สวัสดีค๊า ^_^ วันนี้นู๋หริ่งจะมารีวิวเกี่ยวกับวิธีการเช่า Pocket Wifi สำหรับใช้ในเกาหลี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง๊ายง่ายและสะดวกสบายสำหรับขาแชทขาแชร์ทั้งหลายที่เดินทางไปเที่ยวเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์นะคะ ปกติแล้วเวลานู๋หริ่งเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศก็จะซื้อซิมการ์ดของประเทศนั้นๆ เพื่อใช้ส่วนตัวใน Iphone แค่เครื่องเดียว แต่บางทริปที่ไปกันหลายคนกับเพื่อนๆ คิดว่าการเช่า Pocket Wifi ใช้น่าจะสะดวกและประหยัดกว่าการซื้อซิมการ์ด จึงลองใช้บริการเช่า Pocket Wifi ของเกาหลีดูซักหน่อยเพราะจากที่ลองเช็คราคาเทียบกับการซื้อซิมแยกรายคนดูแล้วราคาเช่า Pocket Wifi ดูเหมือนจะถูกกว่าเยอะเหมือนกัน (จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่จะช่วยแชร์ค่าเช่าด้วยนะคะ..ของนู๋หริ่งแชร์กัน 4 คนค่ะ)
สำหรับการเช่า Pocket Wifi ในเกาหลีนั้นก็ง่ายมาก ซึ่งจะขอริวิวสำหรับการใช้บริการเฉพาะในสนามบินอินชอน Incheon นะคะ เริ่มจากการหาเคาท์เตอร์สำหรับให้บริการเพียงแค่เดินออกมาจากทางออก Exit หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยก็จะเจอในส่วนของพื้นที่โถงกลางที่จะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับนั่งพักผ่อนรอต่อเครื่อง ซื้อของกิน ติดต่อรถเช่า แลกเงิน หรือเดินออกจากประตูฝั่งตรงข้ามเพื่อไปข้างนอกสนามบิน เมื่อเราเดินออกมาจากประตูให้มองฝั่งตรงข้ามจะสังเกตเห็นประตูทางออกด้านหน้าซึ่งจะมีหลายประตูและจะมีตัวเลขบอกตำแหน่งประตูหรือ GATE อยู่ด้านบน เช่น GATE 5, GATE 6 ซึ่งบูทสำหรับให้เช่า Pocket Wifi ก็จะอยู่ติดกับประตูทางออกเลยหรือ GATE เลยค่ะ...เอาล่ะมาเริ่มกัน ^^
~* Pocket Wifi Olleh *~
สำหรับการเช่า Pocket Wifi ของ Olleh นั้นให้เดินไปยังประตูทางออกที่ 7 (ชั้น 1F) ก็จะเห็นบูทลักษณะตามรูปก็เดินเข้าไปกดบัตรคิวที่ตู้ด้านขวามือได้เลยค่ะ บูทนี้จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม.จึงสะดวกมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการไม่ว่าจะเดินทางมาถึงกี่โมงก็ไม่มีปัญหา แต่ช่วงเวลากลางวันคิวจะเยอะหน่อยไปถึงก็กดหยิบบัตรคิวไว้ก่อนได้เลยค่ะ
หลังจากแจ้งวันที่จะเริ่มใช้งานและวันส่งคืนเจ้า Pocket Wifi ตอนเดินทางกลับเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานก็จะคิดเงินเพื่อแจ้งยอดทั้งหมดมาให้ สำหรับของ Olleh นั้นค่าบริการจะตกวันละ 8,800 Won(รวม Vat 10%) ซึ่งพนักงานก็จะขอพาสปอร์ตแล้วเตรียมเอกสารให้เราเซ็น หลังจากอ่านข้อมูลและเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วเค้าจะขอรูดบัตรเครดิตเพื่อวางเงินประกันไว้ในกรณีที่เราเกิดไม่มาคืนของตามกำหนดหรือทำ Pocket Wifi เสียหาย ซึ่งยอดนี้จะยังไม่ตัดออกจากบัตรเครดิตจนกว่าจะถึงวันที่นัดส่งคืนของ ตัวอย่างของนู๋หริ่ง...