สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ผมค้าขาย ทั้งของแฟชั่น ของกิน
ตอนนี้ของแฟชั่น มีหน้าร้านอยู่ 4 ที่ ยอดขายทรงตัวไม่ได้แย่ แต่เหนื่อยมากขึ้นเพราะต้องหาแบบ มีแบบใหม่ทุกอาทิตย์ ยอดจากลูกค้าออนไลน์ ขายทางเพจ ทางเฟส ทางไอจี ยอดวิ่งขึ้นสวนทางกับยอดหน้าร้านที่ทรงตัว และคิดว่า ต่อไปยอดทางออนไลน์ จะมากกว่าหน้าร้านหลายเท่า
ส่วนของกิน เพิ่งเปิดได้ 2 ปีกว่า ยอดวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จากวันละ 7 - 8 พัน ตอนนี้ก็ 3 - 4 หมื่น (แต่กำไรไม่เยอะเพราะขายเหมือนแจกฟรี)
ส่วนคำแนะนำ บ้านผมก็อยู่แถวรามนะครับ บอกเลยว่า ตลาดแถวรามใกล้ตายละ (ผมไม่มีหน้าร้านแถวรามนะครับ) พ่อค้าแม่ค้าแข่งกันขายของถูก ทุกวันนี้ พฤติกรรมลูกค้า เน้นแต่ของถูกครับ และชอบเปลี่ยนสถานที่เดินครับ เพราะแหล่งช้อปปิ้งใหม่ ๆ ทุกวันนี้มีเยอะมากกกกก ก.ไก่ ล้านตัว
ถ้าจะพูดถึงเรื่องครีม แนะนำให้ทำยี่ห้อใหม่ ลูกค้าสมัยนี้ชอบลองของใหม่เรื่อย ๆ ใช้ไปสักพัก ก็จะเลิกใช้ เวลามีของใหม่มาก็จะมีสรรพคุณวิเศษ ๆ เพิ่มขึ้นมาตลอด ถ้าคุณมั่นใจว่าของดีจริง ก็ใช้สตูรเดิม แล้วทำยี่ห้อใหม่ไปเลย แล้วจะเพิ่มสารสกัดอะไรแปลก ๆ เข้าไปใหม่ ให้มันดูแปลก แหวก เวอร์ เชื่อผมว่ามันจะได้ผล คุณลองย้อนไปดูพวกยี่ห้อครีมที่เคยโด่งดังจากการขายออนไลน์ ทุกวันนี้ ยังเหลืออยู่กี่เจ้า ยี่ห้อเก่า ๆ เค้ารู้ตัวว่าขายไม่ได้แล้วยี่ห้อตายแล้ว เค้าก็แค่เปลี่ยนแพคเกจใหม่ ชื่อใหม่ สโลแกนใหม่ ผมก็เห็นขายได้เหมือนเดิม
เรื่องขายของในที่ประจำ ถ้าเป็นตลาดนัด แนะนำอย่าไปทุกวีค ให้วิ่งหลาย ๆ ตลาด ถ้าอยู่ที่เดิม ตลอดลูกค้าเบื่อครับ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมเชื่อว่ามันจะได้ผล หรือถ้าตลาดที่ขายมันทิ้งล็อคไม่ได้ ก็หาของอย่างอื่นมาขายแก่ขัดขายไปสักเดือน แล้วก็เอาของเดิมมาขายสัก 3 เดือน ก็สลับกันไปมา แบบนี้ ผมเชื่อว่า น่าจะได้ผลนะ
จากการวิเคราะห์ของผม พฤติกรรมลูกค้าสมัยนี้ ขี้เบื่อ ชอบซื้อของถูกคุณภาพช่างมัน กำลังซื้อจริง ๆ แล้วลดลง แต่ไม่ได้ลดลงมากหรอกครับ เพียงแต่มีคนขายเยอะมากในตลาด ทั้งตลาดเปิดใหม่ ตลาดออนไลน์ ก็เลยแชร์ส่วนแบ่งกันไป
อย่างร้านผมมีคนมาขอเป็นตัวแทนขายทุกวัน แล้วคุณลองคิดดูว่า คนผลิตครีมขายมีกี่คน แล้วแต่ละยี่ห้อ มีตัวแทนขายกี่คน ในขณะที่ลูกค้าในกลุ่มออนไลน์ ยังมีปริมาณ เท่าเดิม แต่คนขายเยอะมากขึ้น เพิ่มขึ้นเร็วยิ่งกว่าคนซื้อซะอีก สิ่งที่คุณจะทำได้อย่างเดียวคือ แตกยี่ห้อให้ได้มากที่สุดครับ
