึงเรื่องราวเมื่อยี่สิบเอ็ดปีก่อนทุกครั้ง แม้จะผ่านมานานขนาดนี้ แต่กลิ่นเลือดยังติดอยู่ในความรู้สึก รวมถึงมือของเขา
ราพณ์หงายฝ่ามือตัวเองมองนิ่งอยู่นาน ก่อนจะกำมือแน่นเพื่อให้เล็บจิกเนื้อกลางฝ่ามือ เรียกให้เขาดึงตัวเองออกจากอดีตพวกนั้น
“หมอยักษ์คะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ” พยาบาลสาวเสียงใสเข้ามาช่วยปลุกราพณ์ให้หลุดออกจากอดีตจน
“ว่าไงครับ น้องอ้อยคนสวย” เขายิ้มให้จนตาหลังแว่นสายตาหยีเล็ก ได้ ราพณ์หันมองพยาบาลสาวด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่แสดงออกว่าภายในจิตใจของเขากำลังร้องไห้หนักแค่ไหน ทั้งยังต้องคอยบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่าอย่ามัวเสียใจกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้
จำไว้ ราพณ์ .. ต่อให้นายรู้สึกผิดแค่ไหน นายก็ไม่สามารถย้อนอดีตได้
แม้ว่านายจะสามารถเป็นหมอได้แล้ว ... นายก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้อยู่ดี!
ภายในบริษัท วัน มิวสิค ในคืนฝนตกหนัก
ซ่า .... ครืนนนน ...
เสียงฝนตกดังประสานกับเสียงรองเท้าส้นสูงที่วิ่งบนทางเดินซึ่งขนาบข้างด้วยกำแพง
“ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหม!”
ริมฝีปากสีชมพูจากลิปสติกราคาแพงขยับเพื่อบอกกับตัวเอง แต่หัวใจที่เต้นระรัว และภาพที่ยังติดตาก็ทำให้เธอไม่อาจจะฝืนหลอกตัวเองอีกต่อไปได้ ร่างบางในเดรสกระโปรงสั้นสีชมพูสดใสค่อย ๆ หมดแรงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น ก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามืออย่างหมดกลั้น
“อึ้ก ฮือ ๆ ...” ความเสียใจที่ถาโถมส่งผลให้เธอหายใจหอบ แน่นหน้าอก แม้จะพยายามหายใจลึกแค่ไหนแต่อากาศก็ไปไม่ถึงปอดเลย ร่างบางฝืนลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปยังห้องพัก มียาพ่นประจำตัวของเธออยู่ที่นั่น หากว่าความเสียใจและการวิ่งมาอย่างเร็วก็ทำให้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเดินต่อไปไหว แต่โชคดีที่เธอทันเห็นร่างของใครคนหนึ่งเดินตรงมา เธอพยายามยื่นมือไปหา ใครคนนั้งถือยาพ่นที่ช่วยชีวิตเธอได้
“ช่วย ... ช่วยแองจี้ด้วยค่ะ"
แต่แองจี้ ... โชคร้ายนักที่เธอไม่อาจจะรู้ว่าใครคนนั้นยอมช่วยเธอตามคำขอร้องหรือไม่ เพราะเพียงเธอเอ่ยจบประโยคนั้น เธอก็หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว ...
(ตอนที่ 1 ในช่องคอมเมนท์ค่ะ)
รักคืนใจ ... เมื่อฝนโปรย บทนำ + ตอนที่ 1 : โดย ปิ่นนลิน
บทนำ
“ยังไม่กลับหรือครับหมอยักษ์” เสียงทักทายจากบุรุษพยาบาลวัยเกือบจะกลางคนทักทาย ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดฟอร์มสีขาวที่เดินอยู่บนทางเดินภายในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหันไปส่งยิ้มตอบ
“มีเคสด่วนเข้ามา นี่ก็เพิ่งเสร็จครับ”
“เหนื่อยหน่อยนะครับหมอ ฝนก็ทำท่าจะตกหนักด้วยสิ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ดีน้า” บุรุษพยาบาลหันมองไปทางหน้าต่าง ลมพัดแรงจนต้นไม้โบกไปโบกมา
“ฝนหรือ” คุณหมอหนุ่มมองฝ่าหน้าต่างและความมืดออกไป จริง ๆ ก็ไม่ได้มืดสนิทมากเพราะยังมีแสงไฟจากทั้งโรงพยาบาล และตึกรอบ ๆ ส่องแสงสว่างจนฟ้ากลายเป็นสีเทา ๆ
ไม่นานฝนก็ตกหนัก
ซ่า .... ครืนนนน ...