เริ่มเช่าวันที่ 11 ตอนประมาณ 10.00 น. และคืนวันที่ 15 เวลาประมาณ 9.30 น. ทางพนักงานก็คิดให้เป็น 5 วัน ยอดรวมภาษีคือ 44,000 Won ซึ่งก็ตกเป็นเงินไทยประมาณ 1,320 บาท(คิดเรทเงิน 30฿/1,000 Won โดยประมาณ) ซึ่งของ Olleh นั้นจะสามารถใช้แชร์กันได้ 4 คน/เครื่อง ก็ตกแค่คนละประมาณ 330 บาท ถือว่าถูกและคุ้มมากๆ เลยจ๊า
พอรูดบัตรเสร็จเรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการเช่า พนักงานก็จะเอาอุปกรณ์มาให้เรา 1 ชุด ซึ่งในนั้นก็จะมี Pocket Wifi 1 เครื่อง + Adapter + คู่มือการใช้งานและกระเป๋าใส่อุปกรณ์ สำหรับการเช่าของ Olleh นั้นเราจะไม่ต้องจ่ายเงินใดๆ ก่อนเพียงแค่รูดบัตรเครดิตไว้เท่านั้น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะค่อยกลับมาจ่ายอีกครั้งตอนคืนของตามยอดที่เค้าได้แจ้งไว้ โดยจะสามารถเลือกชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเป็นเงินสดก็ได้ ณ วันที่นำของมาคืน แต่ใครที่ต้องการชำระเป็นเงินสดก็อย่าช็อปเพลินจนลืมเก็บเงิน Won เอาไว้ด้วยนะคะ เพราะส่วนนี้จะต้องเอามาจ่ายตอนวันสุดท้ายที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง
สำหรับ User และ Password ก็จะติดอยู่บนตัวเครื่อง Pocket Wifi แค่เปิดเครื่องปุ๊บก็สามารถพิมพ์รหัสผ่านเข้าไปแล้วเริ่มใช้งานได้เลยจ๊า (**แนะนำสำหรับคนที่กะจะเช่า Pocket Wifi แน่นอนให้เตรียม power bank หรือแบตสำรองติดไปด้วยเลย เพราะเวลาเราออกเที่ยวแล้วเปิดเครื่องทิ้งไว้ทั้งวันรับรองว่าแบตของเจ้าเครื่อง Pocket Wifi เองคงไม่พอแน่นอนจ๊า เพราะเท่าที่สังเกตตัวเครื่องจะสามารถรองรับการใช้งานได้แค่ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ยิ่งถ้าไปช่วงอากาศหนาวแล้วละก็แบตจะหมดเร็วกว่าปกติประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ไปซะแร๊ะ ซึ่งคงจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานเวลาเราไปเที่ยวเช้าและกลับดึกๆ ดังนั้นแบตสำรองจะช่วยชีวิตคุณได้แน่นอน อิ อิ)
~* Pocket Wifi LG U+ *~
มาถึงฝั่งของบูท LG U+ กันบ้าง ซึ่งบูทนี้จะอยู่บริเวณประตู 6 (ชั้น 1F) ก็คือจะอยู่ใกล้ๆ กับบูทของ Olleh นั่นแหละค่ะ เดินถัดมาอีกแค่นิดเดียวก็จะเจอบูทตามรูป สามารถเดินเข้าไปแจ้งวันที่จะเช่าและวันที่คืนของกับทางพนักงานได้เลยค่ะ ส่วนวิธีการเช่าก็จะคล้ายๆ กับของทางค่าย Olleh เลย ต่างกันแค่เรทราคาค่าเช่าเท่านั้น