ลองสังเกตไอจี เพจ เฟส ดูดี ๆ ว่าแต่ละยี่ห้อ แต่ละร้านเค้าเปิดกันทีละกี่เพจ
ปล. ลูกค้าไม่ใช่ไม่มีเงินหลอกครับ ลูกค้าเค้าก็อยากได้ของคุณนั่นละ แต่ว่ามันมีอย่างอื่นยี่ห้ออื่นที่ถูกกว่าต่อให้คุณบอกว่าของคุณดีอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกค้าสมัยนี้ไม่สนใจหรอกครับ เค้าเห็นของถูกกว่าเค้าก็เลือกถูกเท่านั้นเอง
ขอเข้ามาเพิ่มเติม คำว่าปรับตัว ผมไม่รู้ว่าคุณเข้าใจคำนี้ยังไงนะครับ แต่จะยก ตย เพื่อนผมคนนึงให้ เพื่อนคนนี้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวครับ ขายได้เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บางวันดี บางวันก็ไม่ดี เป็นอยู่อย่างนี้ จนคิดว่าจะทำยังไงดี เพื่อนผมเค้าก็ไม่ได้ปรับตัวโดยการย้ายทำเล แต่ขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม หรือจะลดราคา ทำโปรโมชั่นอะไรนะ แต่เค้าเลือกที่จะปรับเปลี่ยนกิจการไปเลย โดยการไปขายหมูปิ้งแทน เค้าทิ้งกิจการเก่าที่ทำมาเป็นปี ๆ แต่มานั่งเสียบหมูปิ้งแทน จากเสียบเองขายเอง ตอนนี้ก็มีคนมารับไปขาย เริ่มทำขายส่งเริ่มมีลูกจ้าง ตอนนี้ยอดดีขึ้นจนเสียบขายไม่ทันแล้ว....
ตอนนี้ของแฟชั่น มีหน้าร้านอยู่ 4 ที่ ยอดขายทรงตัวไม่ได้แย่ แต่เหนื่อยมากขึ้นเพราะต้องหาแบบ มีแบบใหม่ทุกอาทิตย์ ยอดจากลูกค้าออนไลน์ ขายทางเพจ ทางเฟส ทางไอจี ยอดวิ่งขึ้นสวนทางกับยอดหน้าร้านที่ทรงตัว และคิดว่า ต่อไปยอดทางออนไลน์ จะมากกว่าหน้าร้านหลายเท่า
ส่วนของกิน เพิ่งเปิดได้ 2 ปีกว่า ยอดวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จากวันละ 7 - 8 พัน ตอนนี้ก็ 3 - 4 หมื่น (แต่กำไรไม่เยอะเพราะขายเหมือนแจกฟรี)
ส่วนคำแนะนำ บ้านผมก็อยู่แถวรามนะครับ บอกเลยว่า ตลาดแถวรามใกล้ตายละ (ผมไม่มีหน้าร้านแถวรามนะครับ) พ่อค้าแม่ค้าแข่งกันขายของถูก ทุกวันนี้ พฤติกรรมลูกค้า เน้นแต่ของถูกครับ และชอบเปลี่ยนสถานที่เดินครับ เพราะแหล่งช้อปปิ้งใหม่ ๆ ทุกวันนี้มีเยอะมากกกกก ก.ไก่ ล้านตัว
ถ้าจะพูดถึงเรื่องครีม แนะนำให้ทำยี่ห้อใหม่ ลูกค้าสมัยนี้ชอบลองของใหม่เรื่อย ๆ ใช้ไปสักพัก ก็จะเลิกใช้ เวลามีของใหม่มาก็จะมีสรรพคุณวิเศษ ๆ เพิ่มขึ้นมาตลอด ถ้าคุณมั่นใจว่าของดีจริง ก็ใช้สตูรเดิม แล้วทำยี่ห้อใหม่ไปเลย แล้วจะเพิ่มสารสกัดอะไรแปลก ๆ เข้าไปใหม่ ให้มันดูแปลก แหวก เวอร์ เชื่อผมว่ามันจะได้ผล คุณลองย้อนไปดูพวกยี่ห้อครีมที่เคยโด่งดังจากการขายออนไลน์ ทุกวันนี้ ยังเหลืออยู่กี่เจ้า ยี่ห้อเก่า ๆ เค้ารู้ตัวว่าขายไม่ได้แล้วยี่ห้อตายแล้ว เค้าก็แค่เปลี่ยนแพคเกจใหม่ ชื่อใหม่ สโลแกนใหม่ ผมก็เห็นขายได้เหมือนเดิม