เสียงฝนตกหนักจนลมตีกระจกหน้าต่างดังปึงปัง บุรุษพยาบาลคนนั้นเดินจากไปแล้ว หากคุณหมอหนุ่มวัยสามสิบห้าปียังคงยืนอยู่ที่เดิม ภาพหยดน้ำกระหน่ำสาดใส่กระจกในความมืดเพราะย่างเข้าสามทุ่มกว่าแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลังแว่นสายตาซึ่งค่อนข้างหนานั้นหรี่ลงภาพเล็กน้อย ฝนตกหนักทีไร ความทรงจำอันโหดร้ายก็มักจะผุดขึ้นมาในสมองของเขาทุกครั้งไป
แม้ผ่านมายี่สิบเอ็ดปีแล้ว ก็ยังเหมือนกับว่า เรื่องคืนนั้นเพิ่งเกิดเมื่อวานเอง
คนที่ปล่อยให้ความเศร้าครอบงำเริ่มดำดิ่งไปในอดีต วันนั้นฝนก็ตกหนักเช่นคืนนี้ เด็กสาวผมยาวนอนลมหายใจรวยรินท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ดวงตาของเด็กสาวปรือมอง ริมฝีปากของเธอขยับเพื่อบอกบางอย่าง
แต่เขาก็ไม่ได้ยิน เธอนิ่งไปคามือของเขา เขาตะโกนเรียกแค่ไหน ....
“อย่าตายนะ อย่าตายนะ!” ... เธอก็ไม่กลับมา ...
.. ไม่มีวันกลับมา ....
เขารีบส่ายหน้าไปมาเพื่อปัดเสียงเล็กๆ ใบหน้าของเธอคนนั้น และภาพในสมองให้หลุดออกไปโดยเร็ว
... เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝนตก ... เขาจะต้องนึกถึงเรื่องราวเมื่อยี่สิบเอ็ดปีก่อนทุกครั้ง แม้จะผ่านมานานขนาดนี้ แต่กลิ่นเลือดยังติดอยู่ในความรู้สึก รวมถึงมือของเขา
ราพณ์หงายฝ่ามือตัวเองมองนิ่งอยู่นาน ก่อนจะกำมือแน่นเพื่อให้เล็บจิกเนื้อกลางฝ่ามือ เรียกให้เขาดึงตัวเองออกจากอดีตพวกนั้น
“หมอยักษ์คะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ” พยาบาลสาวเสียงใสเข้ามาช่วยปลุกราพณ์ให้หลุดออกจากอดีตจน
“ว่าไงครับ น้องอ้อยคนสวย” เขายิ้มให้จนตาหลังแว่นสายตาหยีเล็ก ได้ ราพณ์หันมองพยาบาลสาวด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่แสดงออกว่าภายในจิตใจของเขากำลังร้องไห้หนักแค่ไหน ทั้งยังต้องคอยบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่าอย่ามัวเสียใจกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้
จำไว้ ราพณ์ .. ต่อให้นายรู้สึกผิดแค่ไหน นายก็ไม่สามารถย้อนอดีตได้
แม้ว่านายจะสามารถเป็นหมอได้แล้ว ... นายก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้อยู่ดี!
ภายในบริษัท วัน มิวสิค ในคืนฝนตกหนัก
ซ่า .... ครืนนนน ...
เสียงฝนตกดังประสานกับเสียงรองเท้าส้นสูงที่วิ่งบนทางเดินซึ่งขนาบข้างด้วยกำแพง
“ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหม!”
ริมฝีปากสีชมพูจากลิปสติกราคาแพงขยับเพื่อบอกกับตัวเอง แต่หัวใจที่เต้นระรัว และภาพที่ยังติดตาก็ทำให้เธอไม่อาจจะฝืนหลอกตัวเองอีกต่อไปได้ ร่างบางในเดรสกระโปรงสั้นสีชมพูสดใสค่อย ๆ หมดแรงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น ก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามืออย่างหมดกลั้น
“อึ้ก ฮือ ๆ ...” ความเสียใจที่ถาโถมส่งผลให้เธอหายใจหอบ แน่นหน้าอก แม้จะพยายามหายใจลึกแค่ไหนแต่อากาศก็ไปไม่ถึงปอดเลย ร่างบางฝืนลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปยังห้องพัก มียาพ่นประจำตัวของเธออยู่ที่นั่น หากว่าความเสียใจและการวิ่งมาอย่างเร็วก็ทำให้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเดินต่อไปไหว แต่โชคดีที่เธอทันเห็นร่างของใครคนหนึ่งเดินตรงมา เธอพยายามยื่นมือไปหา ใครคนนั้งถือยาพ่นที่ช่วยชีวิตเธอได้
“ช่วย ... ช่วยแองจี้ด้วยค่ะ"
แต่แองจี้ ... โชคร้ายนักที่เธอไม่อาจจะรู้ว่าใครคนนั้นยอมช่วยเธอตามคำขอร้องหรือไม่ เพราะเพียงเธอเอ่ยจบประโยคนั้น เธอก็หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว ...
(ตอนที่ 1 ในช่องคอมเมนท์ค่ะ)