อันนี้เป็นตารางราคาเช่าของค่าย LG U+ ซึ่งก็จะมีราคาสำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ แต่จะเด็ดกว่าของฝั่ง Olleh คือ ถ้าเราเช่าตั้งแต่ 5 วันขึ้นไปจะฟรีค่าบริการเช่าวันละ 3,000 won ให้ตั้งแต่วันที่ 5 เป็นต้นไปโดยจะเสียแค่ค่าบริการ Data เท่านั้น เหมือนทริปนี้ที่เช่า LG U+ นู๋หริ่งอยู่เกาหลี 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-12 ก็จะเสียแค่ค่า Data วันละ 5,000 won เท่านั้น แต่ของ LG U+ เครื่องจะสามารถใช้ได้แค่ 3 คนเท่านั้น จะต่างกับของทาง Olleh ที่ใช้ได้ 4 คนแต่ราคาก็จะแพงกว่ากันหน่อย คือเรทสำหรับ 5 วันนั้น Olleh จะอยู่ที่ 44,000 Won ส่วนของ LG U+ จะอยู่ที่ 37,000 Won จะเลือกใช้ค่ายไหนก็ลองดูจำนวนผู้ร่วมทริปแล้วตัดสินใจดูอีกทีละกันนะคะ
หลังจากสรุปราคาเรียบร้อยแล้วทางพนักงานก็จะขอรูดบัตรเครดิตและออกใบเสร็จมาให้ตามรูปเพื่อให้เราเซ็น ในรูปไม่ใช่ค่าเช่านะคะเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับกรณีที่เราไม่นำของไปคืนตามกำหนดโดยจะตัดจากบัตรเครดิตของเราตามยอดในบิลที่แจ้งไว้ เพราะยอดเงินค่าเช่าที่ต้องจ่ายจริงราคา 37,000 Won นั้นค่อยกลับมาจ่ายตอนเอาของมาคืนเหมือนของ Olleh เลยค่ะ หลังจากนั้นพนักงานก็จะนำเอกสารและสมุดคู่มือมาให้ซึ่งพนักงานก็จะช่วยวงกลมบอกรายละเอียดไว้ให้เลยว่าเราสามารถนำเครื่องไปคืนได้ที่ไหนบ้างในสนามบิน จริงๆ แล้วทั้งสองค่ายเราสามารถคืนจุดอื่นก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องนำมาคืนที่ชั้น 1F สามารถคืนบริเวณที่เราขึ้นไปเช็คอินตอนขากลับก็ได้ รายละเอียดจะบอกไว้ในเอกสารเลยค่ะ
อันนี้จะเป็นหน้าตาเครื่องของทาง LG U+ จะมีอุปกรณ์มาให้ครบเซ็ทในกระเป๋าคือ เครื่อง Pocket Wifi + Adapter + คู่มือการใช้งานและกระเป๋าใส่อุปกรณ์ User และ Password ก็จะติดไว้กับตัวเครื่องเลยค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - •.¸¸.ஐ ♥ L E N G O Z I ♥ ஐ..•.¸¸• - - - - - - - - - - - - - - - - -
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการทดลองเช่า Pocket Wifi จากทั้งสองค่ายแล้ว คิดว่าจริงๆ เฉลี่ยราคาและบริการก็ไม่ได้ต่างกันเยอะ ลองดูจากข้อมูลเปรียบเทียบด้านล่างได้เลยจ๊า ^^
~ ค่าเช่า : Olleh จะแพงกว่า LG U+ แต่จะใช้งานได้จำนวน user เยอะกว่า
~ จำนวน User : ของ Olleh ได้ 4 คน / ของ LG U+ ได้ 3 คน
~ จำนวน Data : Unlimited เหมือนกันทั้งสองค่าย (ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวน GB)
~ จำนวนวัน : ไม่จำกัดจำนวนวัน (ของ LG U+ ถ้ายิ่งเช่าเยอะราคาจะยิ่งถูก)
~ ความเร็ว 4G : ส่วนตัวคิดว่าของ Olleh รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่านะ ขนาดใช้งานพร้อมกัน 4 คน แต่เวลาโพสต์รูปหรือเปิด Google Earth เพื่อหาสถานที่เวลาเดินทางเหมือนมือถือจะโหลดข้อมูลได้ค่อนข้างเร็วปรู๊ดปรี๊ด / ส่วนของ LG U+ ตอนเช่า 5 วันแรกเอาไปใช้งานที่เกาะเชจูรู้สึกว่าโหลดช้าบ้างเร็วบ้างไม่ค่อยสะใจ บางทีเวลาเปิด GPS หาพิกัดตอนเดินทางก็มีหมุนติ้วๆๆๆ แล้วค้างอยู่หลายครั้ง