เรื่องขายของในที่ประจำ ถ้าเป็นตลาดนัด แนะนำอย่าไปทุกวีค ให้วิ่งหลาย ๆ ตลาด ถ้าอยู่ที่เดิม ตลอดลูกค้าเบื่อครับ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมเชื่อว่ามันจะได้ผล หรือถ้าตลาดที่ขายมันทิ้งล็อคไม่ได้ ก็หาของอย่างอื่นมาขายแก่ขัดขายไปสักเดือน แล้วก็เอาของเดิมมาขายสัก 3 เดือน ก็สลับกันไปมา แบบนี้ ผมเชื่อว่า น่าจะได้ผลนะ
จากการวิเคราะห์ของผม พฤติกรรมลูกค้าสมัยนี้ ขี้เบื่อ ชอบซื้อของถูกคุณภาพช่างมัน กำลังซื้อจริง ๆ แล้วลดลง แต่ไม่ได้ลดลงมากหรอกครับ เพียงแต่มีคนขายเยอะมากในตลาด ทั้งตลาดเปิดใหม่ ตลาดออนไลน์ ก็เลยแชร์ส่วนแบ่งกันไป
อย่างร้านผมมีคนมาขอเป็นตัวแทนขายทุกวัน แล้วคุณลองคิดดูว่า คนผลิตครีมขายมีกี่คน แล้วแต่ละยี่ห้อ มีตัวแทนขายกี่คน ในขณะที่ลูกค้าในกลุ่มออนไลน์ ยังมีปริมาณ เท่าเดิม แต่คนขายเยอะมากขึ้น เพิ่มขึ้นเร็วยิ่งกว่าคนซื้อซะอีก สิ่งที่คุณจะทำได้อย่างเดียวคือ แตกยี่ห้อให้ได้มากที่สุดครับ
ลองสังเกตไอจี เพจ เฟส ดูดี ๆ ว่าแต่ละยี่ห้อ แต่ละร้านเค้าเปิดกันทีละกี่เพจ
ปล. ลูกค้าไม่ใช่ไม่มีเงินหลอกครับ ลูกค้าเค้าก็อยากได้ของคุณนั่นละ แต่ว่ามันมีอย่างอื่นยี่ห้ออื่นที่ถูกกว่าต่อให้คุณบอกว่าของคุณดีอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกค้าสมัยนี้ไม่สนใจหรอกครับ เค้าเห็นของถูกกว่าเค้าก็เลือกถูกเท่านั้นเอง
ขอเข้ามาเพิ่มเติม คำว่าปรับตัว ผมไม่รู้ว่าคุณเข้าใจคำนี้ยังไงนะครับ แต่จะยก ตย เพื่อนผมคนนึงให้ เพื่อนคนนี้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวครับ ขายได้เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บางวันดี บางวันก็ไม่ดี เป็นอยู่อย่างนี้ จนคิดว่าจะทำยังไงดี เพื่อนผมเค้าก็ไม่ได้ปรับตัวโดยการย้ายทำเล แต่ขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม หรือจะลดราคา ทำโปรโมชั่นอะไรนะ แต่เค้าเลือกที่จะปรับเปลี่ยนกิจการไปเลย โดยการไปขายหมูปิ้งแทน เค้าทิ้งกิจการเก่าที่ทำมาเป็นปี ๆ แต่มานั่งเสียบหมูปิ้งแทน จากเสียบเองขายเอง ตอนนี้ก็มีคนมารับไปขาย เริ่มทำขายส่งเริ่มมีลูกจ้าง ตอนนี้ยอดดีขึ้นจนเสียบขายไม่ทันแล้ว....
