เพิ่งได้ดูจบ ออกมาจากโรงภาพยนตร์ อารมณ์ยังกรุ่นอยู่ในหัว และกลัวว่าจะลืมมันไปซะก่อน เลยต้องรีบตั้งกระทู้ระบาย
ในอดีตที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่สร้างจากเกม เหมือนจะโดนอาถรรพ์ ทำให้ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความนิยม แต่ส่วนใหญ่ยังถูกสับเละจากนักวิจารณ์อีกต่างหาก
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือสิ่งที่ดีงามที่สุดของภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมที่ผมได้เคยดูมา
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเกมซีรี่ส์ Warcraft เกมวางแผน RTS ชื่อดัง ถ้าคุณไปดู คุณจะรู้สึกอิ่ม ฟิน และได้อรรถรสเป็นอย่างมาก
เพราะทุกสิ่งที่คาดหวังไว้ ปรากฏในเรื่องแบบครบถ้วนแทบจะทุกอย่าง ดังนั้น อย่าลังเลที่จะดู จงไปดูเพื่อเสพอรรถรสให้เต็มที่
ถ้าคุณไม่ใช่แฟนของเกมนี้ คุณก็สามารถดูได้สนุก สมกับเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งสามารถดูรู้เรื่องได้แม้จะไม่เคยเล่นเกมหรืออ่านเนื้อหามาก่อน
แต่ถ้าเคยเล่นเกมมาก็จะได้อรรถรสขึ้นอีกมาก จากบางฉาก บางตัวละครที่แทรกเป็นกิมมิคเล็ก ๆ เข้ามา
แต่ถ้าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์สายรางวัล ที่คาดหวังความสมบูรณ์พร้อม คุณอาจไม่เหมาะกับมัน เพราะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง
แต่ไม่ได้ถึงขนาดเป็น Plot Hold หรือขัดตาอะไร เชื่อว่าน่าจะดูสนุกได้อยู่ตามอัตภาพ
เนื้อเรื่องจับเอาเนื้อหาของเกมภาคแรกมาเป็นธีมหลัก ซึ่งไม่ขอเล่ารายละเอียด เพราะมีการพลิกบทไปมา
เรียกได้ว่าถ้าแฟนเกมน่าจะพอเดาทางเนื้อหาได้บ้าง แต่ในแง่อารมณ์ของเรื่อง ตัวบทพาเราให้เขวไปได้เหมือนกัน
บทภาพยนตร์ ลุ่มลึกน่าค้นหา และสามารถต่อยอดไปได้อีกไกล
การดำเนินเรื่อง แม้จะยังมีช่วงที่เนือย ๆ เนิบ ๆ อยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นต่อเนื้อหา
เรียกได้ว่าไม่สามารถตัดออกไปได้อีกแล้ว เพราะเดี๋ยวจะดูไม่รู้เรื่องกันพอดี
พอถึงช่วงท้าย ที่ปมต่าง ๆ งวดเข้ามา ก็เดินเรื่องได้ฉับไว และใส่ไม่ยั้งกับฉากสงครามที่ดูแล้วสิ้นหวังแต่ก็ยังพอมองเห็นกำลังใจอยู่บ้าง
ที่สำคัญ จุดจบ แบบ จบได้ไงแบบนี้ ซึ่งต้องขอให้ไปดูเอาเอง เพราะอ่านสปอยก็ไม่ได้อรรถรสเท่ากับได้รู้ได้เห็นเอง
บรรยากาศในเรื่อง สามารถเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี มีหลายอารมณ์มากทั้ง รัก เศร้า หดหู่ มีความหวัง หมดหวังคละเคล้ากันไปและทำได้ดีพอสมควร
ตัวละครมีที่มาที่ไป มีมิติ และวาง Character ตัวละครได้อย่างน่าสนใจ
บางตัวก็ทิ้งปมปริศนาไว้เฉลยในภายหลัง(ถ้าได้ไปต่อ)
งานด้านภาพ (ผมดูแบบ Digital ธรรมดา) เรียกได้ว่างดงาม น่าตื่นตาตื่นใจ
เทคนิคพิเศษต่าง ๆ ที่เคยดูลอย ๆ ในตัวอย่าง ถูกแก้ไขและปรับปรุงจนสวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะฉากที่เป็นมุมมองระยะไกล