แต่พอกลับเข้าโซลก็โอเคขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเร็วมาก (**ขอแจ้งเพิ่มเติมอีกหน่อยว่านู๋หริ่งเช่าของ LG U+ เมื่อตอนไปเกาหลีเดือนตุลาคม 2014 และเช่าของ Olleh เดือนพฤษภาคม 2016 ในระยะเวลาที่ห่างกันนั้นระบบข้อมูลต่างๆ ของทั้ง 2 ค่ายก็คงพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งขณะที่นู๋หริ่งเลือกเช่าของ Olleh ในปี 2016 นั้น...ของ LG U+ อาจจะเร็วและแร๊งกว่าของ Olleh ก็..เปง..ล่าย ^^)
[CR] ♥(◕〝◕) ~ Review วิธีการเช่า Pocket Wifi สำหรับใช้ในเกาหลีของทั้งค่าย LG U+ และ Olleh
สำหรับการเช่า Pocket Wifi ในเกาหลีนั้นก็ง่ายมาก ซึ่งจะขอริวิวสำหรับการใช้บริการเฉพาะในสนามบินอินชอน Incheon นะคะ เริ่มจากการหาเคาท์เตอร์สำหรับให้บริการเพียงแค่เดินออกมาจากทางออก Exit หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยก็จะเจอในส่วนของพื้นที่โถงกลางที่จะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับนั่งพักผ่อนรอต่อเครื่อง ซื้อของกิน ติดต่อรถเช่า แลกเงิน หรือเดินออกจากประตูฝั่งตรงข้ามเพื่อไปข้างนอกสนามบิน เมื่อเราเดินออกมาจากประตูให้มองฝั่งตรงข้ามจะสังเกตเห็นประตูทางออกด้านหน้าซึ่งจะมีหลายประตูและจะมีตัวเลขบอกตำแหน่งประตูหรือ GATE อยู่ด้านบน เช่น GATE 5, GATE 6 ซึ่งบูทสำหรับให้เช่า Pocket Wifi ก็จะอยู่ติดกับประตูทางออกเลยหรือ GATE เลยค่ะ...เอาล่ะมาเริ่มกัน ^^
สำหรับการเช่า Pocket Wifi ของ Olleh นั้นให้เดินไปยังประตูทางออกที่ 7 (ชั้น 1F) ก็จะเห็นบูทลักษณะตามรูปก็เดินเข้าไปกดบัตรคิวที่ตู้ด้านขวามือได้เลยค่ะ บูทนี้จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม.จึงสะดวกมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการไม่ว่าจะเดินทางมาถึงกี่โมงก็ไม่มีปัญหา แต่ช่วงเวลากลางวันคิวจะเยอะหน่อยไปถึงก็กดหยิบบัตรคิวไว้ก่อนได้เลยค่ะ
หลังจากแจ้งวันที่จะเริ่มใช้งานและวันส่งคืนเจ้า Pocket Wifi ตอนเดินทางกลับเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานก็จะคิดเงินเพื่อแจ้งยอดทั้งหมดมาให้ สำหรับของ Olleh นั้นค่าบริการจะตกวันละ 8,800 Won(รวม Vat 10%) ซึ่งพนักงานก็จะขอพาสปอร์ตแล้วเตรียมเอกสารให้เราเซ็น หลังจากอ่านข้อมูลและเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วเค้าจะขอรูดบัตรเครดิตเพื่อวางเงินประกันไว้ในกรณีที่เราเกิดไม่มาคืนของตามกำหนดหรือทำ Pocket Wifi เสียหาย ซึ่งยอดนี้จะยังไม่ตัดออกจากบัตรเครดิตจนกว่าจะถึงวันที่นัดส่งคืนของ ตัวอย่างของนู๋หริ่ง...เริ่มเช่าวันที่ 11 ตอนประมาณ 10.00 น. และคืนวันที่ 15 เวลาประมาณ 9.30 น. ทางพนักงานก็คิดให้เป็น 5 วัน ยอดรวมภาษีคือ 44,000 Won ซึ่งก็ตกเป็นเงินไทยประมาณ 1,320 บาท(คิดเรทเงิน 30฿/1,000 Won โดยประมาณ) ซึ่งของ Olleh นั้นจะสามารถใช้แชร์กันได้ 4 คน/เครื่อง ก็ตกแค่คนละประมาณ 330 บาท ถือว่าถูกและคุ้มมากๆ เลยจ๊า