ความคิดเห็นที่ 13
ขอเล่ารายละเอียดทางนี้นะคเพราะถ้าใส่ข้างบนคงจะยาวไปหน่อย
ร้านที่ จขกท.เปิดค้าขายอยู่เป็นร้านเสื้อผ้าค่ะ จะเป็นเดรสทั้งชุดใส่ออกงาน ทำงาน ทั่วไป ไปงานบวช บายเนียร์
เป็นงานมีไซส์ค่ะ คือเล็กมีใหญ่มี ใหญ่จนถึงคนอ้วนเลยค่ะ กลุ่มคนซื้อจะมีตั้งแต่ อายุสิบกว่าไปจนถึงคุณแม่คุณป้าคุณยายก็ยังมีค่ะ
เมื่อก่อนที่ร้านขายดีมากๆ ขายดีชนิดที่ว่าลูกค้ายืนเข้าแถวรอห้องลองเลยค่ะ เพราะเสื้อผ้าที่เราขายมีไซส์ ซึ่งแถวนั้นจะขายแต่สินค้าราคาถูกและตัวเล็ก
เพราะเขาไม่กล้าเอาสินค้าแบบเรามาขายเพราะทุนค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่ที่เขาขายกันจะ199-300 ค่ะและจะไม่ให้ลอง
แต่ร้านเจ้าของกระทู้สามารถลองได้เปลี่ยนได้ และแถวหน้ารามจะไม่มีสินค้าเหมือนเราค่ะเพราะเดินสำรวจอยู่ตลอดค่ะ
ส่วนเรื่องราคา ราคาเราจะขายราคาเดียวกับราคาปลีกที่ขายกันในแพลตตินั่มเลยค่ะ จริงๆร้านส่งในแพลตตินั่มจะมีราคาส่งแม่ค้า
และมีราคาขายปลีกคนทั่วไปแต่เขาจะบอกว่าเป็นราคาส่งเราก็จะขายราคาเดียวกันเลยค่ะ ก่อนที่เราจะเปิดร้านเราไปนั่งดูร้านเพื่อนที่ขายรองเท้าข้างๆก่อนว่าตลาดดีไหมคนเยอะไหม เพื่อนขายมารวมปีนี้เป็นปีที่ 5 ค่ะลูกค้าประจำเยอะพอสมควร
วันธรรมดาอย่างเงียบที่สุด 1อาทิตย์จะมีซัก 2 วันค่ะ ที่ขายได้ 5000 แต่ส่วนใหญ่วันอื่นก็จะ 7-8000 อัพค่ะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รอหมื่นเลยค่ะ
เราไปนั่งดูอยู่ 3-4 เดือนค่ะ ไปนั่งดูช่วงหน้าฝนที่โลว์ที่สุดนะคะ จะได้ประมาณนี้ค่ะ แต่ตอนนี่ร้านรองเท้า ขายได้วันละพันกว่าบาท สองพันกว่าบาทค่ะ
บางวันไม่เปิดบิลก็มีค่ะ ลูกค้าประจำเขาค่อนข้างเยอะนะคะ ทั้งคนทำงาน นีกศึกษา พริตตี้ ผู้หญิงกลางคืน หายหมดค่ะ
เราก็ลองไปเดินดูตลาดใกล้เคียงที่คนเดินเยอะๆก็ตลาด กกท แม่ค้าก็บ่นคนเดินจริง เดินซื้อของกินกันส่วนล็อคขายของ ว่างเยอะมากค่ะ
แม่ค้าบ่นอุบเลย ตรงข้าม จขกท.ขายพวกกิ๊ฟช็อฟ 10-20 บาท ต่างหู แหวน ยางมัดผม ตอนนี้ย้ายหนีไปเดินตลาดที่สัตหีบก็บ่นว่าเงียบ