ตัว Orc ออร์ค ดูแข็งแรง ดุดัน น่าเกรงขาม และที่สำคัญขยันออกแบบตัวละครมาก
แม้จะเป็นพวกตัวประกอบ ก็ยังมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ไม่ได้เหมือนหรือคล้ายกันจนแยกไม่ออกแบบ The Loard of the Rings
จุดติยังมีอยู่ตรงตัวกริฟฟิน และหมาป่า ยังดูลอย ๆ ไม่เข้ากับฉากอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับขัดตานัก
ฉากรบ ฉากสงคราม งดงาม เร้าใจ และน่าสะพรึงกลัว (หมายเหตุอย่าคาดหวังว่าจะเลือดสาด เพราะนี่คือหนังเด็ก)
นักแสดง ดีงาม เหมาะสมกับบท และแสดงได้ดีน่าเอาใจช่วย
สำหรับสาว ๆ หรือชายรักชาย น่าจะฟินได้ง่าย ๆ เพราะทั้งเรื่อง มีเพศหญิงที่มีบทบาทแค่ 3 คน ที่เหลื่อไม่หนุ่มหล่อก็หนุ่มเท่ห์ใจละลาย
โดยเฉพาะพ่อมดกับลูกชายพระเอกนี่สาว ๆ น่าจะหลงรักได้ไม่ยาก
เสียง และดนตรีประกอบ ยอดเยี่ยมและถูกจังหวะ แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบฮานส์ ซิมเมอร์ แต่ก็เข้ากับเนื้อหาได้ดีแบบที่เกม Warcraft ทำได้
สรุป 8.5/10 นี่คือภาพยนตร์จากเกมที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยได้ดูมา แฟนเกม Blizzard ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ข้อเสีย เอลฟ์กับคนแคระ บทน้อยไปนิด เข้าใจว่าเอาไว้ภาคต่อไป(ถ้ามี) ไม่งั้นจะเพิ่มความฟินมากกว่านี้อีก
ปล. ดูที่ SF มีคีย์เกม World of Warcraft แถมให้ด้วย รีบไปดูด่วนเพราะเห็นบอกว่ามีจำนวนจำกัด
[CR] รีวิว ภาพยนตร์ Warcraft ภาพยนตร์จากเกมที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยดูมา 8.5/10 [ไม่สปอย]
เพิ่งได้ดูจบ ออกมาจากโรงภาพยนตร์ อารมณ์ยังกรุ่นอยู่ในหัว และกลัวว่าจะลืมมันไปซะก่อน เลยต้องรีบตั้งกระทู้ระบาย
ในอดีตที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่สร้างจากเกม เหมือนจะโดนอาถรรพ์ ทำให้ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความนิยม แต่ส่วนใหญ่ยังถูกสับเละจากนักวิจารณ์อีกต่างหาก
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือสิ่งที่ดีงามที่สุดของภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมที่ผมได้เคยดูมา
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเกมซีรี่ส์ Warcraft เกมวางแผน RTS ชื่อดัง ถ้าคุณไปดู คุณจะรู้สึกอิ่ม ฟิน และได้อรรถรสเป็นอย่างมาก
เพราะทุกสิ่งที่คาดหวังไว้ ปรากฏในเรื่องแบบครบถ้วนแทบจะทุกอย่าง ดังนั้น อย่าลังเลที่จะดู จงไปดูเพื่อเสพอรรถรสให้เต็มที่
ถ้าคุณไม่ใช่แฟนของเกมนี้ คุณก็สามารถดูได้สนุก สมกับเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งสามารถดูรู้เรื่องได้แม้จะไม่เคยเล่นเกมหรืออ่านเนื้อหามาก่อน
แต่ถ้าเคยเล่นเกมมาก็จะได้อรรถรสขึ้นอีกมาก จากบางฉาก บางตัวละครที่แทรกเป็นกิมมิคเล็ก ๆ เข้ามา
แต่ถ้าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์สายรางวัล ที่คาดหวังความสมบูรณ์พร้อม คุณอาจไม่เหมาะกับมัน เพราะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง
แต่ไม่ได้ถึงขนาดเป็น Plot Hold หรือขัดตาอะไร เชื่อว่าน่าจะดูสนุกได้อยู่ตามอัตภาพ
เนื้อเรื่องจับเอาเนื้อหาของเกมภาคแรกมาเป็นธีมหลัก ซึ่งไม่ขอเล่ารายละเอียด เพราะมีการพลิกบทไปมา
เรียกได้ว่าถ้าแฟนเกมน่าจะพอเดาทางเนื้อหาได้บ้าง แต่ในแง่อารมณ์ของเรื่อง ตัวบทพาเราให้เขวไปได้เหมือนกัน
บทภาพยนตร์ ลุ่มลึกน่าค้นหา และสามารถต่อยอดไปได้อีกไกล
การดำเนินเรื่อง แม้จะยังมีช่วงที่เนือย ๆ เนิบ ๆ อยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นต่อเนื้อหา
เรียกได้ว่าไม่สามารถตัดออกไปได้อีกแล้ว เพราะเดี๋ยวจะดูไม่รู้เรื่องกันพอดี
พอถึงช่วงท้าย ที่ปมต่าง ๆ งวดเข้ามา ก็เดินเรื่องได้ฉับไว และใส่ไม่ยั้งกับฉากสงครามที่ดูแล้วสิ้นหวังแต่ก็ยังพอมองเห็นกำลังใจอยู่บ้าง
ที่สำคัญ จุดจบ แบบ จบได้ไงแบบนี้ ซึ่งต้องขอให้ไปดูเอาเอง เพราะอ่านสปอยก็ไม่ได้อรรถรสเท่ากับได้รู้ได้เห็นเอง
บรรยากาศในเรื่อง สามารถเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี มีหลายอารมณ์มากทั้ง รัก เศร้า หดหู่ มีความหวัง หมดหวังคละเคล้ากันไปและทำได้ดีพอสมควร
ตัวละครมีที่มาที่ไป มีมิติ และวาง Character ตัวละครได้อย่างน่าสนใจ
บางตัวก็ทิ้งปมปริศนาไว้เฉลยในภายหลัง(ถ้าได้ไปต่อ)
งานด้านภาพ (ผมดูแบบ Digital ธรรมดา) เรียกได้ว่างดงาม น่าตื่นตาตื่นใจ
เทคนิคพิเศษต่าง ๆ ที่เคยดูลอย ๆ ในตัวอย่าง ถูกแก้ไขและปรับปรุงจนสวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะฉากที่เป็นมุมมองระยะไกล
ตัว Orc ออร์ค ดูแข็งแรง ดุดัน น่าเกรงขาม และที่สำคัญขยันออกแบบตัวละครมาก
แม้จะเป็นพวกตัวประกอบ ก็ยังมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ไม่ได้เหมือนหรือคล้ายกันจนแยกไม่ออกแบบ The Loard of the Rings
จุดติยังมีอยู่ตรงตัวกริฟฟิน และหมาป่า ยังดูลอย ๆ ไม่เข้ากับฉากอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับขัดตานัก
ฉากรบ ฉากสงคราม งดงาม เร้าใจ และน่าสะพรึงกลัว (หมายเหตุอย่าคาดหวังว่าจะเลือดสาด เพราะนี่คือหนังเด็ก)
นักแสดง ดีงาม เหมาะสมกับบท และแสดงได้ดีน่าเอาใจช่วย
สำหรับสาว ๆ หรือชายรักชาย น่าจะฟินได้ง่าย ๆ เพราะทั้งเรื่อง มีเพศหญิงที่มีบทบาทแค่ 3 คน ที่เหลื่อไม่หนุ่มหล่อก็หนุ่มเท่ห์ใจละลาย
โดยเฉพาะพ่อมดกับลูกชายพระเอกนี่สาว ๆ น่าจะหลงรักได้ไม่ยาก
เสียง และดนตรีประกอบ ยอดเยี่ยมและถูกจังหวะ แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบฮานส์ ซิมเมอร์ แต่ก็เข้ากับเนื้อหาได้ดีแบบที่เกม Warcraft ทำได้
สรุป 8.5/10 นี่คือภาพยนตร์จากเกมที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยได้ดูมา แฟนเกม Blizzard ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ข้อเสีย เอลฟ์กับคนแคระ บทน้อยไปนิด เข้าใจว่าเอาไว้ภาคต่อไป(ถ้ามี) ไม่งั้นจะเพิ่มความฟินมากกว่านี้อีก
ปล. ดูที่ SF มีคีย์เกม World of Warcraft แถมให้ด้วย รีบไปดูด่วนเพราะเห็นบอกว่ามีจำนวนจำกัด