พอรูดบัตรเสร็จเรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการเช่า พนักงานก็จะเอาอุปกรณ์มาให้เรา 1 ชุด ซึ่งในนั้นก็จะมี Pocket Wifi 1 เครื่อง + Adapter + คู่มือการใช้งานและกระเป๋าใส่อุปกรณ์ สำหรับการเช่าของ Olleh นั้นเราจะไม่ต้องจ่ายเงินใดๆ ก่อนเพียงแค่รูดบัตรเครดิตไว้เท่านั้น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะค่อยกลับมาจ่ายอีกครั้งตอนคืนของตามยอดที่เค้าได้แจ้งไว้ โดยจะสามารถเลือกชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเป็นเงินสดก็ได้ ณ วันที่นำของมาคืน แต่ใครที่ต้องการชำระเป็นเงินสดก็อย่าช็อปเพลินจนลืมเก็บเงิน Won เอาไว้ด้วยนะคะ เพราะส่วนนี้จะต้องเอามาจ่ายตอนวันสุดท้ายที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง
สำหรับ User และ Password ก็จะติดอยู่บนตัวเครื่อง Pocket Wifi แค่เปิดเครื่องปุ๊บก็สามารถพิมพ์รหัสผ่านเข้าไปแล้วเริ่มใช้งานได้เลยจ๊า (**แนะนำสำหรับคนที่กะจะเช่า Pocket Wifi แน่นอนให้เตรียม power bank หรือแบตสำรองติดไปด้วยเลย เพราะเวลาเราออกเที่ยวแล้วเปิดเครื่องทิ้งไว้ทั้งวันรับรองว่าแบตของเจ้าเครื่อง Pocket Wifi เองคงไม่พอแน่นอนจ๊า เพราะเท่าที่สังเกตตัวเครื่องจะสามารถรองรับการใช้งานได้แค่ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ยิ่งถ้าไปช่วงอากาศหนาวแล้วละก็แบตจะหมดเร็วกว่าปกติประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ไปซะแร๊ะ ซึ่งคงจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานเวลาเราไปเที่ยวเช้าและกลับดึกๆ ดังนั้นแบตสำรองจะช่วยชีวิตคุณได้แน่นอน อิ อิ)
มาถึงฝั่งของบูท LG U+ กันบ้าง ซึ่งบูทนี้จะอยู่บริเวณประตู 6 (ชั้น 1F) ก็คือจะอยู่ใกล้ๆ กับบูทของ Olleh นั่นแหละค่ะ เดินถัดมาอีกแค่นิดเดียวก็จะเจอบูทตามรูป สามารถเดินเข้าไปแจ้งวันที่จะเช่าและวันที่คืนของกับทางพนักงานได้เลยค่ะ ส่วนวิธีการเช่าก็จะคล้ายๆ กับของทางค่าย Olleh เลย ต่างกันแค่เรทราคาค่าเช่าเท่านั้น
อันนี้เป็นตารางราคาเช่าของค่าย LG U+ ซึ่งก็จะมีราคาสำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ แต่จะเด็ดกว่าของฝั่ง Olleh คือ ถ้าเราเช่าตั้งแต่ 5 วันขึ้นไปจะฟรีค่าบริการเช่าวันละ 3,000 won ให้ตั้งแต่วันที่ 5 เป็นต้นไปโดยจะเสียแค่ค่าบริการ Data เท่านั้น เหมือนทริปนี้ที่เช่า LG U+ นู๋หริ่งอยู่เกาหลี 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-12 ก็จะเสียแค่ค่า Data วันละ 5,000 won เท่านั้น แต่ของ LG U+ เครื่องจะสามารถใช้ได้แค่ 3 คนเท่านั้น จะต่างกับของทาง Olleh ที่ใช้ได้ 4 คนแต่ราคาก็จะแพงกว่ากันหน่อย คือเรทสำหรับ 5 วันนั้น Olleh จะอยู่ที่ 44,000 Won ส่วนของ LG U+ จะอยู่ที่ 37,000 Won จะเลือกใช้ค่ายไหนก็ลองดูจำนวนผู้ร่วมทริปแล้วตัดสินใจดูอีกทีละกันนะคะ