อยู่กรุงเทพก็เงียบ ปรับตัวดิ้นไปวิ่งตามตลาดนัดที่ว่าคนเยอะก็เงียบ 20 บาทตอนนี้คนก็คิดเยอะไม่อยากใช้เงินค่ะ
พี่ชาย จขกท.ทำโรงงานเฟอร์รับบิ้วอินงาน ทำตั้งแต่งานโรงแรมใหญ่ๆ ยันบ้านอาศัยเล็ก มีอินทีเรียออกแบบ ก็บ่นว่าโดนเบรกงานไปหลายโครงการค่ะ
ตอนนี้ที่บ้านคุณแม่ทำอยู่ที่เห็นว่ายังดีไปได้คือนำเข้าผักมาจากจีนมาขาย ขายดีเพราะได้อานิสงค์จากไทยแล้งปลูกผักไม่ได้
คนยังต้องกินอยู่บ้างเลยยังดีที่ตรงนี้ดีขายได้ แต่พี่สาวอีกคนที่ขายผักอยู่ในตลาดสี่มุมเมืองขายและจัดออเดอร์ให้กับร้านอาหาร
ก็บ่นว่าเงียบลงไปเยอะร้านอาหารจากจัดผักอย่าง10โลเหลือ 2 โลประมาณนี้ค่ะ
อันนี้ข้อมูลจากคนรอบๆตัวนะคะมาแชร์กันดูค่ะเผื่อใครมีไอเดียดีๆ จะได้แชร์กันเป็นกำลังใจกัน
ที่มาตั้งเพราะอยากหากำลังใจค่ะ เผื่อได้แนวคิดดีๆ จขกท.แค่รู้สึกท้อมากๆค่ะ
เราคิดว่าเราเซฟแล้วทำดีที่สุดแล้วแต่ยังออกมาไม่ดีเลยท้อ เครียด จนคิดว่าตัวเองน่าจะได้เช้าใกล้โรคซึมเศร้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ทุกคำแนะนำ และกำลังใจนะคะ
ร้านที่ จขกท.เปิดค้าขายอยู่เป็นร้านเสื้อผ้าค่ะ จะเป็นเดรสทั้งชุดใส่ออกงาน ทำงาน ทั่วไป ไปงานบวช บายเนียร์
เป็นงานมีไซส์ค่ะ คือเล็กมีใหญ่มี ใหญ่จนถึงคนอ้วนเลยค่ะ กลุ่มคนซื้อจะมีตั้งแต่ อายุสิบกว่าไปจนถึงคุณแม่คุณป้าคุณยายก็ยังมีค่ะ
เมื่อก่อนที่ร้านขายดีมากๆ ขายดีชนิดที่ว่าลูกค้ายืนเข้าแถวรอห้องลองเลยค่ะ เพราะเสื้อผ้าที่เราขายมีไซส์ ซึ่งแถวนั้นจะขายแต่สินค้าราคาถูกและตัวเล็ก
เพราะเขาไม่กล้าเอาสินค้าแบบเรามาขายเพราะทุนค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่ที่เขาขายกันจะ199-300 ค่ะและจะไม่ให้ลอง
แต่ร้านเจ้าของกระทู้สามารถลองได้เปลี่ยนได้ และแถวหน้ารามจะไม่มีสินค้าเหมือนเราค่ะเพราะเดินสำรวจอยู่ตลอดค่ะ
ส่วนเรื่องราคา ราคาเราจะขายราคาเดียวกับราคาปลีกที่ขายกันในแพลตตินั่มเลยค่ะ จริงๆร้านส่งในแพลตตินั่มจะมีราคาส่งแม่ค้า
และมีราคาขายปลีกคนทั่วไปแต่เขาจะบอกว่าเป็นราคาส่งเราก็จะขายราคาเดียวกันเลยค่ะ ก่อนที่เราจะเปิดร้านเราไปนั่งดูร้านเพื่อนที่ขายรองเท้าข้างๆก่อนว่าตลาดดีไหมคนเยอะไหม เพื่อนขายมารวมปีนี้เป็นปีที่ 5 ค่ะลูกค้าประจำเยอะพอสมควร
วันธรรมดาอย่างเงียบที่สุด 1อาทิตย์จะมีซัก 2 วันค่ะ ที่ขายได้ 5000 แต่ส่วนใหญ่วันอื่นก็จะ 7-8000 อัพค่ะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รอหมื่นเลยค่ะ
เราไปนั่งดูอยู่ 3-4 เดือนค่ะ ไปนั่งดูช่วงหน้าฝนที่โลว์ที่สุดนะคะ จะได้ประมาณนี้ค่ะ แต่ตอนนี่ร้านรองเท้า ขายได้วันละพันกว่าบาท สองพันกว่าบาทค่ะ
บางวันไม่เปิดบิลก็มีค่ะ ลูกค้าประจำเขาค่อนข้างเยอะนะคะ ทั้งคนทำงาน นีกศึกษา พริตตี้ ผู้หญิงกลางคืน หายหมดค่ะ
เราก็ลองไปเดินดูตลาดใกล้เคียงที่คนเดินเยอะๆก็ตลาด กกท แม่ค้าก็บ่นคนเดินจริง เดินซื้อของกินกันส่วนล็อคขายของ ว่างเยอะมากค่ะ
แม่ค้าบ่นอุบเลย ตรงข้าม จขกท.ขายพวกกิ๊ฟช็อฟ 10-20 บาท ต่างหู แหวน ยางมัดผม ตอนนี้ย้ายหนีไปเดินตลาดที่สัตหีบก็บ่นว่าเงียบ
อยู่กรุงเทพก็เงียบ ปรับตัวดิ้นไปวิ่งตามตลาดนัดที่ว่าคนเยอะก็เงียบ 20 บาทตอนนี้คนก็คิดเยอะไม่อยากใช้เงินค่ะ
พี่ชาย จขกท.ทำโรงงานเฟอร์รับบิ้วอินงาน ทำตั้งแต่งานโรงแรมใหญ่ๆ ยันบ้านอาศัยเล็ก มีอินทีเรียออกแบบ ก็บ่นว่าโดนเบรกงานไปหลายโครงการค่ะ
ตอนนี้ที่บ้านคุณแม่ทำอยู่ที่เห็นว่ายังดีไปได้คือนำเข้าผักมาจากจีนมาขาย ขายดีเพราะได้อานิสงค์จากไทยแล้งปลูกผักไม่ได้
คนยังต้องกินอยู่บ้างเลยยังดีที่ตรงนี้ดีขายได้ แต่พี่สาวอีกคนที่ขายผักอยู่ในตลาดสี่มุมเมืองขายและจัดออเดอร์ให้กับร้านอาหาร
ก็บ่นว่าเงียบลงไปเยอะร้านอาหารจากจัดผักอย่าง10โลเหลือ 2 โลประมาณนี้ค่ะ
อันนี้ข้อมูลจากคนรอบๆตัวนะคะมาแชร์กันดูค่ะเผื่อใครมีไอเดียดีๆ จะได้แชร์กันเป็นกำลังใจกัน
ที่มาตั้งเพราะอยากหากำลังใจค่ะ เผื่อได้แนวคิดดีๆ จขกท.แค่รู้สึกท้อมากๆค่ะ