หลังจากสรุปราคาเรียบร้อยแล้วทางพนักงานก็จะขอรูดบัตรเครดิตและออกใบเสร็จมาให้ตามรูปเพื่อให้เราเซ็น ในรูปไม่ใช่ค่าเช่านะคะเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับกรณีที่เราไม่นำของไปคืนตามกำหนดโดยจะตัดจากบัตรเครดิตของเราตามยอดในบิลที่แจ้งไว้ เพราะยอดเงินค่าเช่าที่ต้องจ่ายจริงราคา 37,000 Won นั้นค่อยกลับมาจ่ายตอนเอาของมาคืนเหมือนของ Olleh เลยค่ะ หลังจากนั้นพนักงานก็จะนำเอกสารและสมุดคู่มือมาให้ซึ่งพนักงานก็จะช่วยวงกลมบอกรายละเอียดไว้ให้เลยว่าเราสามารถนำเครื่องไปคืนได้ที่ไหนบ้างในสนามบิน จริงๆ แล้วทั้งสองค่ายเราสามารถคืนจุดอื่นก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องนำมาคืนที่ชั้น 1F สามารถคืนบริเวณที่เราขึ้นไปเช็คอินตอนขากลับก็ได้ รายละเอียดจะบอกไว้ในเอกสารเลยค่ะ
อันนี้จะเป็นหน้าตาเครื่องของทาง LG U+ จะมีอุปกรณ์มาให้ครบเซ็ทในกระเป๋าคือ เครื่อง Pocket Wifi + Adapter + คู่มือการใช้งานและกระเป๋าใส่อุปกรณ์ User และ Password ก็จะติดไว้กับตัวเครื่องเลยค่ะ
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการทดลองเช่า Pocket Wifi จากทั้งสองค่ายแล้ว คิดว่าจริงๆ เฉลี่ยราคาและบริการก็ไม่ได้ต่างกันเยอะ ลองดูจากข้อมูลเปรียบเทียบด้านล่างได้เลยจ๊า ^^
~ ค่าเช่า : Olleh จะแพงกว่า LG U+ แต่จะใช้งานได้จำนวน user เยอะกว่า
~ จำนวน User : ของ Olleh ได้ 4 คน / ของ LG U+ ได้ 3 คน
~ จำนวน Data : Unlimited เหมือนกันทั้งสองค่าย (ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวน GB)
~ จำนวนวัน : ไม่จำกัดจำนวนวัน (ของ LG U+ ถ้ายิ่งเช่าเยอะราคาจะยิ่งถูก)
~ ความเร็ว 4G : ส่วนตัวคิดว่าของ Olleh รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่านะ ขนาดใช้งานพร้อมกัน 4 คน แต่เวลาโพสต์รูปหรือเปิด Google Earth เพื่อหาสถานที่เวลาเดินทางเหมือนมือถือจะโหลดข้อมูลได้ค่อนข้างเร็วปรู๊ดปรี๊ด / ส่วนของ LG U+ ตอนเช่า 5 วันแรกเอาไปใช้งานที่เกาะเชจูรู้สึกว่าโหลดช้าบ้างเร็วบ้างไม่ค่อยสะใจ บางทีเวลาเปิด GPS หาพิกัดตอนเดินทางก็มีหมุนติ้วๆๆๆ แล้วค้างอยู่หลายครั้ง แต่พอกลับเข้าโซลก็โอเคขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเร็วมาก (**ขอแจ้งเพิ่มเติมอีกหน่อยว่านู๋หริ่งเช่าของ LG U+ เมื่อตอนไปเกาหลีเดือนตุลาคม 2014 และเช่าของ Olleh เดือนพฤษภาคม 2016 ในระยะเวลาที่ห่างกันนั้นระบบข้อมูลต่างๆ ของทั้ง 2 ค่ายก็คงพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งขณะที่นู๋หริ่งเลือกเช่าของ Olleh ในปี 2016 นั้น...ของ LG U+ อาจจะเร็วและแร๊งกว่าของ Olleh ก็..เปง..ล่าย ^^)