เราคิดว่าเราเซฟแล้วทำดีที่สุดแล้วแต่ยังออกมาไม่ดีเลยท้อ เครียด จนคิดว่าตัวเองน่าจะได้เช้าใกล้โรคซึมเศร้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ทุกคำแนะนำ และกำลังใจนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ค้าขายแย่มากอยากให้เพื่อนๆมาแชร์ธุรกิจของตัวเองในปีนี้ทั้งออนไลน์และมีหน้าร้านค่ะ
พอดี จขกท.ทำธุรกิจอยู่ทั้งออนไลน์และมีหน้าร้านค่ะ
ธุรกิจออนไลน์ก็จะเป็นธุรกิจขายครีมค่ะขายมา6ปีแล้วจะมีทั้งตัวแทนและลูกค้าประจำค่ะ
ตัวนี้ยังพอขายได้ค่ะเข้าใจว่าคู่แข่งเกิดใหม่เยอะมากแต่จากได้สอบถามลูกค้าไม่ใช่ว่าของเราไม่ดีนะคะ
แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าค่าใช้จ่ายสูงเปลี่ยนไปใช้ของถูกบ้างครีมใช้ดีแต่ต้องเก็บเงินบ้าง
เมื่อก่อนลูกค้าจะซื้อขายมากสอบถามคุยกันก็จะสั่งซื้อเลยมา 2 ปีหลังมานี้ลูกค้าเงียบลงไปเยอะค่ะ
ส่วนที่มีหน้าร้าน จขกท.มีร้านอยู่หน้าม.รามคำแหง1ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายเลยค่ะเมื่อปีที่แล้วเดือนเมษา ยอดที่ขายได้ 180,000 ว่าแย่แล้ว
ปีนี้ขายได้แค่ 60,000 นิดๆเองค่ะ เข้าเนื้อเรียบร้อย เป็นมา 2 เดือนแล้วค่ะที่หนักๆ ต้นปีก็ไม่ใช่ว่าดีนะคะ เพียงแค่ไม่ขาดทุนเท่านั้นเองค่ะ
สังเกตุจากพฤติกรรมนะคะ ไม่ใช่ว่าคนไม่อยากได้นะคะ อยากได้แต่ไม่มีเงินซื้อค่ะ สินค้าที่ขายราคาตั้งแต่ 300-600 บาท
มีลูกค้าเข้ามาสอบถามบอกอยากได้แต่รอสิ้นเดือนบ้างอะไรบ้าง บางคนมาดูวันที่ 5 แต่บอกรอสิ้นเดือนเงินเดือนออกบ้างอย่างนี้ค่ะ
เลยอยากทราบว่าพ่อค้าแม่ค้าในพันทิพ ทั้งออนไลน์และมีหน้าร้านเป็นยังไงกันบ้างคะค้าขายยังดีอยู่ไหม
ปล.1ไม่ต้องบอกว่าให้ปรับตัวนะคะ ปรับจนไม่รู้จะปรับยังไงแล้วค่ะ สินค้าที่ขายทั้งหน้ารามหาเหมือนกันแทบจะไม่มีค่ะ
2.ไม่ต้องบอกให้ไปดูคนเดินห้างนะ นี้ก็เดินเหมือนกันแต่ไม่ซื้อของค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่มาร่วมแชร์นะคะ